เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 400 ความกล้าที่จะเป็น “ผู้ครอบครอง”

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 400 ความกล้าที่จะเป็น “ผู้ครอบครอง” at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปรมาจารย์กระบี่ ผู้สร้างกระบี่เซวียนหยวน ชายชราที่มองตื้นลึกหนาบางไม่ออก ไม่รู้ว่าเขามีอายุเท่าไหร่ แน่นอนว่าปรมาจารย์กระบี่ที่อยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินไม่ใช่มนุษย์อย่างแท้จริง เป็นเพียงรอยประทับจิตวิญญาณที่อยู่ในกระบี่เซวียนหยวนเท่านั้น

ตอนนี้เย่เทียนเฉินเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างกระจ่างชัดแล้ว เขาถูกพลังแห่งเส้นทางปราชญ์รวมกับกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางดึงเข้ามาอยู่ในตัวกระบี่เซวียนหยวน ทางเลือกของเขาในตอนนี้มีเพียงสองทาง เส้นทางแรกก็คือไม่ลองครอบครองกระบี่เซวียนหยวน หากทำเช่นนี้จะไม่สามารถออกจากตัวกระบี่ได้ตลอดกาล ต้องถูกขังอยู่ในกระบี่จนแก่ตาย เส้นทางที่สองก็คือต่อสู้ถึงที่สุด ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนให้สำเร็จ เพียงแต่อัตราการสำเร็จมีไม่ถึงครึ่ง ดูเหมือนจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย เส้นทางทั้งสองนี้ พูดไปแล้วก็มีเพียงตายช้ากับตายเร็วเท่านั้น!

“เป็นไปไม่ได้น่า ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นสุดท้ายของขอบเขตนักรบจักรพรรดิก็ตายเหรอครับ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ถูกต้อง แต่ข้าบอกเจ้าแล้ว จะปราบกระบี่เซวียนหยวนได้หรือไม่ ความสามารถเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญก็คือความตระหนักรู้ หากสามารถเข้าใจกระบี่เซวียนหยวนได้ ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็จะประสบความสำเร็จจนสวรรค์ยังต้องแปลกใจ!” ปรมาจารย์กระบี่มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง มองท่าทางของปรมาจารย์กระบี่ แต่จะดูอย่างไรก็เหมือนกับชายชรากำลังหลอกลวงตนเอง เมื่อรับปากว่าจะลองปราบกระบี่เซวียนหยวนดูก็คงจะตายโดยทันทีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบนี้จะทดสอบอย่างไรก็ยังไม่รู้ เพียงแค่คิดก็ทำให้ขนหัวลุกแล้ว สำหรับเย่เทียนเฉินความตายไม่ได้น่าหวาดกลัวอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่กลัวตายจะเป็นคนโง่ที่สามารถนำชีวิตของตนมาล้อเล่นได้ตลอดเวลา ต้องทราบว่าผู้บ่มเพาะขั้นสุดท้ายของขอบเขตนักรบจักรพรรดินั้นแกร่งเท่ากับผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าขั้นสูงสุด ในช่วงยุคสิ้นโลกเย่เทียนเฉินก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าเช่นกัน แต่เป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น ภายหลังเย่เทียนเฉินจะทำการบ่มเพาะอย่างไรก็ยังยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก ผู้ที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะยิ่งฝึกไปถึงช่วงหลังก็ยิ่งยากลำบากขึ้นเป็นร้อยเท่า หากต้องการทะลวงขอบเขต ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถทำได้ในวันสองวันจริงๆ

เย่เทียนเฉินที่เคยเป็นผู้แข็งแกร่งซึ่งมีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าย่อมรู้ดีว่าระยะห่างหนึ่งขอบเขตเล็กๆ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ยิ่งไปกว่านั้นตนในตอนนี้ยังไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าอีกด้วย มีความสามารถอยู่ในขั้นสูงของขอบเขตจอมราชันเท่านั้น ระหว่างสองขอบเขตนี้ซึ่งยังมีขอบเขตจักรพรรดิกั้นอยู่ตรงกลาง หากต้องการทดสอบกระบี่เซวียนหยวน ไม่ใช่ว่าเป็นการรนหาที่ตายรึไง?

หากจะพูดถึงตอนแรกสุดที่เย่เทียนเฉินต้องการเข้ามาดูในโลงศพว่าตกลงแล้วเป็นกระบี่เซวียนหยวนหรือไม่โดยไม่คิดชีวิต แต่ตอนนี้เพียงจะทดสอบเสียหน่อยก็ยังต้องไตร่ตรอง สองสถานการณ์นี้มีความแตกต่างกันมากจริงๆ นี่ไม่เหมือนกับสถานการณ์ที่ต้องการเห็นของในโลงศพโดยไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นหรือจะตาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นความสบายอกสบายใจของปรมาจารย์กระบี่ ราวกับว่าจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเช่นนั้น เกรงว่าใต้หล้านี้คงไม่มีใครโง่ถึงขั้นที่รู้ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องตายแน่นอนแล้วยังจะไปทำให้ได้อีกล่ะมั้ง?

“จริงเหรอครับ? ผมว่านะท่านปรมาจารย์กระบี่ ไม่ใช่ว่าคุณกำลังหยอกล้อผมอยู่เหรอ? ยอดฝีมือขั้นสุดท้ายของขอบเขตนักรบจักรพรรดิก็ยังตาย คุณจะให้ผมที่มีความสามารถอยู่ในขอบเขตนักรบราชันไปลองดู นี่ไม่ได้เป็นการรนหาที่ตายเหรอไงครับ?” เย่เทียนเฉินเห็นว่าปรมาจารย์กระบี่ดูคล้ายกับกำลังหยอกล้อตนจึงพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

ปรมาจารย์กระบี่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะมองตนออกอย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้จนต้องทำหน้าสลด แต่ไม่นานก็ฟื้นคืนสู่ความสงบนิ่ง พูดด้วยท่าทีของผู้อาวุโสยอดฝีมือที่เคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมากว่า “เป็นชนรุ่นหลังต้องฟังคำพูดของผู้อาวุโสให้มาก ข้าอาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้า เจ้าคิดดูหน่อยเถิด เมื่อปีนั้นไม่ใช่ว่าจักรพรรดิเหลืองเป็นเพียงคนธรรมดาหรือ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีใจทะเยอทะยานเท่านั้น หลังจากได้รับกระบี่เซวียนหยวนไป เขาฉลาดเฉลียวเปิดกว้าง ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ ตอนนี้ยังได้รับการกราบไหว้จากผู้คนนั้น เป็นอำนาจระดับใดกัน หรือเจ้าคิดจะรอความตายอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต?”

กลับกัน เย่เทียนเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าปรมาจารย์กระบี่ผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือ ถึงแม้ชายชราผู้นี้จะไม่มีเจตนาร้ายอะไร และไม่อาจสัมผัสถึงเจตนาฆ่าฟันของเขาได้ แต่มักจะมีความรู้สึกที่ทำให้เขาวูบวาบ เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าปรมาจารย์กระบี่ท่านนี้มีแผนร้ายอะไรที่ไม่ได้บอกตนอยู่ แถมยังพูดให้เขาไปตายอยู่ตลอดด้วย

เมื่อปีนั้นจักรพรรดิเหลืองได้กระบี่เซวียนหยวนไป สร้างคุณงามความดีมากมาย ผ่านไปหลายพันปีก็ยังคงได้รับความเคารพและการกกราบไหว้จากผู้คน ในจุดนี้ย่อมไม่เป็นความเท็จแน่นอน แต่จากการคาดเดาของเย่เทียนเฉิน จากบันทึกในประวัติศาสตร์โบราณกล่าวว่า การที่จักรพรรดิเหลืองได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนเป็นเพราะมีทวยเทพรวบรวมโลหะจากขุนเขาทั้งหมดมาสร้างให้เขา นี่จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ผู้นี้เป็นผู้สร้างกระบี่เซวียนหยวน จะมีทวยเทพอะไรมาสร้างให้จักรพรรดิเหลืองไปได้ เห็นได้ชัดว่าในจุดนี้เป็นการเล่าลือผิดๆ เย่เทียนเฉินลอบคาดเดาได้บ้างแล้ว คงจะเป็นเพราะเมื่อปีนั้นมีผู้บ่มเพาะที่ไม่ธรรมดาได้กระบี่เซวียนหยวนไปแล้วนำมามอบให้จักรพรรดิเหลือง จึงทำให้จักรพรรดิเหลืองได้ครอบครองกระบี่ ทวยเทพอะไรนั่นเป็นเพียงคำเล่าลือ คงจะสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนนับถือเท่านั้น

ในประวัติศาสตร์ประมาณห้าพันปีของประเทศจีน มีหลายอย่างที่ไม่ครอบคลุมและขาดไป ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีการบันทึกเหตุการณ์หมื่นปีก่อนประวัติศาสตร์ที่มรุษย์เพิ่งจะเริ่มพัฒนาอีกด้วย ทั้งหมดล้วนจมอยู่ในกาลเวลาแห่งประวัติศาสตร์ มีหลายเรื่องที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ เพียงแค่ถูกคนรุ่นหลังคิดและสร้างสรรค์เอาเองเท่านั้น การบันทึกที่แท้จริงก็คือ ภายหลังที่จักรพรรดิเหลืองได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนแล้วก็มอบให้เซี่ยอวี่ เวลาพันปีหลังจากยุคสมัยเซี่ยอวี่ก็มีซางทังเป็นผู้ครอบครองและเอาชนะดาบมารบรรพกาลทั้งสามเล่มไปได้ การที่กระบี่บรรพกาลที่เปล่งประกายสีเหลืองทองนับพันปี ว่ากันว่าเป็นเพราะเทพสวรรค์ประทานให้กับจักรพรรดิเหลืองเป็นรางวัลที่สามารถเอาชนะชือโหยวได้ ในนั้นแฝงไปด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด เป็นกระบี่เทพที่ใช้กำจัดความชั่วร้าย

กระบี่เซวียนหยวนเป็นกระบี่เทพ ในจุดนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้สงสัยเลย เพียงแค่พลังแห่งเส้นทางปราชญ์ในกระบี่เซวียนหยวนก็เพียงพอที่จะสร้างเป็นกระบี่เทพขึ้นมาแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นจักรวาลได้ กำหนดกฏเกณฑ์ได้ กระบี่เทพเช่นนี้มีเพียงเล่มเดียวในฟ้าดิน!

“คุณอาบน้ำร้อนมากก็โง่แล้ว อีกอย่าง จักรพรรดิเหลืองได้รับการกราบไหว้จากคนรุ่นหลังแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม? ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ผมว่านะท่านปรมาจารย์กระบี่ ผมว่าคุณยังพูดให้ผมฟังไม่หมดละมั้ง มาเปิดอกคุยกันดีหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ

เดิมทีเย่เทียนเฉินคิดว่าปรมาจารย์กระบี่ท่านนี้เป็นผู้อาวุโสที่ไม่เลวคนหนึ่ง เพียงแต่จากคำพูดและสายตาของเขา เย่เทียนเฉินยังคงเห็นการหยอกล้ออยู่บ้าง เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ถูกชายชราผู้นี้หลอกลวง เย่เทียนเฉินจึงพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน ต้องการล้วงข้อมูลออกมาจากปากปรมาจารย์กระบี่ท่านนี้อีกสักหน่อย เช่นนั้นก็จะดีมาก

“นี่เป็นคำพูดที่เจ้าพูดกับผู้อาวุโสหรือ? ข้าบอกให้เจ้าทดสอบก็ทดสอบไปเถอะ เจ้าไม่ต้องการทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ให้ได้รับการกราบไหว้จากคนนับหมื่นจริงหรือ?” ปรมาจารย์กระบี่ก็มองไปที่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่อยาก!” เย่เทียนเฉินตอบอย่างชัดเจน

“งั้นเจ้าต้องการทำอะไร?” ปรมาจารย์กระบี่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินจะฉลาดเช่นนี้ เหมือนกับมองแผนการของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง

“ต่อให้ผู้คนกราบไหว้ ได้รับความชื่นชมมากมาย ก็เป็นเพียงคนตายเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงย่อมต้องการชีวิตยืนยาว ดังนั้นสิ่งที่คุณพูดดึงดูดผมไม่ได้หรอก!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น

ปรมาจารย์กระบี่ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะสำรวจเย่เทียนเฉินอย่างจริงจัง ราวกับต้องการมองเย่เทียนเฉินให้ทะลุปรุโปร่ง สิ่งที่จะทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ ชายหนุ่มอายุน้อยคนนี้ถึงกับมีใจแน่วแน่ดั่งวีรบุรุษ สิ่งที่ต้องการแสวงหามิใช่เพียงพลังสุดยอด แต่เป็นเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวที่ทุกคนต่างฝันถึง

“ฮ่าๆๆๆ พูดจาใหญ่โตนัก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างแสวงหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาว แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามีผู้ใดประสบความสำเร็จ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพราชัน เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน คว้าเดือนคว้าดาวก็ไม่เกินความสามารถ เป็นหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความมืดมน นั่งดูสังขารเสื่อมถอย ชีวิตยืนยาวหรือ? ตั้งแต่ก่อเกิดจักรวาลก็มีผู้คนนับไม่ถ้วนเสาะแสวงหา แต่กลับไม่มีใครทำได้ เจ้าหนูอย่างเจ้ากำลังฝันอยู่หรือไง?” ปรมาจารย์กระบี่ได้สติกลับมาก็พูดกับเย่เทียนเฉินอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“เรื่องที่คนรุ่นก่อนทำไม่ได้ คนรุ่นหลังจะทำไม่ได้หรือไง? ใครจะกล้ารับประกันบ้าง?” ในตอนนี้เย่เทียนเฉินมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาเคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้า ย่อมต้องโหยหาพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ขอบเขตที่ลึกล้ำยิ่งกว่า และย่อมต้องโหยหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวแน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับความเคารพ ทั่วทั้งจักรวาลอันกว้างใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน มีเพียงผู้แข็งแกร่งถึงจะไม่ถูกผู้อื่นเห็นเป็นเนื้อปลา มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่จะได้สัมผัสของลึกลับสูงส่ง คนธรรมดาทำได้เพียงกินดื่มเที่ยวเล่น เกิดแก่เจ็บตายไปเท่านั้น

สาเหตุที่เย่เทียนเฉินต้องการมีชีวิตยืนยาวมีปัจจัยหลักๆ อยู่สองข้อ หนึ่งก็คือเขาต้องการให้พ่อแม่และน้องสาวในโลกนี้ของเขาอยู่ได้นานยิ่งขึ้น เนื่องจากตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกเขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ไม่ได้รับความอบอุ่นของครอบครัว แต่ในเมื่อมีโอกาสเช่นนี้แล้ว เขาจึงไม่อยากจะพลาดไป และไม่อยากยอมแพ้ หลังจากจัดการเรื่องราววุ่นวายเสร็จแล้วก็จะคิดหาวิธีไปสำรวจดาวจักรพรรดิดูเสียหน่อย ประการที่สองก็คือเย่เทียนเฉินต้องการหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาว ทำให้ตนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล หลังจากเป็นหนึ่งในจักรวาลแล้วก็จะดูสักหน่อยว่าจะสามารถเรียนรู้พลังลึกลับอะไรได้หรือไม่ จะคืนชีวิตให้สหายที่ตายไปแล้วในดาวสิ้นโลกได้หรือไม่ นี่คือความเจ็บปวดในใจของเขาตลอดกาล

“ข้าไม่สนใจว่าตอนนี้เจ้าต้องการทดสอบหรือไม่ ไปลองดูเสียหน่อยว่าจะปราบกระบี่เซวียนหยวนได้หรือไม่ มิฉะนั้นข้าคงทำได้เพียงฆ่าเจ้าแล้ว การบ่มเพาะของเจ้าห่างไกล ไม่อาจเทียบข้าได้!” ปรมาจารย์กระบี่พลันหน้าเปลี่ยนสี แรกเริ่มเป็นความอบอุ่นสนิทสนม ต่อมามีบรรยากาศเหมือนยอดฝีมือ ตอนนี้มีหน้าตาน่าหวาดกลัว ดูเหมือนต้องการบีบบังคับเย่เทียนเฉินอย่างไรอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้เกิดในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

มองไปที่เย่เทียนเฉินอีกครั้ง เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของปรมาจารย์กระบี่ หากเป็นคนอื่นคงตกใจจนฉี่ราดไปนานแล้ว และคงคุกเข่าขอชีวิตไปแล้ว เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่เป็นผู้สร้างกระบี่เซวียนหยวน คนที่สร้างกระบี่เทพออกมาได้จะเป็นคนธรรมดาหรือ? เพียงแต่เย่เทียนเฉินกลับมองปรมาจารย์กระบี่อย่างไม่สบอารมณ์ ในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ด้านข้าง หาวครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ตาแก่ ผมว่าคุณซื่อสัตย์สักหน่อยเถอะ ตกลงที่นี่คือที่ไหนกันแน่? ตกลงคุณเป็นใครกันแน่? ที่สำคัญก็คือคุณมีจุดประสงค์อะไร? พูดออกมา บางทีผมอาจจะช่วยคุณได้ ไม่งั้นก็บายบายแล้วกัน!”

“เจ้า…เจ้าหนู ไม่กลัวว่าข้าจะตบเจ้าตายในหนึ่งฝ่ามือหรือ?” ปรมาจารย์กระบี่โกรธจนอยากจะลงมือกับเย่เทียนเฉิน

“ถ้าคุณมีความสามารถแบบนั้นจริงๆ คงลงมือกับผมไปนานแล้ว แล้วก็คงปราบกระบี่เซวียนหยวนด้วยตัวเองไปแล้ว ทำไมต้องรอให้ผมมาทดสอบด้วย ท่าทางคนที่ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนหลายคนก่อนหน้านี้ก็คงครอบครองไปง่ายๆ แต่ไม่ได้เดินมาถึงที่นี่ ส่วนยอดฝีมือหกคนก่อนหน้านี้ก็คงถูกคุณทำร้ายตายไปแบบนี้ น่าเสียดายวีรบุรุษอย่างพวกเขา!” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหน้า

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ 400 ความกล้าที่จะเป็น “ผู้ครอบครอง”

Now you are reading เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ Chapter 400 ความกล้าที่จะเป็น “ผู้ครอบครอง” at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปรมาจารย์กระบี่ ผู้สร้างกระบี่เซวียนหยวน ชายชราที่มองตื้นลึกหนาบางไม่ออก ไม่รู้ว่าเขามีอายุเท่าไหร่ แน่นอนว่าปรมาจารย์กระบี่ที่อยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินไม่ใช่มนุษย์อย่างแท้จริง เป็นเพียงรอยประทับจิตวิญญาณที่อยู่ในกระบี่เซวียนหยวนเท่านั้น

ตอนนี้เย่เทียนเฉินเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างกระจ่างชัดแล้ว เขาถูกพลังแห่งเส้นทางปราชญ์รวมกับกระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางดึงเข้ามาอยู่ในตัวกระบี่เซวียนหยวน ทางเลือกของเขาในตอนนี้มีเพียงสองทาง เส้นทางแรกก็คือไม่ลองครอบครองกระบี่เซวียนหยวน หากทำเช่นนี้จะไม่สามารถออกจากตัวกระบี่ได้ตลอดกาล ต้องถูกขังอยู่ในกระบี่จนแก่ตาย เส้นทางที่สองก็คือต่อสู้ถึงที่สุด ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนให้สำเร็จ เพียงแต่อัตราการสำเร็จมีไม่ถึงครึ่ง ดูเหมือนจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย เส้นทางทั้งสองนี้ พูดไปแล้วก็มีเพียงตายช้ากับตายเร็วเท่านั้น!

“เป็นไปไม่ได้น่า ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นสุดท้ายของขอบเขตนักรบจักรพรรดิก็ตายเหรอครับ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ถูกต้อง แต่ข้าบอกเจ้าแล้ว จะปราบกระบี่เซวียนหยวนได้หรือไม่ ความสามารถเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ที่สำคัญก็คือความตระหนักรู้ หากสามารถเข้าใจกระบี่เซวียนหยวนได้ ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็จะประสบความสำเร็จจนสวรรค์ยังต้องแปลกใจ!” ปรมาจารย์กระบี่มองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง มองท่าทางของปรมาจารย์กระบี่ แต่จะดูอย่างไรก็เหมือนกับชายชรากำลังหลอกลวงตนเอง เมื่อรับปากว่าจะลองปราบกระบี่เซวียนหยวนดูก็คงจะตายโดยทันทีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบนี้จะทดสอบอย่างไรก็ยังไม่รู้ เพียงแค่คิดก็ทำให้ขนหัวลุกแล้ว สำหรับเย่เทียนเฉินความตายไม่ได้น่าหวาดกลัวอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่กลัวตายจะเป็นคนโง่ที่สามารถนำชีวิตของตนมาล้อเล่นได้ตลอดเวลา ต้องทราบว่าผู้บ่มเพาะขั้นสุดท้ายของขอบเขตนักรบจักรพรรดินั้นแกร่งเท่ากับผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าขั้นสูงสุด ในช่วงยุคสิ้นโลกเย่เทียนเฉินก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าเช่นกัน แต่เป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น ภายหลังเย่เทียนเฉินจะทำการบ่มเพาะอย่างไรก็ยังยากกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก ผู้ที่อยู่ในเส้นทางการบ่มเพาะยิ่งฝึกไปถึงช่วงหลังก็ยิ่งยากลำบากขึ้นเป็นร้อยเท่า หากต้องการทะลวงขอบเขต ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถทำได้ในวันสองวันจริงๆ

เย่เทียนเฉินที่เคยเป็นผู้แข็งแกร่งซึ่งมีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าย่อมรู้ดีว่าระยะห่างหนึ่งขอบเขตเล็กๆ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ยิ่งไปกว่านั้นตนในตอนนี้ยังไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้าอีกด้วย มีความสามารถอยู่ในขั้นสูงของขอบเขตจอมราชันเท่านั้น ระหว่างสองขอบเขตนี้ซึ่งยังมีขอบเขตจักรพรรดิกั้นอยู่ตรงกลาง หากต้องการทดสอบกระบี่เซวียนหยวน ไม่ใช่ว่าเป็นการรนหาที่ตายรึไง?

หากจะพูดถึงตอนแรกสุดที่เย่เทียนเฉินต้องการเข้ามาดูในโลงศพว่าตกลงแล้วเป็นกระบี่เซวียนหยวนหรือไม่โดยไม่คิดชีวิต แต่ตอนนี้เพียงจะทดสอบเสียหน่อยก็ยังต้องไตร่ตรอง สองสถานการณ์นี้มีความแตกต่างกันมากจริงๆ นี่ไม่เหมือนกับสถานการณ์ที่ต้องการเห็นของในโลงศพโดยไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นหรือจะตาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นความสบายอกสบายใจของปรมาจารย์กระบี่ ราวกับว่าจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเช่นนั้น เกรงว่าใต้หล้านี้คงไม่มีใครโง่ถึงขั้นที่รู้ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องตายแน่นอนแล้วยังจะไปทำให้ได้อีกล่ะมั้ง?

“จริงเหรอครับ? ผมว่านะท่านปรมาจารย์กระบี่ ไม่ใช่ว่าคุณกำลังหยอกล้อผมอยู่เหรอ? ยอดฝีมือขั้นสุดท้ายของขอบเขตนักรบจักรพรรดิก็ยังตาย คุณจะให้ผมที่มีความสามารถอยู่ในขอบเขตนักรบราชันไปลองดู นี่ไม่ได้เป็นการรนหาที่ตายเหรอไงครับ?” เย่เทียนเฉินเห็นว่าปรมาจารย์กระบี่ดูคล้ายกับกำลังหยอกล้อตนจึงพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

ปรมาจารย์กระบี่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะมองตนออกอย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้จนต้องทำหน้าสลด แต่ไม่นานก็ฟื้นคืนสู่ความสงบนิ่ง พูดด้วยท่าทีของผู้อาวุโสยอดฝีมือที่เคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างมากว่า “เป็นชนรุ่นหลังต้องฟังคำพูดของผู้อาวุโสให้มาก ข้าอาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้า เจ้าคิดดูหน่อยเถิด เมื่อปีนั้นไม่ใช่ว่าจักรพรรดิเหลืองเป็นเพียงคนธรรมดาหรือ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีใจทะเยอทะยานเท่านั้น หลังจากได้รับกระบี่เซวียนหยวนไป เขาฉลาดเฉลียวเปิดกว้าง ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ ตอนนี้ยังได้รับการกราบไหว้จากผู้คนนั้น เป็นอำนาจระดับใดกัน หรือเจ้าคิดจะรอความตายอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต?”

กลับกัน เย่เทียนเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าปรมาจารย์กระบี่ผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือ ถึงแม้ชายชราผู้นี้จะไม่มีเจตนาร้ายอะไร และไม่อาจสัมผัสถึงเจตนาฆ่าฟันของเขาได้ แต่มักจะมีความรู้สึกที่ทำให้เขาวูบวาบ เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าปรมาจารย์กระบี่ท่านนี้มีแผนร้ายอะไรที่ไม่ได้บอกตนอยู่ แถมยังพูดให้เขาไปตายอยู่ตลอดด้วย

เมื่อปีนั้นจักรพรรดิเหลืองได้กระบี่เซวียนหยวนไป สร้างคุณงามความดีมากมาย ผ่านไปหลายพันปีก็ยังคงได้รับความเคารพและการกกราบไหว้จากผู้คน ในจุดนี้ย่อมไม่เป็นความเท็จแน่นอน แต่จากการคาดเดาของเย่เทียนเฉิน จากบันทึกในประวัติศาสตร์โบราณกล่าวว่า การที่จักรพรรดิเหลืองได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนเป็นเพราะมีทวยเทพรวบรวมโลหะจากขุนเขาทั้งหมดมาสร้างให้เขา นี่จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ผู้นี้เป็นผู้สร้างกระบี่เซวียนหยวน จะมีทวยเทพอะไรมาสร้างให้จักรพรรดิเหลืองไปได้ เห็นได้ชัดว่าในจุดนี้เป็นการเล่าลือผิดๆ เย่เทียนเฉินลอบคาดเดาได้บ้างแล้ว คงจะเป็นเพราะเมื่อปีนั้นมีผู้บ่มเพาะที่ไม่ธรรมดาได้กระบี่เซวียนหยวนไปแล้วนำมามอบให้จักรพรรดิเหลือง จึงทำให้จักรพรรดิเหลืองได้ครอบครองกระบี่ ทวยเทพอะไรนั่นเป็นเพียงคำเล่าลือ คงจะสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนนับถือเท่านั้น

ในประวัติศาสตร์ประมาณห้าพันปีของประเทศจีน มีหลายอย่างที่ไม่ครอบคลุมและขาดไป ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีการบันทึกเหตุการณ์หมื่นปีก่อนประวัติศาสตร์ที่มรุษย์เพิ่งจะเริ่มพัฒนาอีกด้วย ทั้งหมดล้วนจมอยู่ในกาลเวลาแห่งประวัติศาสตร์ มีหลายเรื่องที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ เพียงแค่ถูกคนรุ่นหลังคิดและสร้างสรรค์เอาเองเท่านั้น การบันทึกที่แท้จริงก็คือ ภายหลังที่จักรพรรดิเหลืองได้ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนแล้วก็มอบให้เซี่ยอวี่ เวลาพันปีหลังจากยุคสมัยเซี่ยอวี่ก็มีซางทังเป็นผู้ครอบครองและเอาชนะดาบมารบรรพกาลทั้งสามเล่มไปได้ การที่กระบี่บรรพกาลที่เปล่งประกายสีเหลืองทองนับพันปี ว่ากันว่าเป็นเพราะเทพสวรรค์ประทานให้กับจักรพรรดิเหลืองเป็นรางวัลที่สามารถเอาชนะชือโหยวได้ ในนั้นแฝงไปด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด เป็นกระบี่เทพที่ใช้กำจัดความชั่วร้าย

กระบี่เซวียนหยวนเป็นกระบี่เทพ ในจุดนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้สงสัยเลย เพียงแค่พลังแห่งเส้นทางปราชญ์ในกระบี่เซวียนหยวนก็เพียงพอที่จะสร้างเป็นกระบี่เทพขึ้นมาแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นจักรวาลได้ กำหนดกฏเกณฑ์ได้ กระบี่เทพเช่นนี้มีเพียงเล่มเดียวในฟ้าดิน!

“คุณอาบน้ำร้อนมากก็โง่แล้ว อีกอย่าง จักรพรรดิเหลืองได้รับการกราบไหว้จากคนรุ่นหลังแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม? ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ผมว่านะท่านปรมาจารย์กระบี่ ผมว่าคุณยังพูดให้ผมฟังไม่หมดละมั้ง มาเปิดอกคุยกันดีหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ

เดิมทีเย่เทียนเฉินคิดว่าปรมาจารย์กระบี่ท่านนี้เป็นผู้อาวุโสที่ไม่เลวคนหนึ่ง เพียงแต่จากคำพูดและสายตาของเขา เย่เทียนเฉินยังคงเห็นการหยอกล้ออยู่บ้าง เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ถูกชายชราผู้นี้หลอกลวง เย่เทียนเฉินจึงพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน ต้องการล้วงข้อมูลออกมาจากปากปรมาจารย์กระบี่ท่านนี้อีกสักหน่อย เช่นนั้นก็จะดีมาก

“นี่เป็นคำพูดที่เจ้าพูดกับผู้อาวุโสหรือ? ข้าบอกให้เจ้าทดสอบก็ทดสอบไปเถอะ เจ้าไม่ต้องการทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ให้ได้รับการกราบไหว้จากคนนับหมื่นจริงหรือ?” ปรมาจารย์กระบี่ก็มองไปที่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่อยาก!” เย่เทียนเฉินตอบอย่างชัดเจน

“งั้นเจ้าต้องการทำอะไร?” ปรมาจารย์กระบี่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินจะฉลาดเช่นนี้ เหมือนกับมองแผนการของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง

“ต่อให้ผู้คนกราบไหว้ ได้รับความชื่นชมมากมาย ก็เป็นเพียงคนตายเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงย่อมต้องการชีวิตยืนยาว ดังนั้นสิ่งที่คุณพูดดึงดูดผมไม่ได้หรอก!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น

ปรมาจารย์กระบี่ชะงักไป อดไม่ได้ที่จะสำรวจเย่เทียนเฉินอย่างจริงจัง ราวกับต้องการมองเย่เทียนเฉินให้ทะลุปรุโปร่ง สิ่งที่จะทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ ชายหนุ่มอายุน้อยคนนี้ถึงกับมีใจแน่วแน่ดั่งวีรบุรุษ สิ่งที่ต้องการแสวงหามิใช่เพียงพลังสุดยอด แต่เป็นเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวที่ทุกคนต่างฝันถึง

“ฮ่าๆๆๆ พูดจาใหญ่โตนัก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างแสวงหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาว แต่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามีผู้ใดประสบความสำเร็จ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพราชัน เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน คว้าเดือนคว้าดาวก็ไม่เกินความสามารถ เป็นหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความมืดมน นั่งดูสังขารเสื่อมถอย ชีวิตยืนยาวหรือ? ตั้งแต่ก่อเกิดจักรวาลก็มีผู้คนนับไม่ถ้วนเสาะแสวงหา แต่กลับไม่มีใครทำได้ เจ้าหนูอย่างเจ้ากำลังฝันอยู่หรือไง?” ปรมาจารย์กระบี่ได้สติกลับมาก็พูดกับเย่เทียนเฉินอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“เรื่องที่คนรุ่นก่อนทำไม่ได้ คนรุ่นหลังจะทำไม่ได้หรือไง? ใครจะกล้ารับประกันบ้าง?” ในตอนนี้เย่เทียนเฉินมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาเคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังพิเศษในขอบเขตพระเจ้า ย่อมต้องโหยหาพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ขอบเขตที่ลึกล้ำยิ่งกว่า และย่อมต้องโหยหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาวแน่นอนอยู่แล้ว นี่เป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับความเคารพ ทั่วทั้งจักรวาลอันกว้างใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกัน มีเพียงผู้แข็งแกร่งถึงจะไม่ถูกผู้อื่นเห็นเป็นเนื้อปลา มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่จะได้สัมผัสของลึกลับสูงส่ง คนธรรมดาทำได้เพียงกินดื่มเที่ยวเล่น เกิดแก่เจ็บตายไปเท่านั้น

สาเหตุที่เย่เทียนเฉินต้องการมีชีวิตยืนยาวมีปัจจัยหลักๆ อยู่สองข้อ หนึ่งก็คือเขาต้องการให้พ่อแม่และน้องสาวในโลกนี้ของเขาอยู่ได้นานยิ่งขึ้น เนื่องจากตอนที่อยู่ดาวสิ้นโลกเขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ ไม่ได้รับความอบอุ่นของครอบครัว แต่ในเมื่อมีโอกาสเช่นนี้แล้ว เขาจึงไม่อยากจะพลาดไป และไม่อยากยอมแพ้ หลังจากจัดการเรื่องราววุ่นวายเสร็จแล้วก็จะคิดหาวิธีไปสำรวจดาวจักรพรรดิดูเสียหน่อย ประการที่สองก็คือเย่เทียนเฉินต้องการหาเส้นทางแห่งชีวิตยืนยาว ทำให้ตนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล หลังจากเป็นหนึ่งในจักรวาลแล้วก็จะดูสักหน่อยว่าจะสามารถเรียนรู้พลังลึกลับอะไรได้หรือไม่ จะคืนชีวิตให้สหายที่ตายไปแล้วในดาวสิ้นโลกได้หรือไม่ นี่คือความเจ็บปวดในใจของเขาตลอดกาล

“ข้าไม่สนใจว่าตอนนี้เจ้าต้องการทดสอบหรือไม่ ไปลองดูเสียหน่อยว่าจะปราบกระบี่เซวียนหยวนได้หรือไม่ มิฉะนั้นข้าคงทำได้เพียงฆ่าเจ้าแล้ว การบ่มเพาะของเจ้าห่างไกล ไม่อาจเทียบข้าได้!” ปรมาจารย์กระบี่พลันหน้าเปลี่ยนสี แรกเริ่มเป็นความอบอุ่นสนิทสนม ต่อมามีบรรยากาศเหมือนยอดฝีมือ ตอนนี้มีหน้าตาน่าหวาดกลัว ดูเหมือนต้องการบีบบังคับเย่เทียนเฉินอย่างไรอย่างนั้น สิ่งเหล่านี้เกิดในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

มองไปที่เย่เทียนเฉินอีกครั้ง เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของปรมาจารย์กระบี่ หากเป็นคนอื่นคงตกใจจนฉี่ราดไปนานแล้ว และคงคุกเข่าขอชีวิตไปแล้ว เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่เป็นผู้สร้างกระบี่เซวียนหยวน คนที่สร้างกระบี่เทพออกมาได้จะเป็นคนธรรมดาหรือ? เพียงแต่เย่เทียนเฉินกลับมองปรมาจารย์กระบี่อย่างไม่สบอารมณ์ ในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ด้านข้าง หาวครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ตาแก่ ผมว่าคุณซื่อสัตย์สักหน่อยเถอะ ตกลงที่นี่คือที่ไหนกันแน่? ตกลงคุณเป็นใครกันแน่? ที่สำคัญก็คือคุณมีจุดประสงค์อะไร? พูดออกมา บางทีผมอาจจะช่วยคุณได้ ไม่งั้นก็บายบายแล้วกัน!”

“เจ้า…เจ้าหนู ไม่กลัวว่าข้าจะตบเจ้าตายในหนึ่งฝ่ามือหรือ?” ปรมาจารย์กระบี่โกรธจนอยากจะลงมือกับเย่เทียนเฉิน

“ถ้าคุณมีความสามารถแบบนั้นจริงๆ คงลงมือกับผมไปนานแล้ว แล้วก็คงปราบกระบี่เซวียนหยวนด้วยตัวเองไปแล้ว ทำไมต้องรอให้ผมมาทดสอบด้วย ท่าทางคนที่ครอบครองกระบี่เซวียนหยวนหลายคนก่อนหน้านี้ก็คงครอบครองไปง่ายๆ แต่ไม่ได้เดินมาถึงที่นี่ ส่วนยอดฝีมือหกคนก่อนหน้านี้ก็คงถูกคุณทำร้ายตายไปแบบนี้ น่าเสียดายวีรบุรุษอย่างพวกเขา!” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหน้า

………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+