เทพสังหาร ยุทธการระห่ำบทที่ 490 ซูเฟยเฟยแทบทรุด

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter บทที่ 490 ซูเฟยเฟยแทบทรุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่​…นาย​ทึ่ม​ ไม่ได้ยิน​ที่​ฉัน​พูด​กับ​นาย​รึ​ไง?”

ซูเฟยเฟย​เห็น​เย่​เทียน​เฉิน​เดิน​ไป​เบื้องหน้า​โดย​ไม่สนใจ​ตน​จึงรีบ​วิ่งเหยาะๆ​ ตาม​ไป​

ใน​ใจของ​เย่​เทียน​เฉิน​ไม่ได้​มีความคิด​เกี่ยวกับ​หลี​ซิ่น​อะไร​นั่น​อยู่เลย​ ถ้าหาก​เป็น​เย่​เทียน​เฉินคน​ก่อนหน้านี้​ ต่อให้​มีความกล้า​มากกว่า​นี้​ร้อย​เท่า​ก็​ไม่กล้า​แตะต้อง​หลี​ซิ่น​แน่นอน​ แต่​ตอนนี้​เขา​คือ​คน​จาก​ดาว​สิ้น​โลก​ที่มา​สวม​ร่าง​ ไม่ว่า​จะเป็น​ความสามารถ​หรือ​ความคิด​ล้วน​ไม่เหมือน​เย่​เทียน​เฉินคน​ก่อน​ เรื่อง​ที่​เขา​คิด​อยู่​ใน​ใจตอนนี้​สามารถ​ทำให้​ทั่ว​ทั้งโลก​สั่นสะท้าน​และ​ยาก​จะเชื่อได้​เลย​ทีเดียว​ เขา​จะเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​ใช้เพียง​การตะโกน​ก็​ทำลาย​ดวงดาว​ทั่ว​ฟ้าได้​ นี่​คือ​สิ่งที่​เขา​กำลัง​คิด​

ซูเฟยเฟย​รู้สึก​ร้อนใจ​จริงๆ​ แล้ว​ ถ้าคน​ที่​เย่​เทียน​เฉิน​ล่วงเกิน​ไม่ใช่หลี​ซิ่น​แต่​เป็น​คุณชาย​ของ​ตระกูล​ใหญ่​หรือ​กลุ่ม​อำนาจ​ใหญ่​อื่นๆ​ ซูเฟยเฟย​จะไม่ร้อนใจ​เช่นนี้​ ด้วย​ตระกูล​ซูของ​เธอ​ ด้วย​ความสามารถ​ของ​ตระกูล​ที่​เป็น​ตระกูล​อันดับ​หนึ่ง​ใน​ด้าน​การค้า​ภายในประเทศ​ หาก​ต้องการ​ทำให้​เรื่อง​สงบ​ย่อม​ไม่ใช่ปัญหา​

เพียงแต่​คน​ที่​เย่​เทียน​เฉิน​ล่วงเกิน​คือ​หลี​ซิ่น​ นี่​ไม่ใช่คนดี​อะไร​ ยิ่งไปกว่านั้น​เธอ​เคย​ได้ยิน​ว่า​ผู้อาวุโส​ตระกูล​หลี​รัก​หลี​ซิ่น​ซึ่งเป็น​หลาน​คน​นี้​มาก​จริงๆ​ และ​ปกป้อง​ถือหาง​มาก​ด้วย​ หาก​เขา​รู้​ว่า​หลาน​ของ​ตน​ถูก​คน​ชน​จน​หน้า​ทิ่ม​ดิน​ ยัง​ร้อง​ด่า​ไม่ทัน​จบ​ก็​ถูก​เตะ​จน​กระเด็น​ออก​ไป​อีกครั้ง​ ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​ชาย​ชรา​อารมณ์ร้อน​ผู้​กลับ​มาจาก​การฆ่าฟัน​ใน​สงคราม​คน​นี้​จะระเบิด​โทสะ​มาก​ขนาด​ไหน​

ไม่ว่า​ซูเฟยเฟย​จะร้องเรียก​อยู่​ด้านหลัง​อย่างไร​เย่​เทียน​เฉิน​ก็​ไม่สนใจ​เธอ​เลย​ ใน​ความคิด​ของ​เย่​เทียน​เฉิน​ไม่มีคุณชาย​ตระกูล​ใหญ่​ล่วงเกิน​ไม่ได้​อะไร​นั่น​ ใน​ใจของ​เขา​มีหลักการ​เพียง​อย่าง​เดียว​นั่น​ก็​คือ​ แบ่งแยก​ดี​เลว​ชัดเจน​ ทำ​ตามหลักการ​ของ​ตน​โดย​ไม่สนใจ​ผู้อื่น​ ต่อให้​คุณ​คือ​โฮบา​ม่าประธานาธิบดี​แห่ง​ประเทศ​ M ก็​มีแค่​สอง​ตา​หนึ่ง​จมูก​ไม่ใช่เหรอ​? มีอะไร​ยอดเยี่ยม​กัน​

ตระกูล​หลี​ไม่นับว่า​เป็น​ตระกูล​ใหญ่​ ที่​พูด​แบบนี้​เป็น​เพราะ​คน​ตระกูล​หลี​มีคน​ไม่มาก​ เมื่อ​มาถึงยุค​ของ​หลี​ซิ่น​ก็​มีเพียง​หลี​ซิ่น​ที่​เป็น​หลาน​คนเดียว​ จนกระทั่ง​ตอนนี้​ผู้อาวุโส​ตระกูล​หลี​ยัง​คงอยู่​ใน​ตำแหน่ง​หัว​หน้าใหญ่​และ​คอย​สนับสนุน​ตระกูล​หลี​ทั้ง​ตระกูล​ หาก​เขา​ล้ม​ อาศัย​เพียง​หลี​ซิ่น​ที่​ไร้​การศึกษา​ไม่เล่าเรียน​ เกรง​ว่า​คง​ไม่สามารถ​รับผิดชอบ​สนับสนุน​ตระกูล​หลี​ได้​

ผู้อาวุโส​ตระกูล​หลี​เป็น​คน​ที่​รอด​มาจาก​การฆ่าฟัน​ใน​สงคราม​ ไม่รู้​ว่า​บน​ร่างกาย​มีบาดแผล​มาก​น้อย​ขนาด​ไหน​ ลูกชาย​ทั้ง​สามและ​ลูกสาว​หนึ่ง​คน​ของ​เขา​ตาย​ไป​ใน​สงคราม​ปกป้อง​ประเทศชาติ​หมด​แล้ว​ ดังนั้น​ถึงแม้ผู้อาวุโส​ตระกูล​หลี​จะมีตำแหน่ง​ไม่สูง แต่​ผู้นำ​ระดับสูง​ของ​ทางการ​ต่าง​เคารพ​เขา​มาก​ นี่​เป็น​ชาย​ชรา​ที่​น่าเคารพ​คน​หนึ่ง​ เสียสละ​ชีวิต​ของ​ตน​และ​ลูกชาย​ลูกสาว​ทั้งหมด​เพื่อ​ประเทศชาติ​ จะไม่ได้รับ​การ​เคารพ​เลื่อมใส​จาก​คนอื่น​ได้​อย่างไร​

และ​เนื่องจาก​หลี​ซิ่น​เป็น​เลือดเนื้อเชื้อไข​เพียง​หนึ่งเดียว​ของ​ตระกูล​หลี​ ดังนั้น​ผู้อาวุโส​หลี​จึงรักใคร่​เป็นพิเศษ​ ส่งไป​เรียน​ที่​ต่างประเทศ​ตั้งแต่​เด็ก​ อายุ​ 24 ปี​ก็​มีบอดี้การ์ด​ยอด​ฝีมือ​คอย​คุ้มครอง​โดยเฉพาะ​ จนกระทั่ง​กลับ​ประเทศ​มาจึงไม่ได้​ส่งบอดี้การ์ด​ไป​คุ้มครอง​หลี​ซิ่น​อีก​ จะอย่างไร​ก็​อยู่​ในประเทศ​บ้านเกิด​ของ​ตน​ ผู้อาวุโส​หลี​เชื่อ​ว่า​ไม่มีใคร​กล้า​แตะต้อง​หลาน​ของ​ตน​แน่นอน​ การ​ที่​เขา​ส่งหลี​ซิ่น​ไป​เรียน​ที่​ต่างประเทศ​เพราะ​หวัง​ว่า​เขา​จะประสบความสำเร็จ​ หลังจากที่​ตน​ตาย​ไป​จาก​โลก​ใบ​นี้​ หลี​ซิ่น​จะได้​สนับสนุน​ตระกูล​หลี​ทั้ง​ตระกูล​ ไม่ถูก​คนอื่น​รังแก​

ความ​ยโส​โอหัง​ไม่เห็น​หัว​ใคร​ของ​หลี​ซิ่น​ล้วน​เป็น​เพราะ​ถูก​ปรนเปรอ​ ความจริง​สำหรับ​ลูกหลาน​คนอื่นๆ​ ของ​ตระกูล​ใหญ่​และ​กลุ่ม​อำนาจ​ใหญ่​ล้วน​เป็น​จัดการ​งานเลี้ยง​เช่นนี้​ได้ดี​ นี่​เป็น​สิ่งที่​เห็น​จน​ชินหูชินตา​ตั้งแต่​เด็ก​ ในขณะเดียวกัน​คนใน​บ้าน​ก็​สั่งสอน​มาโดยเฉพาะ​ ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​ลูกหลาน​ตระกูล​ใหญ่​และ​กลุ่ม​อำนาจ​ใหญ่​ หาก​ไม่สามารถ​จัดการ​เรื่อง​งานเลี้ยง​งานสังคม​เช่นนี้​ได้​คง​เป็นเรื่อง​ที่​เป็นไปไม่ได้​โดย​เด็ดขาด​

หาก​กล่าว​กัน​ตามเหตุผล​ หลี​ซิ่น​ก็​ไม่ควร​วางอำนาจ​ขนาด​นั้น​ ต่อให้​จะวางอำนาจ​ก็​ไม่ควร​ทำให้​เห็น​ซึ่งหน้า​ ทำ​แบบนี้​จะตื้นเขิน​เกินไป​และ​ไม่เหมาะสม​กับ​ฐานะ​ของ​เขา​ เพียงแต่​ใน​ตอนที่​อำนาจ​ที่อยู่​เบื้องหลัง​คน​คน​หนึ่ง​ยิ่งใหญ่​จน​ดูเหมือนว่า​ไม่มีใคร​กล้า​ล่วงเกิน​ เขา​จะไม่วางอำนาจ​ได้​อย่างไร​? ใน​ใจของ​เขา​ เขา​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​สูงส่งที่สุด​แล้ว​ ยัง​ต้อง​ถ่อมตัว​อีก​เหรอ​? ดังนั้น​ลูก​หลานชาย​หญิง​ของ​ตระกูล​ใหญ่​และ​ลุ่ม​อำนาจ​ใหญ่​อื่นๆ​ รู้จัก​เสแสร้ง​ถ่อมตัว​ให้​เห็น​ภายนอก​ แต่​คน​ที่​มีฐานะ​สูงส่งอย่าง​แท้จริง​เหมือน​คน​อย่าง​หลี​ซิ่น​ที่​ได้รับ​ความรัก​มาตั้งแต่​เด็ก​ ปู่​ก็​เป็น​ลูก​พี่ใหญ่​ที่​มีอำนาจ​ฐานะ​สูงส่งอย่าง​แท้จริง​ เขา​จะถ่อมตัว​ได้​อย่างไร​? ถ่อมตัว​กับ​หมา​อะไร​ล่ะ​

นี่​เป็น​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ที่​คนธรรมดา​ไม่สามารถ​เข้าใจ​ได้​ หลาย​คน​คิด​ว่า​ตระกูล​ใหญ่​และ​กลุ่ม​อำนาจ​ใหญ่​ที่​แท้จริง​จะไม่โอ้อวด​มากเกินไป​ ยิ่ง​มีความ​อำนาจ​ยิ่ง​เป็น​คนมีเงิน​ก็​ยิ่ง​ต้อง​ถ่อมตัว​ แต่​พวกเขา​กลับ​ไม่รู้​ว่า​คนมีเงิน​มีอำนาจ​ที่​แท้จริง​จะไม่ถ่อมตัว​เด็ดขาด​ หาก​ถ่อม​ดู​ คิด​ๆ ดู​แล้​วจะ​มีความหมาย​อะไร​?

ดังนั้น​กล่าว​ได้​ว่า​คน​ที่​รู้​เบื้องหลัง​ของ​หลี​ซิ่น​จึงอด​ไม่ได้​ที่จะ​เป็นห่วง​เย่​เทียน​เฉิน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ซูเฟยเฟย​ เดิมที​เธอ​ก็​เป็น​ลูกหลาน​ของ​ตระกูล​การค้า​อันดับ​หนึ่ง​ในประเทศ​อยู่แล้ว​ แน่นอน​ว่า​จะต้อง​เข้าใจ​พื้นเพ​ของ​หลี​ซิ่น​เป็น​อย่าง​ดี​ ได้ยิน​ว่า​ผู้อาวุโส​หลี​เป็น​ชาย​ชรา​ที่​กลับ​มาจาก​การฆ่าฟัน​ใน​สงคราม​ มีอารมณ์​รุนแรง​ หาก​โกรธ​ขึ้น​มาก็​กล้า​ตบ​โต๊ะ​ถลึงตา​กับ​ผู้นำ​ระดับสูง​ของ​ทางการ​ทั้งหลาย​เลย​ทีเดียว​

“เบื้องหลัง​ของ​หลี​ซิ่น​ไม่ธรรมดา​เลย​นะ​ เรื่อง​นี้​นาย​จะต้อง​คิด​หา​วิธี​แก้ไข​ ถึงตอนนั้น​ฉัน​จะกลับ​ไป​ขอร้อง​ให้​คุณปู่​ช่วย​อีกที​ บางที​ทำ​แบบนี้​อาจจะ​รอดไป​ได้​” ซูเฟยเฟย​เดินตาม​เย่​เทียน​เฉิน​พลาง​พูด​อย่าง​ร้อนใจ​

เย่​เทียน​เฉิน​มอง​ซูเฟยเฟย​ นี่​ทำให้​ซูเฟยเฟย​ผ่อน​ลมหายใจ​ไป​ได้​บ้าง​ คิด​ว่า​อย่าง​น้อย​เจ้าหมอ​นี่​ก็​เริ่ม​ให้ความสำคัญ​กับ​คำพูด​ตน​แล้ว​

“แตงโม​นี่​ไม่เลว​เลย​ กิน​อีก​ชิ้น​เป็นไง​?”

บึ้ม​!

ซูเฟยเฟย​แทบจะ​ทรุด​ลง​กับ​พื้น​ เดิม​ที่​คิด​ว่า​เจ้าหมอ​นี่​เห็น​ความสำคัญ​ของ​คำพูด​ตน​แล้ว​และ​จะคิด​หา​วิธี​แก้ไข​เรื่อง​ของ​หลี​ซิ่น​ ไหน​เลย​จะรู้​ว่า​เขา​ชะงัก​ไป​ครึ่ง​ค่อน​วันก่อน​จะพูด​ประโยค​นี้​กับ​ตน​ ทำให้​ซูเฟยเฟย​อับจน​คำพูด​จริงๆ​ นับวัน​ก็​ยิ่ง​รู้สึก​อยาก​อัด​ไอ้​หมอ​นี่​ให้​แบน​ ตน​กำลัง​ร้อนอกร้อนใจ​อยู่​ที่นี่​ เขา​กลับ​ทำ​เหมือน​คน​ไม่มีปัญหา​อะไร​ ร้อนรน​อยู่​ฝ่าย​เดียว​จริงๆ​

“นาย​…ตกลง​นาย​เข้าใจ​หรือเปล่า​ หลี​ซิ่น​ไม่เหมือนกับ​ตระกูล​ลั่ว​และ​ตระกูล​ฉิน​ที่​เป็น​ศัตรู​กับ​นาย​ก่อนหน้านี้​ ผู้อาวุโส​หลี​ยังอยู่​ใน​ตำแหน่ง​ลูก​พี่ใหญ่​ แม้แต่​ท่าน​ผู้นำ​สูงสุด​ก็​ยัง​ต้อง​ไว้หน้า​เขา​อยู่​บ้าง​” ซูเฟยเฟย​มอง​ไป​รอบด้าน​ เมื่อ​พบ​ว่า​ไม่มีคน​จึงพูด​กับ​เย่​เทียน​เฉิน​เสียง​สูง

“ท่าน​ผู้นำ​สูงสุด​ต้อง​ไว้หน้า​เขา​เหรอ​? พอดี​เลย​ ท่าน​ผู้นำ​สูงสุด​ก็​ต้อง​ไว้หน้า​ฉัน​เหมือนกัน​ แบบนี้​ก็​หายกัน​แล้ว​ แน่นอน​ว่า​ไอ้​หมอ​นี่​ต้อง​ไม่มาหาเรื่อง​ฉัน​ก่อน​อีก​” เย่​เทียน​เฉิน​ยังคง​พูด​ด้วย​ใบหน้า​ประดับ​รอยยิ้ม​

“นี่​นาย​…”

“ไป​เถอะ​ เรื่อง​นี้​ฉัน​จัดการ​เอง​ ไปดู​ที่อื่น​กัน​หน่อย​ จัดงาน​ได้​ไม่เลว​เลย​ น่าชื่นชม​จริงๆ​”

คำพูด​ของ​ซูเฟยเฟย​ยัง​ไม่ทัน​จบ​ก็​ถูก​เย่​เทียน​เฉิน​ลาก​ไป​ที่อื่น​แล้ว​ ที่​ทำให้​ซูเฟยเฟย​รู้สึก​หดหู่​ยิ่งขึ้น​ก็​คือ​ ปาก​เย่​เทียน​เฉิน​ก็​พูดว่า​จะไปดู​การ​ตก​แต่งงาน​วันเกิด​ แต่​ความจริง​ลาก​ซูเฟยเฟย​ไป​จุด​บริการ​อาหารจีน​อีก​แห่ง​หนึ่ง​และ​เริ่ม​กิน​ขา​หมูน้ำ​แดง​อะไร​พวก​นั้น​ ทำให้​ซูเฟยเฟย​ที่​ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​โกรธ​จน​พูด​อะไร​ไม่ออก​ไป​ครึ่ง​วัน​

เธอ​ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​เย่​เทียน​เฉินคน​นี้​มีสมอง​หรือเปล่า​ ต่อให้​เขา​ไม่รู้​เบื้องหลัง​ของ​หลี​ซิ่น​ หรือ​อาจ​กล่าว​ได้​ว่า​ไม่เห็น​ความสำคัญ​ แต่​วันนี้​เป็น​วัน​อะไร​? เป็น​วันเกิด​อายุ​ครบ​ 75 ปี​ของ​ปู่​ของ​เย่​เทียน​เฉิน​ แม้จะบอ​กว่า​เป็นงาน​อวยพร​วันเกิด​ แต่​ความจริง​คน​จาก​ตระกูล​ใหญ่​และ​กลุ่ม​อำนาจ​ใหญ่​ทั้งหมด​ต่าง​รู้ดี​ว่า​นี่​เป็น​งานเลี้ยง​เชื่อม​สัมพันธ์​ เป็น​โอกาส​อัน​ดี​ที่จะ​ได้​ดื่มเหล้า​สนทนา​ใคร​ก็​ไม่อยาก​พลาดโอกาส​ ต่าง​ก็​หา​คน​มีหน้ามีตา​มาพูดคุย​กัน​เผื่อว่า​วันหน้า​จะได้​มีโอกาส​ร่วมงาน​

แต่​เย่​เทียน​เฉินคน​นี้​กลับ​ดี​จริงๆ​ ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​คน​จาก​ตระกูล​เจ้าภาพ​แต่กลับ​ไม่ไป​พูดคุย​คารวะ​สุรา​กับ​คน​เหล่านั้น​ ทั้ง​ยัง​ไม่สาน​สัมพันธ์​กับ​ใคร​ รู้จัก​แต่​กิน​ลูก​เดียว​ เหมือนกับ​ชีวิต​นี้​ไม่เคย​กิน​ของดี​มาก่อน​

ตอนนี้​เอง​ ที่​พุ่มไม้​บริเวณ​ไม่ไกล​ หลี​ซิ่น​พยายาม​ลุกขึ้น​มา เขา​ดิ้น​ล้มลุกคลุกคลาน​อยู่​ครึ่ง​ชั่วโมง​กว่า​ เจ็บ​จน​มีเหงื่อ​เย็น​เต็ม​หน้าผาก​ มือ​ทั้งสอง​กุม​ท้อง​ของ​ตน​ กัดฟัน​ด้วย​ความโกรธแค้น​เกลียดชัง​ พูด​อย่าง​ดุดัน​ว่า​ “เย่​เทียน​เฉิน​ แก​กล้า​แตะต้อง​ฉัน​ ฉัน​จะทำให้​แก​ขยับ​ไม่ได้​ไป​ชั่วชีวิต​”

หลี​ซิ่น​ต้อง​โกรธ​มาก​อยู่แล้ว​ เขา​คิดไม่ถึง​ว่า​คน​ที่​ชน​เขา​จน​หน้า​ทิ่ม​ดิน​และ​ยัง​เตะ​เขา​กระเด็น​เหมือน​หมา​ตัว​หนึ่ง​จะเป็น​เย่​เทียน​เฉิน​ที่​เขา​ไม่เห็น​อยู่​ใน​สายตา​ จะอย่างไร​ก็​คิดไม่ถึง​ว่า​ในประเทศ​นี้​ยังมี​คน​กล้า​แตะต้อง​เขา​แบบนี้​อีก​ และ​ยัง​ดูถูก​เหยียดหยาม​กัน​ขนาด​นี้​ด้วย​ ทำให้​หลี​ซิ่น​โกรธ​จนถึง​ขีดสุด​ ขณะเดียวกัน​เขา​ก็​รู้สึก​เสียใจ​ ปกติ​ข้าง​กาย​ตน​จะมีบอดี้การ์ด​ยอด​ฝีมือ​คอย​คุ้มครอง​อยู่​สี่คน​ ยอด​ฝีมือ​ทั้ง​สี่คน​นี้​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​จาก​พรรค​วร​ยุทธ​โบราณ​ที่​มาจาก​พรรค​เดียวกัน​ ฝีมือ​ของ​ทุกคน​แข็งแกร่ง​มาก​จริงๆ​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หาก​คน​ทั้ง​สี่ร่วมมือ​กัน​ก็​ยิ่ง​แข็งแกร่ง​ เดิมที​คิด​ว่า​มาถึงประเทศ​จีน​แล้​วจะ​ไม่มีใคร​กล้า​แตะต้อง​ตน​

ดังนั้น​หลี​ซิ่น​จึงไม่ให้​ยอด​ฝีมือ​ทั้ง​สี่ติดตาม​มา หาก​รู้​ว่า​จะเป็น​แบบนี้​คง​ให้​พวกเขา​ติดตาม​ตนเอง​มาด้วยกัน​แล้ว​ ตอนที่​เย่​เทียน​เฉิน​ลงมือ​เมื่อครู่นี้​ก็​สามารถ​ฆ่าเจ้าหมอ​นี่​ให้​ตาย​ได้​เลย​ อย่างไรก็ตาม​ ถ้าจะเรียก​ยอด​ฝีมือ​ทั้ง​สี่มาตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่สาย​ เมื่อ​คิดถึง​ตรงนี้​หลี​ซิ่น​จึงหยิบ​โทรศัพท์​ของ​ตน​ออกมา​ ต่อสาย​ไป​ยัง​เบอร์​หนึ่ง​

“หึ​ เย่​เทียน​เฉิน​ แก​กล้า​แตะต้อง​ฉัน​ ฉัน​จะทำให้​แก​ต้อง​จ่าย​ค่าตอบแทน​ที่​น่าอนาถ​ออกมา​แน่​ วันเกิด​ของ​ไอ้​แก่​เย่หย่วน​ซาน​ก็​ไม่ต้อง​ฉลอง​มัน​แล้ว​…”

“ฮัลโหล​ พวก​แก​สี่คน​รีบ​มาที่​บ้านเดิม​ตระกูล​เย่​เดี๋ยวนี้​ ฉัน​ต้องการ​ฆ่าคน​!”

หลังจาก​พูด​ประโยค​นี้​จบ​ หลี​ซิ่น​ก็​ตัด​สาย​ไป​ มุมปาก​ยกขึ้น​เป็น​รอยยิ้ม​โหดเหี้ยม​ เขา​ไม่เพียงแต่​จะสั่งสอน​เย่​เทียน​เฉิน​ แต่​ยัง​ต้องการ​ก่อ​เรื่องใหญ่​ที่​ตระกูล​เย่​ทั้ง​ตระกูล​ด้วย​ ต้อง​ทราบ​ว่า​นี่​เป็น​วันเกิด​อายุ​ครบ​ 75 ปี​ของ​เย่หย่วน​ซาน​ผู้​เป็น​หัวหน้า​ตระกูล​ของ​ตระกูล​เย่​ คน​ที่มา​ล้วน​เป็น​คน​มีหน้ามีตา​ หาก​ใน​วัน​เช่นนี้​มีคน​มาก่อเรื่อง​ อีก​ทั้ง​เย่​เทียน​เฉิน​ยัง​ถูก​อัด​จน​เละ​หรือ​กระทั่ง​ถูก​สังหาร​ เกรง​ว่า​ตระกูล​เย่คง​ไม่อาจ​พลิก​ฐานะ​ได้​ทั้งชาติ​

ซูเฟยเฟย​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​เย่​เทียน​เฉิน​มาโดยตลอด​ มอง​เย่​เทียน​เฉิน​ด้วย​สีหน้า​เอื้อม​ระอา​ ใน​ดวงตา​เต็มไปด้วย​ความ​เหยียดหยาม​และ​ความ​ไม่เข้าใจ​ที่​มีต่อ​เจ้าหมอ​นี่​ ถ้าเป็นคุณ​ เห็น​ว่า​ใน​งาน​เช่นนี้​นี้​ผู้ชาย​คน​หนึ่ง​กิน​ขา​หมู​ไป​ติด​ติดกัน​สามขา​ แล้ว​ตอนนี้​ยัง​ไป​ขอ​เป็ด​ย่าง​จาก​พ่อครัว​มากิน​อีก​ คุณ​จะต้อง​ทรุด​แน่ๆ​

“ใช่ครับ​ เอา​ตัว​ใหญ่​นั่น​ ทา​น้ำมัน​เพิ่ม​ให้​ผม​หน่อย​ ค่อยๆ​ ย่าง​นะ​ครับ​ จะต้อง​ให้​ด้านนอก​เหลือง​กรอบ​” เย่​เทียน​เฉิน​มอง​พ่อครัว​ย่าง​เป็ด​พลาง​เสนอแนะ​ นับว่า​แปลกประหลาด​ถึงขีดสุด​จริงๆ​

ตอนนี้​เอง​ เย่หย่วน​ซาน​และ​ชาย​ชรา​อีก​คน​หนึ่ง​เดิน​มาด้วยกัน​ ข้าง​กาย​ของ​ชาย​ชรา​คน​นั้น​ยังมี​หญิง​วัยรุ่น​หน้าตา​สวยงาม​คน​หนึ่ง​เดิน​ตามมา​ด้วย​ ใน​ตอนที่​ชาย​ชรา​คน​นั้น​เห็น​เย่​เทียน​เฉิน​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถามด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ “น้อง​เย่​ นั่น​คือ​เย่​เทียน​เฉิน​หลาน​ของ​คุณ​เหรอ​?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด