เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 264 เหตุใดพวกเจ้าไม่ต่อรองดูเล่า
บทที่ 264 เหตุใดพวกเจ้าไม่ต่อรองดูเล่า
บทที่ 264 เหตุใดพวกเจ้าไม่ต่อรองดูเล่า
ทูตจากอาณาจักรต่าง ๆ พากันจากไปทีละคน แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าชนเผ่าทุ่งหญ้าหลายเผ่าจะลอบอยู่ต่อ หลังจากสังเกตอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ชนเผ่าบางกลุ่มที่ไม่ได้ทะเยอทะยานมากเกินไปและต้องการความช่วยเหลือ ต่างเผยความตั้งใจที่จะพึ่งพาแคว้นใหญ่อย่างต้าเซี่ย
ในทุ่งหญ้ามีชนเผ่าอยู่มากมาย ทว่าส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใต้อาณัติของซยงหนู
ชาวซยงหนูไม่เพียงแค่โหดร้ายกับผู้คนในจงหยวนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนจากชนเผ่าอื่น ๆ ในทุ่งหญ้าด้วยกัน ทั้งปล้นเสบียงเผ่าอื่น หรือแม้กระทั่งทำลายล้างทั้งเผ่าอย่างไร้ความปรานี
หากชนเผ่าเหล่านั้นไม่อยากถูกซยงหนูรุกราน พวกเขาจำต้องส่งมอบวัวและแกะของเผ่ามากกว่าครึ่งให้ทุกปี ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากยิ่งสำหรับชนเผ่าเล็ก ๆ
ครานี้หลายชนเผ่าจากทุ่งหญ้ามาที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองงานเลี้ยงพระราชสมภพของฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย ในหมู่พวกเขามีชนเผ่าขนาดเล็กกับขนาดกลางสามชนเผ่าที่กำลังเผชิญกับวิกฤตอยู่ จึงมุ่งมาดวาดหวังว่าการมาเยือนต้าเซี่ยในครั้งนี้จะมีทางออกให้กับตน
หลายวันมานี้หลังจากติดต่อไปก็ไร้ซึ่งการตอบกลับจากต้าเซี่ย ความหวังอันริบหรี่ดับมอด ทว่าเมื่อพวกเขากำลังจะจากไป องค์ชายใหญ่แห่งต้าเซี่ยกลับหยุดพวกเขาไว้ก่อน
เผ่าซยงหนูกลับไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว ไม่ได้สนใจชนเผ่าเล็ก ๆ เหล่านี้มากนัก
“เผ่าไป๋เชียง เผ่าซานอิง และเผ่าชื่อหม่า ทางเรารั้งประมุขน้อยทั้งสามคนไว้อยู่ต่อเช่นนี้ หวังว่าพวกท่านจะไม่ถือสา”
แน่นอนว่าเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ประมุขน้อยของทั้งสามเผ่าจึงเป็นผู้มาที่นี่ด้วยตัวเอง
“หามิได้ เป็นพวกเราที่รั้งอยู่ต่อเอง”
พวกเขามองหนานกงฉีซิวด้วยดวงตาเปล่งประกาย “ขออภัย แต่การที่องค์ชายใหญ่รั้งพวกเราให้อยู่ต่อเช่นนี้ แสดงว่าท่านยอมรับข้อตกลงของเราใช่หรือไม่”
ทั้งสามชนเผ่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาที่ต้าเซี่ย เนื่องจากเหมันตฤดูปีนี้ชนเผ่าของพวกตนมีเสบียงน้อยนัก และทุ่งหญ้าที่พวกเขาพบก็ไม่สามารถรองรับวัวกับแกะจำนวนมากได้
วัวกับแกะเป็นสมบัติของพวกเขา หากพวกมันตายในฤดูหนาว ชีวิตในปีหน้าย่อมยากลำบากยิ่ง พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเหมันตฤดูนี้คนแก่กับพวกเด็ก ๆ จะอยู่รอดกันหรือไม่
หากพวกเขาเลือกที่จะพึ่งพิงซยงหนูก็จำต้องมอบอาหารครึ่งหนึ่งให้อีกฝ่าย แต่ตอนนี้เสบียงก็แทบไม่พอยาไส้แล้ว ทางเลือกนี้จึงมีแต่จะทำให้พวกเขายากลำบากยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านั้น ต่อให้ส่งมอบเสบียง วัวและแกะไป ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าซยงหนูจะมอบทุ่งหญ้าดี ๆ ให้พวกตน
ดังนั้น… การขอความช่วยเหลือจากต้าเซี่ยจึงเป็นหนทางเดียวของพวกเขา
“หากต้าเซี่ยช่วยให้พวกเราผ่านพ้นวิกฤตในปีนี้ไปได้ วสันตฤดูปีหน้าพวกเราจะส่งมอบวัวและแกะจำนวนสามในสิบส่วนมาให้อย่างแน่นอน”
หากรอดพ้นจากฤดูหนาวและรักษาสมบัติไว้ได้ พวกแกะกับวัวก็จะตั้งท้องในฤดูใบไม้ผลิ ถึงเวลานั้นแม้จะมอบวัวกับแกะส่วนใหญ่ไป แต่ก็ยังมีพวกลูกวัวลูกแกะที่คลอดใหม่ ชีวิตของพวกเขาก็จะไม่ลำบากเกินไปนัก
หนานกงฉีซิว “อย่ากังวลไป ต้าเซี่ยของเราย่อมต้องช่วยเหลือพวกท่าน เพียงแต่อาจจะมิใช่ตามเงื่อนไขที่พวกท่านเสนอมา”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด จิตใจของประมุขน้อยของทั้งสามเผ่าก็ดิ่งลงทันที โดยคิดว่าต้าเซี่ยไม่รับเงื่อนไขที่พวกตนเสนอ
“สี่ส่วน วสันตฤดูปีหน้าเราผลิตวัวกับแกะได้เพียงสี่ส่วนเท่านั้น” ประมุขน้อยของชนเผ่าไป๋เชียงกัดฟันเพิ่มเงื่อนไข
ประมุขน้อยของอีกสองเผ่าเกิดความลังเล
สี่ส่วนนี้นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับชนเผ่าเล็ก ๆ อย่างพวกตน
หนานกงฉีซิวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าของชายหนุ่มยังแลเยาว์วัยอยู่มาก ซ้ำยังดูอ่อนโยนและน่าคบค้า ทว่าการวางตัวกลับทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูก
“พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ต้าเซี่ยของเราจะทำการค้าขายกับทั้งสามเผ่า ทว่าหาใช่การซื้อวัวกับแกะ หากแต่เป็นขนแกะ”
“ขนแกะ?…!!!”
พวกเขาตกตะลึงกับคำกล่าวนี้ ปากพลันอ้ากว้างคล้ายสงสัยว่าพวกเขาได้ยินถูกต้องหรือไม่บราวนี่ออนไลน์
“ท่านหมายถึงขนแกะหรือ ท่านจะแลกขนแกะกับพวกเราด้วยเสบียงหรือ”
เมื่อเห็นหนานกงฉีซิวพยักหน้ายืนยัน ประมุขน้อยทั้งสามก็แทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ จังหวะหอบหายใจพลันถี่รัวขึ้นเล็กน้อย
“เช่นนั้นแล้ว ท่านอยากแลกเปลี่ยนอย่างไร”
ประมุขน้อยของชนเผ่าไป๋เชียงถามอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าข้อเสนอดี ๆ เช่นนี้จะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
ประมุขน้อยอีกสองเผ่าดูหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะช้ากว่าอีกฝ่ายไปครึ่งก้าว แต่พวกเขายังคงมองหนานกงฉีซิวอย่างตื่นเต้นและกระตือรือร้น
หนานกงฉีซิวเอ่ย “สำหรับเรื่องนี้ พวกท่านคงต้องไปคุยกับเสด็จอาเจ็ดของข้า”
ประมุขน้อยทั้งสามที่เคยเห็นพลังฝีปากของเซียวเหยาอ๋อง “…”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา หนานกงหลีก้าวข้ามธรณีประตูมาโดยมีเสี่ยวเป่าอยู่ในอ้อมแขน น้ำเสียงของอ๋องหนุ่มติดจะเกียจคร้านเล็กน้อย
“อะไรกัน เพิ่งมาถึงก็ได้ยินหลานชายคนโตพูดถึงข้า เจ้าตามหาข้าด้วยเหตุใดหรือ”
เขาเหลือบมองประมุขน้อยทั้งสามก่อนจะอุทานออกมา “อ้อ เรื่องขนแกะนี่เอง”
ประมุขน้อยทั้งสามยิ้มประจบประแจงทันที พวกเขารู้สึกโล่งใจยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่หนานกงหลีพูด
เซียวเหยาอ๋องเองก็รู้เรื่องขนแกะด้วย ดังนั้นดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เรื่องโกหก
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าต้าเซี่ยจะเอาขนแกะไปทำอะไร ทว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถแลกมันกับเสบียงได้ การเอาขนแกะที่ไม่ได้ใช้แลกเปลี่ยนเป็นเสบียงอาหาร มีแแต่คุ้มกับคุ้ม!
จากนั้นเสี่ยวเป่าก็ลงมาจากอ้อมแขนของท่านอาเจ็ด แล้วกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของพี่ใหญ่
สองพี่น้องเฝ้าดูหนานกงหลีโต้เถียงกับคนทั้งสาม
หนานกงหลีว่า “ขนแกะนั้นไม่จำเป็นสำหรับพวกเจ้า เช่นนั้นแลกเปลี่ยนเสบียงหนึ่งต้านกับขนแกะหกต้านคงไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”
ดวงตาของประมุขน้อยทั้งสามเป็นประกาย “ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา!”
พวกเขาไม่ได้ต่อรองเลย รีบพยักหน้าตกลงราวกับกลัวว่าของดีเช่นนี้จะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
หนานกงหลี “…”
เขามองคนทั้งสามที่อยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าสุดจะพรรณนา เจ้าสามคนนี้โง่เขลาหรือ ไม่รู้จักต่อรองกันเลยหรือไร
“พวก…พวกเจ้าจะไม่ต่อรองสักหน่อยหรือ หากประมุขของพวกเจ้ารู้ พวกเขาจะไม่ทุบตีพวกเจ้าหรือไร”
ชายหนุ่มทั้งสามอายุอานามราวยี่สิบห้าปีต่างส่ายหัว “หากเรารับปาก เสด็จพ่อจะต้องมียินดีมากแน่”
จะหาเรื่องดี ๆ อย่างการเอาขนแกะไร้ประโยชน์มาแลกเป็นเสบียงเช่นนี้ได้ที่ไหน ต่อให้เป็นเสด็จพ่อมาเองก็ต้องรีบตกลงทันที เพราะกลัวว่าขนมบนฟ้าจะปลิวหายไป
หนานกงหลีเลิกคิ้ว เขาทนรังแกคนโง่สามคนนี้ไม่ได้จริง ๆ
แม้จะพูดว่าขนแกะหกต้าน แต่อันที่จริงแล้ว เขาได้ให้พื้นที่ต่อรองแก่อีกฝ่าย ทว่าพวกเขาดันตกลงเสียนี่
“เหตุใดพวกเจ้าไม่ต่อรองดูเล่า”
สวรรค์ทรงโปรด เขาไม่ใช่คนพาลจริง ๆ นะ แค่ไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อนเท่านั้น!
“เช่นนั้น…ขนแกะห้าต้านเป็นอย่างไร”
ประมุขน้อยของชนเผ่าชื่อหม่าเหยียดนิ้วห้านิ้วออกอย่างลังเล ขณะมองหนานกงหลีพลางเอ่ยถาม
มิหนำซ้ำน้ำเสียงยังฟังไม่มั่นคง!
กล่าวตามตรง ไม่เพียงแต่หนานกงหลีที่พูดไม่ออก กระทั่งหนานกงฉีซิวเองก็เผยยิ้มจนใจออกมาอย่างอดมิได้
เขาได้ยินมาว่าคนชนเผ่าทุ่งหญ้ามีคนสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกที่ไร้มนุษยธรรมนั้นจะเหี้ยมโหดจนเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน ขณะที่คนทั่วไปนั้นกลับมีความคิดความอ่านเรียบง่ายอย่างยิ่ง
ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะธรรมชาติของชนเผ่าเร่ร่อน พวกเขาจึงไม่มีความทะเยอทะยาน เพียงได้ใช้ชีวิตของตนอย่างสงบสุขอยู่ในเผ่าก็รู้สึกพอใจมากแล้ว จึงมักตั้งรกรากอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกล นอกจากคนในเผ่าของตนเองแล้วก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับผู้คนภายนอกเท่าใดนัก ทำให้ความรู้ของพวกเขามีจำกัด และมีลักษณะนิสัยที่เรียบง่ายมาก
แม้จะเกลียดชนเผ่าทุ่งหญ้า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเกลียดคนเช่นนี้ได้
หนานกงหลีเอ่ย “เช่นนั้นเอาเป็นเสบียงหนึ่งต้านแลกขนแกะสี่ต้านแล้วกัน”
ราคานี้เคยคุยไว้แล้ว เพราะเป็นข้อตกลงในระยะยาว พวกเขาจึงไม่อยากกดดันอีกฝ่ายเกินไป ผู้ใดจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะซื่อมากเสียจนทางเขาต้องลดราคาให้เอง
เซียวเหยาอ๋องตัดสิน ทันใดนั้นสามคนที่อยู่ตรงข้ามพลันหลั่งน้ำตา ความซาบซึ้งในดวงตาแทบจะเอ่อล้นออกมา
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก ชาวต้าเซี่ยเป็นคนดีจริง ๆ พวกท่านล้วนเป็นคนดีกันทุกคน!”
“ขอเทพเจ้าแห่งทุ่งหญ้าอวยพรให้พวกท่านทุกคนอายุยืนยาว”
“เมื่อข้ากลับไปแล้ว ข้าจะขอให้ทั้งเผ่าสวดภาวนาเพื่อพวกท่านทันที!”
Comments