เป็นหัวกิลด์ของกิลด์ระดับสูงสุดในต่างโลก ผมผู้อ่อนแอที่สุด แต่ด้วยรักอันหนักหน่วงของสมาชิกในกิลด์ แม้อยากออกก็ออกไม่ได้ 12 การพิชิตดันเจี้ยนโดยทีมวัยเดียวกัน ~ การต่อสู้

Now you are reading เป็นหัวกิลด์ของกิลด์ระดับสูงสุดในต่างโลก ผมผู้อ่อนแอที่สุด แต่ด้วยรักอันหนักหน่วงของสมาชิกในกิลด์ แม้อยากออกก็ออกไม่ได้ Chapter 12 การพิชิตดันเจี้ยนโดยทีมวัยเดียวกัน ~ การต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 ความสามารถในการโกงที่ผมได้รับจากเทพธิดาคือ [การสร้าง]

 

 ความสามารถนี้อาจดูพื้นๆ เมื่อมองแวบแรก แต่ก็สามารถใช้งานได้ดี ตามชื่อเลยมันคือความสามารถในการสร้างบางสิ่งบางอย่าง

 

 สิ่งที่ผมเน้นคือการสร้าง [อาวุธในตำนาน] ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ

 

 ผมมักมีความสนใจเกี่ยวกับสิ่งเจ๋งๆ และเนื่องจากผมได้ศึกษาความรู้อย่างเพียงพอเกี่ยวกับอาวุธในตำนาน ผมจึงสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ

 

 อาวุธที่ผมเป็นเจ้าของคือ [ดาบ]

 

[ดาบเพลิง]

 ว่ากันว่า Surtur ยักษ์ดำที่ปรากฏในตำนานเทพเจ้านอร์ส ครอบครองดาบที่สามารถกลืนกินโลกด้วยเปลวไฟ

 surt มีความหมายว่าสีดำ และด้วยเหตุนั้นนี้ สีของเปลวไฟจึงไม่ได้ดำสนิท แต่เป็นสีน้ำเงินม่วง

 

 มันไม่เจ๋งเลยที่จะเรียกมันตรงๆ แบบนั้น ผมก็เลยตัดสินใจเรียกย่อๆ ว่า แบล็คซอร์ด

 

 ส่วนอัลมานั้นถือ [หอก] อยู่

 

[กุงเนียร์]

 มันเป็นหอกของโอดินซึ่งปรากฏในตำนานเทพเจ้านอร์ส และมีความสามารถในการ “โจมตีไม่พลาดเป้า”

 มันหมายถึงโจมตี 100 ครั้ง ก็โดน 100 ครั้งจริงๆ

 นอกจากนี้ มันยังมีความสามารถในการกลับคืนสู่มือของเจ้าของอีกด้วย

 

 เพราะฉะนั้น คุณไม่จำเป็นต้องตามไปเก็บมันกลับมาแม้ว่าคุณจะขว้างมันไปไกลๆ ก็ตาม

 

 ราเฟียเป็น [ดาบคู่]

 

[เอ็กซ์คาลิเบอร์]

 เป็นดาบเล่มโปรดของเจ้าชายอาเธอร์และเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาอาวุธในตำนาน

 เนื่องจากมีทฤษฎีที่ว่าจริงๆ แล้วมีเอ็กซ์คาลิเบอร์อยู่สองเล่ม  ดังนั้นผมจึงตัดสินใจสร้างมันขึ้นมาสองเล่ม ทำให้มันกลายเป็นดาบคู่

 

 ในความคิดของผม ดาบคู่ เอ็กซ์คาลิเบอร์ นี้ แข็งแกร่งที่สุด

 

 ส่วนอาวุธของคนอื่นจะเป็น 

 เฟล [โซ่] 

    ยูมะ [ขวาน] 

    ลูลู่ [ปืน]

    กัลก้า [หมัด]

    ฮอรัส [ธนู]

 อัลลี [คทา] 

    โรเฟีย [คาตานะ]

 นี่คือกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดทั้ง 10 คนผู้ครอบครองอาวุธระดับตำนาน ที่ผมเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา ช่างน่าภาคภูมิใจซะจริง

 

 ตอนนี้เรากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

 

“ทำไมยังจับมือผมอยู่ล่ะ”

 

 แม้ว่าเราจะเข้าไปในดันเจี้ยนแล้ว แต่อัลมาและราเฟียก็ยังคงจับมือผมไว้ โชคดีที่ภายในถ้ำนั้นกว้างขวาง และแม้แต่พวกเราที่เรียงแถวติดกันก็สามารถเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย

 

“ม-ไม่เห็นเป็นไรเลย…!”

 

“มันไม่ดีเหรอ?”

 

 ยังไม่มีก็อบลินปรากฏตัว แต่เราไม่สามารถต่อสู้เช่นนี้ได้ ผมจะไม่สามารถอวดอาวุธในตำนานที่ฉันสร้างขึ้นได้ถ้ายังเป็นแบบนี้

 

“ถ้ายังทำแบบนี้ต่อ เราจะโดนก็อบลินกินและเราจะซี้แหงแก๋  คงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม?”

 

“ก็จริงที่ฉันไม่อยากถูกก็อบลินกิน ถ้าเลือกได้ ฉันอยากให้คุณโครกินมากกว่า…”

 

 เดี๋ยวสิ ราเฟีย มีอะไรแปลกๆ ในครึ่งหลังใช่ไหม? คุณจะหน้าแดงทำไม?

 ผมไม่กินมนุษย์ ผมไม่กินเนื้อมนุษย์ และผมก็ไม่มีวันกินด้วย

 

 ผมสงสัยว่าทำไมการโดนผมกินนั้นดีกว่าโดนก็อบลินกิน? เพราะอย่างน้อยผมก็ยังหน้าตาดีกว่าก็อบลินใช่ไหม?

 ขณะที่ผมกำลังคิดอย่างนั้น พวกผมก็มาถึงประตู เหตุที่มีประตูอยู่ในส่วนลึกของถ้ำก็เพราะว่าข้างหน้ามีก็อบลินจำนวนมาก ประตูนี้กำลังป้องกันไม่ให้ก็อบลินออกไปข้างนอก

 

 ประตูบานนี้ถูกล็อคอย่างแน่นหนาด้วยโซ่และยันต์ผนึก ดังนั้นตามปกติจึงไม่สามารถเปิดได้

 ที่นั่น ผมถือกระดาษที่นาชาซังมอบให้และชูมันที่หน้าประตู

 

 มันมีเวทย์มนตร์พิเศษติดอยู่ และเมื่อคุณยกมันขึ้น ประตูนี้ก็จะเปิดออก คล้ายกับใบอนุญาต

 

 เมื่อผมชูกระดาษขึ้น ประตูที่ถูกควบคุมอย่างแน่นหนาก็เปิดออกพร้อมกับเสียงคำราม

 

 ข้างในนั้นมืด เมื่อผมก้าวเข้าไปข้างในก็เห็นบางสิ่งเคลื่อนไหว

 

 คบไฟที่ประดับทีสองข้างสว่างขึ้นด้วยเปลวไฟ ส่องสว่างบริเวณโดยรอบ ตอนนี้ผมมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจนแล้ว

 

“กี๊ซ?”

 

 ภาพเงาที่คล้ายกับมนุษย์ สัตว์ประหลาดหูยาวที่มีลำตัวสีเขียวและมีเขี้ยวยื่นออกมาสองอัน มันคือก็อบลิน

 

 ไม่ได้มีก็อบลินเพียงตัวเดียว

 

“กี๊ซ?”

“กี๊ซ-กี๊ซ?”

 

 ก็อบลินประมาณ 30 ตัวหันมาหาผมพร้อมกัน

 

 มีก็อบลินทุกที่ที่คุณมอง

 ผมรับมือกับการโดนรุมไม่เก่งซะด้วยสิ..

 

“”น่ารังเกียจ…!””

 

 ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความประทับใจแรกพบเหมือนกัน

 ทุกคนเรียกอาวุธขึ้นมาไว้ในมือ พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว

 

“เอาล่ะ เรามาจบการละเล่นของเราเร็วๆ กันเถอะ”

 

◆◇

 

“ก๊าา!!”

“กี๊ซซ!!”

 

 กลิ่นเหล็กอบอวลไปทั่วทั้งถ้ำ

 พื้นถูกย้อมเป็นสีแดง มีน้ำหยดลงมาจากผนัง และบ่อเลือดขนาดใหญ่ก็เปียกโชกพื้น

 

 มีก็อบลินจำนวนมากในถ้ำแห่งนี้ โดยปกติคำขอนี้จะดำเนินการเป็นกล่ม กลุ่มละ 10 คน

 

 อย่างไรก็ตาม มีเพียงสามคนเท่านั้นที่นี่ ด้วยคนจำนวนเท่านี้ น่าจะใช้เวลาสามวันหรือหนึ่งสัปดาห์ด้วยซ้ำ…แต่…

 

“เพลิงทมิฬ แผดเผา”

 

 เด็กหนุ่มสวมหน้ากากฟันก๊อบลินในขณะที่ร่ายเวทย์อย่างเงียบ ๆ

 

 ดาบของเขาถูกกลืนหายไปในเปลวไฟสีดำได้ฉีกก็อบลินออกจากกันทีละตัว แม้ว่าเขาจะฆ่าใครบางคน แต่เทคนิคดาบของเขานั้นเปล่งประกายและสวยงามมากจนคนที่เห็นจะต้องหลงใหล

 

 นี่คือโคร หัวหน้ากิลด์

 ความรู้สึกในการต่อสู้อันเหลือเชื่อของเขานั้นยากที่จะจินตนาการได้เนื่องจากรูปลักษณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือของเขา เขาเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน

 

“ห่ะ”

 

 อัลมาเรีย เด็กสาวผู้ร่าเริงใช้หอกที่สูงกว่าตัวเธออย่างช่ำชองและฉีกพวกก็อบลินออกเป็นชิ้นๆ

 

 หอกถูกขว้างและแทงทะลุร่างของก็อบลินหลายตัว แต่แล้วหอกก็กลับมายังอัลมาเรียอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

“มันน่ารังเกียจ โปรดตายซะ”

 

 ทางด้านราเฟีย หญิงสาวหั่นก็อบลินเป็นชิ้นๆ ทีละชิ้นอย่างไร้ความเมตตา ด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับว่าเธอกำลังมองดูสิ่งสกปรกอะรไสักอย่าง 

 

 เธอต่อสู้ในรูปแบบดาบคู่ โดยมีดาบส่องแสงอยู่ในมือขวาและมีดาบสีเข้มอยู่ในมือซ้าย เธอฟาดฟันก็อบลินอย่างรวดเร็วจนพวกมันไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปตอนไหน

 

 แม้ว่าจะมีก็อบลินมากกว่า 100 ตัวบนชั้น 1 แต่พวกเขาก็ปีนขึ้นไปถึงชั้น 9 ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

 

 ในไม่กี่นาที ไม่ ผมสงสัยว่าเขาฆ่าก็อบลินไปกี่ตัวในหนึ่งวินาที

 

 แม้ว่าคุณจะไม่เห็นร่างของก็อบลินเพราะศพจะหายไปอีกมิติหนึ่ง แต่คุณก็สามารถบอกได้จากสระเลือดว่าพวกเขาฆ่าไปในจำนวนที่น่าสะพรึงกลัว

 

“ดูเหมือนชั้น 9 จะเสร็จแล้วนะ”

 

 โครที่รู้สึกเบื่อพึมพำ

 ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อ แต่ก็ยังคงกำจัดก็อบลินต่อไปกว่า 100 ตัว

 

  ก็อบลินบนชั้น 9 ก็ถูกกำจัดออกไปเช่นกัน และทั้งสามก็กำลังจะมุ่งหน้าไปยังชั้นสุดท้าย

 

“ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”

 

“!!”

 

 ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสงสารของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากส่วนลึกภายในถ้ำ

 

“…หืม”

 

 โครมองขึ้นไปที่ชั้นบนสุดด้วยความสงสัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด