เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 429 อาจารย์poppy ใช้ชื่อเธอมาโฆษณา
“คุณคุค สวัสดีค่ะ” ฉินหร่านทักทายคุคอย่างสุภาพ
ภายในห้องโถง อาไห่และอาเหวินก็ยืนขึ้นพร้อมกับเรียกคุณหนูฉินด้วยความเคารพ
“ไม่เป็นไร…” พอทั้งสองเอ่ยขึ้นมา คุคก็กลับมาได้สติแต่ยังไม่ละสายตากลับ “ผมเคยเจอคุณ”
ในบ้านอากาศอบอุ่น ฉินหร่านกำลังแกะกระดุมเสื้อนอกและกำลังนึกถึงเรื่องภารกิจ129 เมื่อได้ยินที่คุคพูดประโยคนี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ “คุณเคยเจอฉันหรอ?”
เธอเป็นคนความจำดีมาโดยตลอด เธออาจจะจำชื่อคนที่เคยเจอไม่ได้ แต่จะต้องมีความทรงจำเกี่ยวกับคนคนนั้นอยู่บ้าง
ทว่าสมองเธอกลับไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอาจารย์คุคคนที่อยู่ตรงหน้านี้
“คุณคุคครับ คุณอยู่ที่รัฐ M มาโดยตลอด จะเคยเจอคุณหนูฉินได้อย่างไร” พ่อบ้านฉินมองคุณคุค
เมื่อฉินฮั่นชิวที่เดินออกมาจากห้องครัวได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์คุคก็ดูทีวีด้วยใช่ไหมครับ และก็เล่นอินเทอร์เน็ตด้วยสินะ ตอนนี้ในเน็ตหร่านหร่านดังยิ่งกว่าดาราเสียอีก คุณคงเคยเห็นในรูปภาพหรือคลิปวิดีโอตามอินเทอร์เน็ตแน่ๆ ”
“ดารา?” คุคเพิ่งตระหนักได้ว่าการจ้องคนนั้นไม่สุภาพ เขาจึงละสายตากลับแล้วส่ายหน้า “ผมไม่ได้เห็นจากในเน็ต”
เขาเพิ่งมาเมืองหลวงได้ไม่นานและยังไม่คุ้นเคยกับการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศ เขายังใช้เสิร์ชเอนจินของรัฐ M อยู่เลย จึงรู้เรื่องภายในประเทศน้อยมาก
นอกเหนือจากการสอนฉินหลิงในวันธรรมดาแล้ว เขายังเตรียมสอบข้อเขียนของอวิ๋นกวงกรุ๊ป
ฉินหร่านกับฉินหลิงนั่งโซฟาทางด้านซ้าย
“งั้นคุณเคยเจอที่ไหน?” พ่อบ้านฉินยกถ้วยชาพลางมองมาทางคุค คุคดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
คุคเงียบไปสักพักหนึ่ง “งานประชุมแลกเปลี่ยนที่รัฐ M เมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนนั้นผมนั่งข้างคุณลู่…” เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองฉินหร่าน “ตอนนี้คุณรับตำแหน่งอยู่ที่ไหน?”
หน้าพ่อบ้านฉินลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด “ตอนนี้คุณหนูฉินกำลังเรียนอยู่ที่ภาควิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เธอเรียนเก่งมาก คุณจะเจอคุณหนูฉินที่งานประชุมแลกเปลี่ยนที่รัฐ M ได้ยังไง”
ด้วยสถานะของคุค งานประชุมแลกเปลี่ยนที่เขาเข้าร่วมจะต้องเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมที่มีความสามารถอย่างแน่นอน
“ฟิสิกส์?” เมื่อได้ยินพ่อบ้านฉินพูดแบบนี้ คุคก็ลดข้อข้องใจไปไม่น้อย “งั้นผมน่าจะจำผิดไป…”
“คุณคุค คุณสัมภาษณ์งานที่อวิ๋นกวงกรุ๊ปราบรื่นดีไหม?” พ่อบ้านฉินเปลี่ยนเรื่อง
คุคยกถ้วยชาขึ้นราวกับยังใคร่ครวญอยู่ พอได้ยินพ่อบ้านฉินถามคำถามนี้ เขาก็ได้สติและตอบกลับอย่างสุภาพ “ข้อมูลได้ส่งไปแล้ว ผมยังต้องรอแจ้งว่าประวัติผ่านหรือไม่ ผมหวังว่าจะได้รับการอนุมัติ…”
พอพูดถึงตรงนี้ คุคก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ดวงตาสีน้ำตาลสว่างขึ้น
มือฉินหร่านยังคงถือถ้วยชา ขณะที่เธอเอียงตัวมองฉินหลิงเล่นเกมก็ได้ยินเรื่องอวิ๋นกวงกรุ๊ป เธอจึงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองคุค “สัมภาษณ์?”
พ่อบ้านฉินอธิบายแทนคุณคุค “คุณหนู คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าคุณคุคคือวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสระดับนานาชาติ เขามาที่สำนักงานใหญ่อวิ๋นกวงกรุ๊ปในเมืองหลวงเพื่อเข้าสู่แกนหลักITของอวิ๋นกวงกรุ๊ปโดยเฉพาะ ไอดอลของเขาคือคนในทีมบอสของอวิ๋นกวงกรุ๊ป แต่ว่าคุณคุคครับ คุณจะต้องผ่านอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินที่พ่อบ้านฉินพูด คุคก็ส่ายหน้าหลุดยิ้ม “ทีมหลักไม่ได้เข้ากันง่ายๆ ผมเองก็มั่นใจแค่สามส่วน”
“เว่อร์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” พ่อบ้านฉินตกใจ
วิศวกรซอฟต์แวร์ยังแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ ได้แก่ ช่างเทคนิคซอฟต์แวร์ ผู้ช่วยวิศวกรซอฟต์แวร์ วิศวกรซอฟต์แวร์ และวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโส มีน้อยมากที่สามารถดำรงตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสระดับนานาชาติได้
ซึ่งคุคเองก็ถือว่ามีชื่อเสียงในวงการITของรัฐ M นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่พ่อบ้านฉินและคนอื่นๆ ให้ความเคารพคุคมาก
“พ่อบ้านฉิน ตอนนี้คนก็รู้กันหมดแล้วว่าอาจารย์poppyกลับมาแล้ว วิศวกรหลายท่านต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอวิ๋นกวงกรุ๊ป ประเด็นที่คุณคุคพูดไม่ถือว่าเว่อร์อะไรเลย” อาไห่ที่นั่งตรงข้ามส่ายหน้า “เอนจินปัจจุบันล้วนเป็นระบบอัจฉริยะ เกือบทั่วทั้งโลกใช้โมเดลการจัดการปัญญาประดิษฐ์แบบเดียวกับของอาจารย์poppy เพียงแค่ชื่อpoppyก็สามารถดึงดูดวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสระดับนานาชาติเข้ามาได้อย่างไม่ขาดสาย”
“ถูกต้อง” คุคทอดถอนใจ “นี่เป็นการรับสมัครครั้งแรกในรอบสามปีของส่วนภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ป เท่าที่ผมรู้มา มีวิศวกรซอฟต์แวร์ระดับนานาชาติอย่างน้อยสิบคนจากทั่วทุกมุมโลก”
“ระดับนานาชาติทั้งหมดเลยเหรอ?” พ่อบ้านฉินทำหน้าตกตะลึง
ทั่วทั้งโลกมีวิศวกรซอฟต์แวร์ไม่กี่คนที่สามารถไปถึงระดับนานาชาติได้?
“งั้นทีมบอสก็ต้องมีอาจารย์poppyกับอาจารย์ลู่ด้วยสิ คุณคุค คุณจะต้องเข้าไปได้แน่ๆ ” อาไห่มองคุคด้วยความตื่นเต้น “ถ้าได้พบอาจารย์poppyต้องขอลายเซ็นมาให้ผมด้วยนะ”
ฉินหร่านฟังมาจนถึงตอนท้ายก็เลิกฟัง เธอก้มหน้าลงค่อยๆ ดื่มชาที่อยู่ในมืออย่างช้าๆ
ส่วนมืออีกข้างก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่งข้อความหา ‘เพื่อนบ้าน’——
(ทีมรับสมัครคน?)
เพื่อนบ้านยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาตอบกลับข้อความหลังจากผ่านไปสามนาที——
(มีคนหนีไปเรียนฟิสิกส์ ขาดคน)
ฉินหร่านกระแอมเสียง ไม่กล้าตอบกลับ
เพื่อนบ้านส่งข้อความเสร็จก็หยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะส่งไปอีกข้อความ——
(ใช้เธอมาโฆษณาได้ผลดีมาก คนส่งประวัติมาเยอะแยะเลย เธอจะคัดหน่อยไหม?)
พอพูดเสร็จก็ไม่รอให้ฉินหร่านตอบกลับ แต่ส่งไฟล์บีบอัดมาโดยตรง
ฉินหร่านดาวน์โหลดเสร็จก็ไม่ได้มองที่ห้องโถง แต่ไปที่ห้องฉินหลิง ลากเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์แล้วนั่งลง เปิดดูประวัติของผู้สมัคร
เจ้าหน้าที่ที่ถูกคัดเลือกในขั้นต้นล้วนเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์อาวุโสระดับนานาชาติทั้งหมด ฉินหร่านกวาดตาดูก็พบว่ามี 31 คน…
มาจากทั่วทุกมุมโลก
นอกห้องโถง พ่อบ้านฉินและคนอื่นๆ ยังคงกำลังฟังคุคพูดถึงเรื่องในวงการIT พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉินหร่านกับฉินหลิงปลีกตัวออกมาแล้วเพราะกำลังตั้งใจฟังเรื่องทีมบอสของอวิ๋นกวงกรุ๊ปอยู่
**
อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาทานอาหาร
ฉินฮั่นชิวยกหม้อซุปออกมา เขาเรียกทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร อาเหวินกับอาไห่และคนอื่นๆ จึงเดินไปเสิร์ฟอาหาร
เมื่อเห็นฉินหร่านเดินออกมา ฉินฮั่นชิวก็ถามทันทีว่า “ทำไมเสี่ยวเฉิงไม่มาด้วยล่ะ?”
“เขามีธุระ” ฉินหร่านเงยหน้ามองฉินฮั่นชิวด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย
ฉินฮั่นชิวที่เชื่อใจฉินหร่านมาตลอด เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพียงถอนหายใจ “เป็นหมอนี่ยุ่งจริงๆ ”
พอพูดจบก็ไปหยิบจานอาหารในห้องครัวออกมาเสิร์ฟ
ทักษะการทำอาหารของฉินฮั่นชิวได้รับการยกย่องจากทุกคน
หลังจากทานข้าวเสร็จ อาจารย์คุคก็พาฉินหลิงกลับไปสอนตัวต่อตัว
ฉินหร่านไม่ได้รีบไปไหน แต่นั่งที่โซฟารอเหอเฉินส่งภารกิจของเฉิงเจวี้ยนมาให้
บนโซฟา ขณะที่พ่อบ้านฉินกำลังคุยกับฉินฮั่นชิวอยู่ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบออกมาดูก็พบว่าหมายเลขที่แสดงบนนั้นคือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณชายสี่ เขาจ้องเขม็ง ส่วนลึกของนัยน์ตาขุ่นมัวถูกย้อมไปด้วยความเป็นปรปักษ์ที่ไม่อาจมองเห็น
เขามองโทรศัพท์อยู่นานโดยไม่ได้รับสาย
โทรศัพท์ตัดสายไปเองโดยอัตโนมัติ
ฉินฮั่นชิวยกขนมหวานมาอีกถ้วย “พ่อบ้านฉิน ไม่เป็นไรนะ?”
“ไม่มีอะไรครับ” พ่อบ้านฉินรู้สึกตัว
ฉินฮั่นชิวมองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพยักหน้าแล้วกลับไปจัดจานชามที่อยู่ในครัวต่อ
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์ของพ่อบ้านฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ฉินหร่านเงยหน้า “พ่อบ้านฉิน?”
พ่อบ้านฉินรู้สึกตัวก็หันไปยิ้มให้ฉินหร่าน จากนั้นก็ถือโทรศัพท์ออกไปรับสายข้างนอก
หลังจากรับสายเสร็จและกลับมา หน้าตาพ่อบ้านฉินก็ปกปิดความกลัดกลุ้มไว้ไม่มิด
“คุณไม่เป็นไรนะ?” ฉินหร่านก้มหน้ามองโทรศัพท์ เหอเฉินได้ส่งภารกิจเฉิงเจวี้ยนมาให้เธอแล้ว
ฉินหร่านไม่ได้เปิดดูทันทีแต่ยัดโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า เงยหน้ามองพ่อบ้านฉินมีรอยย่นหว่างคิ้ว
“ไม่มีอะไรครับ บริษัทมีปัญหานิดหน่อย” พ่อบ้านฉินเงยหน้ามองฉินหร่านพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น มองไม่เห็นความคลุมเครือบนใบหน้า
ฉินหร่านนิ่งไปสักพัก เธอมองออกว่าพ่อบ้านฉินไม่อยากบอกเธอ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เอามือยันโซฟาแล้วลุกขึ้น พูดเรียบๆ “งั้นก็ดี ฉันขอตัวกลับก่อน”
“จะไปแล้วเหรอ?” ฉินฮั่นชิวถือตะหลิวออกมาจากห้องครัว
ฉินหร่านเดินมาที่ริมประตู ขณะกำลังสวมเสื้อโค้ตของตัวเองอยู่ก็ได้ยินเสียงฉินฮั่นชิว เธอเอียงหน้ามองด้วยหน้าตาเอื่อยเฉื่อย “อือ หนูยังมีธุระ”
ฉินฮั่นชิวรู้ว่าช่วงนี้ฉินหร่านกำลังยุ่งอยู่กับโครงการฟิสิกส์พวกนั้น เขาจึงไปส่งเธอที่หน้าประตูโดยไม่ได้รั้งตัวไว้
หลังจากปิดประตู ฉินฮั่นชิวก็ไปปัดกวาดที่ห้องครัวต่อ
พ่อบ้านฉินกลับมานั่งที่โซฟา รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ หายไป
“พ่อบ้านฉิน ทำไมคุณไม่บอกความจริงกับคุณหนูฉินไปล่ะครับ? คุณทำแบบนี้…” อาเหวินนั่งอยู่ไม่ไกลจากพ่อบ้านฉิน เขาเหลือบมองฉินฮั่นชิวในครัวและอดพูดเสียงเบาๆ ไม่ได้
“บอกความจริง ฉันจะบอกกับเธอยังไง? บอกว่าตอนนี้ตระกูลฉินย่ำแย่ คุณชายสี่รู้เรื่องคุณชายน้อยแล้วและให้เขากลับไปเข้าร่วมประเมินผู้สืบทอด ถ้าไม่ผ่าน สายตรงก็ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากไปตลอดกาลอย่างนั้นเหรอ? บอกเธอว่าพวกเราไม่มีปัญญา ไม่เพียงแต่ทำให้คุณชายสี่สืบเรื่องคุณชายน้อยได้ แต่ยังทำให้คนสายตรงทั้งหมดตกเข้าสู่ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก?” พ่อบ้านฉินส่ายหน้าพลางหัวเราะอย่างขมขื่น
“ตอนนี้ตระกูลฉินเป็นเสียอย่างนี้ จะกล้าเอามาพูดต่อหน้าเธอได้ยังไง…” พ่อบ้านฉินรู้ตัวว่าตอนแรกทัศนคติของเขาไม่ค่อยดีนัก จนถึงตอนนี้ฉินหร่านยอมรับฉินซิวเฉินแค่คนเดียว เขายอมรับว่าตัวเองไม่มีปากมีเสียง “คุณชายหกได้กำชับฉันเอาไว้เป็นพิเศษก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าตระกูลฉินจะมีปัญหาอะไรก็ห้ามเอาไปพูดต่อหน้าคุณหนูฉิน ตอนนี้ให้เธอตั้งใจทำวิจัยฟิสิกส์ก็พอ เรื่องนี้มีฉันกับคุณชายหกกลุ้มก็พอแล้ว จะเล่าให้เธอฟังให้มันได้อะไร? แค่มีคนกลุ้มใจเพิ่มมาหนึ่งคนก็เท่านั้น”
Comments