เทพสังหาร ยุทธการระห่ำบทที่ 495 รังแกผู้อ่อนแอหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวแล้ว
เรียกได้ว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินไม่เสียชื่อเลยจริงๆ ในสายตาของคนธรรมดาการเคลื่อนไหวของพวกเขาดูทึมทื่ออยู่บ้าง คนทั้งสี่มีรูปร่างกำยำล่ำสัน ในมือถือดาบใหญ่เอาไว้ ขณะเดียวกันก็โจมตีด้วยหมัดที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ล้อมเย่เทียนเฉินเอาไว้ตรงกลาง
หากมียอดฝีมืออยู่ที่นี่ด้วยจะต้องตื่นตะลึงจนคางแทบร่วงแน่นอน และคงรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ของเย่เทียนเฉินเป็นแน่ ดูผิวเผินการต่อสู้ของเขาและสีพี่น้องปีศาจสีเงินเหมือนไม่มีการใช้เคล็ดวิชาสังหารรุนแรงอะไรออกมา และยังไม่มีการระเบิดพลังอันบ้าคลั่งอะไร แต่ว่านี่เป็นการดวลที่สุดยอดที่สุด ไม่มีการเคลื่อนไหวหลอกล่ออะไรแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่มีเคล็ดวิชาสังหารรุนแรงอะไรด้วย แต่กลับใช้พลังต้นกำเนิดมาปะทะกัน
พูดให้ชัดเจนก็คือ ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินไม่อยากใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันรุนแรง แต่เขาไม่สามารถใช้ได้ ตอนนี้สี่พี่น้องปีศาจสีเงินรวมพลังกันทำให้ปราณแข็งยอดเยี่ยมที่สุด กระทั่งพระอาจารย์ฟางเจิ้งแห่งวัดเส้าหลินก็ยังไม่สามารถสังหารพวกเขาทั้งสี่คนได้ เห็นได้เลยว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินร้ายกาจขนาดไหน
ในขณะนี้เย่เทียนเฉินใช้พลังของตัวเองปะทะกับปราณสายแข็งของสี่พี่น้องปีศาจสีเงิน ในตอนที่ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน เย่เทียนเฉินรู้สึกราวกับมีความกดดันดั่งภูเขาไท่ซานโจมตีกดดันมาอย่างไรอย่างนั้น สี่พี่น้องปีศาจสีเงินใช้พลังภายในอันแข็งแกร่งคิดจะทำให้เย่เทียนเฉินถูกโจมตีจนตาย ส่วนเย่เทียนเฉินก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงใช้พลังพิเศษอันแข็งแกร่งของตนทำการต่อต้าน พลังแข็งแกร่งทั้งสองสายปะทะเข้าด้วยกัน พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอำนาจประหนึ่งภูเขามหาสมุทรกำลังถาโถมโจมตีมา ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขยับแม้แต่ครึ่งก้าว ยิ่งไม่กล้าใช้เคล็ดวิชาสังหารอื่นใด เนื่องจากไม่ต้องพูดถึงการใช้กระบวนท่าอื่นเลย เพียงแค่เสียสมาธิเล็กน้อยก็อาจตายได้แล้ว ความเป็นความตายนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาพริบตา อาจตกอยู่ในจุดจบที่ร่างกายเหลวแหลกจนตายก็เป็นได้
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น เวทีที่สร้างจากเหล็กกล้าพลันถล่มไปในพริบตา ทำให้คนในงานที่กำลังมองเย่เทียนเฉินและสี่พี่น้องปีศาจสีเงินต่างต้องตกตะลึงจนหน้าถอดสี รีบถอยหลังไปด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มีใครคิดว่านี่เป็นการแสดงอีกต่อไป ต่างรู้แล้วว่าเย่เทียนเฉินต้องเจอตอเป็นแน่ ตระกูลเย่จะต้องเจอตอเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นสี่คนนี้ก็แข็งแกร่งมาก ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันเย่เทียนเฉินอาจตายก็เป็นได้
ราวกับผ่านไปชั่วพริบตาเดียว คนทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างต่างลุกขึ้นยืนแล้วถอยไปด้านหลัง คนด้านหน้าที่เดิมทีต้องการร่วมมือกับตระกูลเย่ คิดจะสานสัมพันธ์และประจบประแจงตระกูลเย่ พวกเขาต่างล้มเลิกความคิดนี้ ล้มเลิกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย กระทั่งมีคนมองเรื่องนี้อย่างสนุกสนานเหมือนดูละคร คิดอยากจะเห็นสักหน่อยว่าตระกูลเย่จะถูกทำลายอย่างไร คิดจะผงาดขึ้นมาไหนเลยจะเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น ต้องมีตระกูลใหญ่หรือกลุ่มอำนาจใหญ่ขัดขวางแน่นอนอยู่แล้ว
“จบสิ้นแล้ว เย่เทียนเฉินถูกสี่คนนั่นสู้พัวพัน ฉันคิดว่าอีกไม่นานคงมีคนไปสังหารคนตระกูลเย่คนอื่นๆ แล้ว”
“หึ ฉันบอกแล้วไง ตระกูลเย่คิดจะผงาดขึ้นมา มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก...”
“เย่เทียนเฉินก็แค่เท่านี้เอง…”
“พวกเราไปกันก่อนเถอะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย”
“พรุ่งนี้ก็ได้เห็นข่าวแล้ว ตระกูลเย่คิดจะผงาดขึ้นมา จัดงานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของเย่หย่วนซาน สุดท้ายตระกูลเย่ทั้งหมดกลับถูกฆ่า…ฮ่าๆ!”
พวกชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดเสียงดังอีกด้วย ยโสโอหังเป็นอย่างยิ่ง ไม่กลัวว่าคนอื่นในตระกูลเย่จะได้ยินได้เห็นแม้แต่น้อย คนเหล่านี้ต่างก็เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่ เดิมทีพวกเขาไม่พอใจตระกูลเย่อยู่แล้ว เป็นแค่พวกชอบรังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวคนแข็งแกร่งเท่านั้น ไม่กล้าปะทะซึ่งหน้ากับตระกูลเย่ ตอนนี้เมื่อเห็นว่ามีคนลงมือ ไม่ทันไรก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นขึ้นมา นับเป็นคนถ่อยโดยแท้
“ควรไปได้แล้ว รีบไปซะ ถ้ายังไม่ไปฉันจะฆ่าให้หมดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม…”
ตอนนี้เอง หลีซิ่นเดินออกมาจากมุมหนึ่ง บนใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทียโสโอหังไม่เห็นใครอยู่ในสายตา กวาดตามองไปยังทุกคนที่อยู่ในงานด้วยความไม่สบอารมณ์ จากคำพูดของเขาจึงรู้ได้ว่าเขาต้องการฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลเย่ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ยิ่งนัก
ที่แท้หลีซิ่นไม่กล้าออกมาเนื่องจากเขาได้ยินว่าเย่เทียนเฉินมีความสามารถอยู่บ้าง ยอดฝีมือธรรมดาทั่วไปไม่สามารถทำอะไรเย่เทียนเฉินได้ ถึงแม้เขาจะมั่นใจในตัวสี่พี่น้องปีศาจสีเงินซึ่งเป็นลูกน้องของตนมาก แต่ก็ยังคิดหลบอยู่ด้านข้างเพื่อดูสถานการณ์เสียก่อนค่อยว่ากันอีกที ก่อนหน้านี้ที่เย่เทียนเฉินเริ่มต่อสู้กับสี่พี่น้องปีศาจสีเงิน หลีซิ่นก็รู้สึกเครียดมาก ถ้าหากสี่พี่น้องปีศาจสีเงินตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉินเขาคงทำได้เพียงคิดหาวิธีใช้อำนาจอื่นแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นว่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินร่วมมือกันกดดันเย่เทียนเฉินได้ก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก รีบออกมาแสดงตัวให้ทุกคนรู้ถึงความร้ายกาจของเขาหลีซิ่น
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็กระทืบเท้าขวาลงพื้นอย่างแรงเพื่อหยุดการโจมตีของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินนี้ไว้ เขารู้สึกว่าพลังที่ฝ่ามือทั้งสองของตนต้องรับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขากระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิถึงขั้นสูงสุดแล้ว แต่กลับไม่สามารถหยุดปราณแข็งของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินนี้ได้ สี่คนนี้ดูผิวเผินเหมือนเป็นพวกทึมทื่อ แต่ความจริงแข็งแกร่งมาก
“เย่เทียนเฉิน คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ต้องเจอพวกเราสี่พี่น้องปีศาจสีเงิน ยังไงก็ต้องตาย” ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้ามองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ใครแพ้ใครชนะ ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะตัดสิน พวกแกมันก็เท่านี้เอง!” เย่เทียนเฉินเองก็พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“รนหาที่ตาย!”
สี่พี่น้องปีศาจสีเงินตะโกนขึ้นพร้อมกัน ปราณแข็งกลางฝ่ามือทั้งสองพุ่งพล่านมากขึ้น ตบฝ่ามือไปยังเย่เทียนเฉิน ต้องการกดดันเย่เทียนเฉินให้ตาย แต่เย่เทียนเฉินเตรียมป้องกันไว้นานแล้ว คนทั้งสี่ที่ดูผิวเผินทึมทื่อโง่งมแต่พลังภายในร่างกายยอดเยี่ยมจนแทบจะไร้ผู้ต่อต้าน แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ตอนนี้คนทั้งสี่ร่วมมือกัน เขารู้สึกกินแรงอยู่บ้างจริงๆ ทันใดนั้นจึงกระตุ้นพลังที่จุดตันเถียน ใช้สมาธิขั้นสูงสุดดึงพลังอันบริสุทธิ์โจมตีปะทะเข้าไป
ตู้มๆ!
เสียงสองเสียงดังสนั่น เย่เทียนเฉินไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมา สวนสี่พี่น้องปีศาจสีเงินกลับถอยหลังไปสองก้าว ทั้งสี่อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าการประสานโจมตีที่ร้ายกาจที่สุดของพวกเขาซึ่งพวกเขาคิดว่าเป็นวิชาสังหารที่ดีที่สุดของตน กระทั่งตอนนี้ก็ไม่มีใครหยุดฝ่ามือเทพทรายเหล็กได้ แต่กลับถูกเย่เทียนเฉินโจมตีจนกระเด็นถอยหลัง
เย่เทียนเฉินทำให้สี่พี่น้องปีศาจสีเงินรู้สึกสั่นสะท้านมากจริงๆ พวกเขาสี่คนฝึกฝนปราณแข็ง ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง สามารถใช้หมัดเดียวถล่มภูเขาฝ่ามือเดียวทลายแม่น้ำ นี่ไม่ใช่การโอ้อวดแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีร่างกายที่อาวุธฟันแทงไม่เข้า เห็นได้ชัดว่าร่างกายของสี่พี่น้องนี้แข็งแกร่งจนถึงขั้นใด ยิ่งม่ต้องพูดถึงการร่วมมือของสี่คนนี้เลย หากเป็นยอดฝีมือธรรมดาแค่เจอกับหนึ่งในพวกเขาสี่คนก็ต้องตกอยู่ในจุดจบอันน่าอนาถแล้ว กระบวนท่าที่พวกเขาสี่คนใช้บ่อยที่สุดก็คือ เมื่อมีคนโจมตีมา พวกเขาก็จะซัดหมัดโจมตีไปตามลำดับแล้วแสร้งทำเป็นถูกโจมตีเนื่องจากพวกเขาเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของร่างกายและเชื่อมั่นในปราณแข็งของตน ดังนั้นเมื่อศัตรูคิดว่าโจมตีถูกพวกเขาแล้วและจะสร้างความเสียหายรุนแรงได้นั้น พวกเขาก็จะใช้กระบวนท่าสังหารโต้กลับ ทำให้ศัตรูไม่สามารถหยุดยั้งได้
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเย่เทียนเฉินให้ความสำคัญกับการฝึกฝนกายเนื้อ ถูกคนอื่นโจมตีครั้งหนึ่งคุณทนรับได้ จากนั้นคุณโจมตีคนอื่นหมัดเดียวก็จะทำให้ศัตรูตายได้แล้ว นี่เป็นข้อดีของการที่มีกายเนื้ออันแข็งแกร่ง สี่พี่น้องปีศาจสีเงินนี้ทำให้หลักการนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ พวกเขามีลมปราณอันแข็งแกร่งอยู่ทั้งร่างจนคล้ายกับไม่สามารถทลายได้ อาวุธฟันแทงไม่เข้า
สิ่งที่ทำให้สี่พี่น้องปีศาจสีเงินคิดไม่ถึงก็คือ เย่เทียนเฉินซึ่งเป็นชายหนุ่มที่อายุไม่เกิน 20 ปีคนนี้จะถึงกับมีพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งห้าวหาญถึงขนาดนี้ได้ อีกทั้งกายเนื้อของเขาก็ไม่อ่อนแอไปกว่าพวกตนสี่คนเลย ตอนนี้พวกตนสี่พี่น้องร่วมมือกันโจมตี ใช้เคล็ดวิชาโจมตีประสานของพวกเขาอันได้แก่ “ฝ่ามือเทพทรายเหล็ก” ออกไปแล้ว แต่ถึงกับไม่สามารถโจมตีเย่เทียนเฉินให้ตายได้ กลับเป็นพวกตนสี่คนที่ถูกกระแทกจนถอยหลังไปหลายก้าว นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพวกเขาที่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น จะไม่รู้สึกตื่นตะลึงได้อย่างไร?
ตรงกันข้าม เย่เทียนเฉินเองก็ต้องสูดหายใจเย็นยะเยือกเช่นกัน การต่อสู้กับสี่พี่น้องปีศาจสีเงินแตกต่างจากการต่อสู้เป็นตายก่อนหน้านี้ การต่อสู้ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะใช้เคล็ดวิชาสังหารอันแข็งแกร่ง แต่การต่อสู้กับสี่พี่น้องปีศาจสีเงินกลับตรงไปตรงมา ใช้เพียงพลังที่เป็นรากฐานของพลังภายใน หากพ่ายแพ้จะต้องร่างกายแหลกสลายเป็นแน่ ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วภาพเหตุการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีพลังอันบ้าคลั่งอะไรนี้กลับอันตรายกว่ามาก กายเนื้อของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินแข็งแกร่งมาก รวมกับปราณแข็งที่ฝึกจนชำนาญแล้วสามารถทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกเจ็บปวดที่ฝ่ามือทั้งสองของตนได้เลย เมื่อครู่เขาใช้พลังภายในอันบริสุทธิ์ของคัมภีร์ดรุณีหยกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดที่สุดของฟ้าดิน เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยคงทำให้สี่พี่น้องบาดเจ็บได้บ้าง ไหนเลยจะรู้ว่าทำได้เพียงโจมตีให้พวกเขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น
ในตอนที่หลีซิ่นเห็นเย่เทียนเฉินและสี่พี่น้องปีศาจสีเงินตะโกนเสียงดังก็ตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว คิดจะหนีเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี จะอย่างไรในมือเขายังมีหมากตัวหนึ่งที่สามารถใช้หยุดเย่เทียนเฉินได้ ตอนนี้เมื่อเห็นสี่พี่น้องปีศาจสีเงินหยุดการโจมตีของเย่เทียนเฉินไว้ได้ก็เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมาที่มุมปาก ยืดอกยืดเอวขึ้น เดินไปเบื้องหน้าต่อไป
“ตระกูลเย่ เย่เทียนเฉินล่วงเกินฉันหลีซิ่น ฉันต้องการให้มันตาย ส่วนคนตระกูลเย่คนอื่นๆ ฉันก็ต้องการให้พวกมันตายด้วยกัน ส่วนพวกแก…ไม่อยากตายก็ไปได้ ถ้าอยากตายก็อยู่ต่อ!” หลีซิ่นบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก พูดอย่างยโสโอหังจนถึงขีดสุด
คนในงานส่วนใหญ่เป็นลูกหลานที่มาจากตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่ อีกทั้งยังมีคนระดับผู้อาวุโสอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อได้ยินหลีซิ่นกล่าวเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธ ไม่ว่าจะอย่างไรหลีซิ่นก็เป็นเพียงรุ่นเยาว์คนหนึ่งเท่านั้น เขาถึงกลับไม่เห็นคนอื่นๆ ในงานอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ยโสโอหังมากจริงๆ หลายคนคิดอยากจะสั่งสอนหลีซิ่นสักหน่อย เพียงแต่เมื่อเห็นความร้ายกาจของสี่พี่น้องปีศาจสีเงินแล้วต่างต้องถอยออกไป รวมกับที่หลีซิ่นต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน ทำลายตระกูลเย่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมวงด้วย หากหลีซิ่นหาเรื่องพวกเขาค่อยว่ากันอีกที
“เป็นนายน้อยหลี เป็นนายน้อยหลีจริงๆ”
“ฉันก็ว่าแล้ว หลีซิ่นต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ ตอนนี้ตระกูลเย่เจอเรื่องยุ่งยากแล้ว”
“ฉันว่าไม่ได้ยุ่งยากธรรมดาด้วย เป็นไปได้มากกว่าตระกูลเย่อาจถูกทำลายทั้งตระกูล ถูกสังหารทั้งตระกูล หลีซิ่นเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินจริงๆ”
“กลับเป็นเย่เทียนเฉินที่ต้องตายแน่นอน เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายน้อยหลี ไม่สมควรเลยจริงๆ ไม่สมควรไปล่วงเกินนายน้อยหลีเลย”
ลูกหลานของตระกูลใหญ่กลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านล่างเห็นหลีซิ่นเดินเข้ามาด้วยท่าทียโสโอหังหาใดเปรียบ ต่างก็เข้าข้างหลีซิ่นด้วยคิดว่าเขาต้องชนะแน่นอน ในความคิดของพวกเขา ต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็ไม่สามารถต่อต้านหลีซิ่นได้ นี่นับเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้
Comments