เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 188 เอ้อร์ฮา
บทที่ 188 เอ้อร์ฮา
บทที่ 188 เอ้อร์ฮา
ในขณะนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นคนที่คุกเข่าอยู่หรือไม่ก็ต่างปิดปากเงียบเสียงกันหมด
เหล่าองค์ชายมองไปทางหนานกงสือเยวียนและเสี่ยวเป่าอยู่หลายอึดใจ
จากนั้นไม่นาน เสี่ยวเป่าก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “เสี่ยว…เสี่ยวเป่าขอไปกับพี่ ๆ ได้หรือไม่เพคะ” ว่าจบก็คุกเข่าลง
หนานกงสือเยวียนคลึงหว่างคิ้วแล้วเอ่ยออกมาเพียงว่า
“อย่าให้ถึงขั้นต้องมีคนตาย”
สิ้นคำของผู้เป็นบิดา ดวงตาของเหล่าพี่ชายก็ทอประกายสดใสขึ้นมาทันที
เสี่ยวเป่าเองก็เช่นกัน องค์หญิงน้อยแววตาเป็นประกายด้วยความพอใจ
หนานกงสือเยวียนบีบแก้มนุ่มของบุตรสาวด้วยสายตาหยอกเย้า “มีความสุขอะไร ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปด้วย”
ราวกับมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางศีรษะ!
เสี่ยวเป่าค่อย ๆ ผินใบหน้าเล็กอันแสนบอบบางมองไปที่บิดาของนางอย่างเงียบงัน
“เสี่ยวเป่าอยากไป”
“ไม่ได้”
เสี่ยวเป่าทำเสียงฮึดฮัด “ท่านพ่อ ท่านพ่อขัดใจเสี่ยวเป่า”
ว่าจบ เจ้าตัวเล็กก็นั่งลงด้วยท่าทางที่คุ้นเคย แต่คราวนี้แขนเล็ก ๆ กอดขายาว ๆ ของผู้เป็นบิดาไว้แน่น และเริ่มร้องงอแง
“แง้!~….ท่านพ่อไม่รักเสี่ยวเป่าแล้ว เสี่ยวเป่าเสียใจ…”
หนานกงสือเยวียน: (▼ヘ▼#)
นางไปเรียนรู้การแสดงเช่นนี้มาจากที่ใดกัน
เสี่ยวเป่า “ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าจะเชื่อฟังท่านพ่อ ไม่ก่อเรื่องให้พี่ ๆ เดือดร้อน เสี่ยวเป่าแค่อยากไปเล่นกับพี่ ๆ ด้วยเท่านั้น”
หนานกงสือเยวียนเลิกคิ้วขึ้น เจ้าตัวเล็กกำลังพยายามออดอ้อนสุดกำลัง แต่บิดาของนางใช่คนที่จะใจอ่อนเพราะท่าทางเช่นนี้หรือ
หลายชั่วอึดใจต่อมา…
หนานกงสือเยวียนมองเจ้าก้อนแป้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส เจ้าตัวเล็กกระโดดไปมาระหว่างที่ออกไปกับพี่ ๆ ของนาง
ฝูไห่มองฝ่าบาทอย่างระมัดระวัง
“ฝ่าบาท พระองค์…”
หนานกงสือเยวียน “ส่งคนติดตามพวกเขาไปอย่างลับ ๆ ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังออกจากวังหลวง เสี่ยวเป่าก็เอนกายพิงหน้าต่างรถม้ามองออกไปด้านนอก
“ท่านพี่ เสี่ยวเป่าอยากกินเกี๊ยวน้ำ ซาลาเปาลูกใหญ่ ถังหูลู่ แล้วก็เกาลัดคั่ว ว้าว! มีปิ่ง*[1]ด้วย น่าอร่อยมากเพคะ”
ทันทีที่คนตัวเล็กออกมา นางก็พูดเจื้อยแจ้วถึงของกินอยู่ตลอดทาง
องค์ชายหก หนานกงฉีเฉินโบกมือออกคำสั่งทันที “ไปซื้อมา!”
จากนั้น บ่าวรับใช้ก็รับเงินและไปซื้ออาหารเลิศรสข้างทาง ก่อนจะนำมาส่งให้ที่รถม้าอย่างรวดเร็ว
มือซ้ายเสี่ยวเป่าถือถังหูลู่ มือขวาเจ้าตัวถือเกาลัดคั่ว และนางก็กินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มพอง
มิหนำซ้ำ ยังมีพี่ชายคอยป้อนขนมอยู่ตรงหน้านางอีกด้วย
ทันใดนั้นเอง เสี่ยวเป่าก็เหลือบไปเห็นเด็กขอทานที่อยู่ด้านนอก จึงหันกลับมามองของกินที่วางอยู่ตรงหน้าตนเอง มีทั้งซาลาเปาลูกใหญ่และหมั่นโถวอีกหลายลูก
“ให้ขอทานด้านนอกเถอะเพคะ”
เวลานี้นางมีอาหารอร่อย ๆ มากมายตรงหน้าและไม่ต้องอดอยากอีกต่อไปแล้ว ทำให้เมื่อเห็นขอทานที่อยู่ด้านนอกก็นึกอดสงสารไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่นัก แต่ก็พอประทังความหิวในวันนี้แก่พวกเขาได้
พี่ ๆ มองตามเสี่ยวเป่าไปเห็นว่ามีขอทานอยู่จึงพยักหน้าให้บ่าวรับใช้
“ไปซื้อหมั่นโถวเพิ่มมาอีกเถอะ”
หากเป็นหมั่นโถวจะช่วยให้อิ่มท้องได้มากกว่า
“เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีมาก”
หนานกงฉีเฉินลูบศีรษะของน้องสาว
เด็กเล็กเงยหน้ามองพี่ชายแล้วส่งยิ้มหวานออกมา
พวกเขาไม่ได้ตรงไปที่จวนเซวียนผิงโหวในทันที แต่ไปที่จวนจิ้นอ๋องของพี่ใหญ่ก่อน
หนานกงฉีซิวยืนขึ้นช้า ๆ ด้วยความช่วยเหลือของราชองครักษ์
กระบวนการฟื้นฟูร่างกายจำต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ในช่วงเริ่มต้น แต่ละก้าวของเขาล้วนให้ความรู้สึกไม่ต่างจากการเหยียบย่างลงไปบนปลายมีด แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่เขาก็ต้องอดทน
ทว่าหากเทียบกับความเจ็บปวดในเวลานี้ การไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกตลอดชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่า
เมื่อพวกเสี่ยวเป่ามาถึงก็ทันเห็นว่า ใบหน้าของหนานกงฉีซิวกำลังซีดเซียวด้วยความเจ็บปวด ไรผมชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
“พี่ใหญ่”
“พี่ใหญ่”
ทุกคนที่มารวมตัวกัน ล้วนรู้สึกทั้งห่วงทั้งกังวลที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้
หนานกงฉีซิวพรูลมหายใจออก และปล่อยให้คนช่วยพยุงไปนั่งบนรถเข็น
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่”
เสียงของเขายังชัดถ้อย แม้จะอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
สายตาของหนานกงฉีซิวหันไปเห็นเสี่ยวเป่า เขาโบกมือให้น้องสาวตัวน้อย “มานี่ มาให้พี่ดูใกล้ ๆ เสียหน่อย เมื่อวานนี้เจ้าไม่กลัวเลยหรือ”
เขาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้วเช่นกัน เดิมทีอยากจะไปหาเสี่ยวเป่าให้เร็วที่สุด แต่เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวย จึงทำตามความต้องการนั้นไม่ได้
“เสี่ยวเป่าไม่เป็นไร พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ”
เป็นเด็กน้อยที่มองพี่ใหญ่อย่างเป็นห่วงแทน นางเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา และยกแขนเล็ก ๆ ขึ้นซับเหงื่อให้เขา
“เพี้ยง เพี้ยง เสี่ยวเป่าเพี้ยง ๆ ให้พี่ใหญ่แล้ว จะได้หายเจ็บนะเพคะ”
องค์หญิงน้อยพูดเสียงเบา ขณะที่ซับเหงื่อให้พี่ชาย นางก็ไม่ลืมที่จะใช้พลังวิญญาณของตนบรรเทาความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าให้พี่ใหญ่
หนานกงฉีซิวรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและคำปลอบประโลมจากน้ำเสียงหวานใสของน้องสาว ก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาก ความเจ็บปวดราวกับคลายลง สีหน้าของเขาเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกัน
ไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น เขาอาจจะคิดไปเองหรือไม่
“ทุกครั้งที่น้องหญิงมาอยู่ใกล้ ๆ พี่มักจะรู้สึกดีขึ้นในทันที”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างติดตลก แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่พูดออกไปก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ มีเพียงเสี่ยวเป่าเท่านั้นที่รู้
นางให้พลังวิญญาณพี่ใหญ่อยู่บ่อยครั้ง ย่อมทำให้เขาดีขึ้นในไม่ช้า
หนานกงฉีซิวนั่งคุยกับน้อง ๆ จนรู้ว่าพวกเขาออกมาจากวังหลวงด้วยสาเหตุใด
องค์ชายใหญ่ “…”
“ระวังตัวด้วย”
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงฉีซิวก็เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง
อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะความใจเย็นและขาที่เดินเหินไม่สะดวก เขาคงลงมือจัดการเรื่องนี้ให้น้องสาวด้วยตนเอง
เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เขาเองก็ไม่เชื่อว่าหลี่หนานจูจะกล้าทำเช่นนี้
“ข้าจะให้คนตามไปช่วยเหลือพวกเจ้า”
องค์ชายห้ายิ้มอวดฟันขาว ราวกับพระอาทิตย์เจิดจ้า
“ขอบพระทัยพี่ใหญ่ เราวางแผนว่าจะไปสืบเรื่องราวกันก่อน”
หากจะจัดการคนเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถทำซึ่ง ๆ หน้าได้ จำต้องเริ่มจากการสืบเสาะแล้วลอบโจมตีจากภายในจะเป็นผลมากที่สุด
เมื่อเห็นพี่ชายเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เสี่ยวเป่าก็วางแผนจะไปกับพวกเขาด้วย แต่ถูกพี่ใหญ่ห้ามปรามเอาไว้ก่อน
“เจ้าไม่ต้องตามไป พวกพี่แค่จะไปสืบข่าว เจ้าอยู่ที่นี่เล่นกับโร่วโร่วและเอ้อร์ฮาไปก่อน”
โร่วโร่ว คือสุนัขนิสัยอ่อนโยนที่เสี่ยวเป่ามอบให้เขา
เอ้อร์ฮา คือหมาป่าที่องค์ชายรองมอบให้ และเสี่ยวเป่าเป็นคนตั้งชื่อมันด้วยตัวเอง แม้จะไม่รู้ความหมายของคำนั้นก็ตาม
เอ้อร์ฮาเป็นหมาป่าที่ไม่เชื่องนัก ไม่นานหลังจากที่มาอยู่ในจวนจิ้นอ๋องก็มักจะทำตัวเป็นพี่ของโร่วโร่ว นอกจากเจ้านายและเสี่ยวเป่าแล้วก็ไม่มีใครสามารถแตะต้องตัวมันได้อีก มันค่อนข้างมีนิสัยดุร้ายและชอบกัดสิ่งของ หากสังเกตดูจะพบว่าขาเก้าอี้หรือขอบประตูในจวนจิ้นอ๋องมีรอยกัดแทะของหมาป่าอยู่
“ก็ได้ พี่ ๆ อย่าลืมกลับมารับเสี่ยวเป่านะเพคะ”
“แน่นอน ไม่ลืมอยู่แล้ว ผู้ใดจะลืมน้องหญิงของเราได้กันเล่า”
แต่ก่อนออกไป พี่ ๆ ก็พากันบีบแก้มกลมของน้องสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
พวกเขาตื่นเต้นกันเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำอะไรเช่นนี้
เสี่ยวเป่ารอจนกระทั่งพี่ ๆ ลับสายตาไปแล้ว จึงหันไปเล่นกับโร่วโร่วและเอ้อร์ฮาพร้อมพี่ใหญ่
ที่ลานมีบริเวณที่กั้นเป็นพิเศษสำหรับเจ้าหมาทั้งสอง เอ้อร์ฮากระฉับกระเฉงมาก มันพุ่งเข้างับม้าไม้ตัวเล็ก ๆ ด้วยท่าทางราวกับกำลังล่าสัตว์จริง ๆ ทั้งกัดแทะและเห่าออกมา ดูดุร้ายน่ากลัวยิ่ง
โร่วโร่วตามหลังมาและเห่าตามเช่นกัน
เห็นชัดว่ามันตัวใหญ่กว่า แต่กลับเต็มใจเป็นน้องให้เอ้อร์ฮา
เป็นเพราะว่ามันไม่สามารถเอาชนะเอ้อร์ฮาได้
[1] ปิ่ง (饼) อาหารทำจากแป้งเป็นแผ่นกลมคล้ายแพนเค้กของจีนมีทั้งแบบเค็มและหวาน
Comments