เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 398 องอาจห้าวหาญไม่สนใจกฎเกณฑ์ฟ้าดิน

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 398 องอาจห้าวหาญไม่สนใจกฎเกณฑ์ฟ้าดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขาดอีกเพียงสองก้าวเท่านั้น แต่เย่เทียนเฉินมีเลือดท่วมตัวไปแล้ว ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง หมัดทั้งสองเละเทะ โจมตีขึ้นไปด้านบนไม่หยุด มีพลังกดดันแห่งเส้นทางปราชญ์ที่มองไม่เห็นกดทับอยู่ เย่เทียนเฉินถึงกับใช้หมัดโจมตีเส้นทางแห่งปราชญ์เหนือศีรษะ ตงฟางเมิ่งที่ได้เห็นเป็นต้องปากอ้าตาค้าง นี่เย่เทียนเฉินกำลังทำอะไร? จะต่อต้านสวรรค์เหรอ?

เส้นทางแห่งปราชญ์เดิมทีก็คือเส้นทางแห่งสวรรค์ บางทีคนปกติอาจไม่เข้าใจ แต่ผู้ที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะเข้าใจกระจ่างเป็นอย่างมาก เส้นทางแห่งปราชญ์คือเส้นทางของสวรรค์ เส้นทางของสวรรค์ก็คือกฎเกณฑ์ของฟ้าดินและกฎเกณฑ์ของจักรวาล กฎเกณฑ์นี้เกิดจากธรรมชาติไม่ใช่อะไรที่มนุษย์สร้างขึ้น สรรพสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ขอเพียงมีชีวิตอยู่ในจักรวาลก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของจักรวาล ผู้ที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะถูกทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากในตอนที่ผู้บ่มเพาะทะลวงขอบเขตของร่างกายจะเป็นเวลาที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกฎของฟ้าดินเช่นกฏเกณฑ์ของสวรรค์ที่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย แต่คนที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะต่างต้องการมีชีวิตยืนยาว นี่ย่อมเป็นการต่อต้านสวรรค์ แต่คนอย่างเย่เทียนเฉินไม่ใช่ว่าไม่เคารพเส้นทางของสวรรค์เท่านั้น แต่ยังต่อต้านเส้นทางสวรรค์อีกด้วย ใช้หมัดซัดเข้าไปโดยตรง คนกล้าหาญเช่นนี้เกรงว่าจะมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

ในตอนที่เย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับพลังกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์อันไร้รูปลักษ์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาจึงเผชิญหน้าด้วยท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ ในตอนที่ผู้บ่มเพาะรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งมากมายทะลวงขอบเขตต่างก็ต้องพบกับทัณฑ์สวรรค์ซึ่งทั้งหมดจะยอมจำนนหรือใช้พลังของตนต่อต้าน หวังว่าทัณฑ์สวรรค์จะค่อยๆ อ่อนแรงลงแล้วตนจะหลบไปได้ แต่ไหนแต่ไรในตอนที่เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ไม่เคยมีใครกล้าใช้พลังของตนต่อต้านทั้งยังกล้าสวนหมัดกลับไปอย่างบ้าคลั่งเหมือนเย่เทียนเฉินมาก่อน นี่ไม่เพียงแต่เป็นการไม่เห็นสวรรค์อยู่ในสายตา ทั้งยังเป็นการไม่เคารพกฎเกณฑ์ที่คนทั้งหมดบนโลกนี้รักษาไว้อีกด้วย

แน่นอนว่าสิ่งที่เย่เทียนเฉินเผชิญหน้าในตอนนี้ไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ยังไม่ถึงระดับที่ก่อให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ได้ คนที่เรียกทัณฑ์สวรรค์ได้ ย่อมเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนอย่างหนึ่ง เย่เทียนเฉินในตอนนี้มีความสามารถอยู่ในขอบเขตจอมราชันยังไม่ถึงขั้นที่ก่อให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ได้

ครืน!

ตู้ม!

เย่เทียนเฉินซัดหมัดทั้งสองไปปะทะกับพลังแห่งปราชญ์นั้น ผลลัพธ์ที่ต้องพบก็คือต้องแรงกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์ที่เพิ่มมากขึ้น ได้ยินเสียงกระจ่างใสเสียงหนึ่งดังขึ้น พลังที่พลังของมนุษย์ไม่อาจต่อต้านได้ กดทับลงมาที่เย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินยืนหยัดต่อไปไม่ไหว คุกเข่าข้างหนึ่งลงที่พื้นในพริบตา บนหมัดทั้งสองมีแผลลึกจนเห็นกระดูก ที่เข่าซ้ายจรดลงพื้นจนเกิดหลุมบ่อขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางที่อยู่สองฝั่งซ้ายขวาก็ถูกพลังกดดันจนกลายเป็นเส้นโขง เห็นได้เลยว่าพลังเส้นทางแห่งปราชญ์ที่กดดันลงมาแข็งแกร่งขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นพลังเส้นทางแห่งปราชญ์นี้ยังไม่ได้กระทำการฆ่าล้าง เพียงแต่ถูกเย่เทียนเฉินตอบโต้จึงกดดันลงมาช้าๆ เท่านั้น มิเช่นนั้นหากถล่มลงมาในเวลาเพียงชั่วพริบตา ต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็คงต้องร่างกายแหลกเหลวกลายเป็นกองเลือด

ในตอนนี้เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงพลังกดดันจริงๆ บนศีรษะไม่ได้เป็นพลังอันกดดันนับหมื่นจินอีกต่อไป แต่ราวกับมีภูเขานับแสนลูกกำลังกดลงมาจากด้านบน ค่อยๆ ร่วงลงมาช้าๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปตนต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย ตั้งแต่ที่อยู่ในดาวสิ้นโลกจนได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยยอมแพ้และเป็นคนที่ไม่รู้จักยอมแพ้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของสวรรค์ที่พลังของมนุษย์ไม่อาจต้านทานได้เช่นนี้ เขายังทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

“อย่าต่อต้านอีกเลย ถอยมาเถอะ กฎเกณฑ์ของฟ้าดินไม่มีมนุษย์คนไหนทำลายได้หรอก!” ตงฟางเมิ่งน้ำตาไหล มองไปยังเย่เทียนเฉินที่ดูคล้ายกับมนุษย์โลหิต ร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความร้อนรน เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะดื้อรั้นขนาดนี้ จะเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขนาดนี้ เปลี่ยนแปลงไปจากสภาพเหยาะแหยะพึ่งพาไม่ได้โดยสิ้นเชิง กลายเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่มีกลิ่นอายของวีรบุรุษที่หาได้ยากยิ่ง

“ฉันเย่เทียนเฉิน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคุกเข่า ต่อให้ฟ้าดินมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง แต่ฉันก็มีความหยิ่งทนงของฉัน!” เย่เทียนเฉินมองไปยังพลังกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์อันไร้รูปลักษณ์ด้านบน มุมปากมีเลือดไหลออกมา

“เดิมทีพวกเราก็เป็นสมาชิกของฟ้าดิน เป็นสมาชิกของจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จักรวาลมีกฎเกณฑ์ของมัน ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จำเป็นต้องเคารพ นายไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง?” ตงฟางเมิ่งส่ายหน้า น้ำตาไหลเต็มหน้า ตะโกนไปยังเย่เทียนเฉินเสียงดัง

“ชีวิต? ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับฉันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสวรรค์ กฎเกณฑ์ฟ้าดินนี้ฉันไม่คิดจะทำตาม ถ้ามันต้องการกดทับฉัน ฉันก็ทำได้แค่ใช้หมัดทำลายมันซะ แล้วสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา!”

คำพูดของเย่เทียนเฉินดังก้องอยู่ในห้องหินจนราวกับจะทะลุออกไปจากสุสานโบราณและแพร่ออกไปไกล นี่คือความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอันยิ่งใหญ่ คือปณิธานอันยิ่งใหญ่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีผู้บ่มเพาะกี่คนที่กล้าพูดว่าเขาจะไม่เคารพกฎเกณฑ์ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ ต้องการใช้หมดทำลายมันซะแล้วสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา? นี่เป็นการต่อต้านสวรรค์อย่างสมบูรณ์ ไม่สนฟ้าไม่สนดิน เคารพเพียงตัวเองเท่านั้น!

ตงฟางเมิ่งชะงัก ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน เนื่องจากเธอมองดูจนนิ่งงันไปแล้ว คำพูดของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะกล่าวจบ เขาก็ฝืนยืนขึ้นมา กระดูกบริเวณไหล่ทั้งสองถูกกดทับจนทรุด กระดูกหักทั้งหมด แต่เขายังคงตะโกนแล้วปล่อยมันไปด้วยความโกรธ ซัดไปยังพลังเส้นทางแห่งปราชญ์เหนือศีรษะ ในตอนนี้เอง กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางดูเหมือนจะสัมผัสถึงความตั้งใจแน่วแน่อันเด็ดเดี่ยวของเย่เทียนเฉินได้ ต่างส่งเสียงกรีดร้องออกมา มีพลังต้นกำเนิดสองสายพุ่งออกมาจากตัวกระบี่ พลังต้นกำเนิดนี้มีความสัมพันธ์กับกระบี่เซวียนหยวน เดิมทีพวกมันก็เคยเป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน ย่อมมีความเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน เพียงแต่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมานับพันปี จนถึงตอนนี้จึงค่อยปะทุออกมา

ซู่ม!

ตู้ม!

ทันใดนั้นเอง กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางนำพาเย่เทียนเฉินที่มีเลือดโทรมกาย เปลี่ยนสภาพกลายเป็นประกายแสงกระบี่พุ่งเข้าไปในโลงศพ ในตอนที่ตงฟางเมิ่งยังไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมา ฝาโลงศพก็ร่วงลงอย่างแรง ภาพสุริยันจันทราและดวงดาว อีกทั้งขุนเขาสายธารแมกไม้ต้นหญ้าที่ลอยอยู่เหนือโลงศพก็หายไป กระทั่งพลังกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์ก็หายไปพร้อมกับฝาโลงที่ร่วงลงมา

“เย่เทียนเฉิน…”

ตงฟางเมิ่งรีบพุ่งเข้าไปทันที แต่สิ่งที่หลงเหลือให้เธอมีเพียงโลงศพหินอันเย็นยะเยือกเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะใช้แรงแค่ไหนหรือต่อให้ใช้พลังอันบริสุทธิ์ของคัมภีร์ดรุณีหยกก็ยังไม่สามารถเปิดโลงศพได้ ช่างทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงจริงๆ ในเวลาเช่นนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นมาได้ กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางพาเย่เทียนเฉินเข้าไปในโลงศพ ทำเช่นนี้บางทีอาจทำให้เย่เทียนเฉินหลบเลี่ยงอันตรายถึงตายจากแรงกดดันของพลังเส้นทางแห่งปราชญ์ไปได้ แต่กลับเป็นไปได้มากว่าจะจมลงสู่อันตรายที่อันตรายยิ่งขึ้น บางทีตอนนี้อาจจะตายไปแล้ว เนื่องจากโลงศพสามารถสร้างแรงกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาได้ ในโลงศพย่อมต้องมีพลังเส้นทางแห่งปราชญ์ดำรงอยู่แน่นอน ต่อให้ไม่มีการโจมตีใดๆ แต่โลงศพที่ปิดแน่นเช่นนี้ เย่เทียนเฉินต้องขาดอากาศหายใจตายแน่

“เย่เทียนเฉิน นายมันโง่!” ตงฟางเมิ่งด่าอย่างดุดัน แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยน้ำตา เย่เทียนเฉินทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้านยิ่งนัก แรกเริ่มเดิมทีเพียงเห็นก็ไม่สบอารมณ์ ต่อมายังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน สุดท้ายกลับถูกความพยายามและความห้าวหาญเด็ดเดี่ยวของเย่เทียนเฉินทำให้ประทับใจ ความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจของเธอที่มีต่อเย่เทียนเฉินที่ดูพึ่งพาไม่ได้คนนี้เปลี่ยนไปมากแล้ว

ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินที่ถูกดึงเข้ามาในโลงศพหินมีเลือดโทรมกาย บาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง กำลังลอยอยู่กลางอากาศเช่นนั้น สติสัมปชัญญะพร่าเลือนเป็นอย่างมาก เขาปะทะกับเส้นทางแห่งปราชญ์เท่ากับต่อต้านสวรรค์ ต่อสู้กับฟ้าดิน ต้องการทำลายกฎเกณฑ์ของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ การกระทำที่ทำให้ผู้คนเพียงคิดก็ต้องสั่นสะท้านเช่นนี้จะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว

เย่เทียนเฉินลอยอยู่อย่างนั้น เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากที่เข้ามาในโลงศพหินจะ ไม่ได้พบกับความว่างเปล่าอันมืดมิดและเล็กแคบดังที่คิด แต่เบื้องหน้าของเย่เทียนเฉินกลับปรากฏความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ของจักรวาล เขาลอยอยู่เช่นนั้น มีเลือดเต็มร่าง ข้างกายของเขามีสุริยันจันทราและดวงดาว ขุนเขาสายธารแมกไม้และต้นหญ้า ดวงดาวแต่ละดวงลอยออกไปจากข้างกายเขา เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะฟื้นสติจากอาการพร่าเลือนขึ้นมาอีกครั้ง แปลกมากจริงๆ ราวกับเขาอยู่ในความว่างเปล่าของจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของเขามีขนาดเล็กลง นี่เป็นสภาวะที่ลึกลับยิ่งนัก กล่าวได้ไม่ชัดเจน รับรู้ได้ไม่กระจ่าง ให้ความรู้สึกราวกับว่าในความเงียบสงบของจักรวาลมีเพียงตัวเองที่ตื่นอยู่

“ตกลงที่นี่มันที่ไหนกันแน่?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพลางคิดในใจ

เย่เทียนเฉินค่อยๆ มีสติรู้ตัวขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย เขาไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไร และไม่รู้ว่าจะพบกับอะไร บางทีต่อไปเขาอาจจะเผชิญกับแรงกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์อีกครั้งจนกระทั่งถูกทับกลายเป็นเศษเนื้อ หรือบางทีเขาอาจจะอยู่ในสภาวะเช่นนี้ อยู่ในสภาพล่องลอยไปตลอดกาล จะอย่างไรแม้ในความฝันเย่เทียนเฉินก็คิดไม่ถึงว่าจะต้องพบกับสภาพเช่นนี้ ต่อให้ชีวิตก่อนของเขาที่ดาวสิ้นโลกเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้า เรียกได้ว่าพบเรื่องราวมามากมาย ในดาวสิ้นโลกซึ่งเป็นโลกที่มีความแปลกประหลาดทุกอย่าง เป็นโลกที่เหมือนกับจินตนาการ เย่เทียนเฉินมีประสบการณ์มามากจนไม่มีอะไรที่รับไม่ได้ ความคิดของเขาแตกต่างจากคนธรรมดาที่เอาแต่กินไปวันๆ เพื่อรอความตายนานแล้ว

เมื่อพูดถึงตรงนี้ไม่อาจไม่กล่าวถึงเสียหน่อย ในโลกที่เต็มไปด้วยความลับแห่งนี้ คนธรรมดาทำได้เพียงไล่ตามผลประโยชน์และเกิดแก่เจ็บตาย เข้าใจความเข้าใจสิ่งต่างๆ น้อยยิ่งกว่าน้อย คุณไม่เคยผ่านมาจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีปีศาจเทพเซียน ไม่มีผู้บ่มเพาะ ไม่มียอดฝีมือที่เพียงพลิกฝ่ามือก็กลายเป็นเมฆเพียงล้างมือในอ่างก็สามารถหยุดยั้งลมฝนได้? ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มีความสามารถและขอบเขตพลังเช่นนี้ไม่เหมือนกับคนธรรมดาไปนานแล้ว ในสายตาของพวกเขา คนธรรมดาไม่แตกต่างอะไรจากมดแมลง คุณจะรู้หรือไม่รู้ คุณจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรแม้แต่น้อย ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรื่องราวและสรรพสิ่งใดๆ พูดให้ชัดเจนก็คือ โลกที่คุณอาศัยอยู่ไม่ได้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ แล้ว พวกเขาสามารถตัดสินทั้งโลกได้ คุณจะตัดสินอะไรได้ล่ะ? ดังนั้นคุณจะรู้หรือไม่ จะเชื่อหรือไม่ สำหรับคนที่มีตัวตนเช่นนี้แล้วล้วนไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย!

“ไม่ว่าจะยังไง ค่อยๆ รักษาแผลให้หายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน ยังไงก็ไม่อาจรอความตายได้!”

เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิ พยายามฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าจนเกือบจะหมดสติ ค่อยๆ ใช้พลังอันอ่อนโยนในร่างกายของตนผสานกับพลังพิเศษที่เหลืออยู่เล็กน้อยทำการรักษาอาการบาดเจ็บของร่างกายไปช้าๆ ส่วนกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางก็กลับเข้าไปอยู่ในช่องว่างของเย่เทียนเฉินหลังจากที่พาเย่เทียนเฉินหลุดพ้นจากอันตรายจากแรงกดทับของเส้นทางแห่งปราชญ์ไปนานแล้ว

รอบด้านเงียบงัน เย่เทียนเฉินราวกับนั่งอยู่บริเวณใจกลางของจักรวาล รอบด้านมีดวงดาวเปล่งประกายเป็นระยะ เงียบจนราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเขาเพียงผู้เดียว เย่เทียนเฉินค้นพบอย่างแปลกใจว่า ในสถานที่ลึกลับเช่นนี้ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็เกือบจะหายดีแล้ว ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 398 องอาจห้าวหาญไม่สนใจกฎเกณฑ์ฟ้าดิน

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 398 องอาจห้าวหาญไม่สนใจกฎเกณฑ์ฟ้าดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขาดอีกเพียงสองก้าวเท่านั้น แต่เย่เทียนเฉินมีเลือดท่วมตัวไปแล้ว ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง หมัดทั้งสองเละเทะ โจมตีขึ้นไปด้านบนไม่หยุด มีพลังกดดันแห่งเส้นทางปราชญ์ที่มองไม่เห็นกดทับอยู่ เย่เทียนเฉินถึงกับใช้หมัดโจมตีเส้นทางแห่งปราชญ์เหนือศีรษะ ตงฟางเมิ่งที่ได้เห็นเป็นต้องปากอ้าตาค้าง นี่เย่เทียนเฉินกำลังทำอะไร? จะต่อต้านสวรรค์เหรอ?

เส้นทางแห่งปราชญ์เดิมทีก็คือเส้นทางแห่งสวรรค์ บางทีคนปกติอาจไม่เข้าใจ แต่ผู้ที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะเข้าใจกระจ่างเป็นอย่างมาก เส้นทางแห่งปราชญ์คือเส้นทางของสวรรค์ เส้นทางของสวรรค์ก็คือกฎเกณฑ์ของฟ้าดินและกฎเกณฑ์ของจักรวาล กฎเกณฑ์นี้เกิดจากธรรมชาติไม่ใช่อะไรที่มนุษย์สร้างขึ้น สรรพสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ขอเพียงมีชีวิตอยู่ในจักรวาลก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของจักรวาล ผู้ที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะถูกทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากในตอนที่ผู้บ่มเพาะทะลวงขอบเขตของร่างกายจะเป็นเวลาที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกฎของฟ้าดินเช่นกฏเกณฑ์ของสวรรค์ที่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย แต่คนที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะต่างต้องการมีชีวิตยืนยาว นี่ย่อมเป็นการต่อต้านสวรรค์ แต่คนอย่างเย่เทียนเฉินไม่ใช่ว่าไม่เคารพเส้นทางของสวรรค์เท่านั้น แต่ยังต่อต้านเส้นทางสวรรค์อีกด้วย ใช้หมัดซัดเข้าไปโดยตรง คนกล้าหาญเช่นนี้เกรงว่าจะมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

ในตอนที่เย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับพลังกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์อันไร้รูปลักษ์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาจึงเผชิญหน้าด้วยท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้ ในตอนที่ผู้บ่มเพาะรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งมากมายทะลวงขอบเขตต่างก็ต้องพบกับทัณฑ์สวรรค์ซึ่งทั้งหมดจะยอมจำนนหรือใช้พลังของตนต่อต้าน หวังว่าทัณฑ์สวรรค์จะค่อยๆ อ่อนแรงลงแล้วตนจะหลบไปได้ แต่ไหนแต่ไรในตอนที่เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ไม่เคยมีใครกล้าใช้พลังของตนต่อต้านทั้งยังกล้าสวนหมัดกลับไปอย่างบ้าคลั่งเหมือนเย่เทียนเฉินมาก่อน นี่ไม่เพียงแต่เป็นการไม่เห็นสวรรค์อยู่ในสายตา ทั้งยังเป็นการไม่เคารพกฎเกณฑ์ที่คนทั้งหมดบนโลกนี้รักษาไว้อีกด้วย

แน่นอนว่าสิ่งที่เย่เทียนเฉินเผชิญหน้าในตอนนี้ไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์ ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ยังไม่ถึงระดับที่ก่อให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ได้ คนที่เรียกทัณฑ์สวรรค์ได้ ย่อมเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนอย่างหนึ่ง เย่เทียนเฉินในตอนนี้มีความสามารถอยู่ในขอบเขตจอมราชันยังไม่ถึงขั้นที่ก่อให้เกิดทัณฑ์สวรรค์ได้

ครืน!

ตู้ม!

เย่เทียนเฉินซัดหมัดทั้งสองไปปะทะกับพลังแห่งปราชญ์นั้น ผลลัพธ์ที่ต้องพบก็คือต้องแรงกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์ที่เพิ่มมากขึ้น ได้ยินเสียงกระจ่างใสเสียงหนึ่งดังขึ้น พลังที่พลังของมนุษย์ไม่อาจต่อต้านได้ กดทับลงมาที่เย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินยืนหยัดต่อไปไม่ไหว คุกเข่าข้างหนึ่งลงที่พื้นในพริบตา บนหมัดทั้งสองมีแผลลึกจนเห็นกระดูก ที่เข่าซ้ายจรดลงพื้นจนเกิดหลุมบ่อขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางที่อยู่สองฝั่งซ้ายขวาก็ถูกพลังกดดันจนกลายเป็นเส้นโขง เห็นได้เลยว่าพลังเส้นทางแห่งปราชญ์ที่กดดันลงมาแข็งแกร่งขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นพลังเส้นทางแห่งปราชญ์นี้ยังไม่ได้กระทำการฆ่าล้าง เพียงแต่ถูกเย่เทียนเฉินตอบโต้จึงกดดันลงมาช้าๆ เท่านั้น มิเช่นนั้นหากถล่มลงมาในเวลาเพียงชั่วพริบตา ต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็คงต้องร่างกายแหลกเหลวกลายเป็นกองเลือด

ในตอนนี้เย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงพลังกดดันจริงๆ บนศีรษะไม่ได้เป็นพลังอันกดดันนับหมื่นจินอีกต่อไป แต่ราวกับมีภูเขานับแสนลูกกำลังกดลงมาจากด้านบน ค่อยๆ ร่วงลงมาช้าๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปตนต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย ตั้งแต่ที่อยู่ในดาวสิ้นโลกจนได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยยอมแพ้และเป็นคนที่ไม่รู้จักยอมแพ้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของสวรรค์ที่พลังของมนุษย์ไม่อาจต้านทานได้เช่นนี้ เขายังทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

“อย่าต่อต้านอีกเลย ถอยมาเถอะ กฎเกณฑ์ของฟ้าดินไม่มีมนุษย์คนไหนทำลายได้หรอก!” ตงฟางเมิ่งน้ำตาไหล มองไปยังเย่เทียนเฉินที่ดูคล้ายกับมนุษย์โลหิต ร้องไห้ออกมาเสียงดังด้วยความร้อนรน เธอคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะดื้อรั้นขนาดนี้ จะเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขนาดนี้ เปลี่ยนแปลงไปจากสภาพเหยาะแหยะพึ่งพาไม่ได้โดยสิ้นเชิง กลายเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่มีกลิ่นอายของวีรบุรุษที่หาได้ยากยิ่ง

“ฉันเย่เทียนเฉิน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคุกเข่า ต่อให้ฟ้าดินมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง แต่ฉันก็มีความหยิ่งทนงของฉัน!” เย่เทียนเฉินมองไปยังพลังกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์อันไร้รูปลักษณ์ด้านบน มุมปากมีเลือดไหลออกมา

“เดิมทีพวกเราก็เป็นสมาชิกของฟ้าดิน เป็นสมาชิกของจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จักรวาลมีกฎเกณฑ์ของมัน ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จำเป็นต้องเคารพ นายไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง?” ตงฟางเมิ่งส่ายหน้า น้ำตาไหลเต็มหน้า ตะโกนไปยังเย่เทียนเฉินเสียงดัง

“ชีวิต? ชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับฉันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสวรรค์ กฎเกณฑ์ฟ้าดินนี้ฉันไม่คิดจะทำตาม ถ้ามันต้องการกดทับฉัน ฉันก็ทำได้แค่ใช้หมัดทำลายมันซะ แล้วสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา!”

คำพูดของเย่เทียนเฉินดังก้องอยู่ในห้องหินจนราวกับจะทะลุออกไปจากสุสานโบราณและแพร่ออกไปไกล นี่คือความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอันยิ่งใหญ่ คือปณิธานอันยิ่งใหญ่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีผู้บ่มเพาะกี่คนที่กล้าพูดว่าเขาจะไม่เคารพกฎเกณฑ์ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ ต้องการใช้หมดทำลายมันซะแล้วสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา? นี่เป็นการต่อต้านสวรรค์อย่างสมบูรณ์ ไม่สนฟ้าไม่สนดิน เคารพเพียงตัวเองเท่านั้น!

ตงฟางเมิ่งชะงัก ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน เนื่องจากเธอมองดูจนนิ่งงันไปแล้ว คำพูดของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะกล่าวจบ เขาก็ฝืนยืนขึ้นมา กระดูกบริเวณไหล่ทั้งสองถูกกดทับจนทรุด กระดูกหักทั้งหมด แต่เขายังคงตะโกนแล้วปล่อยมันไปด้วยความโกรธ ซัดไปยังพลังเส้นทางแห่งปราชญ์เหนือศีรษะ ในตอนนี้เอง กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางดูเหมือนจะสัมผัสถึงความตั้งใจแน่วแน่อันเด็ดเดี่ยวของเย่เทียนเฉินได้ ต่างส่งเสียงกรีดร้องออกมา มีพลังต้นกำเนิดสองสายพุ่งออกมาจากตัวกระบี่ พลังต้นกำเนิดนี้มีความสัมพันธ์กับกระบี่เซวียนหยวน เดิมทีพวกมันก็เคยเป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน ย่อมมีความเกี่ยวพันซึ่งกันและกัน เพียงแต่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมานับพันปี จนถึงตอนนี้จึงค่อยปะทุออกมา

ซู่ม!

ตู้ม!

ทันใดนั้นเอง กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางนำพาเย่เทียนเฉินที่มีเลือดโทรมกาย เปลี่ยนสภาพกลายเป็นประกายแสงกระบี่พุ่งเข้าไปในโลงศพ ในตอนที่ตงฟางเมิ่งยังไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมา ฝาโลงศพก็ร่วงลงอย่างแรง ภาพสุริยันจันทราและดวงดาว อีกทั้งขุนเขาสายธารแมกไม้ต้นหญ้าที่ลอยอยู่เหนือโลงศพก็หายไป กระทั่งพลังกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์ก็หายไปพร้อมกับฝาโลงที่ร่วงลงมา

“เย่เทียนเฉิน…”

ตงฟางเมิ่งรีบพุ่งเข้าไปทันที แต่สิ่งที่หลงเหลือให้เธอมีเพียงโลงศพหินอันเย็นยะเยือกเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะใช้แรงแค่ไหนหรือต่อให้ใช้พลังอันบริสุทธิ์ของคัมภีร์ดรุณีหยกก็ยังไม่สามารถเปิดโลงศพได้ ช่างทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงจริงๆ ในเวลาเช่นนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นมาได้ กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางพาเย่เทียนเฉินเข้าไปในโลงศพ ทำเช่นนี้บางทีอาจทำให้เย่เทียนเฉินหลบเลี่ยงอันตรายถึงตายจากแรงกดดันของพลังเส้นทางแห่งปราชญ์ไปได้ แต่กลับเป็นไปได้มากว่าจะจมลงสู่อันตรายที่อันตรายยิ่งขึ้น บางทีตอนนี้อาจจะตายไปแล้ว เนื่องจากโลงศพสามารถสร้างแรงกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาได้ ในโลงศพย่อมต้องมีพลังเส้นทางแห่งปราชญ์ดำรงอยู่แน่นอน ต่อให้ไม่มีการโจมตีใดๆ แต่โลงศพที่ปิดแน่นเช่นนี้ เย่เทียนเฉินต้องขาดอากาศหายใจตายแน่

“เย่เทียนเฉิน นายมันโง่!” ตงฟางเมิ่งด่าอย่างดุดัน แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยน้ำตา เย่เทียนเฉินทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้านยิ่งนัก แรกเริ่มเดิมทีเพียงเห็นก็ไม่สบอารมณ์ ต่อมายังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน สุดท้ายกลับถูกความพยายามและความห้าวหาญเด็ดเดี่ยวของเย่เทียนเฉินทำให้ประทับใจ ความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจของเธอที่มีต่อเย่เทียนเฉินที่ดูพึ่งพาไม่ได้คนนี้เปลี่ยนไปมากแล้ว

ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินที่ถูกดึงเข้ามาในโลงศพหินมีเลือดโทรมกาย บาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง กำลังลอยอยู่กลางอากาศเช่นนั้น สติสัมปชัญญะพร่าเลือนเป็นอย่างมาก เขาปะทะกับเส้นทางแห่งปราชญ์เท่ากับต่อต้านสวรรค์ ต่อสู้กับฟ้าดิน ต้องการทำลายกฎเกณฑ์ของจักรวาลอันยิ่งใหญ่ การกระทำที่ทำให้ผู้คนเพียงคิดก็ต้องสั่นสะท้านเช่นนี้จะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว

เย่เทียนเฉินลอยอยู่อย่างนั้น เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากที่เข้ามาในโลงศพหินจะ ไม่ได้พบกับความว่างเปล่าอันมืดมิดและเล็กแคบดังที่คิด แต่เบื้องหน้าของเย่เทียนเฉินกลับปรากฏความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ของจักรวาล เขาลอยอยู่เช่นนั้น มีเลือดเต็มร่าง ข้างกายของเขามีสุริยันจันทราและดวงดาว ขุนเขาสายธารแมกไม้และต้นหญ้า ดวงดาวแต่ละดวงลอยออกไปจากข้างกายเขา เย่เทียนเฉินที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะฟื้นสติจากอาการพร่าเลือนขึ้นมาอีกครั้ง แปลกมากจริงๆ ราวกับเขาอยู่ในความว่างเปล่าของจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของเขามีขนาดเล็กลง นี่เป็นสภาวะที่ลึกลับยิ่งนัก กล่าวได้ไม่ชัดเจน รับรู้ได้ไม่กระจ่าง ให้ความรู้สึกราวกับว่าในความเงียบสงบของจักรวาลมีเพียงตัวเองที่ตื่นอยู่

“ตกลงที่นี่มันที่ไหนกันแน่?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพลางคิดในใจ

เย่เทียนเฉินค่อยๆ มีสติรู้ตัวขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย เขาไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไร และไม่รู้ว่าจะพบกับอะไร บางทีต่อไปเขาอาจจะเผชิญกับแรงกดดันของเส้นทางแห่งปราชญ์อีกครั้งจนกระทั่งถูกทับกลายเป็นเศษเนื้อ หรือบางทีเขาอาจจะอยู่ในสภาวะเช่นนี้ อยู่ในสภาพล่องลอยไปตลอดกาล จะอย่างไรแม้ในความฝันเย่เทียนเฉินก็คิดไม่ถึงว่าจะต้องพบกับสภาพเช่นนี้ ต่อให้ชีวิตก่อนของเขาที่ดาวสิ้นโลกเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้า เรียกได้ว่าพบเรื่องราวมามากมาย ในดาวสิ้นโลกซึ่งเป็นโลกที่มีความแปลกประหลาดทุกอย่าง เป็นโลกที่เหมือนกับจินตนาการ เย่เทียนเฉินมีประสบการณ์มามากจนไม่มีอะไรที่รับไม่ได้ ความคิดของเขาแตกต่างจากคนธรรมดาที่เอาแต่กินไปวันๆ เพื่อรอความตายนานแล้ว

เมื่อพูดถึงตรงนี้ไม่อาจไม่กล่าวถึงเสียหน่อย ในโลกที่เต็มไปด้วยความลับแห่งนี้ คนธรรมดาทำได้เพียงไล่ตามผลประโยชน์และเกิดแก่เจ็บตาย เข้าใจความเข้าใจสิ่งต่างๆ น้อยยิ่งกว่าน้อย คุณไม่เคยผ่านมาจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีปีศาจเทพเซียน ไม่มีผู้บ่มเพาะ ไม่มียอดฝีมือที่เพียงพลิกฝ่ามือก็กลายเป็นเมฆเพียงล้างมือในอ่างก็สามารถหยุดยั้งลมฝนได้? ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มีความสามารถและขอบเขตพลังเช่นนี้ไม่เหมือนกับคนธรรมดาไปนานแล้ว ในสายตาของพวกเขา คนธรรมดาไม่แตกต่างอะไรจากมดแมลง คุณจะรู้หรือไม่รู้ คุณจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรแม้แต่น้อย ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรื่องราวและสรรพสิ่งใดๆ พูดให้ชัดเจนก็คือ โลกที่คุณอาศัยอยู่ไม่ได้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ แล้ว พวกเขาสามารถตัดสินทั้งโลกได้ คุณจะตัดสินอะไรได้ล่ะ? ดังนั้นคุณจะรู้หรือไม่ จะเชื่อหรือไม่ สำหรับคนที่มีตัวตนเช่นนี้แล้วล้วนไม่มีความสำคัญแม้แต่น้อย!

“ไม่ว่าจะยังไง ค่อยๆ รักษาแผลให้หายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน ยังไงก็ไม่อาจรอความตายได้!”

เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิ พยายามฝืนร่างกายที่เหนื่อยล้าจนเกือบจะหมดสติ ค่อยๆ ใช้พลังอันอ่อนโยนในร่างกายของตนผสานกับพลังพิเศษที่เหลืออยู่เล็กน้อยทำการรักษาอาการบาดเจ็บของร่างกายไปช้าๆ ส่วนกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางก็กลับเข้าไปอยู่ในช่องว่างของเย่เทียนเฉินหลังจากที่พาเย่เทียนเฉินหลุดพ้นจากอันตรายจากแรงกดทับของเส้นทางแห่งปราชญ์ไปนานแล้ว

รอบด้านเงียบงัน เย่เทียนเฉินราวกับนั่งอยู่บริเวณใจกลางของจักรวาล รอบด้านมีดวงดาวเปล่งประกายเป็นระยะ เงียบจนราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเขาเพียงผู้เดียว เย่เทียนเฉินค้นพบอย่างแปลกใจว่า ในสถานที่ลึกลับเช่นนี้ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็เกือบจะหายดีแล้ว ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+