เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 111 แผนการนี้ช่างชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 111 แผนการนี้ช่างชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 111 แผนการนี้ช่างชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก

บทที่ 111 แผนการนี้ช่างชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก

หนานกงหลีนำสุราออกมาสองไห “เป็นอย่างไรบ้าง กลิ่นหอมใช่หรือไม่”

หลีรุ่นมองไปยังไหสุราในมือของอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาเรียบเฉยยามเห็นไหสุราที่ดูคุ้นเคย “นี่คือสุราของข้า!”

หลีรุ่นมีงานอดิเรกเล็ก ๆ อยู่ ยามว่างของเขาคือการดื่มด่ำกับสุราที่บ้าน จากนั้นก็บรรยายพรรณาความในใจออกมาเป็นบทกวีและภาพวาด

ดังนั้นใต้ต้นไม้ในลานบ้านของเขาจึงมีสุราชั้นดีที่เก็บสะสมฝังเอาไว้

หนานกงหลีส่งเสียงเหอะออกมา “เหตุใดจึงตระหนี่เพียงนี้ ข้าก็หาอันที่ไม่ได้แย่ไปกว่ากันมาฝังลงดินคืนให้ท่านแล้ว”

หลีรุ่นอยากจะขว้างไหสุราใส่หน้าเขาเสียประเดี๋ยวนี้ “ท่านนำไปฝังไว้ ทว่าวันถัดมาก็ไปขุดกลับขึ้นมาอีก ทำประหนึ่งลานบ้านของชายชราเป็นบ้านของท่าน!”

หนานกงหลีตีสนิทอย่างหน้าไม่อาย “ระหว่างพวกเราไม่มีคำว่าคนนอก ของท่านก็คือของข้า ข้ายังไม่ถือสาที่ท่านใส่ร้ายทำลายภาพลักษณ์ของข้าต่อหน้าหลานเลย”

“ข้าใส่ร้ายหรือ? สิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง!”

หลีรุ่นที่เปี่ยมไปด้วยท่าทางบัณฑิตฉลาดเฉลียวพึ่งพาถูกหนานกงหลียั่วยุจนพูดไปสบถไป

แม้ว่าทั้งคู่จะเอ่ยต่อปากต่อคำกัน แต่ฟังจากคำพูดก็สัมผัสได้ว่า ไม่มีร่องรอยของความขุ่นเคืองใจอยู่แต่อย่างใด เสมือนเป็นการเอะอะโวยวายระหว่างสหาย

กุ้งก้ามแดงมีกลิ่นหอมชวนน่าทานเป็นอย่างมาก ทว่าการแกะเปลือกกลับเป็นเรื่องยุ่งยาก ยิ่งกับคนโบราณ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรักษามารยาท ท่าทีนับว่าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง

หลีรุ่นมองดูหนานกงหลีและเหล่าลูกชายที่เริ่มลงมือแกะจนมือเปื้อนมันแผล็บภายในพริบตา

ชายชรารู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที “ไร้มารยาทนัก!”

หนานกงหลี “หากท่านห่วงมารยาทนัก เช่นนั้นก็ไม่ต้องกิน”

พูดแล้วเขาก็ยัดเนื้อกุ้งชิ้นหนึ่งเข้าปาก

“อร่อย!”

ตอนนี้เขาขอประกาศเลยว่า กุ้งก้ามแดงเป็นอาหารจานโปรดของเขา!

เสี่ยวเป่าตาเป็นประกายระหว่างคว้ากุ้งตัวหนึ่งมาแกะด้วยตนเอง ขณะเดียวกันก็อ้าปากรับกุ้งที่พี่ใหญ่ป้อนให้

ใช่แล้ว องค์ชายใหญ่เองก็ปล่อยวางกิริยาสำรวมเช่นเดียวกัน ทว่าเขาไม่เหมือนกับเหล่าพ่อลูกจวนเซียวเหยาอ๋อง เขาสวมถุงมือเอาไว้ บนมือของเสี่ยวเป่าเองก็มีถุงมือคู่เล็ก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ห้ามเสี่ยวเป่าไม่ให้แกะกุ้งด้วยตัวเองในครั้งนี้

ท่าทางของฉีซิวยังคงงดงาม ดูแล้วไม่ได้ทำลายความสูงส่งของเขาแต่อย่างใด

การขยับแกะเปลือกกุ้งของเขานั้นชวนมองเป็นอย่างมาก ทุกการเคลื่อนไหวประหนึ่งผลงานศิลปะชวนน่าเพลินตา

หนานกงหลีและคนอื่น ๆ ต่างจับจ้องไปยังถุงมือบนมือของเขาด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย

“เจ้านำถุงมือมาจากที่ใด?”

หนานกงฉีซิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เป็นคำแนะนำของน้องหญิง ถุงมือนี้ทำขึ้นมาจากหนังกวาง”

คนทั้งหมดของจวนเซียวเหยาอ๋อง “…”

เหตุใดจึงไม่มีส่วนของพวกเขาด้วย!

“ญาติผู้พี่ยังมีเหลืออีกหรือไม่?”

คนถูกถามพยักหน้า “มี”

แววตาของหนานกงหลีขุ่นเคืองขึ้นมาทันที หลานชายคนโตช่างไม่มีน้ำใจ เหตุใดจึงไม่นำออกมาให้ตั้งแต่แรก

หนานกงฉีซิวแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา “พวกท่านลงมือกันเร็วเกินไป”

ทุกคน “…”

เป็นความผิดของพวกเขาหรือ?

ในเมื่อมีถุงมือ ผู้ใดกันจะไม่ต้องการ พวกเขารีบออกไปล้างมือให้สะอาด เมื่อกลับมาถึงหลีรุ่นก็ปล่อยวางท่าทีสำรวมเริ่มแกะเปลือกกุ้งแล้ว

เหตุผลก็เพราะเสี่ยวเป่าป้อนกุ้งที่แกะเปลือกแล้วให้เขาหนึ่งตัว หลังจากลองกินไปหนึ่งคำก็เลิกสงวนท่าทีทันที

คนเราย่อมแตกต่างกัน แต่ล้วนไม่อาจต้านทานของอร่อย!

พวกเขากินกุ้งก้ามแดงเหล่านี้กันอย่างเต็มที่ จิบสุราหนึ่งอึกแล้วก็หันไปกินกุ้งอีกหนึ่งคำ ไม่มีทางรู้สึกพึงพอใจไปมากกว่านี้แล้ว

ขณะเดียวกัน กุ้งก้ามแดงที่ถูกส่งออกไปก็ถึงพระราชวังแล้ว

เสี่ยวเป่าใส่ใจติดข้อความแตกต่างกันไปบนปิ่นโต

[ของท่านพ่อ (^ω^)]

คำว่าท่านพ่อเขียนตัวบิดเบี้ยวจนแทบอ่านไม่ออก

หนานกงสือเยวียนมองปิ่นโตของตัวเอง มันเป็นปิ่นโตขนาดใหญ่ที่มีสามชั้น ด้านในบรรจุกุ้งก้ามแดงรสชาติต่างกันไป เพียงแค่เห็นก็ชวนให้คนอยากกินเสียแล้ว

เขาเหลือบสายตาไปมองปิ่นโตที่ขันทีคนอื่น ๆ ถือมา ด้านบนต่างมีแผ่นกระดาษเล็ก ๆ เขียนติดเอาไว้

[ของท่านพี่สาม (OvO)]

[ของท่านพี่สี่ (◐‿◑)]

[ของท่านพี่ห้า ^o^]

มีส่วนขององค์ชายทั้งหมดที่อยู่ในห้องศึกษา ไม่มีผู้ใดตกหล่น สัญลักษณ์รอยยิ้มทิ้งท้ายก็แตกต่างไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปเอาความคิดสร้างสรรค์มากมายจากที่ใดมาวาด

ปิ่นโตถูกส่งมาในเวลาที่เหมาะเจาะเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันของเหล่าองค์ชายในห้องศึกษาแล้ว

หนานกงสือเยวียนโบกมือแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นำไปส่งให้เหล่าองค์ชายเสีย”

ทันทีที่เหล่าขันทีส่งกุ้งมังกรน้อยทั้งหมดออกไปแล้ว หนานกงสือเยวียนก็หยิบกระดาษใบเล็กบนปิ่นโตออกมา เขามองข้อความนั้นด้วยรอยยิ้มเบาบางที่มุมปาก

ทางห้องศึกษา…

ในที่สุดคาบเรียนก็จบลง เหล่าองค์ชายต่างหิวโหยจนแทบทนรอกลับไปห้องของตนเองไม่ไหวแล้ว

“อาหารกลางวันของข้าล่ะ?”

หนานกงฉีเฉินเดินไปนั่งที่โต๊ะ ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มีขันทีที่ไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาพร้อมปิ่นโตขนาดใหญ่

หนานกงฉีเฉินมองอย่างสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”

“บ่าวมีนามว่าอาเยวียน องค์ชายหก นี่คืออาหารกลางวันของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงฉีเฉินมองขันทีผู้นั้นด้วยสายตายากจะอธิบายได้ “ช่างขวัญกล้ายิ่งนัก เจ้าต้องการจะทำให้ข้าจุกจนตายหรืออย่างไร? กล่าวมา! ผู้ใดเป็นคนส่งเจ้ามา!”

แผนการนี้ช่างชั่วร้ายเลวทรามยิ่งนัก!

อาเยวียนรีบคุกเข่าลงทันที “องค์ชายหกเข้าใจผิดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่องค์หญิงเก้าสั่งให้บ่าวนำมามอบให้พระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

สายตาของหนานกงฉีเฉินพลันแปรเปลี่ยน “แค่ก…ที่แท้ก็เป็นน้องหญิง เอามาให้ข้าดูหน่อย”

ท่าทีของหนานกงฉีเฉินพลิกกลับทันที นี่ต้องเป็นเพราะน้องหญิงชื่นชอบพี่ชายผู้นี้เป็นอย่างมากแน่

หลังจากนั้นเขาก็เห็นกระดาษแผ่นเล็กที่น้องหญิงเขียน หลังจากมองดูสัญลักษณ์ใบหน้ายิ้มและตัวอักษรเบี้ยว ๆ บิด ๆ แล้วก็มั่นใจได้ว่าจะต้องเป็นน้องหญิงที่เขียนเองอย่างแน่นอน

ทันทีที่เปิดปิ่นโตออกมาด้วยความอดทนรอไม่ไหว องค์ชายหกก็ตกตะลึงทันใด

“นี่…นี่มันสิ่งใดกัน?”

เรื่องนี้เองก็เกิดขึ้นกับองค์ชายคนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

ห้องบรรทมขององค์ชายสาม…

หนานกงฉีอวิ๋นไล้นิ้วลงบนตัวอักษรในกระดาษแผ่นเล็ก มุมปากของเขายกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มที่ทำลายความเศร้าหมองบนใบหน้าขาวซีดของเขา

หลายวันที่ผ่านมา หนานกงฉีอวิ๋นพบว่าอาหารของเขานั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้

ดูเหมือนว่าจะมีคนลอบเพิ่มอาหารให้ มื้ออาหารของเขาไม่ได้ถูกจัดอย่างขอไปทีเหมือนเช่นเคย เนื้อสัตว์และผักจับคู่แตกต่างกันทุกวัน ทั้งยังมีผลไม้เพิ่มมาอีกด้วย

เมื่อได้เห็นผลไม้เหล่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องสงสัยอีกต่อไปว่าเป็นฝีมือของใคร

นี่คือความเป็นห่วงที่หนานกงฉีอวิ๋นไม่เคยสัมผัสมาก่อน

หนานกงฉีอวิ๋นไม่ได้เปิดปิ่นโต แต่เดินไปที่กล่องเล็ก ๆ ข้างเตียงแทน จากนั้นก็หยิบลูกกุญแจขนาดเล็กออกมาไขเปิด ด้านในมีกระดาษแผ่นน้อยที่คล้ายกับแผ่นที่เสี่ยวเป่าแปะเอาไว้บนปิ่นโต

ลายบนนั้นอ่านยากแต่ก็พอจะอ่านออกบ้าง

‘เสี่ยวเป่าแอบให้เฉ่าเหมยกับพี่สามเพิ่ม พี่สามอย่าบอกเรื่องนี้กับท่านพี่คนอื่น ๆ เชียวนะ’

เพราะเสี่ยวเป่าไม่สามารถเขียนคำว่าเฉ่าเหมยได้ ดังนั้น นางจึงวาดรูปเฉ่าเหมยลงไปแทน ส่วนตัวอื่นหากเขียนไม่ได้ก็หาคนอื่นมาเขียนแทนให้

ในบรรดากระดาษแผ่นเล็กที่หนานกงฉีอวิ๋นเก็บสะสมไว้ นอกจากลายมือเด็กที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ แล้วยังมีลายมือที่เฉียบคมดังใบมีดรวมอยู่ด้วย

คำเหล่านั้นเป็นคำที่เสี่ยวเป่ายังเขียนเองไม่ได้ จึงไปรบกวนเสด็จพ่อให้ช่วยเขียน

กระดาษเหล่านี้ล้วนถูกหนานกงฉีอวิ๋นรวบรวมเอาไว้ในกล่องใบเล็ก นอกจากนี้ ยังมีที่คั่นหนังสือ เม็ดบัว ดอกไม้แห้ง และสิ่งอื่น ๆ ที่เสี่ยวเป่าส่งมาให้

หลังจากใส่กระดาษแผ่นน้อยลงไปแล้วลงกลอน หนานกงฉีอวิ๋นจึงเดินกลับไปกินข้าว

อาหารเที่ยงในวันนี้ช่างดูแตกต่างไม่เหมือนครั้งใด แต่ทว่า…

มันก็อร่อยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังชวนให้รู้สึกติดใจไม่น้อย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *