เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอบทที่ 749 กลุ่มอาการพิเศษ!

Now you are reading เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ Chapter บทที่ 749 กลุ่มอาการพิเศษ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การผ่าตัดวันต่อมาราบรื่นดี เฉินชางพาฉินเยว่ออกศึกด้วย ตัวเอง

เฉินชางมีทักษะช่าชอง ผ่าตัดชนิดต่างๆ คล่องขึ้นกว่าตอนแรก มาก

มิหนาซ้าตอนทาหัตถการใบหน้า การยกกระชับใบหน้า SMAS ของเฉินชางพัฒนาขึ้นกว่าตอนแรกมากๆ

ขณะที่เฉินชางลงมือ จู่ๆ ก็นึกถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายไขมันของอี จุนกิ ถ้าเปลี่ยนแปลงความยืดหยุ่นของผิวด้วยไขมันใต้ผิวหนัง ป้ องกันผิวหนังพับย่นได้จะเป็ นยังไงนะ

พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็มองดูแม่ยายแล้วตัดสินใจลองดู! ความคิดนี้มีคุณค่าในการศึกษามาก เฉินชางดูดไขมันที่เดิมเป็ นไขมันส่วนเกินในหน้าอกออกมาเก็บ ไว้ แล้วจึงเริ่มเรียงฉีดบริเวณใบหน้าช ้าๆ กระบวนการนี้พิถีพิถันมาก! ฉินเยว่เห็นแล้วยังไม่กล้าหายใจแรงสักนิด กระบวนการผ่าตัดละเอียดยิบเช่นเดียวกัน

การผ่าตัดดาเนินไปสามชั่วโมงกว่า ส่วนศัลยกรรมเสริมหน้าอก เฉินชางไม่ได้ใส่เต้านมเทียม ถึงอย่างไรหน้าอกผู้หญิงก็ขยายขึ้น หลังจากคลอดลูก หลักๆ หน้าอกไม่มีปัญหาอะไร แค่ต้องจัดการยึด เนื้อเยื่อเต้านมกับผิวหนังให้อยู่กับที่ก็เรียบร ้อย

หลังจากผ่าตัดเสร็จ ฉินเยว่ก็ชื่นชมเฉินชางถึงที่สุด

ระหว่างทางออกมาจากห้องผ่าตัด ฉินเยว่พูดกับเฉินชางเบาๆ ว่า “เฉินชาง ฉันถามคุณหน่อยสิ!”

เฉินชางพยักหน้า “ท าไมเหรอ”

ตาดวงโตของฉินเยว่กลอกหลุกหลิกไปมา “ฉันรู ้สึกว่าคุณมี ความสุขจังเลย!”

เฉินชางยิ่งงุนงง “ทาไมผมมีความสุขล่ะ”

ฉินเยว่พูดด้วยสีหน้าเฝ้ ารอ “ก็ดูสิ คุณศัลยกรรมเก่งขนาดนี้ ต่อไปถ้าคุณให้ฉันศัลยกรรมฉันต้องปฏิเสธไม่ลงแน่…แบบนี้แล้ว… คุณไม่ต้องเปลี่ยนเจ้าสาวทุกคืนเลยเหรอ”

เปลี่ยนเจ้าสาวทุกคืน…

ประโยคเดียวเล่นเอาเฉินชางหน้าเหวอไปหมด!

ยายนี่ คุณจะซนเกินไปแล้วมั้ง แต่ว่า…

นี่เป็ นสิ่งที่มีคุณค่าในการวิจัยอย่างหนึ่ง

เช่นการผ่าตัดบางอย่าง…เอิ่ม!

จู่ๆ ตอนนี้เฉินชางก็รู ้สึกว่าเป็ นศัลยแพทย์ตกแต่งนี่ ดีจัง

หลังจากผ่าตัดจี้หรูอวิ๋นเสร็จ เฉินชางก็ผ่าตัดให้บรรดาเศรษฐินี ที่ตกหล่นช่วงก่อนหน้านี้ วันนี้เขาทางานล่วงเวลา ผ่าตัดไปหลาย เคส

ถึงอย่างไรเฉินชางก็อาศัยเงินพ่อตาซื้อบ้านที่เมืองหลวงให้จริงๆ ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

หลังตรุษจีนก็ต้องไปเมืองหลวงแล้ว ในย่านที่ดินทองคาแบบนั้น ไม่หาเงินแล้วจะท าอย่างไรได้…

ตอนนี้สิ่งที่เฉินชางกาลังพิจารณาก็คือ หลังจากไปเมืองหลวง แล้วจะรับงานเสริมดีหรือไม่

……

……

เฉินชางยุ่งทั้งวัน หลังจากกลับถึงบ้านอาบน้าล้างตัวนิดหน่อย แล้วก็เตรียมจะเข้านอน

เหล่าฉินนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ในใจคิดอยู่ ปัญหาเดียวว่าหลังจากภรรยาศัลยกรรมแล้วจะต้องเปลี่ยนไปแน่ พอ คิดดู…เขาก็ทั้งเฝ้ าคอยทั้งกระวนกระวาย

ความรู ้สึกนี้แปลกประหลาดเกินไปแล้วจริงๆ

วันจันทร ์เป็ นวันที่งานยุ่ง หลังจากสุดสัปดาห์ผ่านไป ทุกคนก็ต่าง ฝืนไปทางานทั้งที่มีความไม่เต็มใจล้านแปด

ตอนเก้าโมงกว่า สามีภรรยาคู่หนึ่งพาลูกหกขวบคนหนึ่งเข้าห้อง ฉุกเฉิน!

เฉินชางเห็นเด็กน้อยแล้วจึงรีบเข้าไปรับหน้า

“เป็ นอะไรมาครับ”

แม่ของเด็กเอ่ยอย่างร ้อนรน “ลูกปวดหัวมาสองวันแล้ว วันนี้ยิ่ง หนักขึ้น บอกด้วยว่ามองอะไรไม่ชัด ตาพร่ามัวค่ะ!”

เฉินชางได้ยินเข้าก็ให้เด็กนอนบนเตียงแล้วตรวจร่างกายโดย ละเอียดทันที

ผลตรวจร่างกายทั้งร่างไม่มีผลเป็ นบวกเลยสักอย่าง ไปตรวจดูที่ แผนกตาก็ไม่เป็ นไร ตรวจระบบประสาทก็ปกติหมด

เฉินชางก็เริ่มสงสัย จึงจัดการให้ไปตรวจสิ่งที่เกี่ยวข้องอย่าง MRI กับ EEG

แต่…ผลพวกนี้ก็ปกติหมด!

คราวนี้ทาเอาเฉินชางอึ้งไปเลย

หรือจะเจอโรคที่รักษาได้ยากอะไรเข้า

พอคิดถึงตรงนี้ ทั้งโรงพยาบาลก็ต่างจับตามอง ถึงอย่างไรถ้า วินิจฉัยรักษาโรครักษายากนี้ได้ ก็จะได้บทความ SCI คะแนนสูงบท หนึ่งเลย!

จู่ๆ แผนกฉุกเฉินก็มีโรคที่รักษายากเพิ่มมาเคสหนึ่ง โรงพยาบาล พากันเชิญผู้เชี่ยวชาญแผนกประสาทวิทยากับแผนกศัลยกรรม ประสาทมาปรึกษาเคส

ทุกคนต่างปรึกษาและถกเถียงกันแต่ก็ยังไม่ได้ผลสักที!

เรื่องนี้ก็ทาให้เฉินชางประหลาดใจมาก

ปวดหัวเพียงอย่างเดียวอาจจะเป็ นอาการด้านระบบประสาท แต่ ยาระงับประสาทระงับอาการไม่ได้

และในกะโหลกยังไม่มีรอยโรคทางกายแต่อย่างใด ตาพร่ามัวที่ ส าคัญกลับหาสาเหตุไม่เจอสักนิด

เรื่องนี้ทาหัวหน้าอาวุโสแผนกดวงตาอายุเกือบหกสิบร ้อนรนจะ แย่แล้ว

ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู ้สึกจนปัญญา ตัดสินใจโทรศัพท์ให้ ผู้เชี่ยวชาญที่เมืองหลวงมาหาด้วยตัวเอง

ตลอดสองสามวันนี้หัวหน้าอาวุโสหาข้อมูลล่วงเวลาเพื่อเด็กคน นี้

เฉินชางก็เป็ นแพทย์เจ้าของไข้ให้ผู้ป่ วยน้อยคนนี้เอง เพราะ เข้าตาจน เฉินชางจึงตัดสินใจขยายแนวคิด ควรซักอาการดีๆ โดย เริ่มจากสาเหตุ

ดังนั้นเขาจึงเรียกพ่อแม่ของเด็กมาตั้งใจพูดคุย แล้วก็ได้รู ้ว่าพ่อ แม่ของผู้ป่ วยน้อยเป็ นผู้มีการศึกษาสูงทั้งนั้น ปู่ ย่าเป็ นศาสตราจารย์ ในมหาวิทยาลัย ทั้งครอบครัวให้ความสาคัญกับการศึกษามาก

ด้านผู้ป่ วยน้อยคนนี้ นอกจากไปเรียนทุกวันแล้ว พอกลับบ้าน ทางบ้านก็จัดคลาสเรียนพิเศษ ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ยังมีคลาส เต็มแน่น ไม่มีเวลาพักผ่อนสักนิด

หลังจากตื่นนอนตอนเช ้าสองวันก่อน จู่ๆ ผู้ป่วยน้อยก็บอกว่าตน ไม่สบาย!

นี่จึงทาให้เฉินชางสงสัย หรือว่า…เพราะกดดันมากเกินไป ระบบ ประสาทเลยอ่อนแอ ก่อให้เกิดกลุ่มอาการพิเศษในระบบประสาทสัก อย่าง!

แต่เด็กเพิ่งกี่ขวบเอง…

เด็กสมัยนี้กดดันเรื่องเรียนมากเกินไปแล้ว

พ่อแม่ของผู้ป่ วยน้อยก็ทบทวนตลอดว่าต่อไปตนจะไม่ให้ลูก ลาบากมากขนาดนี้อีกแล้ว

ถึงอย่างไรต่อให้การเรียนส าคัญแค่ไหนก็ไม่ส าคัญเท่าร่างกาย อยู่ดี

คนในครอบครัวทั้งสี่คนเสียใจกับสิ่งที่ทาไป สาบานว่าต่อไปจะ ไม่ให้เรียนพิเศษอีกเด็ดขาด

ทั้งครอบครัวเป็ นปัญญาชนระดับสูง ต่างรวมตัวกันทอดถอนใจ อยู่ในห้องผู้ป่วยกันหมด

เฉินชางตามมาเล่นกับผู้ป่วยน้อยสักพัก ถือโอกาสเอาสติ๊กเกอร ์ ภาพสีมาวัดสายตาด้วยการเล่นเกม ผลลัพธ ์น่าดีใจมาก!

สายตาปกติดีนี่

ทันใดนั้นเฉินชางก็ผงะไป! เขายืนยันความคิดของตัวเอง!

ผู้ป่วยคนนี้อาจจะเป็ นโรคประหลาดโรคหนึ่ง!

นั่นก็คือ ‘กลุ่มอาการปวดศีรษะเป็ นครั้งคราวชนิดควบคุมได้ พร ้อมตาพร่าแบบจ าเพาะ!’

โรคนี้ไม่ถือว่าพบได้บ่อย แต่กลับวินิจฉัยได้ยากมาก

ขณะที่เฉินชางบอกชื่อนี้ให้ผู้ปกครองรู ้ หนูน้อยก็ได้ยินเข้า เขา พอใจกับชื่อนี้เป็ นอย่างยิ่ง

พ่อแม่ยังอึ้งไป ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เฉินชางจึงยิ้มแล้วพูด เบาๆ “ที่จริง…พูดให้ชัดก็คือแกล้งป่วยครับ!”

เด็กคนนี้อาจจะแกล้งป่วย จงใจไม่ไปเรียนพิเศษ ผลสุดท้ายก็ทา ส าเร็จแล้ว!

ดังนั้นเขาที่เป็ นเด็กฉลาดจึงเริ่มเล่นลูกไม้เดิม ตัดสินใจไม่ไป เรียน แล้วก็ยังสาเร็จอย่างต่อเนื่อง!

อาจเป็ นเพราะตอนอยู่ในห้องไม่อนุญาตให้เด็กดูโทรทัศน์ เล่น โทรศัพท์ เด็กน้อยหลับตาจนหงุดหงิดแล้ว

เฉินชางจึงสูดหายใจลึกๆ จงใจบอกพ่อแม่ต่อหน้าเด็ก

“เด็กป่ วยหนักมากนะครับ คง…ต้องผ่าตัดเลย!

“ก่อนอื่นนะครับ ต้องเปิดสมองเขาออกมา ผมสงสัยว่าอาจจะมี อะไรงอกอยู่ข้างใน ต้องตัดออกมาดู

“แต่พอตัดออกแล้ว หน้าก็อาจจะมีรอยแผลเป็ นรอยหนึ่ง ต้องมี แผลเป็ นไปทั้งชีวิตแล้ว มิหนาซ้าต่อไปตาก็จะมองไม่เห็นแล้ว หูก็ต้อง ไม่ได้ยินเสียงแน่

“พวกคุณพิจารณาดีๆ นะครับ!”

พอพูดจบ เฉินชางก็ถอนใจยาวๆ

หนูน้อยได้ยินเข้าก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด บีบนิ้วอย่างร ้อนใจ มองดูพ่อแม่อย่างระแวง

กลัวว่าพวกเขาจะเอาตนไปขาย…

ในใจก็คิดอยู่ว่าตนแกล้งป่ วยหนักเกินไปหรือเปล่า

พ่อแม่ของเด็กได้ยินเข้าก็ทอดถอนใจยอมรับ “โอเค! หมอ ไม่ เป็ นไรครับ ผ่าเปิดเถอะ เตรียมตัวเมื่อไรครับ พวกเรายอมทาตามคุณ ทั้งหมด!”

เฉินชางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “รีบเตรียมตัวตอนนี้เลยเถอะครับ!”

ในตอนนี้เอง หนูน้อยพลันลุกขึ้นมา “อ๊ะ พ่อครับ แม่ครับ ผมไม่ ปวดหัวแล้ว ตาก็เห็นชัดแล้ว”

พ่อแม่ของเด็กเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาเข้าก็โมโหจนศีรษะชา หนึบทันที

ตัวแค่นี้ก็แกล้งป่วยเป็ นแล้ว!

คราวนี้มาโรงพยาบาลสามวัน ใช ้เงินไปแล้วสองหมื่นกว่าหยวน

พวกเขาโมโหจนอุ้มลูกกลับไปเลย เรื่องราวหลังจากนั้นจริงๆ เฉินชางก็ไม่อาจรู ้ได้ แต่… ก่อนออกไป หนูน้อยมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด