เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 362 ชิงเฉิงเยว่ชนะ?

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 362 ชิงเฉิงเยว่ชนะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การต่อสู้ของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ สุดท้ายทั้งสองล้วนใช้เคล็ดวิชาของพรรคตนเองออกมา การโจมตีนี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมี 1000 เมตร ต่อให้มีค่ายกลของพรรควรยุทธโบราณค้ำชูอยู่ก็ไม่สามารถขวางการต่อสู้ของผู้หญิงที่แข็งแกร่งทั้งสองได้ ขนาดเย่เทียนเฉินก็ยังถูกทำให้สั่นสะท้านจนตกลงมาจากต้นไม้ และจำเป็นต้องใช้โล่พลังพิเศษป้องกันตัว มิฉะนั้นเกรงว่าคงถูกคลื่นผันผวนของการโจมตีรุนแรงที่แผ่ออกมาทำให้บาดเจ็บไปแล้ว

เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณ “ฝ่ามือสะท้านฟ้าทลายสูญ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของคัมภีร์ทลายสูญแห่งพรรคสระหยก เรียกได้ว่าแข็งแกร่งปะทะแข็งแกร่ง ในตอนที่เคล็ดวิชาที่ต่างกันทั้งสองถูกตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ใช้ออกมา ความรู้สึกที่เย่เทียนเฉินมีก็คือ คล้ายกับพลังสองประเภทนั้นมีความสามารถถล่มฟ้าทะลายดินได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อโจมตีปะทะกัน ล้วนแข็งแกร่งเช่นนั้น ล้วนมีพลังทำลายล้างเช่นนั้น

ที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ต่างมีใบหน้าที่งดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง งดงามเป็นอย่างมาก งดงามจนทำให้สวรรค์ต้องอิจฉา งดงามจนทำให้ชายใดก็ตามที่ได้เห็นต้องใจสั่น งดงามจนอดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนตกอยู่ในภวังค์และสบถออกมา ผู้หญิงสองคนนี้สวยแตกต่างกัน คนหนึ่งให้ความรู้สึกเหมือนสาวยุคปัจจุบัน อีกคนงามเหมือนสาวยุคโบราณ หากต้องการเปรียบเทียบว่าใครสวยกว่า ในความคิดของเย่เทียนเฉินที่เห็นสาวงามมานับไม่ถ้วน ทั้งสองมีความงามพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ไม่มีใครด้อยกว่าและไม่มีใครสวยกว่า

เดิมทีชิงเฉิงเยว่คิดว่าตนชนะตงฟางเมิ่งได้อย่างหมดจดแล้ว ความสามารถที่ตงฟางเมิ่งแสดงออกมาจะร้ายกาจเป็นอย่างมากจนกระทั่งชิงเฉิงเยว่ก็ยังต้องนับถือ ส่วนชิงเฉิงเยว่ก็ไม่เสียทีที่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในด้านการฝึกวรยุทธอันหาได้ยากยิ่งแห่งพรรควรยุทธโบราณในรอบหลาย 100 ปี เมื่อเผชิญหน้ากับ “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณที่ตงฟางเมิ่งใช้ออกมา เธอยังไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ในขณะเดียวกัน “ฝ่ามือสะท้านฟ้าทายสูญ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของพรรคสระหยกก็แข็งแกร่งมาก เมื่อสู้กันก็ยังไม่รู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใครอ่อนแอกว่า

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่กำลังดีใจอยู่นั้น เธอเห็นว่าบนไหล่ซ้ายของตนถูกกระบี่หยกแทงเป็นรู เลือดไหลออกมาตามรูกระบี่หยก ส่วนตงฟางเมิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ลงมาแล้ว มุมปากมีเลือดไหลออกมา การโจมตีนี้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บไม่เบา จะอย่างไรคัมภีร์ดรุณีหยกของเธอก็ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นสุดท้าย แต่อย่างไรก็ยังมีความชำนาญ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงสามารถทำให้ชิงเฉิงเยว่บาดเจ็บได้ ไม่เบาเลยจริงๆ

“คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งมากจริงๆ หากเธอฝึกขั้นสุดท้ายจนสมบูรณ์แบบ บางทีฉันคงไม่ใช่คู่มือของเธอ!” ชิงเฉิงเยว่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนไหล่ซ้าย พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพูด แต่เธอไม่มีพลังจะพูด และไม่คิดจะทำให้สิ้นเปลืองพลังด้วย เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” เมื่อครู่นี้แทบจะใช้พลังในร่างกายของเธอไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังคิดไม่ถึงว่าชิงเฉิงเยว่จะกล้าปะทะอย่างแข็งกร้าว ทำให้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง หากตอนนี้ยังอ้าปากพูดอีกไม่แน่ว่าอาจจะกระอักเลือดออกมา เช่นนั้นชิงเฉิงเยว่ก็ยิ่งไม่มีความหวาดกลัวต่อเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่อาจจะตายได้ ตอนนี้ตงฟางเมิ่งรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่า ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ การโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนั้นถึงกับไม่อาจทำให้เธอบาดเจ็บสาหัสได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่เสียชื่อเลยจริงๆ

“ไม่พูดเหรอ? ดูแล้วเธอบาดเจ็บไม่เบาเลย การประลองหญิงแห่งพรรควรยุทธโบราณของพวกเราควรจะจบได้แล้ว!” ชิงเฉิงเยว่พูดด้วยเสียงเย็นชา

ตอนนี้ตงฟางเมิ่งอยากจะพุ่งทะยานเข้าไปสู้กับชิงเฉิงเยว่มาก แต่เธอไม่มีพลังเช่นนั้นแล้วจริงๆ ตอนนี้เธอยืนหยัดตนเองไม่ให้ล้มได้ก็ไม่เลวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างชิงเฉิงเยว่เลย ตอนนี้ตงฟางเมิ่งเพิ่งจะจดจำคำพูดที่อาจารย์พูดกับเธอก่อนจะจากไปได้ หากยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ถึงขั้นสุดท้าย ทางที่ดีอย่าใช้ออกมา มิฉะนั้นอาจจะให้ผลในทางตรงกันข้าม หากฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ได้ คนที่จะตายก็คือตน!

ข้อบกพร่อง คัมภีร์ดรุณีหยกที่ชิงเฉิงเยว่ฝึกฝนยังมีข้อบกพร่องอยู่ จะอย่างไรเธอก็ยังไม่สามารถหาผู้ชายที่เธอรักอย่างลึกซึ้งได้ จึงไม่อาจทำการฝึกฝนร่วมกันซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก และไม่อาจทำให้คัมภีร์ดรุณีหยกสมบูรณ์แบบ เมื่อฝืนใช้ออกไปในสถานการณ์ที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้พลังภายในร่างกายของตนเหือดแห้ง แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบตีกลับด้วย ตอนนี้อาการบาดเจ็บภายในของตงฟางเมิ่งเกิดจากชิงเฉิงเยว่ แต่ที่สำคัญเป็นเพราะเธอฝืนใช้ “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ที่ยังมีผลข้างเคียงอยู่

อาจารย์บรรพบุรุษแห่งพรรคสุสานโบราณที่สร้างคัมภีร์ดรุณีหยกมานั้น กำหนดให้ในส่วนสุดท้าย ลูกศิษย์หญิงภายในพรรคหาต้องผู้ชายที่รักมาฝึกร่วมกัน นั่นก็เพราะไม่อยากให้ศิษย์หญิงในพรรคต้องอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวไปจนตาย ไม่มีรักแท้ไปชั่วชีวิต เนื่องจากผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็จำเป็นต้องมีที่พึ่ง ผู้หญิงที่ไม่มีที่พึ่งก็จะน่าสงสาร นี่เป็นส่วนที่ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคิดเพื่อลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ ทำให้หลายปีมานี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีศิษย์ของพรรคสุสานโบราณคนไหนฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้เลย

ประการแรก ก่อนที่จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกต้องมีพรสวรรค์สูงส่ง ใสบริสุทธิ์เหมือนน้ำแข็งสะอาดเหมือนหยก ราวกับไม่ได้อยู่กินบนโลกมนุษย์ หากไม่มีความเข้าใจและความพยายามในการฝึกฝนอันสูงส่งก็จะไม่สามารถฝึกฝนคัมภีร์ดรุณียกได้ แต่เมื่อถึงขั้นสุดท้ายกลับต้องหาผู้ชายที่ตนรักมาฝึกร่วมกัน นี่เป็นเรื่องยากลำบากมาก เรียกได้ว่ายากยิ่งกว่ายาก เนื่องจากลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณปกติจะใช้ชีวิตอย่างสันโดษ อีกทั้งในพรรคก็ยังรับสมัครแต่ศิษย์หญิง ในด่านสุดท้ายกลับต้องหาผู้ชายมาฝึกร่วมกัน นี่จะง่ายได้อย่างไร? ความจริงเมื่อคิดถึงตรงนี้ ตงฟางเมิ่งก็เข้าใจกระจ่าง ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณมีจิตใจดี ไม่อยากให้ลูกศิษย์ในพรรคต้องใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนแก่ตายไปเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้ความสุขที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะมี

ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ในใจก็รู้สึกตื่นตะลึงมาก คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ในสภาพที่ยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ก็ยังต่อสู้กับตนได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้เธอ ชิงเฉิงเยว่ บาดเจ็บได้อีกด้วย หากตงฟางเมิ่งฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสุดท้าย เป็นไปได้มากว่าจะต่อสู้เป็นตายกับตนได้จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นใครจะแพ้ใครจะชนะก็ยังไม่แน่

ตอนนี้เอง ชิงเฉิงเยว่ใช้มือขวาดึงกระบี่หยกที่ปักอยู่บริเวณไหล่ซ้ายของตนออกมา ด้านบนมีรอยเลือดอยู่ แต่ชิงเฉิงเยว่ใช้พลังภายในหยุดยั้งการไหลของเลือดบริเวณปากแผลไปแล้ว มองกระบี่หยกในมือของตนแล้วพูดว่า “นี่คงจะเป็นกระบี่หงษ์หยกของพรรคสุสานโบราณ ได้ยินว่าเคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกมีมากมาย นอกจากจะทำให้ฝึกฝนพลังภายในที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาได้แล้ว ยังมีเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีเพลงดาบผสานอยู่อีก ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ !”

“ดูแล้วเธอรู้ไม่น้อยเลย…” ตงฟางเมิ่งกัดฟันพูด

“เพียงแต่น่าเสียดาย เพลงดาบของเธอเมื่อครู่นี้ขาดคนผสาน เคล็ดวิชาของพรรคสุสานโบราณของเธอต้องให้ผู้หญิงและผู้ชายฝึกฝนร่วมกัน ดูแล้วเธอคงขาดผู้ชายจริงๆ!” ชิงเฉิงเยว่แย้มยิ้มเล็กน้อย มองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้น

“เธอจะพูดมากไปแล้ว ระหว่างพวกเรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะ!” ดวงตาของตงฟางเมิ่งหนักแน่นมันคง

ชิงเฉิงเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้สึกเสียดายหากจริงๆ หากต้องฆ่าเธอ ถ้าเธอตายแล้วคงหาคู่ต่อสู้แบบนี้ได้ยาก แต่อาจารย์ฉันสั่งมาแล้วว่าพวกเธอสามคนต้องตายทั้งหมด ดังนั้นฉันจะทำตามคำพูดก่อนหน้านี้ของฉัน ฆ่าสองคนนั้นก่อนแล้วค่อยฆ่าเธอ!”

ในตอนนี้ เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ที่สูญเสียพลังการต่อสู้ไปนานแล้วต่างพากันขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของชิงเฉิงเยว่เป็นสิ่งที่พวกเธอได้เห็นกับตา ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ ส่วนตงฟางเมิ่งก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ถึงขนาดชิงเฉิงเยว่ เพราะเคล็ดวิชาพลังภายในยังไม่สมบูรณ์ มิฉะนั้นความสามารถอาจจะไม่ด้อยไปกว่าชิงเฉิงเยว่เลย ตอนนี้พวกเธอสี่คนที่อยู่ที่นี่ชิงเฉิงเยว่ยังคงแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้ไหล่ซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่มีผลกระทบต่อความสามารถ ผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะบุคคลทางด้านการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากในรอบ 100 ปีจริงๆ

แต่ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่เพิ่งจะเดินก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ตงฟางเมิ่งกลับยังคงขวางอยู่เบื้องหน้า เธอฝืนร่างกายที่แทบจะทนไม่ไหวของตน ไม่สนใจอาการบาดเจ็บภายใน ขวางอยู่เบื้องหน้าชิงเฉิงเยว่เช่นนั้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอพูดคำไหนคำนั้น ฉันเองก็พูดคำไหนคำนั้น ฉันบอกแล้วว่า ขอเพียงมีฉันอยู่ เธอก็อย่าคิดจะฆ่าคนอื่นเลย!”

“เธอคิดว่าตอนนี้เธอจะขวางฉันได้เหรอ?” ชิงเฉิงเยว่เอ่ยปากถาม

“ขวางไม่ได้ก็จะพยายามเต็มที่ นอกจากจะฆ่าฉันซะ!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างหนักแน่น

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางเมิ่ง จะมากจะน้อยชิงเฉิงเยว่ก็ยังรู้สึกนับถือ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากคนหนึ่งจริงๆ แต่ตงฟางเมิ่งกลับ ไม่รู้จักหลีกเลี่ยง พรรคสุสานโบราณต้องการก่อตั้งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธมาโดยตลอด เพื่อทำให้การต่อสู้ในยุทธภพลดลง นี่เป็นการพูดปากเปล่าโดยสิ้นเชิง ขอเพียงมีอำนาจอยู่ ขอเพียงมีคนอยู่บนโลกใบนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีความสงบสุขที่แท้จริง ทำได้เพียงทำให้มันมีจุดสมดุลเท่านั้น หากคิดจะทำให้ยุทธภพสงบสุขอย่างแท้จริง นอกเสียจากว่าจะมีบุคคลที่มีความสามารถและคุณธรรมครบครัน มีวรยุทธแข็งแกร่งที่สุดในโลกปรากฏตัวขึ้น ถึงจะสั่นสะท้านพรรควรยุทธโบราณทั้งหมดได้

“พรรคสุสานโบราณควรค่าให้ผู้คนนับถือจริงๆ พวกเธอใจดี เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่รู้จักพลิกแพลง…”

ฟิ้ว!

ชิงเฉิงเยว่หายไปในพริบตา ตงฟางเมิ่งตื่นตะลึง จนกระทั่งเมื่อเธอหันมาก็พบว่าไม่ทันแล้ว ชิงเฉิงเยว่ทะยานไปถึงเบื้องหน้าเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์แล้ว ฝ่ามือทั้งสองซัดไปยังพวกเธอพร้อมกัน

“อย่า…”

ตู้ม!

ตู้ม!

เสียงสองเสียงดังสนั่น เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอไม่ได้ถูกซัดจนกระเด็นออกไปตาย แต่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นมีคนในชุดสีดำที่ปกปิดใบหน้าสองคนปรากฏตัวขึ้นมา ขวางฝ่ามือทั้งสองของชิงเฉิงเยว่เอาไว้พร้อมกัน แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนในชุดสีดำทั้งสองก็เกือบจะถูกซัดจนปลิว ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่ถอยหลังไป คนในชุดสีดำที่ปกปิดใบหน้าทั้งสองก็พาเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์หนีไปแล้ว

“หึ พรรคมีดบินและพรรคเทียนซู่ฉีมีคนรอรับอยู่แล้ว พวกเขาคงไม่มองศิษย์อันยอดเยี่ยมของพรรคตัวเองตายไปแบบนี้แน่ ถ้างั้นพรรคสุสานโบราณของเธอล่ะ? ทั้งพรรคสุสานโบราณเหลือเธอแค่คนเดียว คงไม่มีคนมาช่วยเธอหรอก? คนตระกูลตงฟางของเธอจะมาช่วยหรือเปล่า?” ชิงเฉิงเยว่แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง หันไปมองตงฟางเมิ่งแล้วเอ่ยถาม

“พวกเธอหนีไปได้ก็ดีแล้ว ต่อไปเธอกับฉันก็วางมือเถอะ!” ทันใดนั้นแววตาของตงฟางเมิ่งแปรเปลี่ยนไปกระจ่างใส ลมปราณเช่นนั้นไม่เหมือนกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อน แข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 362 ชิงเฉิงเยว่ชนะ?

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 362 ชิงเฉิงเยว่ชนะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การต่อสู้ของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ สุดท้ายทั้งสองล้วนใช้เคล็ดวิชาของพรรคตนเองออกมา การโจมตีนี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมี 1000 เมตร ต่อให้มีค่ายกลของพรรควรยุทธโบราณค้ำชูอยู่ก็ไม่สามารถขวางการต่อสู้ของผู้หญิงที่แข็งแกร่งทั้งสองได้ ขนาดเย่เทียนเฉินก็ยังถูกทำให้สั่นสะท้านจนตกลงมาจากต้นไม้ และจำเป็นต้องใช้โล่พลังพิเศษป้องกันตัว มิฉะนั้นเกรงว่าคงถูกคลื่นผันผวนของการโจมตีรุนแรงที่แผ่ออกมาทำให้บาดเจ็บไปแล้ว

เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณ “ฝ่ามือสะท้านฟ้าทลายสูญ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของคัมภีร์ทลายสูญแห่งพรรคสระหยก เรียกได้ว่าแข็งแกร่งปะทะแข็งแกร่ง ในตอนที่เคล็ดวิชาที่ต่างกันทั้งสองถูกตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ใช้ออกมา ความรู้สึกที่เย่เทียนเฉินมีก็คือ คล้ายกับพลังสองประเภทนั้นมีความสามารถถล่มฟ้าทะลายดินได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อโจมตีปะทะกัน ล้วนแข็งแกร่งเช่นนั้น ล้วนมีพลังทำลายล้างเช่นนั้น

ที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ต่างมีใบหน้าที่งดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง งดงามเป็นอย่างมาก งดงามจนทำให้สวรรค์ต้องอิจฉา งดงามจนทำให้ชายใดก็ตามที่ได้เห็นต้องใจสั่น งดงามจนอดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนตกอยู่ในภวังค์และสบถออกมา ผู้หญิงสองคนนี้สวยแตกต่างกัน คนหนึ่งให้ความรู้สึกเหมือนสาวยุคปัจจุบัน อีกคนงามเหมือนสาวยุคโบราณ หากต้องการเปรียบเทียบว่าใครสวยกว่า ในความคิดของเย่เทียนเฉินที่เห็นสาวงามมานับไม่ถ้วน ทั้งสองมีความงามพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ไม่มีใครด้อยกว่าและไม่มีใครสวยกว่า

เดิมทีชิงเฉิงเยว่คิดว่าตนชนะตงฟางเมิ่งได้อย่างหมดจดแล้ว ความสามารถที่ตงฟางเมิ่งแสดงออกมาจะร้ายกาจเป็นอย่างมากจนกระทั่งชิงเฉิงเยว่ก็ยังต้องนับถือ ส่วนชิงเฉิงเยว่ก็ไม่เสียทีที่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในด้านการฝึกวรยุทธอันหาได้ยากยิ่งแห่งพรรควรยุทธโบราณในรอบหลาย 100 ปี เมื่อเผชิญหน้ากับ “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณที่ตงฟางเมิ่งใช้ออกมา เธอยังไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ในขณะเดียวกัน “ฝ่ามือสะท้านฟ้าทายสูญ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของพรรคสระหยกก็แข็งแกร่งมาก เมื่อสู้กันก็ยังไม่รู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใครอ่อนแอกว่า

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่กำลังดีใจอยู่นั้น เธอเห็นว่าบนไหล่ซ้ายของตนถูกกระบี่หยกแทงเป็นรู เลือดไหลออกมาตามรูกระบี่หยก ส่วนตงฟางเมิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ลงมาแล้ว มุมปากมีเลือดไหลออกมา การโจมตีนี้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บไม่เบา จะอย่างไรคัมภีร์ดรุณีหยกของเธอก็ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นสุดท้าย แต่อย่างไรก็ยังมีความชำนาญ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงสามารถทำให้ชิงเฉิงเยว่บาดเจ็บได้ ไม่เบาเลยจริงๆ

“คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งมากจริงๆ หากเธอฝึกขั้นสุดท้ายจนสมบูรณ์แบบ บางทีฉันคงไม่ใช่คู่มือของเธอ!” ชิงเฉิงเยว่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนไหล่ซ้าย พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพูด แต่เธอไม่มีพลังจะพูด และไม่คิดจะทำให้สิ้นเปลืองพลังด้วย เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” เมื่อครู่นี้แทบจะใช้พลังในร่างกายของเธอไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังคิดไม่ถึงว่าชิงเฉิงเยว่จะกล้าปะทะอย่างแข็งกร้าว ทำให้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง หากตอนนี้ยังอ้าปากพูดอีกไม่แน่ว่าอาจจะกระอักเลือดออกมา เช่นนั้นชิงเฉิงเยว่ก็ยิ่งไม่มีความหวาดกลัวต่อเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่อาจจะตายได้ ตอนนี้ตงฟางเมิ่งรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่า ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ การโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนั้นถึงกับไม่อาจทำให้เธอบาดเจ็บสาหัสได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่เสียชื่อเลยจริงๆ

“ไม่พูดเหรอ? ดูแล้วเธอบาดเจ็บไม่เบาเลย การประลองหญิงแห่งพรรควรยุทธโบราณของพวกเราควรจะจบได้แล้ว!” ชิงเฉิงเยว่พูดด้วยเสียงเย็นชา

ตอนนี้ตงฟางเมิ่งอยากจะพุ่งทะยานเข้าไปสู้กับชิงเฉิงเยว่มาก แต่เธอไม่มีพลังเช่นนั้นแล้วจริงๆ ตอนนี้เธอยืนหยัดตนเองไม่ให้ล้มได้ก็ไม่เลวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างชิงเฉิงเยว่เลย ตอนนี้ตงฟางเมิ่งเพิ่งจะจดจำคำพูดที่อาจารย์พูดกับเธอก่อนจะจากไปได้ หากยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ถึงขั้นสุดท้าย ทางที่ดีอย่าใช้ออกมา มิฉะนั้นอาจจะให้ผลในทางตรงกันข้าม หากฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ได้ คนที่จะตายก็คือตน!

ข้อบกพร่อง คัมภีร์ดรุณีหยกที่ชิงเฉิงเยว่ฝึกฝนยังมีข้อบกพร่องอยู่ จะอย่างไรเธอก็ยังไม่สามารถหาผู้ชายที่เธอรักอย่างลึกซึ้งได้ จึงไม่อาจทำการฝึกฝนร่วมกันซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก และไม่อาจทำให้คัมภีร์ดรุณีหยกสมบูรณ์แบบ เมื่อฝืนใช้ออกไปในสถานการณ์ที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้พลังภายในร่างกายของตนเหือดแห้ง แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบตีกลับด้วย ตอนนี้อาการบาดเจ็บภายในของตงฟางเมิ่งเกิดจากชิงเฉิงเยว่ แต่ที่สำคัญเป็นเพราะเธอฝืนใช้ “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ที่ยังมีผลข้างเคียงอยู่

อาจารย์บรรพบุรุษแห่งพรรคสุสานโบราณที่สร้างคัมภีร์ดรุณีหยกมานั้น กำหนดให้ในส่วนสุดท้าย ลูกศิษย์หญิงภายในพรรคหาต้องผู้ชายที่รักมาฝึกร่วมกัน นั่นก็เพราะไม่อยากให้ศิษย์หญิงในพรรคต้องอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวไปจนตาย ไม่มีรักแท้ไปชั่วชีวิต เนื่องจากผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็จำเป็นต้องมีที่พึ่ง ผู้หญิงที่ไม่มีที่พึ่งก็จะน่าสงสาร นี่เป็นส่วนที่ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคิดเพื่อลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ ทำให้หลายปีมานี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีศิษย์ของพรรคสุสานโบราณคนไหนฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้เลย

ประการแรก ก่อนที่จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกต้องมีพรสวรรค์สูงส่ง ใสบริสุทธิ์เหมือนน้ำแข็งสะอาดเหมือนหยก ราวกับไม่ได้อยู่กินบนโลกมนุษย์ หากไม่มีความเข้าใจและความพยายามในการฝึกฝนอันสูงส่งก็จะไม่สามารถฝึกฝนคัมภีร์ดรุณียกได้ แต่เมื่อถึงขั้นสุดท้ายกลับต้องหาผู้ชายที่ตนรักมาฝึกร่วมกัน นี่เป็นเรื่องยากลำบากมาก เรียกได้ว่ายากยิ่งกว่ายาก เนื่องจากลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณปกติจะใช้ชีวิตอย่างสันโดษ อีกทั้งในพรรคก็ยังรับสมัครแต่ศิษย์หญิง ในด่านสุดท้ายกลับต้องหาผู้ชายมาฝึกร่วมกัน นี่จะง่ายได้อย่างไร? ความจริงเมื่อคิดถึงตรงนี้ ตงฟางเมิ่งก็เข้าใจกระจ่าง ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณมีจิตใจดี ไม่อยากให้ลูกศิษย์ในพรรคต้องใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนแก่ตายไปเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้ความสุขที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะมี

ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ในใจก็รู้สึกตื่นตะลึงมาก คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ในสภาพที่ยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ก็ยังต่อสู้กับตนได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้เธอ ชิงเฉิงเยว่ บาดเจ็บได้อีกด้วย หากตงฟางเมิ่งฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสุดท้าย เป็นไปได้มากว่าจะต่อสู้เป็นตายกับตนได้จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นใครจะแพ้ใครจะชนะก็ยังไม่แน่

ตอนนี้เอง ชิงเฉิงเยว่ใช้มือขวาดึงกระบี่หยกที่ปักอยู่บริเวณไหล่ซ้ายของตนออกมา ด้านบนมีรอยเลือดอยู่ แต่ชิงเฉิงเยว่ใช้พลังภายในหยุดยั้งการไหลของเลือดบริเวณปากแผลไปแล้ว มองกระบี่หยกในมือของตนแล้วพูดว่า “นี่คงจะเป็นกระบี่หงษ์หยกของพรรคสุสานโบราณ ได้ยินว่าเคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกมีมากมาย นอกจากจะทำให้ฝึกฝนพลังภายในที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาได้แล้ว ยังมีเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีเพลงดาบผสานอยู่อีก ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ !”

“ดูแล้วเธอรู้ไม่น้อยเลย…” ตงฟางเมิ่งกัดฟันพูด

“เพียงแต่น่าเสียดาย เพลงดาบของเธอเมื่อครู่นี้ขาดคนผสาน เคล็ดวิชาของพรรคสุสานโบราณของเธอต้องให้ผู้หญิงและผู้ชายฝึกฝนร่วมกัน ดูแล้วเธอคงขาดผู้ชายจริงๆ!” ชิงเฉิงเยว่แย้มยิ้มเล็กน้อย มองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้น

“เธอจะพูดมากไปแล้ว ระหว่างพวกเรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะ!” ดวงตาของตงฟางเมิ่งหนักแน่นมันคง

ชิงเฉิงเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้สึกเสียดายหากจริงๆ หากต้องฆ่าเธอ ถ้าเธอตายแล้วคงหาคู่ต่อสู้แบบนี้ได้ยาก แต่อาจารย์ฉันสั่งมาแล้วว่าพวกเธอสามคนต้องตายทั้งหมด ดังนั้นฉันจะทำตามคำพูดก่อนหน้านี้ของฉัน ฆ่าสองคนนั้นก่อนแล้วค่อยฆ่าเธอ!”

ในตอนนี้ เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ที่สูญเสียพลังการต่อสู้ไปนานแล้วต่างพากันขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของชิงเฉิงเยว่เป็นสิ่งที่พวกเธอได้เห็นกับตา ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ ส่วนตงฟางเมิ่งก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ถึงขนาดชิงเฉิงเยว่ เพราะเคล็ดวิชาพลังภายในยังไม่สมบูรณ์ มิฉะนั้นความสามารถอาจจะไม่ด้อยไปกว่าชิงเฉิงเยว่เลย ตอนนี้พวกเธอสี่คนที่อยู่ที่นี่ชิงเฉิงเยว่ยังคงแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้ไหล่ซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่มีผลกระทบต่อความสามารถ ผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะบุคคลทางด้านการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากในรอบ 100 ปีจริงๆ

แต่ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่เพิ่งจะเดินก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ตงฟางเมิ่งกลับยังคงขวางอยู่เบื้องหน้า เธอฝืนร่างกายที่แทบจะทนไม่ไหวของตน ไม่สนใจอาการบาดเจ็บภายใน ขวางอยู่เบื้องหน้าชิงเฉิงเยว่เช่นนั้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอพูดคำไหนคำนั้น ฉันเองก็พูดคำไหนคำนั้น ฉันบอกแล้วว่า ขอเพียงมีฉันอยู่ เธอก็อย่าคิดจะฆ่าคนอื่นเลย!”

“เธอคิดว่าตอนนี้เธอจะขวางฉันได้เหรอ?” ชิงเฉิงเยว่เอ่ยปากถาม

“ขวางไม่ได้ก็จะพยายามเต็มที่ นอกจากจะฆ่าฉันซะ!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างหนักแน่น

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางเมิ่ง จะมากจะน้อยชิงเฉิงเยว่ก็ยังรู้สึกนับถือ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากคนหนึ่งจริงๆ แต่ตงฟางเมิ่งกลับ ไม่รู้จักหลีกเลี่ยง พรรคสุสานโบราณต้องการก่อตั้งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธมาโดยตลอด เพื่อทำให้การต่อสู้ในยุทธภพลดลง นี่เป็นการพูดปากเปล่าโดยสิ้นเชิง ขอเพียงมีอำนาจอยู่ ขอเพียงมีคนอยู่บนโลกใบนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีความสงบสุขที่แท้จริง ทำได้เพียงทำให้มันมีจุดสมดุลเท่านั้น หากคิดจะทำให้ยุทธภพสงบสุขอย่างแท้จริง นอกเสียจากว่าจะมีบุคคลที่มีความสามารถและคุณธรรมครบครัน มีวรยุทธแข็งแกร่งที่สุดในโลกปรากฏตัวขึ้น ถึงจะสั่นสะท้านพรรควรยุทธโบราณทั้งหมดได้

“พรรคสุสานโบราณควรค่าให้ผู้คนนับถือจริงๆ พวกเธอใจดี เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่รู้จักพลิกแพลง…”

ฟิ้ว!

ชิงเฉิงเยว่หายไปในพริบตา ตงฟางเมิ่งตื่นตะลึง จนกระทั่งเมื่อเธอหันมาก็พบว่าไม่ทันแล้ว ชิงเฉิงเยว่ทะยานไปถึงเบื้องหน้าเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์แล้ว ฝ่ามือทั้งสองซัดไปยังพวกเธอพร้อมกัน

“อย่า…”

ตู้ม!

ตู้ม!

เสียงสองเสียงดังสนั่น เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอไม่ได้ถูกซัดจนกระเด็นออกไปตาย แต่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นมีคนในชุดสีดำที่ปกปิดใบหน้าสองคนปรากฏตัวขึ้นมา ขวางฝ่ามือทั้งสองของชิงเฉิงเยว่เอาไว้พร้อมกัน แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนในชุดสีดำทั้งสองก็เกือบจะถูกซัดจนปลิว ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่ถอยหลังไป คนในชุดสีดำที่ปกปิดใบหน้าทั้งสองก็พาเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์หนีไปแล้ว

“หึ พรรคมีดบินและพรรคเทียนซู่ฉีมีคนรอรับอยู่แล้ว พวกเขาคงไม่มองศิษย์อันยอดเยี่ยมของพรรคตัวเองตายไปแบบนี้แน่ ถ้างั้นพรรคสุสานโบราณของเธอล่ะ? ทั้งพรรคสุสานโบราณเหลือเธอแค่คนเดียว คงไม่มีคนมาช่วยเธอหรอก? คนตระกูลตงฟางของเธอจะมาช่วยหรือเปล่า?” ชิงเฉิงเยว่แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง หันไปมองตงฟางเมิ่งแล้วเอ่ยถาม

“พวกเธอหนีไปได้ก็ดีแล้ว ต่อไปเธอกับฉันก็วางมือเถอะ!” ทันใดนั้นแววตาของตงฟางเมิ่งแปรเปลี่ยนไปกระจ่างใส ลมปราณเช่นนั้นไม่เหมือนกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อน แข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 362 ชิงเฉิงเยว่ชนะ?

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 362 ชิงเฉิงเยว่ชนะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การต่อสู้ของตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ สุดท้ายทั้งสองล้วนใช้เคล็ดวิชาของพรรคตนเองออกมา การโจมตีนี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมี 1000 เมตร ต่อให้มีค่ายกลของพรรควรยุทธโบราณค้ำชูอยู่ก็ไม่สามารถขวางการต่อสู้ของผู้หญิงที่แข็งแกร่งทั้งสองได้ ขนาดเย่เทียนเฉินก็ยังถูกทำให้สั่นสะท้านจนตกลงมาจากต้นไม้ และจำเป็นต้องใช้โล่พลังพิเศษป้องกันตัว มิฉะนั้นเกรงว่าคงถูกคลื่นผันผวนของการโจมตีรุนแรงที่แผ่ออกมาทำให้บาดเจ็บไปแล้ว

เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณ “ฝ่ามือสะท้านฟ้าทลายสูญ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของคัมภีร์ทลายสูญแห่งพรรคสระหยก เรียกได้ว่าแข็งแกร่งปะทะแข็งแกร่ง ในตอนที่เคล็ดวิชาที่ต่างกันทั้งสองถูกตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ใช้ออกมา ความรู้สึกที่เย่เทียนเฉินมีก็คือ คล้ายกับพลังสองประเภทนั้นมีความสามารถถล่มฟ้าทะลายดินได้อย่างไรอย่างนั้น เมื่อโจมตีปะทะกัน ล้วนแข็งแกร่งเช่นนั้น ล้วนมีพลังทำลายล้างเช่นนั้น

ที่ทำให้เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงก็คือ ตงฟางเมิ่งและชิงเฉิงเยว่ต่างมีใบหน้าที่งดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง งดงามเป็นอย่างมาก งดงามจนทำให้สวรรค์ต้องอิจฉา งดงามจนทำให้ชายใดก็ตามที่ได้เห็นต้องใจสั่น งดงามจนอดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนตกอยู่ในภวังค์และสบถออกมา ผู้หญิงสองคนนี้สวยแตกต่างกัน คนหนึ่งให้ความรู้สึกเหมือนสาวยุคปัจจุบัน อีกคนงามเหมือนสาวยุคโบราณ หากต้องการเปรียบเทียบว่าใครสวยกว่า ในความคิดของเย่เทียนเฉินที่เห็นสาวงามมานับไม่ถ้วน ทั้งสองมีความงามพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ไม่มีใครด้อยกว่าและไม่มีใครสวยกว่า

เดิมทีชิงเฉิงเยว่คิดว่าตนชนะตงฟางเมิ่งได้อย่างหมดจดแล้ว ความสามารถที่ตงฟางเมิ่งแสดงออกมาจะร้ายกาจเป็นอย่างมากจนกระทั่งชิงเฉิงเยว่ก็ยังต้องนับถือ ส่วนชิงเฉิงเยว่ก็ไม่เสียทีที่ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะในด้านการฝึกวรยุทธอันหาได้ยากยิ่งแห่งพรรควรยุทธโบราณในรอบหลาย 100 ปี เมื่อเผชิญหน้ากับ “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ดรุณีหยกแห่งพรรคสุสานโบราณที่ตงฟางเมิ่งใช้ออกมา เธอยังไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว ในขณะเดียวกัน “ฝ่ามือสะท้านฟ้าทายสูญ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของพรรคสระหยกก็แข็งแกร่งมาก เมื่อสู้กันก็ยังไม่รู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใครอ่อนแอกว่า

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่กำลังดีใจอยู่นั้น เธอเห็นว่าบนไหล่ซ้ายของตนถูกกระบี่หยกแทงเป็นรู เลือดไหลออกมาตามรูกระบี่หยก ส่วนตงฟางเมิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ลงมาแล้ว มุมปากมีเลือดไหลออกมา การโจมตีนี้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บไม่เบา จะอย่างไรคัมภีร์ดรุณีหยกของเธอก็ยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นสุดท้าย แต่อย่างไรก็ยังมีความชำนาญ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จึงสามารถทำให้ชิงเฉิงเยว่บาดเจ็บได้ ไม่เบาเลยจริงๆ

“คัมภีร์ดรุณีหยกแข็งแกร่งมากจริงๆ หากเธอฝึกขั้นสุดท้ายจนสมบูรณ์แบบ บางทีฉันคงไม่ใช่คู่มือของเธอ!” ชิงเฉิงเยว่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนไหล่ซ้าย พูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

ตงฟางเมิ่งขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพูด แต่เธอไม่มีพลังจะพูด และไม่คิดจะทำให้สิ้นเปลืองพลังด้วย เคล็ดวิชา “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” เมื่อครู่นี้แทบจะใช้พลังในร่างกายของเธอไปหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังคิดไม่ถึงว่าชิงเฉิงเยว่จะกล้าปะทะอย่างแข็งกร้าว ทำให้ตงฟางเมิ่งได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง หากตอนนี้ยังอ้าปากพูดอีกไม่แน่ว่าอาจจะกระอักเลือดออกมา เช่นนั้นชิงเฉิงเยว่ก็ยิ่งไม่มีความหวาดกลัวต่อเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่อาจจะตายได้ ตอนนี้ตงฟางเมิ่งรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่า ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ การโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนั้นถึงกับไม่อาจทำให้เธอบาดเจ็บสาหัสได้ ผู้หญิงคนนี้ไม่เสียชื่อเลยจริงๆ

“ไม่พูดเหรอ? ดูแล้วเธอบาดเจ็บไม่เบาเลย การประลองหญิงแห่งพรรควรยุทธโบราณของพวกเราควรจะจบได้แล้ว!” ชิงเฉิงเยว่พูดด้วยเสียงเย็นชา

ตอนนี้ตงฟางเมิ่งอยากจะพุ่งทะยานเข้าไปสู้กับชิงเฉิงเยว่มาก แต่เธอไม่มีพลังเช่นนั้นแล้วจริงๆ ตอนนี้เธอยืนหยัดตนเองไม่ให้ล้มได้ก็ไม่เลวแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างชิงเฉิงเยว่เลย ตอนนี้ตงฟางเมิ่งเพิ่งจะจดจำคำพูดที่อาจารย์พูดกับเธอก่อนจะจากไปได้ หากยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่ถึงขั้นสุดท้าย ทางที่ดีอย่าใช้ออกมา มิฉะนั้นอาจจะให้ผลในทางตรงกันข้าม หากฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ได้ คนที่จะตายก็คือตน!

ข้อบกพร่อง คัมภีร์ดรุณีหยกที่ชิงเฉิงเยว่ฝึกฝนยังมีข้อบกพร่องอยู่ จะอย่างไรเธอก็ยังไม่สามารถหาผู้ชายที่เธอรักอย่างลึกซึ้งได้ จึงไม่อาจทำการฝึกฝนร่วมกันซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายของคัมภีร์ดรุณีหยก และไม่อาจทำให้คัมภีร์ดรุณีหยกสมบูรณ์แบบ เมื่อฝืนใช้ออกไปในสถานการณ์ที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้พลังภายในร่างกายของตนเหือดแห้ง แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบตีกลับด้วย ตอนนี้อาการบาดเจ็บภายในของตงฟางเมิ่งเกิดจากชิงเฉิงเยว่ แต่ที่สำคัญเป็นเพราะเธอฝืนใช้ “ดรุณีหยกร่ายรำในโดมสวรรค์” ที่ยังมีผลข้างเคียงอยู่

อาจารย์บรรพบุรุษแห่งพรรคสุสานโบราณที่สร้างคัมภีร์ดรุณีหยกมานั้น กำหนดให้ในส่วนสุดท้าย ลูกศิษย์หญิงภายในพรรคหาต้องผู้ชายที่รักมาฝึกร่วมกัน นั่นก็เพราะไม่อยากให้ศิษย์หญิงในพรรคต้องอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวไปจนตาย ไม่มีรักแท้ไปชั่วชีวิต เนื่องจากผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็จำเป็นต้องมีที่พึ่ง ผู้หญิงที่ไม่มีที่พึ่งก็จะน่าสงสาร นี่เป็นส่วนที่ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณคิดเพื่อลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณ ทำให้หลายปีมานี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีศิษย์ของพรรคสุสานโบราณคนไหนฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้เลย

ประการแรก ก่อนที่จะฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกต้องมีพรสวรรค์สูงส่ง ใสบริสุทธิ์เหมือนน้ำแข็งสะอาดเหมือนหยก ราวกับไม่ได้อยู่กินบนโลกมนุษย์ หากไม่มีความเข้าใจและความพยายามในการฝึกฝนอันสูงส่งก็จะไม่สามารถฝึกฝนคัมภีร์ดรุณียกได้ แต่เมื่อถึงขั้นสุดท้ายกลับต้องหาผู้ชายที่ตนรักมาฝึกร่วมกัน นี่เป็นเรื่องยากลำบากมาก เรียกได้ว่ายากยิ่งกว่ายาก เนื่องจากลูกศิษย์ของพรรคสุสานโบราณปกติจะใช้ชีวิตอย่างสันโดษ อีกทั้งในพรรคก็ยังรับสมัครแต่ศิษย์หญิง ในด่านสุดท้ายกลับต้องหาผู้ชายมาฝึกร่วมกัน นี่จะง่ายได้อย่างไร? ความจริงเมื่อคิดถึงตรงนี้ ตงฟางเมิ่งก็เข้าใจกระจ่าง ผู้ก่อตั้งพรรคสุสานโบราณมีจิตใจดี ไม่อยากให้ลูกศิษย์ในพรรคต้องใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนแก่ตายไปเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้ความสุขที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะมี

ชิงเฉิงเยว่แข็งแกร่งมากจริงๆ แต่ในใจก็รู้สึกตื่นตะลึงมาก คิดไม่ถึงว่าตงฟางเมิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ในสภาพที่ยังฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกไม่สมบูรณ์ก็ยังต่อสู้กับตนได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้เธอ ชิงเฉิงเยว่ บาดเจ็บได้อีกด้วย หากตงฟางเมิ่งฝึกคัมภีร์ดรุณีหยกจนถึงขั้นสุดท้าย เป็นไปได้มากว่าจะต่อสู้เป็นตายกับตนได้จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นใครจะแพ้ใครจะชนะก็ยังไม่แน่

ตอนนี้เอง ชิงเฉิงเยว่ใช้มือขวาดึงกระบี่หยกที่ปักอยู่บริเวณไหล่ซ้ายของตนออกมา ด้านบนมีรอยเลือดอยู่ แต่ชิงเฉิงเยว่ใช้พลังภายในหยุดยั้งการไหลของเลือดบริเวณปากแผลไปแล้ว มองกระบี่หยกในมือของตนแล้วพูดว่า “นี่คงจะเป็นกระบี่หงษ์หยกของพรรคสุสานโบราณ ได้ยินว่าเคล็ดวิชาในคัมภีร์ดรุณีหยกมีมากมาย นอกจากจะทำให้ฝึกฝนพลังภายในที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาได้แล้ว ยังมีเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีเพลงดาบผสานอยู่อีก ลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ !”

“ดูแล้วเธอรู้ไม่น้อยเลย…” ตงฟางเมิ่งกัดฟันพูด

“เพียงแต่น่าเสียดาย เพลงดาบของเธอเมื่อครู่นี้ขาดคนผสาน เคล็ดวิชาของพรรคสุสานโบราณของเธอต้องให้ผู้หญิงและผู้ชายฝึกฝนร่วมกัน ดูแล้วเธอคงขาดผู้ชายจริงๆ!” ชิงเฉิงเยว่แย้มยิ้มเล็กน้อย มองไปยังตงฟางเมิ่งแล้วพูดขึ้น

“เธอจะพูดมากไปแล้ว ระหว่างพวกเรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะ!” ดวงตาของตงฟางเมิ่งหนักแน่นมันคง

ชิงเฉิงเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันรู้สึกเสียดายหากจริงๆ หากต้องฆ่าเธอ ถ้าเธอตายแล้วคงหาคู่ต่อสู้แบบนี้ได้ยาก แต่อาจารย์ฉันสั่งมาแล้วว่าพวกเธอสามคนต้องตายทั้งหมด ดังนั้นฉันจะทำตามคำพูดก่อนหน้านี้ของฉัน ฆ่าสองคนนั้นก่อนแล้วค่อยฆ่าเธอ!”

ในตอนนี้ เซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์ที่สูญเสียพลังการต่อสู้ไปนานแล้วต่างพากันขมวดคิ้ว ความแข็งแกร่งของชิงเฉิงเยว่เป็นสิ่งที่พวกเธอได้เห็นกับตา ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ ส่วนตงฟางเมิ่งก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่ถึงขนาดชิงเฉิงเยว่ เพราะเคล็ดวิชาพลังภายในยังไม่สมบูรณ์ มิฉะนั้นความสามารถอาจจะไม่ด้อยไปกว่าชิงเฉิงเยว่เลย ตอนนี้พวกเธอสี่คนที่อยู่ที่นี่ชิงเฉิงเยว่ยังคงแข็งแกร่งที่สุด ต่อให้ไหล่ซ้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่มีผลกระทบต่อความสามารถ ผู้หญิงคนนี้เป็นอัจฉริยะบุคคลทางด้านการฝึกฝนวรยุทธที่หาได้ยากในรอบ 100 ปีจริงๆ

แต่ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่เพิ่งจะเดินก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ตงฟางเมิ่งกลับยังคงขวางอยู่เบื้องหน้า เธอฝืนร่างกายที่แทบจะทนไม่ไหวของตน ไม่สนใจอาการบาดเจ็บภายใน ขวางอยู่เบื้องหน้าชิงเฉิงเยว่เช่นนั้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอพูดคำไหนคำนั้น ฉันเองก็พูดคำไหนคำนั้น ฉันบอกแล้วว่า ขอเพียงมีฉันอยู่ เธอก็อย่าคิดจะฆ่าคนอื่นเลย!”

“เธอคิดว่าตอนนี้เธอจะขวางฉันได้เหรอ?” ชิงเฉิงเยว่เอ่ยปากถาม

“ขวางไม่ได้ก็จะพยายามเต็มที่ นอกจากจะฆ่าฉันซะ!” ตงฟางเมิ่งพูดอย่างหนักแน่น

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางเมิ่ง จะมากจะน้อยชิงเฉิงเยว่ก็ยังรู้สึกนับถือ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากคนหนึ่งจริงๆ แต่ตงฟางเมิ่งกลับ ไม่รู้จักหลีกเลี่ยง พรรคสุสานโบราณต้องการก่อตั้งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธมาโดยตลอด เพื่อทำให้การต่อสู้ในยุทธภพลดลง นี่เป็นการพูดปากเปล่าโดยสิ้นเชิง ขอเพียงมีอำนาจอยู่ ขอเพียงมีคนอยู่บนโลกใบนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีความสงบสุขที่แท้จริง ทำได้เพียงทำให้มันมีจุดสมดุลเท่านั้น หากคิดจะทำให้ยุทธภพสงบสุขอย่างแท้จริง นอกเสียจากว่าจะมีบุคคลที่มีความสามารถและคุณธรรมครบครัน มีวรยุทธแข็งแกร่งที่สุดในโลกปรากฏตัวขึ้น ถึงจะสั่นสะท้านพรรควรยุทธโบราณทั้งหมดได้

“พรรคสุสานโบราณควรค่าให้ผู้คนนับถือจริงๆ พวกเธอใจดี เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่รู้จักพลิกแพลง…”

ฟิ้ว!

ชิงเฉิงเยว่หายไปในพริบตา ตงฟางเมิ่งตื่นตะลึง จนกระทั่งเมื่อเธอหันมาก็พบว่าไม่ทันแล้ว ชิงเฉิงเยว่ทะยานไปถึงเบื้องหน้าเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์แล้ว ฝ่ามือทั้งสองซัดไปยังพวกเธอพร้อมกัน

“อย่า…”

ตู้ม!

ตู้ม!

เสียงสองเสียงดังสนั่น เทียนซวงเอ๋อร์และเซี่ยอวี่เหอไม่ได้ถูกซัดจนกระเด็นออกไปตาย แต่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นมีคนในชุดสีดำที่ปกปิดใบหน้าสองคนปรากฏตัวขึ้นมา ขวางฝ่ามือทั้งสองของชิงเฉิงเยว่เอาไว้พร้อมกัน แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่คนในชุดสีดำทั้งสองก็เกือบจะถูกซัดจนปลิว ในตอนที่ชิงเฉิงเยว่ถอยหลังไป คนในชุดสีดำที่ปกปิดใบหน้าทั้งสองก็พาเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์หนีไปแล้ว

“หึ พรรคมีดบินและพรรคเทียนซู่ฉีมีคนรอรับอยู่แล้ว พวกเขาคงไม่มองศิษย์อันยอดเยี่ยมของพรรคตัวเองตายไปแบบนี้แน่ ถ้างั้นพรรคสุสานโบราณของเธอล่ะ? ทั้งพรรคสุสานโบราณเหลือเธอแค่คนเดียว คงไม่มีคนมาช่วยเธอหรอก? คนตระกูลตงฟางของเธอจะมาช่วยหรือเปล่า?” ชิงเฉิงเยว่แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง หันไปมองตงฟางเมิ่งแล้วเอ่ยถาม

“พวกเธอหนีไปได้ก็ดีแล้ว ต่อไปเธอกับฉันก็วางมือเถอะ!” ทันใดนั้นแววตาของตงฟางเมิ่งแปรเปลี่ยนไปกระจ่างใส ลมปราณเช่นนั้นไม่เหมือนกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อน แข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+