เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 249 ผู้หญิงสามคนนี้ล่วงเกินไม่ได้แล้ว!

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 249 ผู้หญิงสามคนนี้ล่วงเกินไม่ได้แล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ที่ห้องโถง เมื่อเห็นว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และฉีหรูเสวี่ยเดินลงมาจากชั้นสองของคฤหาสถ์แล้วจึงหยุดทะเลาะ เนื่องจากแม่สวมรองเท้าส้นสูงคู่งามเดินลงมาจากชั้นบนแล้ว ซึ่งก็คือรองเท้าที่ฉีหรูเสวี่ยซื้อให้เธอ

“ว้าว แม่คะ แม่ใส่รองเท้าส้นสูงแล้วดูดีจริงๆ!” เย่เชี่ยนเหวินวิ่งมาอย่างร่าเริง เกาะแขนผู้เป็นแม่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“พระเจ้า นี่ผมเห็นอะไรกัน? นางเซียนลงมาจากสวรรค์หรือ? แม่ครับ ผมไม่พูดไม่ได้แล้ว พอแม่สวมรองเท้าส้นสูงคู่นี้ก็ดูเด็กลงไปอย่างน้อยก็ยี่สิบปี ไม่สิ สามสิบปีเลย องค์จักรพรรดินี โปรดประทานโอกาสให้กระหม่อมได้เต้นรำกับพระองค์ด้วยเถิด…” เย่เทียนเฉินกล่าวชมเกินจริงขึ้นมาก หยอกล้อจนหลัวเยี่ยนจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา สองพี่น้องคู่นี้บางครั้งก็ทำให้เธอเบิกบานใจจริงๆ

“พวกลูกสองพี่น้องไม่กลัวหรูเสวี่ยหัวเราะเยาะจริงๆ สินะ จะทำท่าทางเว่อร์กันเกินไปหรือเปล่า?” ปากของหลัวเยี่ยนก็พูดเช่นนี้แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีมาก ใครบ้างที่ไม่ชอบให้คนอื่นชมว่าตนดูเด็กลง? โดยเฉพาะเมื่อใช้ชีวิตมาจนถึงอายุเท่าเธอ คนที่ชมตนก็ยังเป็นลูกชายลูกสาว เมื่อได้สัมผัสกับความสัมพันธ์แบบนี้ทำให้รู้สึกยินดีอย่างหาใดเปรียบจริงๆ

“กลัวอะไร พี่สาวหรูเสวี่ยไม่ใช่คนนอก อีกอย่าง ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว…” เย่เชี่ยนเหวินเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พูดทางจงใจมองไปยังพี่ชายของตน

แก้มงามของฉีหรูเสวี่ยแดงระเรื่อ ในใจของเธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครัวเมื่อสักครู่นี้ ความจริงรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าตนจะต้องการยั่วยวนเย่เทียนเฉินโดยไม่รู้ตัว หรือว่าในใจลึกๆ จะหลงรักผู้ชายคนนี้จนถึงขั้นนั้นแล้ว? ฉีหรูเสวี่ยทำให้ตัวเองตกใจครั้งใหญ่จริงๆ

“อือฮึ แม่ครับ แต่ผมพูดจริงนะครับ รองเท้าส้นสูงคู่นี้ใครใส่ก็ดูดีไม่เท่าแม่ใส่ รองเท้าส้นสูงคู่นี้สร้างมาเพื่อแม่จริงๆ ไม่สิ ต้องบอกว่าโรงงานที่ผลิตรองเท้าหนังแห่งนี้มีอยู่เพื่อแม่โดยเฉพาะ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

ความจริงแล้ว ในตระกูลเย่ มีบรรยากาศแห่งความสุขเช่นนี้มาตลอด เดิมทีหลัวเยี่ยนเองก็ไม่อยากจะทำตัวเป็นแม่หัวโบราณอะไรอยู่แล้ว ส่วนเย่เชี่ยนเหวินก็มีนิสัยร่าเริง น่ารักเป็นอย่างมาก คอยบ่นเรื่องพี่ชายให้แม่ฟังเป็นระยะ เป็นชีวิตธรรมดาๆ เท่านั้น และเนื่องจากเย่เทียนเฉินที่ให้เงินค่าขนมเย่เชี่ยนเหวินเดือนละร้อยหยวนรับไม่ได้ที่เด็กคนนี้ไปฟ้องแม่ จึงได้ประนีประนอมกัน ส่วนเย่เทียนเฉินที่มีนิสัยทั้งอันธพาลและคล้ายกับมัจจุราช กล่าวคือในตอนที่ไม่มีเรื่องอะไรก็สามารถพูดคุยหยอกล้อได้ ตอนที่มีเรื่องก็เป็นจักรพรรดิที่ไม่อาจหาเรื่องได้

ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากที่เย่เทียนเฉินมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ มีความหวงแหนต่อครอบครัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว ความหวังสูงสุดของเขาก็คือการที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจกับพ่อแม่และน้องสาวชั่วชีวิต ปกป้องพวกเขาไม่ให้พบกับความไม่เป็นธรรมใดๆ ตอนนี้ดูแล้วคงจะไม่ได้ ในเมื่อไม่ได้ก็ต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ใครที่ขวางทางก็ฆ่าให้หมด ถึงจะสามารถสงบได้

“แม่ว่านะเทียนเฉิน ลูกอย่าเอาแต่พูดเลย ลูกยังไม่รู้ความเท่าหรูเสวี่ยด้วยซ้ำ เป็นประธานกรรมการแห่งเครือไห่หวางที่สง่าผ่าเผย แต่ของขวัญสักชิ้นก็ไม่เคยซื้อให้แม่กับน้อง ลูกก็จะขี้งกเกินไปหรือเปล่า ขนาดจะให้แม่กับน้องใช้เงินเล็กน้อยก็ยังทำใจไม่ได้…เฮ้อ เลี้ยงลูกชายนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”

หลัวเยี่ยนเห็นเย่เทียนเฉินทำท่าทางทาง ก็จงใจแสร้งทำเหมือนได้รับความไม่ยุติธรรมออกมาบ้าง ทำให้ฉีหรูเสวี่ย เย่เชี่ยนเหวินและเย่เทียนเฉินที่อยู่ด้านข้างมองจนตกตะลึง ใครก็คิดไม่ถึงว่าแม่จะใช้ลูกไม้นี้ ดูถูกไม่ได้จริงๆ แสดงออกมาได้ดียิ่งกว่าพวกเขามากนัก ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด นี่ไม่เพียงแต่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดถึงสิ่งที่หลัวเยี่ยนแสดงออกมาที่ตระกูลหลัว ทำให้เขาต้องยกนิ้วให้จริงๆ

“ใช่แล้ว เฮ้อ เป็นน้องสาวนี่ก็ไม่ได้รับสวัสดิการอะไรเลย พี่ชายเป็นถึงประธานคณะกรรมการแห่งเครือไห่หวางที่มีมูลค่านับร้อยล้าน แต่ก็ไม่เคยเห็นจะให้ของขวัญเลย…” เย่เชี่ยนเหวินเองก็แสดงไปกับหลัวเยี่ยน เข้าข้างหลัวเยี่ยนอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกอับจนคำพูดจริงๆ

เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินไม่พูดอะไร หลัวเยี่ยนก็รีบหันไปพูดกับฉีหรูเสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง “หรูเสวี่ยก็พูดอะไรหน่อยเถอะ เทียนเฉินก็จะขี้งกเกินไปแล้ว”

“ใช่แล้วพี่สาวหรูเสวี่ย พี่เองก็ว่าพี่ชายบ้างเถอะ เขาจะขี้เหนียวเกินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขี้เหนียวกับน้องสาวมาก…แบร่!” เย่เชี่ยนเหวินพูดพลางหันไปแลบลิ้นให้เย่เทียนเฉิน จงใจยั่วโมโห

“อา…” ฉีหรูเสวี่ยชะงักไป แก้มเล็กๆ แดงระเรื่อ กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอยังคงจมอยู่ในความกระอักกระอ่วนเมื่อสักครู่นี้อยู่

“แม่ น้อง พวกแม่เห็นไหม? มีแต่พวกคุณแม่สองคนที่บอกว่าผมขี้งก ไปบอกให้หรูเสวี่ยพูด เธอก็พูดไม่ออกใช่ไหม? ความจริงผมคนนี้ใจกว้างมาก แต่พวกแม่คิดเล็กคิดน้อยเกินไป!”

เย่เทียนเฉินส่ายหน้า พูดจาให้ตัวเองสบายใจ ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกเสียดายที่จะให้แม่และน้องใช้เงิน แต่เป็นเพราะเหมือนที่เขากล่าวกันว่า สำหรับเย่เทียนเฉินแล้วยิ่งเงินเยอะก็ไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย ไม่มีเรื่องอะไรที่จะสำคัญกว่าครอบครัว เพียงแต่ด้วยนิสัยของเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องของขวัญอะไรนี่เลย ยิ่งไปกว่านั้นอีคิวของเขาก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ ไม่คิดเรื่องซื้อของอะไรโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เห็นแม่และน้องร่วมมือกันรุมตัวเองก็รีบแก้ตัวออกมา

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังได้ใจ เตรียมจะหมุนตัวเดินไปนั้น ฉีหรูเสวี่ยจะพูดขึ้นว่า “นี่ ก่อนหน้านี้นายแอบกินกุ้งมังกรของฉัน ตอนนี้ยังแอบกินเนื้อที่ฉันทำอีก ไม่คิดว่าควรจะซื้อของขวัญตอบแทนฉันบ้างหรือไง?”

ฉีหรูเสวี่ยพูดจาทำให้ผู้คนตกใจได้จริงๆ เมื่อคำพูดนี้ของเธอถูกกล่าวออกมา เย่เทียนเฉินก็มึนงงลงทันตา ต้องกล่าวว่าเขาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง จะไปแอบกินอะไรได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลก สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการกินอาหารเลิศรสบนโลกนี้ ตอนนี้ถูกฉีหรูเสวี่ยพูดแบบนี้ใส่ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ คิดว่าฉีหรูเสวี่ยร้ายกาจกว่าพวกเธอมากนัก พูดประโยคเดียวก็ควบคุมเย่เทียนเฉินได้แล้ว

“ฉัน…นั่นเรียกว่าแอบกินได้เหรอ? ฉันใช้ร่างกายทดสอบพิษ ทดสอบดูว่าอาหารที่เธอทำมีปัญหาหรือเปล่า…” เย่เทียนเฉินคิดคำแก้ตัวไม่ออกจริงๆ เขาพูดพลางยักไหล่

“อ้อ กุ้งมังกรตัวใหญ่ที่ฉันทำก่อนหน้านี้คุณน้ากับน้องเชื่อยนเหวินก็กินไปก่อนแล้ว ส่วนเนื้อวัวตุ๋นหัวไชเท้า น้องเชี่ยนเหวินก็ชิมไปก่อนแล้ว ต้องให้นายมาทดสอบอีกเหรอ? แล้วยังมีผลไม้จานนั้นอีก ไม่รู้ว่าใครแอบลงมากินตอนกลางคืน จนท้องเสียไปหนึ่งวันเต็มๆ!” ฉีหรูเสวี่ยพูดกับเย่เทียนเฉินแล้วยู่ปากเล็กๆ อันน่ารักขึ้น

“เธอสารภาพเองแล้วใช่ไหม? ผลไม้จานนั้นเธอจงใจวางยา จงใจแกล้งฉัน ในที่สุดก็สารภาพออกมาเองแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองไปยังฉีหรูเสวี่ยแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางดุดัน

“เปล่านะ นายสมควรได้รับมันแล้ว แอบมาขโมยของกินตอนกลางคืน กินผลไม้จานใหญ่หมดไปขนาดนั้นไม่ท้องเสียก็แปลกแล้ว…” ฉีหรูเสวี่ยเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย เธอพูดขึ้นพลางยักไหล่สูง

หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินที่อยู่ข้างๆ เห็นเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยตีฝีปากกันโดยไม่รับรู้ถึงคนอื่นโดยสิ้นเชิง จนทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ในสายตาของพวกเธอ เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยเหมาะสมกันมาก บางทีใครหลายคนอาจจะบอกว่า หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องสาวจะคิดมากเกินไปหรือเปล่า? เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ดูเหมือนจะต้องการให้มาเป็นพี่สะใภ้ลูกสะใภ้ของตนทันที หากคุณมีลูกชายหรือพี่ชายที่เคยใช้ชีวิตว่างเปล่าไม่ยอมร่ำเรียนหนังสือมาตลอดจนอายุยี่สิบ และยังดูท่าทางติดเล่นอยู่มาก กระทั่งแฟนก็ไม่มี ยิ่งไม่เข้าใจเรื่องความรัก อีคิวก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คุณก็จะรู้สึกกังวลมาก จะรีบจัดการเรื่องการแต่งงานซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเขา

“เอาล่ะๆ เทียนเฉิน เอาแบบนี้แล้วกัน ของขวัญเหล่านี้เพื่อแสดงถึงหนี้ที่ลูกติดค้างพวกเรา ส่วนของแม่และน้องรอก่อนก็ได้ แต่ลูกจะต้องซื้อของขวัญให้หรูเสวี่ย เป็นของแทนคำขอโทษและของตอบแทน!” หลัวเยี่ยนพูดขัดเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม

“เอ๋? แม่ครับ ผมไม่ได้ติดหนี้อะไรเธอ แล้วยังต้องให้ของขวัญอีก จะวุ่นวายเกินไปหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดพลางกรอกตาใส่ฉีหรูเสวี่ย

“ลูกนี่นะ ก่อนหน้านี้ตอนที่หรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเรา ลูกกินข้าวที่ใครทำ ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าที่หรูเสวี่ยจะมาเยี่ยมสักครั้ง และทำกับข้าวให้พวกเรากิน ลูกก็ไปแอบกินเป็นคนแรก มอบของขวัญให้เธอก็เป็นเรื่องเหมาะสม เอาตามนี้แล้วกัน ไม่งั้นแม่จะโกรธแล้ว!” หลัวเยี่ยนมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

ต้องกล่าวว่าบนโลกแห่งนี้คนที่สามารถสยบเย่เทียนเฉินได้มากที่สุดก็คือหลัวเยี่ยนอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว และก็ไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นการตอบแทนความรักที่ครอบครัวและพ่อแม่มีให้กับเขา เมื่อเห็นแม่ดูจริงจังขึ้นมาจริงๆ เย่เทียนเฉินก็ส่งเสียงตอบรับออกมา มองไปยังฉีหรูเสวี่ยที่แย้มยิ้มราวดอกไม้บาน ถือว่าเธอชนะไปอีกครั้งแล้ว เขาทอดถอนใจออกมาอย่างจนคำพูด เดินเข้าไปในครัวเตรียมกินข้าว

การตั้งโต๊ะกินข้าวเป็นหน้าที่ของเย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวิน เนื่องจากฉีหรูเสวี่ยมาหา หลัวเยี่ยนย่อมต้องอยู่คุยเป็นเพื่อนเธอด้วยตัวเอง และเธอชอบฉีหรูเสวี่ยมากด้วย ในหมู่ผู้หญิงที่มาติดพันลูกชายในช่วงนี้ คนที่หลัวเยี่ยนพึงพอใจมากที่สุดก็คือฉีหรูเสวี่ย ยอดเยี่ยมไปทุกด้านจริงๆ จุดอ่อนเพียงข้อเดียวก็คือดูเหมือนว่าลูกชายจะไม่มีความรู้สึกอะไรต่อฉีหรูเสวี่ย

สองทุ่มท้องฟ้ามืดแล้ว เย่เทียนเฉิน เย่เชี่ยนเหวิน หลัวเยี่ยน และฉีหรูเสวี่ยต่างนั่งล้อมกินข้าวกันบนโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข กระทั่งการทะเลาะกันของเย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินในตอนแรกก็ลืมไปหมดแล้ว พวกเขากินไปพลางพูดคุยไปพลาง เมื่อรวมเข้ากับเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าที่ฉีหรูเสวี่ยทำซึ่งอร่อยเลิศเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนกินข้าวกันอย่างมีความสุข มีหลายครั้งที่เย่เชี่ยนเหวินแย่งเนื้อมาจากในถ้วยของเย่เทียนเฉิน ทำให้เย่เทียนเฉินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

“เทียนเฉิน กินข้าวเสร็จลูกก็ไปเดินเล่นกับหรูเสวี่ยสักหน่อยเถอะ ถึงแม้หรูเสวี่นจะอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ของพวกเรามาระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของเขตคฤหาสถ์นี้ ลูกพาไปเดินดูรอบๆ สักหน่อยแล้วกัน!” หลัวเยี่ยนเอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณน้า หนูเดินไปดูเองก็ได้!” ฉีหรูเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง หนูเป็นแขก ให้เทียนเฉินไปเดินรอบๆ เป็นเพื่อนเถอะ ถ้าเด็กคนนี้กล้ารังแกหนู หนูก็มาบอกน้าได้เลย น้าจะจัดการเขาให้!” หลัวเยี่ยนจ้องไปยังลูกชายของตนแล้วพูดขึ้น

เย่เทียนเฉินรู้สึกอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง เขารู้ว่าแม่และน้องสาว อีกทั้งยังมีฉีหรูเสวี่ย ผู้หญิงสามคนนี้อยู่ฝ่ายเดียวกัน ตนเองพูดไปจะไม่นับเป็นการหาเรื่องหรือไง? หุบปากกินเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าเลิศรสไปเงียบๆ จะดีกว่า!

…………………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 249 ผู้หญิงสามคนนี้ล่วงเกินไม่ได้แล้ว!

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 249 ผู้หญิงสามคนนี้ล่วงเกินไม่ได้แล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ที่ห้องโถง เมื่อเห็นว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และฉีหรูเสวี่ยเดินลงมาจากชั้นสองของคฤหาสถ์แล้วจึงหยุดทะเลาะ เนื่องจากแม่สวมรองเท้าส้นสูงคู่งามเดินลงมาจากชั้นบนแล้ว ซึ่งก็คือรองเท้าที่ฉีหรูเสวี่ยซื้อให้เธอ

“ว้าว แม่คะ แม่ใส่รองเท้าส้นสูงแล้วดูดีจริงๆ!” เย่เชี่ยนเหวินวิ่งมาอย่างร่าเริง เกาะแขนผู้เป็นแม่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“พระเจ้า นี่ผมเห็นอะไรกัน? นางเซียนลงมาจากสวรรค์หรือ? แม่ครับ ผมไม่พูดไม่ได้แล้ว พอแม่สวมรองเท้าส้นสูงคู่นี้ก็ดูเด็กลงไปอย่างน้อยก็ยี่สิบปี ไม่สิ สามสิบปีเลย องค์จักรพรรดินี โปรดประทานโอกาสให้กระหม่อมได้เต้นรำกับพระองค์ด้วยเถิด…” เย่เทียนเฉินกล่าวชมเกินจริงขึ้นมาก หยอกล้อจนหลัวเยี่ยนจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา สองพี่น้องคู่นี้บางครั้งก็ทำให้เธอเบิกบานใจจริงๆ

“พวกลูกสองพี่น้องไม่กลัวหรูเสวี่ยหัวเราะเยาะจริงๆ สินะ จะทำท่าทางเว่อร์กันเกินไปหรือเปล่า?” ปากของหลัวเยี่ยนก็พูดเช่นนี้แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีมาก ใครบ้างที่ไม่ชอบให้คนอื่นชมว่าตนดูเด็กลง? โดยเฉพาะเมื่อใช้ชีวิตมาจนถึงอายุเท่าเธอ คนที่ชมตนก็ยังเป็นลูกชายลูกสาว เมื่อได้สัมผัสกับความสัมพันธ์แบบนี้ทำให้รู้สึกยินดีอย่างหาใดเปรียบจริงๆ

“กลัวอะไร พี่สาวหรูเสวี่ยไม่ใช่คนนอก อีกอย่าง ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว…” เย่เชี่ยนเหวินเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พูดทางจงใจมองไปยังพี่ชายของตน

แก้มงามของฉีหรูเสวี่ยแดงระเรื่อ ในใจของเธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครัวเมื่อสักครู่นี้ ความจริงรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าตนจะต้องการยั่วยวนเย่เทียนเฉินโดยไม่รู้ตัว หรือว่าในใจลึกๆ จะหลงรักผู้ชายคนนี้จนถึงขั้นนั้นแล้ว? ฉีหรูเสวี่ยทำให้ตัวเองตกใจครั้งใหญ่จริงๆ

“อือฮึ แม่ครับ แต่ผมพูดจริงนะครับ รองเท้าส้นสูงคู่นี้ใครใส่ก็ดูดีไม่เท่าแม่ใส่ รองเท้าส้นสูงคู่นี้สร้างมาเพื่อแม่จริงๆ ไม่สิ ต้องบอกว่าโรงงานที่ผลิตรองเท้าหนังแห่งนี้มีอยู่เพื่อแม่โดยเฉพาะ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

ความจริงแล้ว ในตระกูลเย่ มีบรรยากาศแห่งความสุขเช่นนี้มาตลอด เดิมทีหลัวเยี่ยนเองก็ไม่อยากจะทำตัวเป็นแม่หัวโบราณอะไรอยู่แล้ว ส่วนเย่เชี่ยนเหวินก็มีนิสัยร่าเริง น่ารักเป็นอย่างมาก คอยบ่นเรื่องพี่ชายให้แม่ฟังเป็นระยะ เป็นชีวิตธรรมดาๆ เท่านั้น และเนื่องจากเย่เทียนเฉินที่ให้เงินค่าขนมเย่เชี่ยนเหวินเดือนละร้อยหยวนรับไม่ได้ที่เด็กคนนี้ไปฟ้องแม่ จึงได้ประนีประนอมกัน ส่วนเย่เทียนเฉินที่มีนิสัยทั้งอันธพาลและคล้ายกับมัจจุราช กล่าวคือในตอนที่ไม่มีเรื่องอะไรก็สามารถพูดคุยหยอกล้อได้ ตอนที่มีเรื่องก็เป็นจักรพรรดิที่ไม่อาจหาเรื่องได้

ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากที่เย่เทียนเฉินมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ มีความหวงแหนต่อครอบครัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว ความหวังสูงสุดของเขาก็คือการที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจกับพ่อแม่และน้องสาวชั่วชีวิต ปกป้องพวกเขาไม่ให้พบกับความไม่เป็นธรรมใดๆ ตอนนี้ดูแล้วคงจะไม่ได้ ในเมื่อไม่ได้ก็ต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ใครที่ขวางทางก็ฆ่าให้หมด ถึงจะสามารถสงบได้

“แม่ว่านะเทียนเฉิน ลูกอย่าเอาแต่พูดเลย ลูกยังไม่รู้ความเท่าหรูเสวี่ยด้วยซ้ำ เป็นประธานกรรมการแห่งเครือไห่หวางที่สง่าผ่าเผย แต่ของขวัญสักชิ้นก็ไม่เคยซื้อให้แม่กับน้อง ลูกก็จะขี้งกเกินไปหรือเปล่า ขนาดจะให้แม่กับน้องใช้เงินเล็กน้อยก็ยังทำใจไม่ได้…เฮ้อ เลี้ยงลูกชายนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”

หลัวเยี่ยนเห็นเย่เทียนเฉินทำท่าทางทาง ก็จงใจแสร้งทำเหมือนได้รับความไม่ยุติธรรมออกมาบ้าง ทำให้ฉีหรูเสวี่ย เย่เชี่ยนเหวินและเย่เทียนเฉินที่อยู่ด้านข้างมองจนตกตะลึง ใครก็คิดไม่ถึงว่าแม่จะใช้ลูกไม้นี้ ดูถูกไม่ได้จริงๆ แสดงออกมาได้ดียิ่งกว่าพวกเขามากนัก ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด นี่ไม่เพียงแต่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดถึงสิ่งที่หลัวเยี่ยนแสดงออกมาที่ตระกูลหลัว ทำให้เขาต้องยกนิ้วให้จริงๆ

“ใช่แล้ว เฮ้อ เป็นน้องสาวนี่ก็ไม่ได้รับสวัสดิการอะไรเลย พี่ชายเป็นถึงประธานคณะกรรมการแห่งเครือไห่หวางที่มีมูลค่านับร้อยล้าน แต่ก็ไม่เคยเห็นจะให้ของขวัญเลย…” เย่เชี่ยนเหวินเองก็แสดงไปกับหลัวเยี่ยน เข้าข้างหลัวเยี่ยนอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกอับจนคำพูดจริงๆ

เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินไม่พูดอะไร หลัวเยี่ยนก็รีบหันไปพูดกับฉีหรูเสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง “หรูเสวี่ยก็พูดอะไรหน่อยเถอะ เทียนเฉินก็จะขี้งกเกินไปแล้ว”

“ใช่แล้วพี่สาวหรูเสวี่ย พี่เองก็ว่าพี่ชายบ้างเถอะ เขาจะขี้เหนียวเกินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขี้เหนียวกับน้องสาวมาก…แบร่!” เย่เชี่ยนเหวินพูดพลางหันไปแลบลิ้นให้เย่เทียนเฉิน จงใจยั่วโมโห

“อา…” ฉีหรูเสวี่ยชะงักไป แก้มเล็กๆ แดงระเรื่อ กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอยังคงจมอยู่ในความกระอักกระอ่วนเมื่อสักครู่นี้อยู่

“แม่ น้อง พวกแม่เห็นไหม? มีแต่พวกคุณแม่สองคนที่บอกว่าผมขี้งก ไปบอกให้หรูเสวี่ยพูด เธอก็พูดไม่ออกใช่ไหม? ความจริงผมคนนี้ใจกว้างมาก แต่พวกแม่คิดเล็กคิดน้อยเกินไป!”

เย่เทียนเฉินส่ายหน้า พูดจาให้ตัวเองสบายใจ ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกเสียดายที่จะให้แม่และน้องใช้เงิน แต่เป็นเพราะเหมือนที่เขากล่าวกันว่า สำหรับเย่เทียนเฉินแล้วยิ่งเงินเยอะก็ไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย ไม่มีเรื่องอะไรที่จะสำคัญกว่าครอบครัว เพียงแต่ด้วยนิสัยของเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องของขวัญอะไรนี่เลย ยิ่งไปกว่านั้นอีคิวของเขาก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ ไม่คิดเรื่องซื้อของอะไรโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เห็นแม่และน้องร่วมมือกันรุมตัวเองก็รีบแก้ตัวออกมา

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังได้ใจ เตรียมจะหมุนตัวเดินไปนั้น ฉีหรูเสวี่ยจะพูดขึ้นว่า “นี่ ก่อนหน้านี้นายแอบกินกุ้งมังกรของฉัน ตอนนี้ยังแอบกินเนื้อที่ฉันทำอีก ไม่คิดว่าควรจะซื้อของขวัญตอบแทนฉันบ้างหรือไง?”

ฉีหรูเสวี่ยพูดจาทำให้ผู้คนตกใจได้จริงๆ เมื่อคำพูดนี้ของเธอถูกกล่าวออกมา เย่เทียนเฉินก็มึนงงลงทันตา ต้องกล่าวว่าเขาเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง จะไปแอบกินอะไรได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลก สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือการกินอาหารเลิศรสบนโลกนี้ ตอนนี้ถูกฉีหรูเสวี่ยพูดแบบนี้ใส่ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ คิดว่าฉีหรูเสวี่ยร้ายกาจกว่าพวกเธอมากนัก พูดประโยคเดียวก็ควบคุมเย่เทียนเฉินได้แล้ว

“ฉัน…นั่นเรียกว่าแอบกินได้เหรอ? ฉันใช้ร่างกายทดสอบพิษ ทดสอบดูว่าอาหารที่เธอทำมีปัญหาหรือเปล่า…” เย่เทียนเฉินคิดคำแก้ตัวไม่ออกจริงๆ เขาพูดพลางยักไหล่

“อ้อ กุ้งมังกรตัวใหญ่ที่ฉันทำก่อนหน้านี้คุณน้ากับน้องเชื่อยนเหวินก็กินไปก่อนแล้ว ส่วนเนื้อวัวตุ๋นหัวไชเท้า น้องเชี่ยนเหวินก็ชิมไปก่อนแล้ว ต้องให้นายมาทดสอบอีกเหรอ? แล้วยังมีผลไม้จานนั้นอีก ไม่รู้ว่าใครแอบลงมากินตอนกลางคืน จนท้องเสียไปหนึ่งวันเต็มๆ!” ฉีหรูเสวี่ยพูดกับเย่เทียนเฉินแล้วยู่ปากเล็กๆ อันน่ารักขึ้น

“เธอสารภาพเองแล้วใช่ไหม? ผลไม้จานนั้นเธอจงใจวางยา จงใจแกล้งฉัน ในที่สุดก็สารภาพออกมาเองแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองไปยังฉีหรูเสวี่ยแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางดุดัน

“เปล่านะ นายสมควรได้รับมันแล้ว แอบมาขโมยของกินตอนกลางคืน กินผลไม้จานใหญ่หมดไปขนาดนั้นไม่ท้องเสียก็แปลกแล้ว…” ฉีหรูเสวี่ยเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย เธอพูดขึ้นพลางยักไหล่สูง

หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินที่อยู่ข้างๆ เห็นเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยตีฝีปากกันโดยไม่รับรู้ถึงคนอื่นโดยสิ้นเชิง จนทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ในสายตาของพวกเธอ เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยเหมาะสมกันมาก บางทีใครหลายคนอาจจะบอกว่า หลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องสาวจะคิดมากเกินไปหรือเปล่า? เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งก็ดูเหมือนจะต้องการให้มาเป็นพี่สะใภ้ลูกสะใภ้ของตนทันที หากคุณมีลูกชายหรือพี่ชายที่เคยใช้ชีวิตว่างเปล่าไม่ยอมร่ำเรียนหนังสือมาตลอดจนอายุยี่สิบ และยังดูท่าทางติดเล่นอยู่มาก กระทั่งแฟนก็ไม่มี ยิ่งไม่เข้าใจเรื่องความรัก อีคิวก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คุณก็จะรู้สึกกังวลมาก จะรีบจัดการเรื่องการแต่งงานซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเขา

“เอาล่ะๆ เทียนเฉิน เอาแบบนี้แล้วกัน ของขวัญเหล่านี้เพื่อแสดงถึงหนี้ที่ลูกติดค้างพวกเรา ส่วนของแม่และน้องรอก่อนก็ได้ แต่ลูกจะต้องซื้อของขวัญให้หรูเสวี่ย เป็นของแทนคำขอโทษและของตอบแทน!” หลัวเยี่ยนพูดขัดเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม

“เอ๋? แม่ครับ ผมไม่ได้ติดหนี้อะไรเธอ แล้วยังต้องให้ของขวัญอีก จะวุ่นวายเกินไปหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดพลางกรอกตาใส่ฉีหรูเสวี่ย

“ลูกนี่นะ ก่อนหน้านี้ตอนที่หรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเรา ลูกกินข้าวที่ใครทำ ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าที่หรูเสวี่ยจะมาเยี่ยมสักครั้ง และทำกับข้าวให้พวกเรากิน ลูกก็ไปแอบกินเป็นคนแรก มอบของขวัญให้เธอก็เป็นเรื่องเหมาะสม เอาตามนี้แล้วกัน ไม่งั้นแม่จะโกรธแล้ว!” หลัวเยี่ยนมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

ต้องกล่าวว่าบนโลกแห่งนี้คนที่สามารถสยบเย่เทียนเฉินได้มากที่สุดก็คือหลัวเยี่ยนอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว และก็ไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นการตอบแทนความรักที่ครอบครัวและพ่อแม่มีให้กับเขา เมื่อเห็นแม่ดูจริงจังขึ้นมาจริงๆ เย่เทียนเฉินก็ส่งเสียงตอบรับออกมา มองไปยังฉีหรูเสวี่ยที่แย้มยิ้มราวดอกไม้บาน ถือว่าเธอชนะไปอีกครั้งแล้ว เขาทอดถอนใจออกมาอย่างจนคำพูด เดินเข้าไปในครัวเตรียมกินข้าว

การตั้งโต๊ะกินข้าวเป็นหน้าที่ของเย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวิน เนื่องจากฉีหรูเสวี่ยมาหา หลัวเยี่ยนย่อมต้องอยู่คุยเป็นเพื่อนเธอด้วยตัวเอง และเธอชอบฉีหรูเสวี่ยมากด้วย ในหมู่ผู้หญิงที่มาติดพันลูกชายในช่วงนี้ คนที่หลัวเยี่ยนพึงพอใจมากที่สุดก็คือฉีหรูเสวี่ย ยอดเยี่ยมไปทุกด้านจริงๆ จุดอ่อนเพียงข้อเดียวก็คือดูเหมือนว่าลูกชายจะไม่มีความรู้สึกอะไรต่อฉีหรูเสวี่ย

สองทุ่มท้องฟ้ามืดแล้ว เย่เทียนเฉิน เย่เชี่ยนเหวิน หลัวเยี่ยน และฉีหรูเสวี่ยต่างนั่งล้อมกินข้าวกันบนโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข กระทั่งการทะเลาะกันของเย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินในตอนแรกก็ลืมไปหมดแล้ว พวกเขากินไปพลางพูดคุยไปพลาง เมื่อรวมเข้ากับเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าที่ฉีหรูเสวี่ยทำซึ่งอร่อยเลิศเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกคนกินข้าวกันอย่างมีความสุข มีหลายครั้งที่เย่เชี่ยนเหวินแย่งเนื้อมาจากในถ้วยของเย่เทียนเฉิน ทำให้เย่เทียนเฉินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

“เทียนเฉิน กินข้าวเสร็จลูกก็ไปเดินเล่นกับหรูเสวี่ยสักหน่อยเถอะ ถึงแม้หรูเสวี่นจะอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ของพวกเรามาระยะหนึ่ง แต่ก็ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของเขตคฤหาสถ์นี้ ลูกพาไปเดินดูรอบๆ สักหน่อยแล้วกัน!” หลัวเยี่ยนเอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณน้า หนูเดินไปดูเองก็ได้!” ฉีหรูเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง หนูเป็นแขก ให้เทียนเฉินไปเดินรอบๆ เป็นเพื่อนเถอะ ถ้าเด็กคนนี้กล้ารังแกหนู หนูก็มาบอกน้าได้เลย น้าจะจัดการเขาให้!” หลัวเยี่ยนจ้องไปยังลูกชายของตนแล้วพูดขึ้น

เย่เทียนเฉินรู้สึกอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง เขารู้ว่าแม่และน้องสาว อีกทั้งยังมีฉีหรูเสวี่ย ผู้หญิงสามคนนี้อยู่ฝ่ายเดียวกัน ตนเองพูดไปจะไม่นับเป็นการหาเรื่องหรือไง? หุบปากกินเนื้อตุ๋นหัวไชเท้าเลิศรสไปเงียบๆ จะดีกว่า!

…………………..

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+