เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอบทที่ 734 ปลงเถอะกับปล่อยลมเถอะ!

Now you are reading เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ Chapter บทที่ 734 ปลงเถอะกับปล่อยลมเถอะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แผนกฉุกเฉินเป็ นแผนกที่มีแพทย์ผสมปนเปไปหมด ไม่ว่าตอน แรกคุณจะเรียนอะไร เมื่อมาอยู่ที่นี่ ก็ต้องเรียนทุกอย่าง

ช่วงบ่ายวันพุธ มีคนไข้บาดแผลภายนอกกระดูกหักถูกส่งตัวมา ที่แผนกฉุกเฉิน เฉินชางก็ตั้งใจจะเรียนการผ่าตัดปฐมพยาบาล กระดูกหักฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงตามหัวหน้าหลี่เจี้ยนเหว่ยเข้าห้องผ่าตัด ไป

การผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกเป็ นทางถนัดของผู้ชาย เฉินชางไม่ เข้าใจว่าท าไมอาจารย์สือน่าถึงเลือกเรียนแผนกศัลยกรรมกระดูก

การผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกเต็มไปด้วยความรุนแรง เอะอะก็ รักษาน่อง ปรับตาแหน่งอวัยวะของร่างกาย เสียงเลื่อยไฟฟ้ าดังไม่ หยุด และยังต้องฝังตะปูเกลียวเข้าไปในกระดูก

นี่มันงานใช ้แรงงานชัดๆ!

ก าลังมือของเฉินชางมากพอแล้ว แต่เขาก็รู ้สึกว่าเมื่อเทียบกับ กล้ามเป็ นมัดๆ ของหัวหน้าหลี่ ก็ยังขาดการฝึกฝนอีกเยอะจริงๆ

เห็นว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เฉินชางก็รู ้ว่าคราวนี้ครูพักลักจาไม่ สำเร็จ แต่ก็ได้ความรู ้มาไม่น้อย

เฉินชางในตอนนี้ได้เปลี่ยนจากการเรียนรู ้เพราะถูกสถานการณ์ บีบบังคับเป็ นการใฝ่รู ้ด้วยตัวเองแล้ว เขารู ้สึกว่าถ้าต้องการสร ้างระบบ ฉุกเฉินที่ไม่เหมือนใคร จาเป็ นต้องทาความเข้าใจโรคต่างๆ ของแต่ ละแผนก จากนั้นเมื่อเชี่ยวชาญแล้ว จึงดาเนินการสรุปผลขั้นสุดท้าย

หลี่เจี้ยนเหว่ยเองก็พอใจในตัวเฉินชางมาก พลันพูดกับเฉินชาง ว่า “เสี่ยวเฉิน ปล่อยลม[1]เถอะ!”

เฉินชางพยักหน้า

โดยทั่วไป การผ่าตัดศัลยกรรมกระดูก ตอนที่ผ่าตัดร่างกาย ส่วนล่าง เพื่อลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด มักจะรัดสายพองห้าม เลือดไว้ตรงรอบโคนต้นขา

ความจริงมันก็เหมือนกับผ้าพันแขนของเครื่องวัดความดันโลหิต เมื่อพองตัวก็จะเพิ่มแรงดัน หลอดเลือดของคนไข้จะปิดชั่วคราว ท า ให้แพทย์ปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ในช่วงเวลาวิกฤต

โดยทั่วไป แพทย์จะรัดจนกว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นจึงปล่อยออก

เฉินชางกาลังจะปล่อยลม จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร่าไห้ระลอกหนึ่งดังมา ในเสียงแฝงความไม่จ ายอมและค าราม “คุณหมอครับ! ขอร ้องล่ะ อย่าปลงเลย ผมยังมีลูกต้องเลี้ยง ภรรยาผมอายุแค่สามสิบปี ผมต้อง ดูแลทั้งเด็กทั้งคนแก่ คุณหมอเมตตาหน่อยนะครับ อย่าปลงเลยนะ ครับ…”

ทุกคนอึ้ง เกือบตอบสนองไม่ทัน

โดยทั่วไปการผ่าตัดร่างกายส่วนล่างไม่จาเป็ นต้องรมยาสลบ มักจะให้ยาชาที่ไขสันหลัง แต่คนไข้ส่วนใหญ่ล้วนไม่กล้าดูการผ่าตัด ต่างเบื่อจนหลับไป

แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่เหมือนคนอื่น จ้องคุณหมอทุกคนตั้งแต่ ต้นจนจบ มองจนวิสัญญีแพทย์เก้อเขินขึ้นมาจนเกิดความคิดวู่วาม อยากทาให้เขาสลบไปอยู่หลายครั้ง

ได้ยินค าพูดของคนไข้ ครู่ใหญ่ทุกคนจึงเข้าใจ

หลี่เจี้ยนเหว่ยอดหัวเราะไม่ได้ “พ่อหนุ่ม หมอไม่ได้ปลง หมอก็จะ ปล่อยลมสายรัดตรงขาของคุณ!”

ชายหนุ่มร ้องไห้แล้วจริงๆ น้าหูน้าตาไหล “คุณหมอครับ กับขาก็ จะปลงไม่ได้นะครับ ผมแค่กระดูกหัก จะปลงง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร… ขอร ้องล่ะครับ!”

พยาบาลอดมองบนไม่ได้ “ฉันปลงแล้วค่ะ”

ชายหนุ่มได้ยินแล้วเกือบเป็ นลม

สุดท้ายหลังจากผ่าตัดเสร็จ หมอผู้รับผิดชอบอธิบายอยู่หลาย นาทีกว่าผู้ป่วยจะเข้าใจ

เฉินชางหัวเราะไม่ได้ร ้องไห้ไม่ออก

เมื่อเทียบกันแล้ว ปัจจัยเสี่ยงของการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกก็ไม่ น้อยเลย

ระหว่างผ่าตัด ดูผลลัพธ ์การผ่าตัดผ่านเครื่องเอกซเรย์ ถือว่ามี รังสีสะท้อนกลับส าหรับหมอ

เพราะฉะนั้นหมอแผนกศัลยกรรมกระดูกมากมาย ส่วนใหญ่อายุ ประมาณสี่สิบปีก็เกิดปัญหาสุขภาพเล็กๆ น้อยๆ แล้ว

ช่วงนี้หลังจากเฉินชางมีเป้ าหมายก็งานยุ่งทุกวัน นอกจากเข้า ห้องผ่าตัดทุกวันแล้ว กลับบ้านไปถ้ามีเวลาก็จะค้นหาบทความ เกี่ยวกับยาแก้ไอ VOLB และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด อุดตัน

ถ้ายาแก้ไอตัวนี้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจได้จริงๆ เขาจะต้องศึกษาเรื่องนี้ให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง

แม้ไม่รู ้ว่าภารกิจที่สามจะถูกกระตุ้นเมื่อไร แต่สาหรับเฉินชาง เตรียมตัวไว้ก่อนย่อมดีกว่า

วันนี้เฉินชางเข้าเวรดึก

คนขับรถเหล่าหยางเอาเมล็ดทานตะวันสองถุงมาคุย สารทุกข์สุกดิบกับฉินไท่ซานอย่างที่ไม่เคยเป็ นมาก่อน

หลายวันมานี้ อากาศข้างนอกหนาวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว วันนี้วันที่เจ็ด แปดมกราคมแล้ว อีกไม่นานก็จะตรุษจีน

ข้างนอกอากาศหนาว ห้องรักษาความปลอดภัยของฉินไท่ซาน มีถุงน้าร ้อน ผ้าห่มไฟฟ้ า ทั้งสองชอบกินเมล็ดทานตะวันและพูดคุย สารทุกข์สุกดิบกันในนั้น

เหล่าหยางปีนี้อายุย่างห้าสิบแล้ว ส่วนฉินไท่ซานกาลังจะหกสิบ ทั้งสองห่างกันสิบปี แต่คุยกันถูกคอ

เหล่าหยางมักจะโอ้ออวดว่ารถของตนเองขับไม่ถึงหนึ่งร ้อย สามสิบกิโลเมตรมานานมากแล้ว ส่วนเหล่าฉินจะคุยโวว่าตนเคย ช่วยชีวิตหญิงสาวอายุยี่สิบเจ็ดแปดปีคนหนึ่งด้วยการ CPR บนรถไฟ ตอนกลับบ้านเกิด

ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ เหล่าหยางมักล้อเหล่าฉินว่าต้องเป็ นเพราะ เขาเห็นผู้หญิงคนนั้นสวย ถึงได้ลงมือแน่ๆ

และเหล่าฉินก็จะโกรธจนด่าเหล่าหยาง

พวกเขาเป็ นสองคนที่ทางานในแผนกฉุกเฉินมานานที่สุด ตอน หนุ่มๆ ฉินไท่ซานเคยผ่าตัด ทางานใช ้แรงงานไม่ได้ ตอนนั้น ผู้อ านวยการฝางเห็นว่าเขาน่าสงสาร จึงให้เป็ นพนักงานรักษาความ ปลอดภัยของแผนกฉุกเฉิน

รู ้ตัวอีกทีเขาก็ทางานนี้มาสามสิบปีแล้ว จนลูกแต่งงานแล้ว

ส่วนเหล่าหยางขับรถกู้ภัยมาทั้งชีวิต

ตอนสองทุ่ม ฉินไท่ซานออกไปซื้อถั่วกับแกล้มมาสองถุง ตอน กลับก็สบถอย่างนึกขา “โธ่เอ๊ย ถนนกลายเป็ นน้าแข็งอีกแล้ว เกือบ ลื่นล้ม เหล่าหยาง ตอนออกไปขับช ้าๆ หน่อยนะ”

เหล่าหยางได้ยินค าพูดของฉินไท่ซานแล้วขมวดคิ้วทันที

ฤดูที่เขากลัวที่สุดคือฤดูหนาว

ฤดูหนาวของทุกปี…จะต้องเกิดอุบัติเหตุเพราะหิมะไม่รู ้กี่ครั้งต่อกี่ ครั้ง

เหล่าหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ “วันนี้ขออย่าให้เกิดอุบัติเหตุเลย”

ทว่าเพิ่งจะสิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังระรัวจากแผนก พยาบาล

เหล่าหยางกับเหล่าฉินสบตากัน

หลังจากเสี่ยวหลินรับโทรศัพท์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เธอพูด กับเหล่าหยางที่แทะเมล็ดทานตะวันอยู่ว่า “ลุงหยางคะ ตรงตาแหน่ง สองร ้อยเมตรใต้ทางด่วนระหว่างเมืองเกิดอุบัติเหตุรถชนซ ้อนคัน หัวหน้าเหอให้เราออกเดินทางโดยเร็วที่สุดค่ะ”

หลังจากพูดจบ เสี่ยวหลินวิ่งเข้าห้องทางานหมออย่างเร่งรีบ

เหล่าเหอได้ยินแล้วก็มึนงงไปทันที!

โธ่เอ๊ย พูดถึงก็มาเลย ทำไมผมปากศักดิ์สิทธิ์แบบนี้!

พูดถึงตรงนี้ เหล่าหยางก็ยัดถั่วลิสงกาหนึ่งเข้าปาก พูดกับฉินไท่ ซานว่า “เดี๋ยวผมเอาเหล้ามาให้ขวดหนึ่ง!”

พูดจบเขาก็ม้วนเสื้อผ้า ลุกขึ้นวิ่งไปที่รถเบนซ ์214 ของเขา!

เฉินชางได้ยินแล้วรีบลุกขึ้นเตรียมของสิ้นเปลืองอย่างพวกผ้า ก๊อซจานวนมากแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถกู้ภัย

ตอนนี้ทุกคนต่างตึงเครียด

อุบัติเหตุรถชนซ ้อนคันใต้ทางด่วน ทุกคนต่างรู ้ว่าอันตรายแค่ ไหน

ตอนนี้อากาศข้างนอกหนาวมาก โชคดีที่ในรถรักษาอุณหภูมิได้ ดี เฉินชางใส่แค่เสื้อกาวน์ก็ไม่รู ้สึกหนาวแล้ว

เฉินชางมองเสี่ยวหลินแวบหนึ่งแล้วอดถามไม่ได้ “ทาไมไม่ใส่เสื้อ แจ็กเก็ตครับ”

เสี่ยวหลินส่ายหน้า “ใส่ออกไปเอายายังพอได้ค่ะ ไม่เร่งรีบ แต่ถ้า ต้องเดินทางใส่ไม่ได้เลยเชียว เทอะทะเกินไป เคลื่อนไหวไม่สะดวก เลย”

คาพูดของเสี่ยวหลินทาให้เฉินชางอดขาไม่ได้ “เสี่ยวหลิน คุณมี แฟนหรือยัง ให้ผมแนะน าให้ไหมครับ”

เสี่ยวหลินหน้าแดงขึ้นมาทันที “หัวหน้าเฉิน คุณต้องหาคนที่ ซื่อสัตย์ให้ฉันนะคะ!”

เฉินชางอดขำไม่ได้

ตอนนี้เอง คนขับรถเหล่าหยางก็พูดอย่างโมโห “เวรเอ๊ย หิมะตก แล้ว!”

[1] 放气 (ฟั่งชี่) ที่มีความหมายว่า ปล่อยลม กับ 放弃(ฟั่งชี่) ที่ มีความหมายว่ายอมแพ้ (ในที่นี้ใช ้คาว่าปลงเพื่อเล่นเสียง) เป็ นพ้อง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด