เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอบทที่ 832 ปัญหาเรื่องขวดนม
เฉินชางเห็นหัวหน้าแย่งกันเป็นผู้ช่วยเยอะแล้วไม่ได้ตกใจ
แต่อย่างใด!
ไม่มีใครแย่งสิแปลก…
แต่เฉินชางมองหม่าเยว่ฮุยอย่างสงสัย ทำไมวันนี้หัวหน้าทีม
หม่านี่นิ่งได้ขนาดนี้นะ ค่อยมีท่าทางของหัวหน้าทีมขึ้นมาหน่อย!
ส่วนหมอจ้าวแพทย์ผู้ดูแลหลักที่อยู่อีกด้านนั้นงงไปเลย
ตอนแรกเขายังคิดว่าตนที่เป็นแพทย์ผู้ดูแลหลักของผู้ป่วยก็คง
มีโอกาสเข้าร่วมผ่าตัด แต่ตอนนี้ดูท่า…เข้าร่วมงั้นเหรอ
คงต้องการเราแค่ตอนเข็นเตียงล่ะมั้ง
นี่มีผู้ช่วยมือห้าหกเจ็ดแปดแล้ว จะยังมีที่ให้เราได้ยังไง!
จะว่าไป หัวหน้าเยอะขนาดนี้ เขายังจะแย่งใครได้…
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ คนพวกนี้มันเวอร์ไป
แล้ว แค่การผ่าตัดโดยที่หัวใจไม่หยุดเต้นครั้งเดียวก็เป็นกันแบบนี้เฮ้อ…
……
หลังจากพูดคุยเรื่องเคส ในที่สุดก็สรุปการผ่าตัดได้ ต่อไปก็คือ
การพูดคุยกับญาติผู้ป่วย
จูฮั่นเลี่ยงเดินเข้ามาในแผนก เห็นว่ามีหัวหน้าอยู่สิบกว่าคน
แล้วจึงอดยิ้มอย่างซึ้งใจไม่ได้ “ลำบากหัวหน้าทุกคนแล้วครับ!”
สวีจื่อหมิงยิ้มพลางเอ่ย “เชิญนั่งครับคุณจู”
จูฮั่นเลี่ยงนั่งลงอย่างร้อนอกร้อนใจ ที่จริงพอเห็นว่ามีหัวหน้า
มาคุมมากขนาดนี้ เขาเองก็เชื่อมั่นขึ้นเยอะ แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกชาย
ของตน ใครจะคลายกังวลได้
นี่ก็เหมือนกับเข้าไปฟังคำพิพากษาจากศาล!
จูฮั่นเลี่ยงมองดูพวกสวีจื่อหมิง “หัวหน้าสวี คุณหมายความว่า
…”
สวีจื่อหมิงชี้เฉินชางพลางพูดว่า “จากที่พวกเราคุยกัน พวกเรา
คิดว่าการผ่าตัดของหมอเฉินชางคงมีค่าสัมประสิทธิ์ความปลอดภัยสูงสุด ภาวะแทรกซ้อนหลังจากผ่าตัดน้อยที่สุดที่พวกเราคิดได้ใน
ตอนนี้แล้วครับ!
นั่นก็คือการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจไมทรัลทั้งที่หัวใจไม่หยุดเต้น
แต่การผ่าตัดมีความเสี่ยงเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจลูกชายคุณ
ยังทำงานได้แย่ขนาดนั้นแล้วด้วย
ที่จริงคุณต้องตัดสินใจตอนนี้เลย”
จูฮั่นเลี่ยงนิ่งคิดครู่หนึ่ง ถอนหายใจแล้วกัดฟัน “ผมเชื่อ
พวกคุณ!”
……
……
สรุปการผ่าตัดแล้วว่าวันนี้กับพรุ่งนี้จะเตรียมการก่อนผ่าตัดให้
เสร็จ บ่ายสี่โมงพรุ่งนี้จะเริ่มผ่าตัดตรงเวลา!
ตอนที่ไม่มีใครอยู่ในลิฟต์ที่ลงมาจากแผนกศัลยกรรมหัวใจ
หม่าเยว่ฮุยถามอย่างสงสัย “เสี่ยวเฉิน คุณไม่ตื่นเต้นสักนิดเลย
เหรอ”
เฉินชางผงะไป “ตื่นเต้นอะไรครับ”หม่าเยว่ฮุยเอ่ยขึ้นทันที “หัวหน้ามากประสบการณ์มาช่วยคุณ
ผ่าตัดเยอะขนาดนั้น คุณไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ”
พอหม่าเยว่ฮุยพูดกับเขาอย่างนี้ เฉินชางก็ส่ายหัวเนิบๆ “ไม่ได้
รู้สึกแบบนี้นะครับ คงเพราะชินแล้วมั้ง…”
ลิฟต์หยุดลง เฉินชางก้าวไปข้างหน้า ทิ้งให้หม่าเยว่ฮุยเหม่ออยู่
ในลิฟต์
ไอ้หนูนี่…จะเต๊ะท่าเก่งไปแล้วมั้ง
ชินแล้วงั้นเหรอ
คุณไปชินมาจากไหนกัน โรงพยาบาลอันดับสองกะจ้อยร่อย
ของคุณมีตัวพ่อเยอะขนาดนี้ซะที่ไหน!
เฉินชางไม่ได้โม้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงใครอื่น แค่ที่เมืองหลวงก็
หลายคนแล้ว โจวหงกวงแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีคนหนึ่งล่ะ
ไหนจะพวกหัวหน้ากู้หงเหมยจากแผนกศัลยกรรมมือโรงพยาบาลจี
สุ่ยถานนั่นอีก อ้อ! ยังมีรองประธานสมาคมศัลยกรรมตกแต่งด้วย
…นี่ตอนแรกงอแงอยากตามมาดูการผ่าตัดทั้งนั้นเลย!เฉินชางเดินไปสองสามก้าวแล้วจู่ๆ ก็พบว่าหม่าเยว่ฮุยไม่ได้
ตามมาด้วย จึงหันหลังขวับ “ถึงชั้นหนึ่งแล้ว ทำไมคุณยังไม่ออกมา
ล่ะครับ”
หม่าเยว่ฮุยจึงอึ้งไป รีบร้อนวิ่งออกมา
เฉินชางหมดคำพูด!
คนอะไรเนี่ย…
โธ่!
หัวหน้าทีมรอบนี้ดูแลยากจังเลย ช่างเถอะ เห็นแก่เงินทุนวิจัย
สองล้านของคุณหรอก จะทำเท่าที่ทำได้แล้วกัน
เฉินชางกลับจากแผนกศัลยกรรมหัวใจแล้วก็กลายเป็นแพทย์
ประจำ บ้านระดับล่างอีกครั้ง
ตอนที่เพิ่งออกมาจากห้องเวรก็พบว่าหยางเจี๋ยถือขวดขวด
หนึ่งเดินมาหา “หมอเฉิน อย่าปิดประตูนะคะ ฉันไปวางของหน่อย”
เฉินชางชะงักไป เห็นขวดในมือหยางเจี๋ยแล้วจึงยิ้ม “พี่หยาง
ช่วงนี้ผมอ่านรายงานวิจัย นมแม่ถ้าเก็บไม่ดีจะเกิดแบคทีเรียได้ง่าย
ไม่ค่อยดีกับเด็กเท่าไร คุณระวังหน่อยนะครับ…”หยางเจี๋ยได้ยินแล้วเริ่มสงสัยทันที รีบเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น
คะ หมอเฉินพูดกับฉันเหรอ”
เฉินชางยิ้มให้ “เพราะเดิมทีนมแม่ก็มีคุณสมบัติพิเศษอยู่แล้ว
มิหนำซ้ำ ตอนที่น้ำนมหลั่งออกมาก็ผ่านเครื่องมือหลายอย่าง เกิด
เชื้อแบคทีเรียพิเศษบางชนิดได้ง่าย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือหรือ
ภาชนะก็ต้องระวังหน่อย อีกอย่างในตู้เย็นพยาบาลเรา…ภูมิคุ้มกัน
เด็กไม่ค่อยดี…”
หยางเจี๋ยได้ยินคำของเฉินชางแล้วยิ้มอย่างซึ้งใจทันที
หยางเจี๋ยมีชื่อที่เอาเปรียบคนอื่นได้ง่าย อายุแค่สามสิบ แต่
หม่าเยว่ฮุยก็ต้องเรียกว่าหยางเจี๋ย ฟังแล้วเหมือนเจ๊หยาง
เธอในตอนนี้ยังอยู่ในช่วงให้นมลูก ดังนั้นจึงมักเตรียมนม
สำ รองไว้ให้ลูกตอนที่ทำงาน เพราะอยู่ทีมเดียวกัน ทุกคนจึงล้อ
เป็นครั้งคราว
เฉินชางเป็นคนนิสัยดีมาก เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และไม่ใช่คน
จุกจิกขนาดนั้น ทั้งยังปากหวาน จึงมีความสัมพันธ์อันดีกับคนทีม
ที่หนึ่งในห้องทำงานแพทย์มีตู้เย็น ดังนั้นหยางเจี๋ยจึงเอามาวางไว้
ข้างในประจำ แม้ว่าในตู้เย็นจะรักษาความสดใหม่ไว้ได้ แต่ก็ใช่ว่า
จะปลอดภัย!
ในห้องทำงานแพทย์มีฟาสต์ฟู้ดอย่างขนมปังกับแฮมอยู่มาก
บางครั้งเน่าเสียแล้วก็ไม่มีใครสนใจ เฉินชางจึงเตือนด้วยความหวังดี
พอเขาพูดแบบนี้ หยางเจี๋ยก็อึ้งไปเหมือนกัน
คิดดูดีๆ ก็ใช่จริงๆ!
ลูกยังเล็ก ภูมิคุ้มกันเทียบกับผู้ใหญ่ไม่ได้ น้ำนมจึงห้าม
มีปัญหา
แต่ปั๊มน้ำนมออกมาแล้ว ให้ทิ้งก็คงไม่เหมาะ
หยางเจี๋ยเองยังไม่อยากดื่ม
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มองเฉินชางแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวเฉิน
คุณพูดมีเหตุผล ไม่งั้น…ให้คุณไหมคะ คุณจะเอาไปดื่มไหม
สารอาหารเพียบเลย!”
เฉินชางได้ยินแล้วอึดอัดขึ้นมาทันที “เอ่อ ไม่เอาครับพี่หยาง”หยางเจี๋ยหัวเราะร่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่มีโรคติดต่อ นี่ของดีนะ
จะทิ้งก็เสียดาย! เด็กกำลังโตกินเยอะหน่อยเถอะ”
เฉินชางทำหน้าไม่ถูก ต่อให้นี่เป็นแค่ของธรรมดา หาซื้อได้
ตามอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ แต่เฉินชางเห็นเจ้าของจริงๆ เอามาให้ก็ยัง
เขินเล็กน้อย
และตอนนี้เอง หัวหน้าทีมหม่าเยว่ฮุยก็เข้ามาในห้องเวรพอดี
จึงเห็นว่าอยู่กันทั้งคู่
จู่ๆ เขาก็เห็นขวดนมในหยางเจี๋ย จึงยิ้มขึ้นทันที “หยางเจี๋ย นี่
คุณเก็บน้ำนมให้ลูกอีกแล้วใช่ไหม!”
หยางเจี๋ยยิ้ม “วันนี้ไม่เก็บแล้วค่ะ ลูกมีพอกิน เสี่ยวเฉินคุณเอา
ไปเถอะ!”
พอแม่ลูกอ่อนหยางเอาสิ่งนี้มาให้ เฉินชางก็เกิดกลัวว่าฉินเยว่
จะฆ่าตนไหม ย่อมเอ่ยปฏิเสธอยู่แล้ว
หยางเจี๋ยดูออกว่าเฉินชางก็อายจึงยิ้มให้ “ช่างเถอะ คุณพูด
แบบนี้ฉันก็ไม่กล้าเอาให้ลูกแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องจริงๆ เลย ฉันทิ้ง
ดีกว่า!”หม่าเยว่ฮุยได้ยินเข้าพลันอึ้งไปทันที “อย่าทิ้งเลยนะ หยางเจี๋ย
นี่มันของดี ยกให้ผมสิ! ของบำรุงชั้นดีเลย!”
พอพูดจบ หม่าเยว่ฮุยก็หยิบขวดไปแล้วพูดว่า “เอ๊ะ? ยังอุ่น
อยู่เลยนี่! สดๆ เลยใช่ไหม”
หยางเจี๋ยกลอกตาใส่หม่าเยว่ฮุย “ที่ฉันเก็บคราวก่อนคุณแอบ
กินใช่ไหม!”
เธอพูดจบก็หันหลังจากไป “ฉันไปแล้วนะคะ!”
ด้านหม่าเยว่ฮุยมองเสี่ยวเฉินแล้วถอนใจส่ายหัว “เสี่ยวเฉินเอ๋ย
คุณยังเด็กไปจริงๆ”
เฉินชางอึ้งไป “นี่เกี่ยวอะไรกับอายุเหรอครับ”
หม่าเยว่ฮุยส่ายหน้า เปิดฝาแล้วดื่มอึกๆ ทันที
เฉินชางเห็นแล้วหมดคำพูด
“เอิ๊ก! ร้อนสิอร่อย เมื่อก่อนสมัยผมเป็นแพทย์กองทัพก็มีพยา
ยาลบาลน้อยมีน้ำนมสองสามคน ปั๊มน้ำนมแล้วก็เลยใส่ตู้เย็นไว้
หัวหน้าพยาบาลกลัวว่าจะเปลือง เลยหลอกพวกเราว่าโรงพยาบาล
ซื้อให้!ผมน่ะดื่มอยู่ตั้งนาน จนแต่งงานถึงเพิ่งรู้ว่านี่มันนมแม่!
แต่ก็อร่อยจริงๆ นะ คุณดูร่างกายผมสิ! เจ๋งขนาดไหน!
เฉินชางกลืนน้ำลาย เห็นสมองของหัวหน้าทีมแล้วถอนใจ
ไม่กล้าพูดอะไร
“จริงด้วย ผมบอกความลับอะไรให้ เหล่าอวี๋น่ะ ตอนนั้นเขาก็
ชอบดื่มอยู่รสหนึ่ง ตอนหลังถึงรู้ว่านั่นเป็นของพยาบาลที่อ้วนและ
ขี้เหร่ที่สุดในแผนกเรา…”
ตอนนี้เองประตูก็ถูกเปิดออก
อวี๋หย่งกังจ้องเหล่าหม่า ตาฉายแววพิฆาต!
Comments