เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 510 ความปั่นปุวน กล่องของคุณยาย
ที่เมืองหลวง
เวลาต่างจากที่รัฐ M มากกว่าแปดชั่วโมง
ดังนั้นจึงยังเป็นกลางคืนอยู่ เกือบสี่ทุ่ม
ที่พาราไดซแคลับ ห้องรับรองชั้นสองห้องแรก
ด้านในมีผู้คนปะปนอยู่มากมาย แสงไฟค่อนข้างสลัว
“พี่ใหญ่เฟิง” พานหมิงเย่วแมองดูเวลา เธอดันแว่นลง เล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ “ฉันอยากกลับไป”
เฟิงฉือพยักหน้า วันนี้ที่เขามาก็เพียงเพื่อจะแนะนํา พานหมิงเย่วแให้กับเพื่อนฝูง
“ไม่ชินรึเปล่า” เฟิงฉือก้มหน้ามองเธอ “ครั้งต่อไปจะ พยายามไม่พาคุณมาที่นี่”
พานหมิงเย่วแอยู่ที่นี่กับเฟิงฉือก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวที่ว่า นอนสอนง่ายผู้มุ่งมั่นในการเรียน ไม่อย่างนั้นเฟิงฉือก็คงไม่ เพิ่งพาเธอมาพบเพื่อนตอนนี้หรอก เขากลัวเธอจะไม่ชิน
ถ้าแสงไฟไม่สลัว เฟิงฉือจะมองเห็นดวงตาทั้งสองข้างที่ นิ่งสงบมากภายใต้แว่นกรอบหนาของพานหมิงเย่วแแน่นอน ไร้ ซึ่งความกังวล
“หมิงเย่วแอยากกลับแล้วเหรอ” ด้านข้าง หลินจิ่นเซวียน ดื่มไวนแอย่างช้าๆ
เขาหันมามองทางนี้ตอนที่ได้ยินเสียงพูดขึ้น เพราะ ความสัมพันธแกับฉินหร่าน เขาจึงดีต่อพานหมิงเย่วแเป็นอย่าง มาก
พานหมิงเย่วแพยักหน้าเล็กน้อย
ทั้งสามคนกําลังพูดคุยกัน
ในที่สุดหญิงสาวผมลอนหยักศกที่ถือไปปอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ เงยหน้าขึ้น เธอกลอกตาเหลือบมองทางพานหมิงเย่วแ สีหน้า เกียจคร้าน “เฟิงฉือ วิสัยทัศนแตอนนี้ของคุณเป็นแบบนี้งั้น เหรอ วันนี้เป็นวันกลับมาของฉัน แค่เพิ่งเริ่มเอง แต่พวกคุณก็ จะไปแล้วเนี่ยนะ”
เธอใช้มือเคาะไปปลงที่โต฿ะ
“ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันกลับมาของซวงหนิง พวกคุณทั้ง สองคนให้เกียรติเธอสักหน่อยสิ” เพื่อนที่อยู่ด้านข้างพูดเกลี้ย กล่อม
เฟิงฉือไม่ตอบกลับ เพียงก้มหน้ามองพานหมิงเย่วแ
เหมือนจะฟังคําตอบของเธอ
หลี่ซวงหนิงที่อยู่ตรงข้ามกํามือแน่น เฟิงฉือเป็นลูกชาย คนเดียวของเฟิงโหลวเฉิง คนรุ่นเยาวแผู้โดดเด่นที่สุดแห่งเมือ งอวิ๋นเฉิงที่มักจะมีท่าทีหยิ่งและเย็นชา แม้ว่าทั้งสองจะเคย ร่วมงานกันไม่กี่วัน หลี่ซวงหนิงก็ไม่เคยคิดว่าเฟิงฉือจะยอม ก้มหัวให้ใคร
พานหมิงเย่วแไม่ตอบเฟิงฉือ เพียงมองทางหลี่ซวงหนิง และผู้ชายสองคนที่อยู่แถวเดียวกับเธอ “พวกคุณสูบอะไร กัน”
“พรืด”
หลี่ซวงหนิงหัวเราะในลําคอเบาๆ ด้วยดวงตาเยือกเย็น “สาวน้อย เธออยากลองไหมล่ะ”
พานหมิงเย่วแเงยหน้า แว่นตาดํามองทางหลี่ซวงหนิงไม่ พูดอะไร เพียงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเปา
แจ้งความ
“คุณทําอะไร” หลี่ซวงหนิงนั่งตัวตรง
พานหมิงเย่วแเงยหน้า น้ําเสียงของเธอเด็ดขาด “แจ้ง ความ”
ตอนที่เธอพูดก็กดโทร.ออกไปแล้ว
หลี่ซวงหนิงยืนขึ้นทันที สีหน้าของเธอเปลี่ยน ยื่นไปปไป ทางพานหมิงเย่วแแล้วสบถออกไป “คุณเป็นบ้าไปแล้วรึไง”
เธอเป็นศิลปิน ถ้าไปที่สถานีตํารวจ ประวัติก็จะไม่ขาว สะอาดอีกต่อไป จะเป็นจุดด่างพร้อยตามติดเธอไปไม่มีที่ สิ้นสุด
ยากมากกว่าที่เธอจะหลุดพ้นจากเงาของเหยียนซีและ ฉินหร่านกลับมาได้!
เฟิงฉือยื่นมือไปรับไปปของหลี่ซวงหนิง มองเธออย่าง ตักเตือนแล้วโยนไปปทิ้งจึงค่อยก้มหน้า จูงมือพานหมิงเย่วแ “ฉันไปส่งเธอกลับมหาวิทยาลัย”
หลินจิ่นเซวียนตามหลังเขาออกไป
เกิดการโต้เถียงขึ้น เสียงดังเอิกเกริกในห้องรับรองค่อยๆ เบาลง ไม่มีใครกล้าพูด
รอจนออกจากห้องรับรอง ไปเอารถที่โรงรถ เฟิงฉือค่อย หัวเราะ เขามองพานหมิงเย่วแ “ไม่คิดว่าคุณจะมีความคิดแบบ นี้”
เขาคิดว่าพานหมิงเย่วแจะตกใจกลัวหลี่ซวงหนิงเสียอีก
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ เมื่อได้ยินคําพูด ของเขา พานหมิงเย่วแเพียงเงยหน้ามองเขานิ่ง
เฟิงฉือยิ้มเล็กน้อย เขาก้มหน้าสีหน้าจริงจัง “เธอตั้งใจ หรอกเหรอ”
“ฉันแจ้งความไปแล้ว” พานหมิงเย่วแเม้มปาก ในเงามืด ท่าทางของเธอเลือนรางไม่ชัดเจน
“ฉันรู้แล้ว” เฟิงฉือนิ่งไปสักพัก เขาพยักหน้ามองพานห มิงเย่วแอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ฉันจะรักษาระยะห่างกับหลี่ซ วงหนิง วันนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธออยู่ที่นี่”
ถ้ารู้ก่อน ก็จะไม่พาพานหมิงเย่วแมาแน่นอน
พูดจบ เขาโทรศัพท์หาสหายคนหนึ่งในห้องรับรอง
“พี่ใหญ่เฟิง ฉันไม่ได้แจ้งตํารวจเพราะเธอเป็นแฟนสาว คนก่อนของคุณนะ” พานหมิงเย่วแเม้มปาก
“ฉันรู้” เฟิงฉือเปิดประตูด้านข้างคนขับให้เธอเข้าไปนั่ง ส่วนเขานั่งที่คนขับ
พานหมิงเย่วแไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย เพียงเอียงศีรษะ พูดจาตะกุกตะกัก ราวกับจะยืนกราน “พวกเขาทําผิด กฎหมาย”
โทรศัพท์ในกระเปาของเฟิงฉือดังต่อเนื่อง น่าจะเป็น เพื่อนกลุ่มนั้น เขาสตารแทรถ “พวกเขาผิด แต่…เดือนหน้า นี่ จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ”
พานหมิงเย่วแไม่ได้พูดอะไรต่อ
รถมาถึงที่หอพักหญิงของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอย่าง รวดเร็ว เฟิงฉือลงรถแล้วอ้อมมายังที่นั่งข้างคนขับเพื่อจะเปิด ประตู แต่นึกไม่ถึงว่าพานหมิงเย่วแจะเปิดประตูลงรถมาเอง แล้ว
“ฉันรู้ว่าคุณอยากทดสอบฝุายตรวจสอบ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ เรื่องใหญ่โต เดือนหน้าคุณอย่าไม่มีเหตุผล…”
เฟิงฉือยังพูดไม่จบ พานหมิงเย่วแเงยหน้า “พี่ใหญ่เฟิง ฉัน กลับห้องพักก่อนนะ”
เธอหันตัวเดินเข้าไปห้องพักหญิง
เฟิงฉือขมวดคิ้ว เขายืนอยู่ข้างคนขับ อดหยิบบุหรี่ขึ้นมา งับมวนหนึ่งไม่ได้ เรียวคิ้วดูหงุดหงิด
ในโทรศัพท์มีคนมากมายโทร.เข้ามา
โดยพื้นฐานเขาตัดสายทั้งหมด
ท้ายที่สุดคือคุณหญิงเฟิง เฟิงฉือจึงรับสาย
“แกยังอยู่กับผู้หญิงคนนั้นอยู่รึเปล่า” ครั้งนี้คุณหญิงเฟิง เอ่ยถึงพานหมิงเย่วแ ไม่ได้จับผิดเหมือนที่ผ่านมา เพียงยิ้มเยาะ “ซวงหนิงบอกเรื่องราวกับฉันแล้ว ลูกชาย ไม่รู้สึกเหรอว่า รอบตัวเธอต่างจากแกมาก ความแตกต่างนี้วันนี้แกรู้สึกรึยัง จากนี้ไป ความไม่ลงตัวของพวกแกมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ครอบครัวอย่างเธอ ไม่มีทางที่จะเติมเต็มได้ สักวันจะลาก ความตายมาให้แก”
“แม่ นอกจากเธอก็ไม่มีใครแล้ว” เฟิงฉือดับบุหรี่ พูด อย่างนิ่งเฉย
**
ตีสอง
อพารแตเมนตแด้านข้างมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอยู่ไม่ไกล
ในรถสปอรแตคันสีแดง ผู้ชายที่ย้อมกลุ่มผมไฮไลตแสีม่วง ถือโทรศัพท์ “เจียงตงเยี่ย พรุ่งนี้อย่าใช้ให้ฉันไปส่งของนายไม่ นอนแต่ฉันยังอยากนอนเว้ย!”
เขาโยนโทรศัพท์ไปอีกด้านทันที
เวลานี้ ที่ถนนไม่มีใครเลย มีแค่รถเท่านั้น
รถค่อยๆ แล่นไปด้านหน้า
เห็นร่างหนึ่งที่ประตูทางเข้าอพารแตเมนตแ เธอนั่งยองๆ หยุดอยู่ที่ถนน หัวซบอยู่ที่เข่า
“เอี๊ยด”
เสียงเบรกรถดังขึ้น
ลู่จ้าวอิ่งจอดรถ ยืนอยู่ด้านหน้าคนคนนั้นแล้วขมวดคิ้ว “ดึกขนาดนี้คุณมาทําอะไรที่นี่”
อีกฝุายไม่พูดอะไรและไม่เงยหน้า
ลู่จ้าวอิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ เขาย่อตัวนั่งยอง “พานหมิงเย่วแ?”
**
เวลาที่เมืองหลวง ตอนเช้าแปดโมงกว่า ฉินหร่านมาถึง สนามบิน
เฉิงเจวี้ยนมองเธอ “อยากไปตระกูลสวีก่อนเหรอ”
“อืม” ฉินหร่านส่งเสียง “ไปเยี่ยมอาจารยแใหญ่สวีก่อน”
เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า ให้คนขับรถไปยังตระกูลสวี
เขาประมาณการเวลาที่ไปยังตระกูลสวี จากนั้นจึงนํา โทรศัพท์ออกมา ก้มลงมองครู่หนึ่งแล้วโทรศัพท์หาเฟิงโหลว เฉิง
ตระกูลสวี
บนเครื่องบินเดิมทีฉินหร่านอยากเขียนรายงานการ ติดตามผลงาน ICNE ส่งไปที่วารสารรายสัปดาหแ SCI แต่ถูก เฉิงเจวี้ยนระงับไว้ แล้วนอนต่อ อารมณแในตอนนี้จึงดูดีมาก
อาจารยแใหญ่สวียืนอยู่ที่ปลายทางเดิน มองเธออย่าง ประหลาดใจ “ทําไมกลับมาเช้าขนาดนี้ล่ะ”
เขารู้ความสามารถพิเศษและความพากเพียรของฉินห ร่านดี แค่เวลาผ่านไปยาวนาน พลังสําคัญของตระกูลสวีต้อง ยอมรับเธอแน่นอน
เกิดเรื่องขึ้นที่รัฐ M ตระกูลสวีทางฝั่งนี้ยังไม่รู้
โดยหลัก 1% ของการแต่งตั้งและลงนามอย่างเป็น ทางการศูนยแกลางทางเศรษฐกิจยังไม่ออกมา อารองสวีรอให้ ตระกูลมาสส่งการลงนามมาแล้วจึงค่อยบอกเรื่องน่า ประหลาดใจกับตระกูลสวี
“มีเรื่องนิดหน่อย” ฉินหร่านมองอาจารยแใหญ่สวีอย่าง รู้สึกผิด เธอรู้ว่าอาจารยแใหญ่สวีวางแผนไว้ให้เธอตั้งแต่ต้นจน จบ
อาจารยแใหญ่สวีส่ายหน้า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไพล่มือที่ ด้านหลังครุ่นคิดสักพัก
ฉินหร่านดูออกว่าเขามีบางอย่างจะพูด จึงเงียบรอ
อาจารยแใหญ่สวีอ้อยอิ่งไปแล้วจึงพูด “หร่านหร่าน เธอรู้ เรื่องราวของคุณตาของเธอไหม”
ฉินหร่านเงยหน้า ขมวดคิ้วมองอาจารยแใหญ่สวี
ในที่สุดข้อสงสัยที่วกวนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจก็คลาย ความคิดลง
ไม่แปลกที่อาจารยแใหญ่สวีจะเชื่อใจเธอขนาดนี้
“คุณรู้เรื่องของคุณตาฉันเหรอ” เธอเงยหน้า
“ดูเหมือนเธอก็รู้ ในตอนแรกเขาถูกคนบังคับให้ออก” อาจารยแใหญ่สวีนิ่งไปเล็กน้อย มองฉินหร่าน “เกี่ยวข้องกับ อํานาจมากมาย จากนี้ไปเธอจะรู้ วันนี้ที่ฉันบอกเธอเกี่ยวกับ นักเรียนคนก่อนหน้าและลูกน้องของคุณตาเธอ ยังมีพวกเขา อยู่ ฟังเจิ้นปั๋วไม่กล้ามาเบ่งอํานาจอาวุโสรบกวนใจเธอ เด็ดขาด”
ส่วนตระกูลสวี อาจารยแใหญ่สวีดูออกว่าสวีเหยากวงทํา ให้ฉินหร่านกลัวไม่ได้แน่นอน
เขายังจะให้ฉินหร่านไปที่รัฐ M ด้วยกันกับอารองสวีด้วย แม้ว่าฉินหร่านจะใกล้กลับมาแล้ว
นึกถึงตรงนี้ อาจารยแใหญ่สวีอดส่ายหน้าไม่ได้ ก่อนหน้านี้ เขามีความคิดที่จะรวมสวีเหยากวงเข้ากับฉินหร่าน แต่น่า เสียดายที่ตอนนั้นสวีเหยากวงปฏิเสธ
“ลูกน้องของนักเรียนของเขา?” ฉินหร่านนิ่งไป เธอมี ความทรงจําเรื่องของคุณตาเหลือเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังจํา ได้ว่าอีกฝุายยื่นมือมาสอนเธอทําการทดลอง ผ่านไปสักพักจึง ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้จักพวกเขา”
อาจารยแใหญ่สวีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นหนิงเอ่อรแมี นักเรียนเหล่านี้ด้วย ตอนนั้นหนิงเอ่อรแทําการวิจัยอยู่ลับๆ แม้แต่ครอบครัวของหนิงเอ่อรแต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าในวันปกติเขา ติดต่อกับใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาจารยแใหญ่สวี “ในตอนแรกมี หลายคนที่ปกปูองคุณตาของเธอเพื่อเธอ เกือบจะลาออกจาก สถาบันวิจัย หากรู้ว่าเธอเป็นลูกหลานของคุณหนิง พวกเขา ต้องตื่นเต้นเป็นแน่ ทั้งยังสมปรารถนาด้วย คุณตาของเธอ ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้เธอเหรอ”
ลูกหลานของหนิงเอ่อรแ แทบจะไม่แพ้เขาเลย
แค่เป็นคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับหนิงเอ่อรแ เห็นลูกหลานของ เขาจะต้องตื่นเต้นแน่นอน
ได้ยินประโยคท้ายนี้ ฉินหร่านเม้มปาก
มี
คุณยายของเธอจงใจทิ้งกล่องไว้ให้เธอ ยังไม่ได้เปิด จนกระทั่งวันนี้
และยังมีหมายเลขติดต่อห้องปฏิบัติการทางการแพทยแ ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง ที่เธอเคยไปเพียงครั้งเดียว
Comments