เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 17 หว่านเฟย (รีไรท์)

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 17 หว่านเฟย (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 17 หว่านเฟย (รีไรท์)

บทที่ 17 หว่านเฟย (รีไรท์)

เสนาบดีกรมพระคลังก็ร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารว่า “ฝ่าบาท ท้องพระคลังว่างเปล่าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ท้องพระคลังว่างเปล่า?”

หลังจากพวกเขาสงบลง ในที่สุดหนานกงสือเยวียนก็เอ่ยขึ้น

แค่กษัตริย์ตรัสสี่คำก็ทำให้คนฟังเงียบจนไม่มีเสียงใด ๆ

ดวงตาสีเข้มของหนานกงสือเยวียนมองไปที่เสนาบดีกรมพระคลัง “หน้าที่ของกรมพระคลังคือการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย แต่รายได้ภาษีประจำปีไม่สามารถสนับสนุนทหารได้ ท่านเสนาบดีหวัง นี่คือวิธีที่เจ้าเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายอย่างนั้นหรือ?”

เสนาบดีหวังคุกเข่าลงทันที “ฝ่าบาท…”

หนานกงสือเยวียนถามเสียงเย็น “ข้าแค่อยากรู้ว่าคลังว่างเปล่า แล้วเงินในคลังหายไปไหนหมด?”

“ฝ่าบาท ทุก ๆ ปีจะมีการบำรุงรักษาสุสานกษัตริย์และวิหารบรรพบุรุษ งานเลี้ยงที่จำเป็นสำหรับพิธีกรรมและเทศกาลต่าง ๆ ต้องใช้เงินจำนวนมาก เสนาบดีเฒ่าผู้นี้ไม่มีทางเลือกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“สำหรับเจ้าแล้ว ผู้อาศัยอยู่ในเมืองชายแดนที่ป้องกันศัตรูต่างชาติ ผู้ไม่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มเพียงพอ ไม่สำคัญเท่ากับคนตายในสุสานของกษัตริย์หรือวิหารบรรพบุรุษหรือ?!”

“ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”

หนานกงสือเยวียนเย้ยหยัน “ทุก ๆ ปี ท้องพระคลังของชาติจะว่างเปล่า เงินภาษีและอาหารที่พวกเราได้มาจากประชาชนทั้งประเทศไม่เพียงพอจะเลี้ยงดูพวกเจ้า หากเสนาบดีหวังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง เช่นนั้นพวกเราก็สมควรมอบให้ผู้ที่มีความสามารถมากกว่า!”

ใบหน้าของเสนาบดีหวังเปลี่ยนเป็นสีซีดขาวทันที “ฝ่าบาททรงพระเมตตา กระหม่อมจะไปเตรียมเงินเบี้ยหวัดทหารเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพฟ่าน”

“กระหม่อมอยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“จับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกทางเหนือ หากพวกมันแสดงท่าทีว่าจะรุกรานเมืองของพวกเรา เจ้าก็เริ่มสงครามได้ทันที”

“น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”

สมดังที่พระองค์ทรงเกิดมาเป็นเทพแห่งสงคราม ฝ่าบาททรงเมตตาต่อนายทหารและเข้าใจความทุกข์ยากของพวกเขามากกว่าผู้ใด

ไม่เหมือนกับกษัตริย์องค์ก่อน ๆ กับพวกข้าราชการที่เอาแต่พูดจา พวกเขาไม่เข้าใจความเจ็บปวดของการปกป้องทั้งประเทศด้วยชีวิตของนายทหารผู้กล้า

“นอกจากนี้ สำนักหอดูดาวหลวงช่วยตรวจดูฤกษ์งามยามดีสำหรับพิธีแต่งตั้งองค์หญิงเก้า พระราชทานอิสริยยศแก่มารดาของนางเป็นหว่านเฟยด้วย”

“น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

จากนั้นฝูไห่กงกงก็กล่าวปิดว่า “วันนี้ การประชุมสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ ทุกคนกลับไปทำงานของพวกท่านได้…”

การว่าราชการประจำช่วงเช้าในวันนี้จบลงแล้ว บางคนมีความสุข ในขณะที่บางคนดูเป็นทุกข์

เมื่อเสนาบดีหวังเดินมาหาแม่ทัพฟ่าน เขาก็แค่นเสียงหัวเราะออกมาในลำคอด้วยความไม่พอใจ

ทว่าแม่ทัพฟ่านมีความสุขมาก เขาจึงไม่ได้สนใจอารมณ์ของชายชราคนนี้เลย

“พูดก็พูดเถอะนะท่านเสนาบดีหวัง ท่านมีปัญญาทำได้หรือไม่ ฝ่าบาททรงมอบตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ให้กับท่าน เหตุใดท่านถึงเอาแต่บอกว่าท้องพระคลังว่างเปล่าทุกปี”

เสนาบดีกรมพระคลังจ้องเขม็ง “แม่ทัพฟ่านไม่มีสมองในการจัดการท้องพระคลังของชาติด้วยซ้ำ เจ้าแค่เอ่ยปากขอเงินและเสบียงทหารมากมาย สงสารข้าที่เป็นขุนนางแก่ชรา ต้องกังวลกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบ้างเถอะ!”

แม่ทัพฟ่านพูดว่า “เพราะเหตุใดท่านถึงไม่ต้องการจ่ายเงินให้กองทัพ ทหารหลายล้านคนในเมืองชายแดนที่กำลังปกป้องบ้านและประเทศชาติกำลังหิวโหย พวกเขาปกป้องท่าน ช่วยให้ท่านสามารถบริหารงานบ้านเมืองอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ท่านไม่คิดจะรับผิดชอบ ‘อาหารและเสื้อผ้า’ ของพวกเขาสักหน่อยหรือ?”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ลงรอยกันและกำลังจะทะเลาะกันอีก สุดท้ายก็ต้องมีขุนนางคนอื่นเข้ามาห้ามปราม เพราะการทะเลาะกันเอง ไม่เป็นผลดีกับผู้ใด

“ว่าแต่พวกท่านทราบหรือไม่ว่าองค์หญิงเก้าเป็นผู้ใดมาจากไหน?”

เมื่อบทสนทนาเข้าสู่หัวข้อนี้ ผู้คนทั้งสองฝั่งต่างเลิกทะเลาะกันในทันที

“องค์หญิงน้อยคงเป็นลูกนอกสมรสของฝ่าบาท แน่นอนว่าอีกไม่นานทุกคนต้องรู้เรื่องนี้ เพียงแต่ข้าแปลกใจที่ฝ่าบาทเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยตนเอง ทั้งยังแต่งตั้งมารดาขององค์หญิงเป็นพระสนมอีกด้วย”

สิ่งที่เกิดขึ้นในท้องพระโรงแพร่สะพัดไปยังราชสำนักและตำหนักต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

ทุกวันนี้ ฝ่าบาทไม่มีฮองเฮา กระทั่งพระสนมยังมีเพียงน้อยนิด เป็นหนึ่งกุ้ยเฟยและอีกสามเฟยเท่านั้น

ณ ตำหนักของพระสนมในขณะนี้…

“หว่านเฟยผู้นี้โชคดีมากจริง ๆ แต่น่าเสียดาย…”

นางกำนัลข้างกายนางยื่นองุ่นมาให้ “พระสนมเป็นสตรีผู้มีเกียรติที่สุดในใต้หล้า โชคของหว่านเฟยไม่ดีเท่าของพระสนมของหม่อมฉันหรอกเพคะ”

กุ้ยเฟยเหลือบมองนาง “จริงหรือ? เจ้ารู้หรือว่าฝ่าบาททรงคิดอย่างไร? พระองค์อาจตั้งใจไม่แต่งตั้งฮองเฮาด้วยซ้ำกระมัง”

หนานกงสือเยวียนเป็นคนที่น่ากลัวและมีความรู้สึกซับซ้อนผู้หนึ่ง

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากฝ่าบาทจะไม่เคยแต่งตั้งฮองเฮาแล้ว พระองค์ก็ไม่เคยยื่นมือเข้ามาวุ่นวายกับวังหลังด้วย นี่ทำให้นางพึงพอใจอย่างมาก

อย่างน้อย จอมมารผู้นี้ก็ไม่ลุ่มหลงในสตรีและสร้างความลำบากใจให้กับ ‘ขุนนางแก่ ๆ’

“ดีแล้วที่ฝ่าบาททรงเป็นเช่นนี้”

เพียงแต่ว่ามีความรู้สึกของความเศร้าอย่างสุดจะพรรณนาในน้ำเสียงนั้น ท้ายที่สุดแล้ว… มีสตรีใดบ้างที่ไม่ต้องการเป็นที่โปรดปราน

แน่นอนว่าสนมคนอื่น ๆ ในวังก็รู้ข่าวเช่นกัน บางคนไม่สนใจเรื่องคนตาย เพราะคนที่ตายไปแล้วจะถูกแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาได้อย่างไร?

แต่ก็ยังมีคนอิจฉาอยู่ดี

“หว่านเฟย หว่านเฟย ข้ารับใช้ฝ่าบาทในวังแห่งนี้มาสองปีแล้ว แต่กลับยังไม่ได้เข้ารับพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเลย แล้วหญิงบ้านนอกผู้นั้นได้รับการแต่งตั้งได้อย่างไร!”

นางกำนัลรีบห้ามปรามว่า “พระสนม นางจะเทียบชั้นท่านได้อย่างไร นางให้กำเนิดองค์หญิงและสิ้นชีวิตลงไปแล้ว พระองค์จึงประทานตำแหน่งเฟยให้นางต่างหาก เพราะทรงมีพระกรุณาและสงสาร หากนางยังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้ต้องเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”

“เหอะ ข้าเทียบกับคนตายไม่ได้เลยสินะ” หวังอันหว่านรู้สึกอิจฉา นางเกลียดองค์หญิงน้อยที่ยังไม่ได้พบหน้ากันด้วยซ้ำ

เสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าตนถูกผู้อื่นเกลียดโดยไม่มีเหตุผล เด็กน้อยในตอนนี้กำลังบุกเบิกพื้นที่พิเศษเพื่อปลูกเมล็ดเฉ่าเหมย แล้วนางก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของพรรณไม้ที่แสนสบายกลับเข้ามาสู่ร่างกายอีกครั้ง

เสี่ยวเป่ามีความสุขมากทีเดียว

เมื่อรู้ว่าท่านพ่อกำลังจะกลับจากราชสำนักแล้ว เสี่ยวเปาก็รีบวิ่งไปที่ห้องโถงที่อยู่ด้านหน้าด้วยขาสั้นป้อม

“ท่านพ่อจะกลับมาแล้วใช่หรือไม่?”

ใบหน้าของเสี่ยวเปาเต็มไปด้วยความคาดหวัง นั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กที่นางกำนัลนำมาให้พลางมองไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น

“อีกไม่นานแล้วเพคะ”

ทันทีที่ชุนสี่พูดจบ เด็กหญิงก็เห็นท่านพ่อเดินมาหาแต่ไกล

ดวงตาของเสี่ยวเป่าสว่างวาบในทันที มุมปากยกขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มนุ่มนวลร่าเริง เด็กหญิงจับกระโปรงด้วยมือเล็ก ๆ ก่อนจะวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว

“ท่านพ่อ~”

เสี่ยวเป่าผู้สวมชุดสวยงามรีบวิ่งไปหาบิดาเหมือนผีเสื้อตัวน้อย ชนเขาโครมใหญ่

ขาของท่านพ่อแข็งมาก เสี่ยวเป่าจับหน้าผากที่เจ็บเล็กน้อยจากการกระแทก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มโง่งม

ฝูไห่กงกง “…”

“ท่านพ่อเสร็จงานเร็วมากเลยเพคะ ข้าคิดถึงท่านพ่อ”

ขณะที่พูดเช่นนี้ ใบหน้านุ่มนิ่มขาวราวหิมะก็ดูจริงจังขึ้น

“ท่านพ่อ~”

เสี่ยวเป่าเอื้อมมือเล็ก ๆ อันอ่อนนุ่มจับนิ้วข้างหนึ่งของหนานกงสือเยวียนอย่างระมัดระวัง

หนานกงสือเยวียนจะชักนิ้วออก แต่ไม่สามารถดึงมันออกจากมือที่อ่อนแอของคนตัวเล็กได้

เมื่อเห็นว่าท่านพ่อไม่อาจสลัดนิ้วหลุดออกไป รอยยิ้มเด็กหญิงพลันสว่างสดใส คิ้วและดวงตาก็โค้งหยี

“องค์หญิงน้อย~~~”

ในเวลานี้มีเสียงที่สามารถได้ยินไปทั่วทุกสารทิศดังขึ้น

ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสีแดงสดมองมาที่นางด้วยสายตาร้อนแรง

เสี่ยวเป่ากะพริบตา จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ท่านพ่อ ใช้มือเล็ก ๆ คว้าชายเสื้อแล้วโผล่หัวเล็ก ๆ ของนางออกมามองชายหนุ่มอย่างอยากรู้อยากเห็น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *