เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา 669 สองร้อยห้าสิบอีกแล้ว (3)/ 670 สองร้อยห้าสิบอีกแล้ว (4)
ตอนที่ 669 สองร้อยห้าสิบอีกแล้ว (3)
เพราะประโยคนี้ประโยคเดียว ชั่วชีวิตนี้หงอวี้จะไม่ยอมแยกจากคุณหนู!
“พวกเจ้าฝึกฝนกันให้ดี ข้าจะไปหอแห่งแรกสักครั้ง”
เฟิงหรูชิงคลี่ยิ้ม ดวงตาหยักโค้ง นางลูบหัวหงอวี้ แล้วเดินออกไปด้านนอก
สายตาของบรรดาสาวใช้มองหงอวี้ด้วยความอิจฉา พากันกัดผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างรุนแรง
พวกนางมักรู้สึกว่า…คุณหนูชอบผู้พิทักษ์หงอวี้
หรือกระของพวกนางยังมีไม่มากพอ
ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ !
แววตาของเหล่าสาวใช้แน่วแน่เป็นประกาย
สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือ ยามที่เฟิงหรูชิงกลับมาเกือบจะขับไล่พวกนางออกไปจนหมด…
…
“อันชุ่ย เจ้าว่าหนานเสียนอยู่ที่นี่จริงหรือ”
บนถนนในเมืองหลวงแคว้นหลิวอวิ๋น เงาร่างอ้วนใหญ่ประหนึ่งขุนเขาตั้งตระหง่านอยู่ มือข้างหนึ่งของนางถือขาหมู ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือน่องไก่ กัดจนปากมันแผลบ มีเพียงดวงตาคู่วาวที่กำลังส่องประกายอยู่
“คนของตระกูลมู่พวกนั้นบอกเช่นนี้ หนานเสียนชอบข้า ถึงมาขอข้าแต่งงาน พวกเขาพูดจริงหรือไม่”
มาถึงบัดนี้ นางยังไม่อยากเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนชอบนาง!
ซ้ำยังเป็นคนรูปงามเหลือเกินอีกด้วย!
หากได้พบคนที่ชอบนางจากใจจริง เช่นนั้นนางแต่งงานกับเขาก็ได้
อันชุ่ยหลุบตาลง แววตาทอประกายเกลียดชัง ใบหน้าอ่อนโยนนั้นกลับไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
“พี่หญิง ต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน ตระกูลมู่บอกแล้วว่า คุณชายหนานเสียนเป็นคนเสนอจะแต่งงานกับท่านเอง ท่านไม่เชื่อคำพูดพวกเรา หรือไม่เชื่อตระกูลมู่ด้วย” อันชุ่ยยิ้มอ่อนโยน น้ำเสียงก็โอนอ่อน เกรงว่าชายใดในโลกคงยากจะทัดทานได้
หากมิใช่เพราะต้องการพบคุณชายหนานเสียนสักแวบหนึ่ง นางไม่มีทางพาตัวโง่งมนี้มายังสถานที่เส็งเคร็งนี่แน่!
ตระกูลมู่รับปากนางว่า ขอเพียงทำให้กู้อีอีตัวไร้สมองนี่แต่งงานกับหนานเสียนได้ ก็จะยกตำแหน่งภรรยารองให้นาง
ทั่วทั้งจวนเทียนเสินมีใครบ้างไม่อยากแต่งกับหนานเสียน เขาเป็นคนรักที่หญิงสาวนับพันนับหมื่นใฝ่ฝันหา ต่อให้แต่งเป็นอนุภรรยา ก็ยังดีกว่าแต่งเป็นภรรยาเอกของคุณชายท่านอื่น!
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะแต่งกับเขา”
โลกนี้มีคำพูดประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า
หากแต่งให้กับคนที่ตนรักยากเย็น เช่นนั้นก็รับรักคนที่รักตน
อีกประการบุรุษที่อบอุ่นราวกับดวงจันทรา ไม่มีสตรีคนไหนที่ทัดทานเขาได้!
ใช่แล้ว อ่อนโยน!
เพราะตระกูลมู่ตั้งใจป่าวประกาศ ด้วยเหตุนี้บรรดาหญิงสาวที่ไม่เคยพบหนานเสียนมาก่อน ต่างคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา!
ถังอวี้ในตอนนั้นก็เช่นกัน เช่นเดียวกับกู้อีอีในตอนนี้
อันชุ่ยเผยความอำมหิตจากดวงตา
ดูท่ากู้อีอีจะยอมรับหนานเสียนแล้ว ส่วนหนานเสียน...ตระกูลมู่เอ่ยปากแล้ว เขาไม่มีทางไม่ฟังคำของประมุขน้อยตระกูลมู่!
ดังนั้น นางไม่จำเป็นต้องอยู่กับกู้อีอีที่นี่ต่อไปอีก!
ที่นางออกมาก็เพื่อหาหนานเสียน หากพากู้อีอีไปด้วย นางยังจะได้พบเขาลำพังอีกหรือ
“ระวัง!” มือของอันชุ่ยผลักหลังกู้อีอี ทำให้กู้อีอีเซไปด้านหลังเล็กน้อย จากนั้นก็รีบคว้าแขนนางอีก อันชุ่ยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดึง ถึงทำให้ร่างกู้อีอีหยุดนิ่งได้
แต่น่องไก่ของกู้อีอีกระเด็นไปตกอยู่ที่เสื้อของแม่นางผู้หนึ่ง
“เจ้าบ้าหรือเปล่า”
กู้อีอีบันดาลโทสะ ฟาดมือที่เต็มไปด้วยน้ำมันออกไป
อันชุ่ยไม่ทันตั้งตัว ร้องด้วยความตกใจ ถดร่างไปด้านหลัง นางตกใจจนหน้าซีด ล้มก้นกระแทกพื้น
“พี่หญิง” น้ำตาอันชุ่ยเอ่อล้นกระบอกตา “เมื่อครู่ข้าคิดช่วยท่านเท่านั้น ทำไมท่านยังผลักข้าอีก”
…………………
ตอนที่ 670 สองร้อยห้าสิบอีกแล้ว (4)
กู้อีอีสีหน้าแปรเปลี่ยน เนื้อตัวสั่นกระเพื่อม
“ข้าผลักเจ้าตอนไหนกัน เจ้าต่างหากที่ผลัก ซ้ำยังทำเหมือนใจดีช่วยดึงข้าได้อีก!”
“ข้าเปล่านะ!” อันชุ่ยปฏิเสธเสียงขาดหาย “ไม่ใช่ข้า ข้ามิได้ผลักท่าน เมื่อครู่มีคนผลักท่าน ข้าแค่ช่วยดึงท่านไว้เท่านั้น ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้ามาตั้งแต่เล็กๆ คราวนี้ก็เป็นข้าที่พยายามตื้อจะมากับท่านให้ได้ แต่ทำไมท่านต้องทำกับข้าเช่นนี้ เพราะอะไร” น้ำเสียงนางแตกพร่า น้ำตาไหลพรากไม่หยุด ใบหน้านวลยิ่งซีดขาว แววตาอัดแน่นด้วยความผิดหวังและน้อยเนื้อต่ำใจ
“หากท่านไม่ชอบข้า ข้าจะไป จะไปจากตรงนี้ไม่อยู่ให้เกะกะขวางตาท่านอีก!”
อันชุ่ยลุกขึ้นจากพื้น สะบัดชายเสื้อสีหน้าและดวงตาแน่วแน่
“อีกอย่างกู้อีอี ท่านคิดให้ดีเถอะ หลายปีมานี้มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ใช่ท่านรังแกข้า ทุกครั้งท่านแม่ข้าบอกให้ข้ายอมท่าน ข้าก็ยอมให้ท่านทุกครั้งไป แต่มาจนถึงวันนี้…ท่านยังทำตัวอันธพาลเยี่ยงนี้”
กู้อีอีแววตาฉงน หรือว่า…นางปรักปรำอันชุ่ยจริงๆ แล้ว
คนที่ผลักนางคือคนอื่นหรือ
ครั้นเห็นว่าคนที่มามุงดูยิ่งมากขึ้นทุกที ซ้ำยังชี้นิ้วใส่นาง กู้อีอีที่ไม่เคยได้รับความกดดันยามอยู่ในจวนเทียนเสินย่อมระเบิดอารมณ์ออกมา
“เจ้าบอกว่ามีคนผลักข้า แล้วเจ้าคนนั้นเล่า หากเจ้าจงใจแต่งเรื่องหลอกข้า รอให้ข้ากลับไปฟ้องท่านพ่อ ให้ท่านพ่อขับไล่พกเจ้าออกจาก.…!”
อันชุ่ยขบริมฝีปากแน่น นางกลอกสายตาดู ก็เห็นสาวน้อยสวมประโปรงสีม่วงเดินผ่านนางไป แววตานางวาวโรจน์ชี้ไปที่เงาหลังนั้น “เมื่อครู่นางผลักท่าน ข้าเห็นกับตา!”
หญิงสาวนางนั้นออกมาเพียงลำพัง ไม่มีสาวใช้ใดๆ ติดตามมาด้วย น่าจะไม่ได้มาจากตระกูลชั้นสูงในแคว้นหลิวอวิ๋น
ด้วยเหตุนี้จะไม่มีใครช่วยนางพูดจา ซ้ำยังไม่มีใครยอมเป็นพยานให้นางด้วย
ขอเพียงไม่มีพยาน ด้วยสมองทึ่มทื่อของกู้อีอีย่อมเชื่อนางแน่
กู้อีอีหันหน้าไปมองด้วยความสงสัย ในฉับพลันก็เห็นใบหน้างามล่มเมือง
ใบหน้านี้งดงามเกินไปแล้ว งามกว่าหญิงใดๆ ที่นางเคยได้พบมาทำให้คนอิจฉาริษยาขึ้นไปอีก
“เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เฟิงหรูชิงเดินมาหยุดตรงหน้าเด็กหญิงที่ถูกน่องไก่ตกใส่ ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช็ดเสื้อที่สกปรกของนางอย่างเบามือ
“ดูเจ้าสิอยู่ดีๆ ออกมาข้างนอกคนเดียวทำไมกัน เชียนหนิงกับญาติผู้พี่ข้าเล่า ทำไมไม่มากับเจ้า”
ถังอิ่นกระบอกตาแดงก่ำ โผเข้ากอดเฟิงหรูชิง ร้องเสียงอู้อี้
“เสื้อผ้า ชุดที่ญาติผู้พี่มอบให้เลอะหมดแล้ว…”
“อีกอย่าง…” ถังอิ่นช้อนตาขึ้นมองไปยังอันชุ่ย “เมื่อครู่ข้าเห็นนางผลักแม่นางอ้วนคนนั้นแท้ๆ ยังคิดโยนความผิดให้ท่านอีก กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ!”
คราวนี้อันชุ่ยเคราะห์ดียิ่ง
ก่อนอื่นทำให้น่องไก่ของกู้อีอีตกใส่ถังอิ่น จากนั้นก็ลากคนมารับความผิดแทนตามอำเภอใจ ดันไปดึงเฟิงหรูชิงเข้ามากเกี่ยวพัน
“เจ้าเป็นพวกนางก็ต้องช่วยเหลือนาง” อันชุ่ยลุกขึ้นมา นางเม้มปาก น้ำตาเอ่อล้นหน่วยตาแฝงไปด้วยความเสียใจและโกรธขึง หันไปมองกู้อีอี “พี่หญิง ข้าเป็นญาติผู้น้องของท่านนะ ทำไมข้าต้องผลักท่านด้วย ทำเช่นนี้ข้าได้ประโยชน์อันใด ท่านยอมเชื่อคนนอก แต่ไม่เชื่อข้าหรือ”
“เจ้าพูดจาเหลวไหล!” ถังอิ่นบันดาลโทสะดันเฟิงหรูชิงไปหลบด้านหลัง ดวงน้อยแน่งน้อยแดงก่ำ “เสี่ยวชิงของข้ามีแค้นอะไรกับนาง ทำไมต้องผลักคนไม่รู้จักด้วย”
…………………..
Comments