เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 161 เจ้าทำของหาย

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 161 เจ้าทำของหาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 161 เจ้าทำของหาย

บทที่ 161 เจ้าทำของหาย

“ท่านหมอจาง ท่านหมอจางอยู่ที่นี่หรือไม่”

หมอหลวงจางซึ่งกำลังนั่งพลิกประวัติผู้ป่วยด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย คิดว่าตนหูเพี้ยนไปเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มิทันไรองค์หญิงน้อยก็วิ่งเข้ามาในสำนักหมอหลวงแล้วตรงมาหาเขา

หมอหลวงจางเผยรอยยิ้มออกมาทันใด ทว่าก็ต้องหุบรอยยิ้มกลับเข้าไปโดยไว

หึหึ…ก่อนหน้าคิดถึงแต่ชายชราอย่างเจี่ยเจิน ไม่เคยคิดถึงข้า แต่ตอนนี้ด้วยอะไรบางอย่างกลับคิดถึงข้าขึ้นมาเสียได้

“ท่านหมอจาง ข้าต้องการสมุนไพรสองสามชนิด ท่านช่วยจัดให้ข้าได้หรือไม่”

หมอหลวงจางกระแอมไอเบา ๆ “องค์หญิง ทรงนึกถึงข้าน้อยผู้นี้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ทันใดนั้นเอง ก็มีสิ่งที่ทำให้เขาตกใจอย่างเจ้าก้อนกลม ๆ สองสามก้อนที่กลิ้งเข้ามาในสำนักหมอหลวงของเขา

“นั่นตัวอะไรกัน!”

เสี่ยวเป่าย่อตัวลงในขณะที่เจ้าก้อนกลม ๆ เหล่านั้นก็วิ่งไปมารอบตัวนาง

“มันคือสุนัข”

หมอหลวงจางชำเลืองมองเจ้าก้อนขนที่วิ่งอยู่รอบ ๆ ตัวนาง จากนั้นก็มองไปที่องค์หญิงตัวน้อย

“องค์หญิง ข้ายังไม่แก่ชราถึงขั้นที่สายตาพร่ามัว สิ่งนี้คือลูกสุนัขธรรมดาหรือว่าหมาป่ากันแน่พ่ะย่ะค่ะ”

เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงมีลูกหมาป่ามากมายอยู่รอบตัวองค์หญิง

เสี่ยวเป่าตอบหมอหลวงจางด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา “หากท่านว่ามันคือหมาป่ามันก็คงเป็นหมาป่า”

หมอหลวงจาง “…”

เสี่ยวเป่าเงยหน้ามองหมอหลวงจางตาปริบ ๆ “ข้านำของขวัญมาให้ท่าน ลองดูสิ นี่คือผลไม้ที่ท่านอาสี่ส่งให้ข้า ท่านหมอจางอยากลองชิมดูสักหน่อยหรือไม่”

ชุนสี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังกำลังถือตะกร้าไม้ไผ่สานอยู่ โดยที่ด้านในตะกร้ามีผลไม้หายากหลากหลายชนิด

ครั้นหมอหลวงจางเห็นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น

เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์หญิง จึงมักจะได้รับอาหารดี ๆ มากมาย ซึ่งบางสิ่งขุนนางขั้นหนึ่งหรือขั้นสองก็ยังไม่ได้รับสิ่งนี้ด้วยซ้ำ

“องค์หญิงรับสั่งมาเถิดว่าพระองค์ประสงค์สิ่งใด”

เสี่ยวเป่ายกยิ้มพร้อมกับเอ่ยชื่อสมุนไพรที่ต้องการหลายชนิดในคราวเดียว

หมอหลวงจางพลันขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน “สิ่งที่องค์หญิงตรัส ดูเหมือนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะมิได้นำไปใช้เพื่อการรักษา”

“ใช่แล้ว!”

เด็กหญิงเอามือไพล่หลังพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ ใบหน้าน้อย ๆ และเท้าที่ดูนุ่มนิ่มช่างดูน่ารักน่าเอ็นดู

“เสี่ยวเป่าต้องการนำสมุนไพรเหล่านี้ไปขจัดกลิ่นสาบจากขนแกะ”

เมื่อได้ยินองค์หญิงอธิบาย หมอหลวงจางก็ลูบเคราอย่างครุ่นคิด เขาหวนนึกถึงสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความกระจ่างในทันใด

“ยอดเยี่ยม นี่น่าจะได้ผลดีมาก มี๋เตี๋ยเซียง*[1] มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษและมีกลิ่นที่ติดทนนาน บางทีกลิ่นสาบของแกะอาจไม่เพียงถูกขจัดออกไปเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นของมี๋เตี๋ยเซียงติดอยู่อีกด้วย องค์หญิงทรงทราบวิธีนี้ได้อย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เสี่ยวเป่าเกาใบหน้าน้อย ๆ ของนางและเอ่ยออกมาราวกับไม่รู้ความ “ข้าก็คิดออกมาน่ะสิ”

หมอหลวงจางสบสายตากับองค์หญิงน้อยอย่างไม่เข้าใจ

‘ข้ารู้จักองค์หญิงก่อนแท้ ๆ เหตุใดข้าจึงไม่ได้รับพระองค์เป็นศิษย์กันนะ!’

องค์หญิงเก้ามีพรสวรรค์ด้านนี้จริง ๆ แต่เรื่องนี้เขาเพียงพูดเล่นเท่านั้น หากรับองค์หญิงเก้าเป็นศิษย์จริง ๆ เกรงว่าเขาได้ถูกฝ่าบาทฟันด้วยกระบี่เป็นแน่

แน่นอนว่าตอนนี้เขาเพียงอิจฉาหมอปีศาจอย่างเจี่ยเจินเท่านั้น

“องค์หญิงทรงวางแผนว่าจะทำอย่างไรหรือ? ทรงทราบอัตราส่วนที่ระบุใบสั่งยาหรือไม่?”

เสี่ยวเป่าส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าไม่รู้ แต่สามารถทดสอบได้”

เสี่ยวเป่าบอกหมอหลวงจางเกี่ยวกับแผนของนาง เมื่อหมอหลวงจางได้ฟังเขาก็เกิดความสนใจขึ้นมา

“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ไปจัดยากันเถิด ข้ากับองค์หญิงจะไปทดลองสิ่งนั้นด้วยกัน”

จากนั้น หมอหลวงสูงวัยและองค์หญิงน้อยก็ไปโกยสมุนไพรต่าง ๆ จากสำนักหมอหลวง เพื่อจะนำไปทำการทดลอง

หมอหลวงที่ดูแลห้องยามีสีหน้าประหลาดใจ

หมอหลวงจางผู้นี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือที่เอาของออกจากสำนักหมอหลวงไป

หลังจากจัดยาเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยไปถึงยามบ่าย

หมอหลวงจางส่งองค์หญิงเก้ากลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ไว้พรุ่งนี้กระหม่อมจะไปหา”

เสี่ยวเป่ารับสมุนไพรต่าง ๆ ที่หมอหลวงจางจัดไว้ให้ พร้อมกับพยักหน้าและโบกมือให้หมอหลวงจาง “ข้าเข้าใจแล้ว”

เสี่ยวเป่าเดินกลับมาก็พบว่า บิดาของนางอยู่ที่ห้องปีกพร้อมเผยรอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ นางจึงใช้ขาสั้น ๆ วิ่งไปกอดขายาวของบิดาไว้

“ท่านพ่อมารอเสี่ยวเป่าหรือ?”

หนานกงสือเยวียนตอบรับในลำคอ “เจ้าทำของหาย”

เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะด้วยความงุนงง และมองบิดาอย่างว่างเปล่า นางทำของหายหรือ

ลมหายใจถัดมา หนานกงสือเยวียนก็นำมือที่ไพล่หลังออก โดยในพระหัตถ์ทรงประคองเจ้าก้อนแป้งสีขาวดำเอาไว้

ดวงตาสีดำสนิทของถวนจื่อจ้องมองไปที่เสี่ยวเป่า ราวกับระบายความคับข้องใจที่ถูกทอดทิ้ง

เมื่อเสี่ยวเป่าเห็นถวนจื่อ นางก็รู้สึกผิดขึ้นมา

นางไม่ได้ตั้งใจ…

“ถวนจื่อ”

เสี่ยวเป่าเผยรอยยิ้มแหย และรับเจ้าแพนด้าน้อยมาจากบิดา ดูเหมือนว่าถวนจื่อจะเกิดความน้อยใจเล็ก ๆ “ข้าขอโทษ ข้าลืมเจ้าไปเสียสนิท”

ลูกหมีตัวน้อยทิ้งร่างอยู่บนร่างกายของเสี่ยวเป่า โดยใช้อุ้งเท้าอ้วน ๆ สองข้างโอบไหล่ของนางไว้ มันฝังหัวของมันไว้ที่คอของนาง ทั้งยังส่งเสียงครวญครางเล็ก ๆ

ใบหน้าขาวเนียนและงดงามของเสี่ยวเป่าเผยความรู้สึกผิดต่อเจ้าก้อนแป้งขาวดำนี้

เจ้าแพนด้านี่สูงพอ ๆ กับนาง เมื่อมันโดนทิ้งตัวใส่ แม้ว่ามันจะนุ่มนิ่มและอุ้มถนัดมือ แต่ถึงกระนั้น…นางก็รับน้ำหนักไม่ไหวอีกต่อไป!

เสี่ยวเป่าโอนเอนอย่างไม่มั่นคงและสุดท้ายก็ล้มลงไปบนพื้น ฝ่ามือข้างหนึ่งของนางเอื้อมไปจับต้นคอของถวนจื่อได้ทันเวลา

เสี่ยวเป่ารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และโล่งใจที่แขนน้อย ๆ ของนางไม่ได้บาดเจ็บ

นับว่ายังโชคดี นางเกือบจะคิดว่าหากแขนน้อย ๆ ของนางถูกเจ้าหมีอ้วนทับ มันต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ

“ข้าขอโทษนะถวนจื่อ ไว้ข้าจะให้ผิงกั่วลูกใหญ่แก่เจ้านะ”

เสี่ยวเป่ารีบขอโทษ จากนั้นก็วิ่งไปเอาผิงกั่วลูกใหญ่มายื่นให้มัน

ถวนจื่อที่รู้สึกไม่สบายใจเมื่อครู่ พลันมีความสุขขึ้นมาทันใด มันถือผิงกั่วเอาไว้ในมือและกินอย่างอร่อย

ความไม่พอใจทั้งปวงหายไปเมื่อได้รับของกิน

เสี่ยวเป่าลูบหัวกลม ๆ ของมันด้วยความเอ็นดู

แต่แล้วตัวนางก็ถูกหิ้วขึ้นมาโดยใครบางคน

เสี่ยวเป่าหันไปมองคนที่หิ้วตัวนางขึ้นมา

“ท่านพ่อทำอะไรหรือ?”

หนานกงสือเยวียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไปล้างเนื้อล้างตัวเสีย”

เขาไม่รู้ว่าเนื้อตัวเสี่ยวเป่าไปปนเปื้อนกลิ่นใดมา กลิ่นนั้นผสมปนเปกันไปหมด

แล้วเขาก็มองไปที่ลูกหมาป่าเหล่านั้นด้วยดวงตาคม เชิดคางขึ้นเล็กน้อย

“พาพวกมันไปล้างตัวด้วย”

ชุนสี่และคนอื่น ๆ รับคำสั่งอย่างรวดเร็ว “เพคะ”

เสี่ยวเป่าผู้ถูกบิดาหิ้วตัวไป ก็สะบัดขาน้อย ๆ ของนางเบา ๆ “ล้างตัวให้เสี่ยวไป๋ด้วย”

ด้วยเหตุนี้ สัตว์เกือบทั้งหมดที่ติดตามเสี่ยวเป่า จึงได้รับการชำระล้างในวันนั้น ทว่าบรรดาลูกหมาป่ายังคงปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ทั้งยังแสดงท่าทีดุร้าย

โชคดีที่ได้ขันทีผู้มีประสบการณ์ในการดูแลสัตว์และช่วยตัดขนแกะผู้นั้นมาช่วยจัดการ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่โกลาหล แต่ว่าสัตว์แต่ละตัวก็ได้รับการอาบน้ำทั้งหมด

เสี่ยวเป่าที่อาบน้ำจนเนื้อตัวหอมแล้ว ก็สวมเพียงชุดซับในแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง “ท่านพ่อ ต้นข้าวออกรวงหมดแล้วใช่หรือไม่”

หนานกงสือเยวียนมองเสี่ยวเป่าที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนตักของเขา

“เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เสี่ยวเป่ากลอกตาไปมา จากนั้นก็วางคางของนางไว้บนหลังมือ

“เสี่ยวเป่าเดาได้”

หนานกงสือเยวียนไม่ได้คาดคั้น เด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้มีความลับมากมาย

“อืม มันออกรวงเร็วกว่าปกติ ใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว”

[1] มี๋เตี๋ยเซียง (迷迭香) แปลว่า โรสแมรี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด