เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอบทที่ 891 เฮ้อ จะส่งการบ้านไม่ทันแล้ว
พอเวลาผ่านไป เฉินชางก็ยิ่งรู้สึกว่าช่วงนี้ยิ่งกดดันมากขึ้น
การบ้านประจำ วันของยัยฉินขี้ประจบยังเริ่มทำไม่ได้อย่างใจ
“คุณสามี มามะ…” ฉินเยว่มือถือแท็บเล็ตพูดกับเฉินชาง
เฉินชางจนใจ จะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา “เจ๊ ผม…ไม่ไหวจริงๆ แล้ว
!”
ฉินเยว่ถอนหายใจ “ตกลงผู้ป่วยคนนี้เป็นอะไรน่ะ เป็นไข้มาห้า
หกวันแล้ว การผ่าตัดก็ราบรื่นดีนี่นา…”
ใช่แล้ว ตอนนี้พอฉินเยว่ยิ่งลงลึกกับแผนกนี้ก็ได้สัมผัสผู้ป่วย
มากขึ้นด้วย อาการประหลาดต่างๆ จึงค่อนข้างซับซ้อน
เฉินชางยิ่งรู้สึกว่าต้องรีบทำภารกิจย้ายไปแผนกศัลยกรรม
ทั่วไปให้สำ เร็จโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นการบ้านของยัยฉินขี้ประจบ
ต้องทำไม่เสร็จแน่ฉินเยว่ถอนใจอย่างจนใจ “ปักกิ่งยูเนี่ยนต่างกันจริงๆ มาแต่
อาการแปลกๆ ทั้งนั้น ฉันยังนึกว่าประสบการณ์สามปีในแผนก
ฉุกเฉินของตัวเองคงทำให้รับมือได้สบาย แต่คิดไม่ถึงว่าลงท้ายแล้
วจะพบว่าตัวเองรู้น้อยมากจริงๆ”
เฉินชางพยักหน้า “นี่ประตูบานสุดท้ายแล้วนะ ถ้าที่นี่ยังรักษา
ไม่หาย ผู้ป่วยก็หมดหวังแล้ว!”
พอพูดถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “คุณเอามาให้ผมที
ผมขอดูฟิล์มเขาอีกทีหนึ่งได้ไหม”
……
……
นี่เป็นชีวิตประจำ วันของสามีภรรยาแพทย์ เฉินชางไม่ถึงกับ
ทำงานแผนกฉุกเฉินได้คล่องไปหมด แต่เพราะการแบ่งงานก็จึงไม่
ถึงกับกดดันมากนัก มิหนำซ้ำ งานหลักของแผนกฉุกเฉินก็ไม่ใช่การ
รับมือกับโรครักษายาก แต่เป็นการกู้ชีพ
หลังจากกู้ชีพแล้วค่อยคิดเรื่องรักษาถึงขนาดที่ส่วนใหญ่แล้วในแผนกฉุกเฉินไม่กู้ชีพสำ เร็จก็ตายไป
ระหว่างที่กู้ชีพ
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ
แต่แผนกเฉพาะทางไม่เหมือนกัน สิ่งที่แผนกเฉพาะทางทำคือ
พัฒนาสายเฉพาะทางให้ก้าวหน้า
ด้วยเหตุนี้จึงมีโรครักษายากต่างๆ
และปักกิ่งยูเนียนก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาชั้นเลิศระดับ
ประเทศ คนที่มาแอดมิทที่นี่ย่อมไม่ใช่ผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ หรือถุงน้ำดี
อักเสบธรรมดาๆ พูดระคายหูหน่อยก็คือหมอที่นี่ไม่รับรักษาผู้ป่วย
แบบนี้อยู่แล้ว เพราะเดิมทีนี่ก็เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรใน
การรักษา ทีมรักษาชั้นยอดมีไว้จัดการโรครักษายากชั้นสูง พัฒนา
และคลี่คลายโจทย์ยากบางอย่าง ไม่ใช่ทำเรื่องที่หมอทุกคนสะสาง
ได้
เป้าหมายของการรักษาแบบแบ่งระดับก็คือแบ่งสายของผู้ป่วย
อย่างสมเหตุสมผลดังนั้นพูดตามตรง พอฉินเยว่เข้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของ
ปักกิ่งยูเนี่ยนแล้วจึงค่อนข้างกดดัน
ผู้ป่วยที่นี่อาการซับซ้อน ถึงกับเสี่ยงที่จะตายได้เป็นประจำ
หลังจากกลับมาในตอนค่ำ ฉินเยว่ยังบันทึกเคสของผู้ป่วย
กลับมาแล้วยังหาข้อมูล พยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด
ถึงขนาดที่ตอนนี้เฉินชางยังเผชิญหน้ากับความกดดัน
มากยิ่งขึ้น
ไม่ไหว เราต้องเร่งภารกิจแผนกศัลยกรรมทั่วไปแล้ว
ไม่อย่างนั้นไอดอลของยัยฉินขี้ประจบต้องเปลี่ยนคนแน่
แต่ละวันดำเนินไปเหมือนทุกๆ วัน สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ
พอเฉินชางกลับมาตอนค่ำแล้วต้องอ่านหนังสือเป็นเพื่อนยัยฉินขี้
ประจบ
นี่ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
แต่จู่ๆ เฉินชางก็นึกถึงคนคนหนึ่ง นั่นก็คือคู่สามีภรรยาเหอไต้
เจินกับอวี๋จื้อเฉียง คนหนึ่งเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจของ
โรงพยาบาล 301 อีกคนเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาล 302 แถมยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่อยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษา
คนเดียวกัน ความสัมพันธ์แบบนี้ในครอบครัวต้องดุเดือดเลือดสาด
แน่
สิ่งที่คุยกันก่อนนอนตอนกลางคืนคงเป็นเรื่องห้องหัวใจใคร
ขยายกว่ากัน
……
……
ทุกเช้าวันอังคารจะมีการราวน์วอร์ดใหญ่ การราวน์วอร์ดนี้
ถ้าตลอดเช้าคลี่คลายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะผู้ป่วยเยอะอยู่แล้ว
มีผู้ป่วยทั้งหมดหกกลุ่มย่อย ผู้ป่วยหลักร้อยเตียง ต้องเดินตรวจ
พวกเขาให้ครบ ต่อให้เหล่าอวี๋เร็วมากแล้วยังต้องใช้เวลาทั้งเช้า
หลังจากราวน์เสร็จ เขาก็ได้รับโทรศัพท์ว่ามีการผ่าตัดพิเศษ
จึงรีบออกไป
เช้าวันอังคารทุกคนจะกินข้าวไปพร้อมกับปั่นคำสั่งแพทย์ นี่ก็
ถือเป็นเอกลักษณ์ของแผนกฉุกเฉินดีที่แบ่งงานกันชัดเจน ส่วนมากแพทย์ประจำ วอร์ดจะเป็น
แพทย์ประจำ บ้าน แม้ว่าพวกเขาจะงานยุ่ง แต่ไม่ได้ต้อง
เทียวไปเทียวมา หรือไปร่วมกู้ชีพเหมือนกับทีมกู้ชีพ
ประมาณบ่ายสอง จู่ๆ ก็มีคนสองสามคนวิ่งเข้ามาแผนก
ฉุกเฉิน ร้องไห้โวยวายอยู่ในห้องโถง!
“ลูกสภาพนี้แล้วพวกคุณยังให้ออกจากโรงพยาบาลหรือ
ตอนนี้พอออกจากโรงพยาบาลแล้วจู่ๆ ก็มีไข้ พวกคุณ
ไม่รับผิดชอบเกินไปแล้ว
ฉันบอกแล้วว่าลูกยังอาการไม่คงที่ ยังออกจากโรงพยาบาล
ไม่ได้ ก็ยังให้พวกเรารีบออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้
เสียแล้ว พวกคุณไร้ความรับผิดชอบเกินไปจริงๆ”
หญิงคนหนึ่งตำหนิพยาบาลคนหนึ่งอย่างกราดเกรี้ยวที่
ห้องโถง
พยาบาลก็อธิบายอย่างอดทนว่า “ขอโทษค่ะ การออกจาก
โรงพยาบาลนี่เป็นคำสั่งจากแพทย์ พวกเราเองก็ทำอะไรไม่ได้”ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวทะมัดทะแมง ท่าทางเจนโลก “พอเลย
พวกเราไม่พูดเรื่องพวกนี้กันแล้ว รีบไปรักษาลูกที ฉันร้อนใจจะตาย
อยู่แล้ว พวกคุณนี่…เฮ้อ!”
เฮ่อหลันก็ไม่ได้ตั้งใจโวยวาย เธอไม่มีทางเลือกจริงๆ เธอกับสา
มีเป็นคนต่างเมืองที่มาดิ้นรนในเมืองหลวงทั้งคู่ แต่งงานตอนอายุ
สามสิบสาม มีลูกตอนอายุสามสิบห้า จึงถือว่าเป็นผู้ตั้งครรภ์ที่
มีความเสี่ยงสูง ตอนคลอดลูกก็ย่อมเกือบมีปัญหาเพราะอายุมาก
ไม่ถึงกับตามใจ แต่ก็ไม่ได้ไม่ดูแลลูก ด้วยกลัวว่าลูก
จะนอกลู่นอกทาง
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ก็สีหน้าอึมครึมไม่พูดไม่จา
พวกเขาก็เป็นคนมีการศึกษาสูงทั้งคู่ ถึงขั้นดิ้นรนตั้งรกรากที่
เมืองหลวงได้ก็พอดูความสามารถพวกเขาออก
หมอที่เข้าเวรคือจางหย่วน เขารีบร้อนออกมา “เกิดอะไรขึ้น
ครับ”
ชายคนนั้นค่อนข้างโกรธ “พอลูกออกจากโรงพยาบาลก็เริ่ม
เป็นไข้ปวดท้อง พวกเราวัดอุณหภูมิร่างกายที่ร้านขายยาชั้นล่าง ผลออกมา 39.4 องศาเซลเซียส นี่พวกคุณไม่ได้ทำอะไรมั่วซั่วหรือไง
ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกคุณผ่าตัดประสาอะไรถึงได้กลายเป็นแบบนี้!
อีกอย่าง วันที่สามหลังจากผ่าตัดก็เร่งให้พวกเราออกจาก
โรงพยาบาล พวกเราเป็นตัวอะไรกัน เข้ามาซื้อขายกันงั้นหรือ ขาย
เสร็จก็ต้องออกไปหรือไง”
เฮ่อหลันเห็นว่าสามีโมโหจึงไม่โวยวายแล้ว แต่ขณะที่พูด
ค่อนข้างร้อนรนและกลัวจริงๆ “หมอ คุณรีบไปดูที ตอนนี้เขาไข้ขึ้น
ทั้ง
เช้าเลย พวกเราสองคนทำงาน ทิ้งเขาไว้ที่บ้านคนเดียว กลับมา
ตอนกลางวันเขาก็เป็นไข้จนเพ้อไปแล้ว!”
พอจางหย่วนได้ยินเข้าก็พาผู้ป่วยเข้ามาในห้องฉุกเฉิน
จากนั้นก็ให้พยาบาลติดต่อศัลยแพทย์หลักของเด็กในตอนนั้น
ถึงอย่างไรก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ศัลยแพทย์หลักกับแพทย์
เจ้าของไข้ย่อมรู้อาการคนไข้มากกว่า
ตอนนี้หลี่เยว่กับเฉินชางออกรถไปกู้ชีพผู้ป่วย พอได้ยินเสียง
โทรศัพท์ก็ผงะไป“พี่เยว่ เป็นไรไป” ช่วงนี้เฉินชางออกทำภารกิจผ่าตัดกับหลี่เยว่
ที่ถนัดศัลยกรรมทั่วไปอยู่ตลอดเพราะต้องการเพิ่มความคืบหน้าของ
ภารกิจ
หลี่เยว่สวมแว่น ดูเหมือนเรียบร้อย แต่ตอนรักษาผู้ป่วยกลับ
รวดเร็วฉับไวและเด็ดขาดมาก ตอนที่เฉินชางตามเขาไปทำงาน
จึงยอมรับเขาด้วยความยินดี
หลี่เยว่นิ่วหน้าเอ่ย “ผู้ป่วยที่ผ่าตัดไปเมื่อสองสามวันก่อน
เด็กผู้ชายคนนั้นน่ะ หลังจากผ่าตัดเสร็จก็ออกจากโรงพยาบาลไป
เมื่อวานซืน วันนี้ผู้ปกครองวิ่งมาที่โรงพยาบาลบอกว่าจู่ๆ เด็กก็ไข้ขึ้น
สูง”
Comments