เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ! 50.1 บทพิเศษ (1)

Now you are reading เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ! Chapter 50.1 บทพิเศษ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทพิเศษ (1)

หญิงสาวจอมเหม่อลอยกับหญิงสาวผู้ร่าเริง

 

“เฮ้ เฮ้ เฮ้!”

เสียงเสียงหนึ่งดังเข้าสู่โสตประสาทของอีกคนหนึ่ง ในสถานที่แห่งหนึ่ง… สถานที่แห่งนี้มองไปทางไหนก็มีแต่ภาพที่หม่นๆ

เป็นสีเทาทุกอย่างในระยะสายตา.. แนวคิดเรื่องกาลเวลา สถานที่ ทุกอย่างๆ ที่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยคนธรรมดาล้วนเลือนรางในสถานที่แห่งนี้

จะบอกว่าเหมือนกับความว่างเปล่าแรกเริ่มก็ไม่แปลกเท่าไหร่นัก แต่ถึงแบบนั้นในที่ห่างออกไปในพื้นที่สีเทาจะมีจุดแสงเหมือนแสงจากดวงดาวอยู่ประปรายไปหมด

มันมากกว่าจำนวนที่จะประเมินได้.. หากนิยามของคำว่าไร้ที่สิ้นสุดคือจำนวนที่เยอะที่สุดในทุกๆ อย่างแล้ว

แสงเหล่านั้นก็คงจะเป็นจุดที่ว่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าที่แห่งนี้แม้แต่แนวคิดเรื่องเช่นนั้นก็ไม่ดำรงอยู่

และเพราะแสงจากพวกนั้นเลยทำให้ที่แห่งนี้ไม่หม่นสนิท… สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่หม่นสีเทาไปรอบด้าน

ท่ามกลางความเวิ้งว้างนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนเหม่อลอยอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวคนนี้มีรูปร่างที่เลือนรางอย่างมาก

เอาเข้าจริงเพราะความเลือนรางของเธอเลยทำให้ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ราวกับว่าแม้แต่ตัวตนของเธอเองก็ยังเลือนรางมีอยู่จริงและไม่มีอยู่จริงพร้อมกัน

ส่วนเสียงอีกเสียงคือเสียงจากหญิงสาวอีกคนที่มีสภาพเลือนรางไม่ต่างจากคนที่เหม่อลอยเลยแม้แต่น้อย

“เธอไหวหรือเปล่า? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าน่ะ?”

“อะ..อืม..?”

หญิงสาวที่ยืนเหม่อ.. ขอเรียกเธอว่าหญิงสาวจอมเหม่อลอยแล้วกัน หญิงสาวจอมเหม่อลอยตื่นจากอาการเหม่อด้วยเสียงเรียกของหญิงสาวอีกคน

หญิงสาวอีกคนนั้นที่เป็นคนแรกนั้นฟังจากน้ำเสียงที่ดูร่าเริงของเธอแล้ว เธอน่าจะเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนลี่สนิทกับคนอื่นง่าย

ดังนั้นจึงขอเรียกเธอว่า หญิงสาวผู้ร่าเริงก็แล้วกัน… หญิงสาวจอมเหม่อลอยที่ถูกคนแปลกหน้าปลุกขึ้นมาเธอก็ได้แต่มองไปยังหญิงสาวผู้ร่าเริงซึ่งปลุกเธอ

“ที่นี่คือ….?ไม่สิ เธอเป็นใคร?”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยยังจับทิศทางของสถานการณ์ไม่ค่อยได้ แต่พอมานึกดูดีๆ ก่อนจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นใครหรือที่นี่คือที่ไหน

จะว่าไปแล้ว..

“เดี๋ยวก่อน แล้วฉันเป็นใคร?”

หญิงสาวถามคำถามกับตัวเองด้วยความสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือความทรงจำที่ผ่านมาเธอแทบจะจำอะไรไม่ได้สักอย่าง

แต่ทว่าเหมือนเธอจะยังมีความคิดที่สามารถคิดวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันได้ นี่มันน่าพิศวงจนเกินไป

แน่นอนว่าคนที่พึ่งปรากฏขึ้นก็คือหญิงสาวจอมเหม่อลอย ส่วนหญิงสาวผู้ร่าเริงเธอเหมือนจะดำรงอยู่ในที่แห่งนี้ก่อนนานแล้ว..

หญิงสาวผู้ร่าเริงค่อยๆ ตอบคำถามของหญิงสาวจอมเหอมลอยพอที่จะทำได้

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่คือที่ไหนนะ.. แต่ฉันเรียกมันว่า ‘ปฐมภูมิ’ น่ะแล้วก็ฉันคือผู้อาศัยอยู่ที่นี่นั่นแหละนะ”

“ส่วนถ้าจะให้ฉันตอบว่าเธอเป็นใครก็เถอะ คงตอบให้ไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

หญิงสาวผู้ร่าเริงตอบด้วยความเป็นกันเอง เธอยิ้มให้กับหญิงสาวจอมเหม่อลอย เมื่อหญิงสาวจอมเหม่อลอยได้ฟังเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

แต่ว่ามันก็แค่ความไม่เข้าใจเท่านั้น เพราะเดิมทีเธอก็ไม่มีความทรงจำจากเรื่องที่ผ่านมาเลย ดังนั้นความไม่เข้าใจของเธอจึงไม่ใช่ ‘มีที่แบบนี้ด้วยเหรอ’

‘ที่แห่งนี้มีไว้ทำอะไร’ , ‘ทำไมเธอถึงเกิดมา ฉันถึงเกิดมา ทำไมถึงเป็นปฐมภูมิ’ หรือ ‘ทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ได้’

เพราะความเข้าใจของหญิงสาวจอมเหม่อลอยก็คือ ‘มันคงจะเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ไม่ใช่คนแรกที่เกิดขึ้นมา’ นั่นเอง

กล่าวคือเธอแค่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพียงเท่านั้นเอง

“เธออยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ?”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยถามด้วยความสงสัย

“ก็ใช่สิ ตอนแรกฉันนึกว่าฉันเป็นสิ่งเดียวที่พูดได้หรือคิดได้ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นเธอถึงได้โล่งอกขึ้นมา อย่างน้อยที่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีแค่ฉันละนะ”

“เธอไม่เหงาเหรอ?”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยสงสัยเลยถามออกไป ทำให้หญิงสาวผู้ร่าเริงได้แต่มองหญิงสาวจอมเหม่อลอยด้วยความงุนงง

พอเห็นสายตางุนงงของหญิงสาวผู้ร่าเริง หญิงสาวจอมเหม่อลอยจึงเริ่มทบทวนคำพูดตัวเองว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป..

ไม่สิ.. จุดผิดมันก็คือ ‘เหงา’ เหงาคืออะไร..?เพราะเดิมทีที่แห่งนี้ก็มีแค่คนเดียวแต่แรกเป็นอย่างเดียวที่มีอยู่

แม้แต่แนวคิดของคำว่าโดดเดี่ยวยังไม่มีอยู่เพราะ.. เธอเป็นคนเดียวแต่แรกนั่นเอง.. แน่นอนว่าหญิงสาวจอมเหม่อลอยที่ตระหนักว่าตัวเองพูดอะไรแปลกๆ ไป

เพราะเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหงาคืออะไร หญิงสาวจอมเหม่อลอยจงได้แต่ขมวดคิ้วทบทวนกับคำพูดของตัวเอง

“เธอหมายความว่าไง ‘เหงา’ คืออะไรเหรอ?”

หญิงสาวผู้ร่าเริงถามขึ้นด้วยความสงสัย เอาเข้าจริงฟังจากน้ำเสียงเธอคงรู้ว่าเธอไม่เคยพบเจอกับความเหงาอย่างแน่นอน

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน… ฉันจำอะไรไม่ได้เลย?”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยกล่าวด้วยความสับสนเล็กน้อย แต่หญิงสาวผู้ร่าเริงก็หัวเราะกับท่าทางตกใจของเธอ

“จำอะไรไม่ได้เหรอ.. ฉันว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ น่าจะเป็นเพราะว่าเธอพึ่งเกิดมาต่างหากไม่ใช่เหรอ?”

“พึ่งเกิด..?”

“ใช่ ฉันตอนเกิดขึ้นมาก็เหมือนเธอนั่นแหละ ต่างกันที่ฉันมีหน้าที่ที่ต้องทำแต่เธอเหมือนจะไม่มีอะไรเลย ดีจังน้า ไม่ต้องทำอะไรเนี่ย”

“หมายความว่ายังไง?”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยได้แต่งุนงงกับสิ่งที่หญิงสาวผู้ร่าเริงพูด ส่วนหญิงสาวผู้ร่าเริงเองก็ได้แต่ตัดพ้ออย่างอิจฉา

“ฉันมีหน้าที่ต้องเดินไปเรื่อยๆ น่ะ”

“หือ หมายความว่าไง?”

“ถึงจะถามแบบนั้นก็เถอะนะ แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำนี่น่า แล้วฉันก็ทำมาตลอดด้วย แต่เธอเหมือนจะไม่ต้องทำสินะ”

“ทำไมถึงรู้ว่าฉันไม่ต้องทำล่ะ”

“ก็ถ้าเธอต้องทำเธอคงไม่ถามหรอกใช่ไหมล่ะว่าตัวเองคือใคร.. เพราะฉันไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่าฉันเป็นใคร สาเหตุนั้นก็ง่ายมาก เพราะว่าฉันเป็นคนที่จะเดินต่อไปน่ะ”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่หญิงสาวผู้ร่าเริงบอกเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็พอจะเข้าใจว่าหญิงสาวผู้ร่าเริงต้องเดิน

ถึงจะไม่เข้าใจวาทำไมต้องทำ ทำแล้วได้อะไร หรือทำไมต้องเกิดมาเพื่อเดินอย่างเดียวเลยสักนิดก็ตาม

“ไม่เหนื่อยเหรอ?”

“เหนื่อย..?เหนื่อยทำไมล่ะ เดิมทีที่นี่ไม่มีระยะทางด้วยซ้ำน่ะนะ”

“อ่าว แล้วเดินเรื่อยๆ มันจะมีความหมายอะไรล่ะ”

“มีสิ.. ก็เพราะว่าฉันต้องเดินไงล่ะ นั่นแหละคือความหมายของมันน่ะ”

“อืม.. ฟังดูซับซ้อนจัง”

หญิงสาวจอมเหม่อลอยยิ่งคุยยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้นกว่าเดิม พอเห็นหญิงสาวจอมเหม่อลอยงุนงง

หญิงสาวผู้ร่าเริงก็อดที่จะหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“คุยกับเธอแล้วรู้สึกประหลาดจัง ฮ่า”

“ฉันก็พึ่งเคยคุยกับคนประหลาดแบบเธอเป็นครั้งแรกนี่แหละ”

“อะไรกัน.. ฉันก็ครั้งแรกเหมือนกันนั่นแหละ เป็นครั้งแรกที่แปลกชะมัดเลยนะ ว่าไหม?”

“นั่นสินะ.. ก็แปลกกันทั้งคู่นี่น่า”

ไม่รู้ว่าเพราะเป็นอัธยาศัยของหญิงสาวผู้ร่าเริงที่ดี หรือเพราะหญิงสาวจอมเหม่อลอยที่ถนัดตอบกลับอยู่แล้ว.. ไม่ก็เพราะทั้งสองคนเหมือนกันอย่างกับแกะ

แต่ไม่ว่าจะแบบไหนทั้งคู่ก็ดูมีเคมีที่เข้ากันอย่างเห็นได้ชัดทำให้พวกเธอกลายเป็นเพื่อนกันได้อย่างรวดเร็ว เอาเข้าจริงพวกเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนคืออะไร

“เอาแบบนี้ ฉันจะเดินเป็นเพื่อนเธอเอง เธอจะได้ไม่เหงา”

“หือ จะดีเหรอ เธออุตส่าห์ไม่ต้องทำอะไรไม่ใช่เหรอ? … แต่จะว่าไปแล้วไอ้คำว่าเหงานั่นคืออะไรเหรอนั่นน่ะ”

“ช่างเถอะน่า เอาเป็นว่าฉันจะเดินไปพร้อมกับเธอเอง”

“อืมมมมม เข้าใจแล้ว งั้นก็ไปกันเถอะ”

“อืม!”

ในโลกที่มีเพียงแค่คนสองคน มองไปทางไหนก็มีเพียงสีเทาหม่นที่ไร้จุดสิ้นสุด ไม่ว่าจะออกเท้าไปกี่ก้าวทุกอย่างในมุมมองก็ไม่เปลี่ยนแปลงไป

ราวกับว่าพวกเธอกำลังเดินอยู่กับที่.. แต่ถึงแบบนั้น ทั้งสองคนก็ยังคงเดินต่อไป.. เดินไปยังทิศทางมที่ไม่มีปลายทางหรือแม้แต่ทิศทางตั้งแต่แรก

มือของหญิงสาวทั้งสองจับมือกันไว้..

พวกเธอ.. จะเดินแบบนี้ต่อไป

เดินไปเรื่อยๆ…

ตลอดกาล..

หากคำว่าเดินไปไม่มีกระทั่งจุดสิ้นสุด

มันยังดูน้อยไปด้วยซ้ำหากให้เทียบกับการเดินเท้าของคนทั้งสอง

หญิงสาวจอมเหม่อลอยและหญิงสาวผู้ร่าเริง

นี่ต่างหาก……

…..ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง

ซึ่งจะนำไปสู่ความยุ่งเหยิงที่สุด—

จุดเริ่มต้นที่แท้จริง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *