เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 293 ปากหวานนัก

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 293 ปากหวานนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 293 ปากหวานนัก

บทที่ 293 ปากหวานนัก

เมื่อนึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่นางได้รับเมื่อวานนี้ เสี่ยวเป่าพลันคว้าจอบเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วไปลงมือปลูกด้วยความกระตือรือร้นทันที

อะไรนะ อากาศแบบนี้ไม่เหมาะกับการปลูกพืชหรือ? นั่นไม่สำคัญเลย นางปลูกในตำหนักได้ อย่าลืมสิว่านางมีพลังวิญญาณ! ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็สำเร็จทั้งนั้น

หลังตื่นเต้นกับช่วงปีใหม่ไม่กี่วัน เสี่ยวเป่าก็ได้รับของขวัญและจดหมายจากพี่รองกับท่านอาสี่

ครั้นเด็กน้อยอ่านจดหมายแล้ว นางก็เก็บพวกมันทั้งหมดลงในกล่องไม้เล็ก ๆ ที่มีจดหมายหลายฉบับอยู่ข้างใน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจดหมายจากพี่รอง นอกจากนี้ยังมีอักษรที่ท่านพ่อเขียนยามที่นางฝึกคัดอักษรอีกด้วย

หลังจากเก็บจดหมายแล้ว นางก็เดินไปดูท้องพระคลังน้อยของตน ในช่วงปีใหม่นางได้รับซองอั่งเปาเป็นจำนวนมาก

ในฐานะองค์หญิงที่อายุน้อยที่สุด ทั้งยังเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวในวัง เสี่ยวเป่าเพียงแค่ต้องแต่งตัวน่ารัก ๆ ทุกวัน จากนั้นบรรดาพี่ชายก็จะพานางไปอวยพรปีใหม่กับเหล่าสตรีในวังหลัง เท่านี้นางก็จะได้รับอั่งเปาซองใหญ่กลับมาแล้ว

บรรดานางสนมมอบให้นาง พวกพี่ชายก็มอบให้นาง ทั้งท่านอาเจ็ด ท่านอาสะใภ้เจ็ด และลูกพี่ลูกน้องก็มอบซองอั่งเปาให้นาง และโดยเฉพาะท่านพ่อที่ให้อั่งเปาซองใหญ่กว่าใคร

หีบใบเล็กของนางเต็มหมดแล้ว บางหีบใส่บรรดาของชิ้นเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างสวยงาม ส่วนบางหีบก็เป็นเพียงแท่งเงินน้อย ๆ

ไม่ว่าจะสีเงินหรือสีทอง เป็นแท่งหรือเป็นก้อน เสี่ยวเป่าต่างยิ้มกว้างรับด้วยความดีใจทั้งสิ้น

นางลูบหีบสมบัติเล็ก ๆ อย่างแผ่วเบา

“เสี่ยวเป่าต้องเปลี่ยนเป็นหีบที่ใหญ่กว่านี้!”

ในอนาคตนางจะได้รับทองและเงินมากมาย แต่นางแอบนึกสงสัยว่าท่านอาสี่จะขาดเงินหรือไม่

เจ้าก้อนแป้งที่กังวลเรื่องท่านอาสี่รีบวิ่งไปเขียนจดหมายทันที

“ท่านอาสี่ ข้าเสี่ยวเป่าเองนะเพคะ ท่านอาขาดเงินหรือไม่ เสี่ยวเป่าได้รับอั่งเปามากมายในช่วงปีใหม่จนท้องพระคลังน้อยเก็บเงินไม่พอแล้ว หากท่านขาดเงิน ต้องรีบบอกเสี่ยวเป่านะเพคะ อย่าได้เกรงใจ เสี่ยวเป่าจะส่งเงินให้ท่าน…”

หากมีคำที่เสี่ยวเป่าไม่รู้หรือเขียนไม่ถูกก็จะเว้นว่างไว้ แล้วค่อยไปให้ท่านพ่อหรือพี่ชายช่วยเติมคำเหล่านั้นให้

หลังจากเขียนจดหมายเสร็จ ก็เผลอคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงวิ่งไปที่คลังเสบียงน้อยเพื่อเอาของบางอย่าง

ภายในคลังเสบียงเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยอาหาร เช่น ชาอวิ๋นอู้ เม็ดบัวทองคำขาว เฉ่าเหมยอบแห้ง เฉ่าเหมยกวน ฮวาเจี้ยง และน้ำผึ้ง เป็นต้น

น้ำผึ้งจากรังผึ้งที่นางเลี้ยงเอง เสี่ยวเป่าปลูกดอกไม้ทั้งตามมุมของสนามหญ้าและแปลงดอกไม้ พวกมันเติบโตอย่างงดงามและบานยาวนานกว่าข้างนอกวังมาก

ทำให้ผึ้งเหล่านั้นมีแหล่งน้ำหวานเพียงพอ ในช่วงสั้น ๆ พวกมันจึงสามารถผลิตน้ำผึ้งหอมหวานออกมาได้มากมาย

แต่เสี่ยวเป่าจะเก็บน้ำผึ้งมาเพียงขวดเดียว และเหลือน้ำผึ้งบางส่วนไว้ให้เหล่าผึ้งฉลองปีใหม่

น้ำผึ้งนี้อร่อยมากจนนางแทบไม่อยากกลืนด้วยซ้ำ นางมอบน้ำผึ้งครึ่งขวดให้ท่านพ่อ ในขวดนี้คือส่วนที่เหลือ

“ท่านอาสี่กำลังจะไปรบแล้ว การรบต้องยากมากแน่ ข้าจะมอบน้ำผึ้งครึ่งขวดนี้ให้กับท่านอาสี่”

“แล้วก็มีเฉ่าเหมยกวนกับเฉ่าเหมยอบแห้ง…”

เสี่ยวเป่าค้นคลังเสบียงเล็ก ๆ ของนาง หยิบอาหารออกมาวางเรียงราย แล้วกลับไปเขียนจดหมายต่อจนเต็มหน้ากระดาษ

“ไปขอเหล้าท่านพ่อดีกว่า!”

เสี่ยวเป่าอาศัยทักษะการออดอ้อนที่นางเก่งกาจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เหล้าถึงสี่ไห

จากนั้นนางก็วิ่งไปที่โรงหมอเพื่อขอยาจากหมอจาง

แต่เสี่ยวเป่ารู้สึกว่ายาของโรงหมอยังไม่พอ จึงวิ่งออกจากวังไปหาท่านอาจารย์เพื่อ ‘ยืม’ ยาบางส่วน

เมื่อนางมาถึงบ้านอาจารย์ ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ดังนั้นเสี่ยวเป่าจึงหยิบกุญแจออกมาแล้วไขประตูเข้าไป

นางวิ่งไปยังห้องเก็บยาของอาจารย์ตนอย่างคุ้นเคย เสี่ยวเป่ามองไปที่ยาต่าง ๆ บนชั้นวาง เบิกตามองพลางค้นหาอย่างระมัดระวัง

“ยาจินชวง… เจ้ายาขับกู่นี้ก็จำเป็น… ที่ชายแดนต้องมีแมลงอยู่เยอะมากแน่… ยากร่อนกระดูกอ่อนและเส้นเอ็น… อ่า เจ้ายาพิษนี่คงไม่จำเป็น”

ผ่านไปสักพักนางก็ลูบคางขณะมองดูยาพิษอีกครั้ง “หรือว่า… จำเป็นนะ?”

เสี่ยวเป่าใส่ยาทั้งหมดที่นางชอบลงในตะกร้าไม้ไผ่จนเต็มแน่น

“ยาลบรอยแผลเป็น!”

ดวงตาของนางเป็นประกาย เมื่อนึกถึงรอยแผลเป็นบนใบหน้าของท่านอาสี่ เจ้าก้อนแป้งปีนเก้าอี้ตัวเล็ก ก่อนจะเขย่งเท้าเพื่อหยิบยาลบรอยแผลเป็นที่วางอยู่ชั้นบนลงมา

มือเล็ก ๆ เปิดจุกออกเพื่อสูดดมกลิ่น สมุนไพรที่อยู่ข้างในล้วนเป็นวัตถุดิบยาที่นางคุ้นเคย ซึ่งบางชนิดก็สร้างมาจากพลังวิญญาณของนางเอง!

ไม่เลว หากลบรอยแผลเป็นออกแล้ว ใบหน้าของท่านอาสี่ก็ต้องดูหล่อเหลาขึ้นแน่

“เฮอะ ข้าก็ว่าขโมยที่ไหนย่องเข้าบ้าน ที่แท้หัวขโมยกลับกลายเป็นคนในบ้านเสียเอง!”

เจี่ยเจินที่กลับมายืนจังก้าอยู่ที่ประตูห้องยาแล้วเห็นเสี่ยวเป่า รวมถึงขวดยาสารพัดชนิดในตะกร้า จมูกของเขาก็แทบจะบานออกด้วยความโมโห

“เจ้า เจ้า เจ้า… เจ้าเอายาของข้ามากมายขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าเด็กขี้ขโมย!”

เขาเดินไปเคาะหน้าผากของเสี่ยวเป่า

“เจ้ายังเอายาพิษไปด้วย เจ้าคิดจะทำอะไรกับของพวกนี้ หากฝ่าบาทรู้ เขาจะต้องถลกหนังผู้เฒ่าอย่างข้าแน่!”

เสี่ยวเป่ากุมหน้าผากเล็ก ๆ แล้วร้องว่าเจ็บเบา ๆ

“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์เจ้าคะ ท่านหยุดเคาะได้แล้ว เสี่ยวเป่าเจ็บ”

“เจ้ายังรู้จักเจ็บอีกหรือ บอกมา เจ้าจะเอายามากมายเพียงนี้ไปทำอันใด”

เจี่ยเจินพ่นลมหายใจแรง ๆ จนเคราพลิ้วไหว ก่อนจะจ้องมองเจ้าก้อนแป้งตรงหน้า

เสี่ยวเป่าจิ้มนิ้วชี้ป้อม ๆ เข้าหากัน “ข้าจะมอบให้ท่านอาสี่เจ้าค่ะ”

“เวลาใช้งานเจ้ากลับขี้เกียจตัวเป็นขน แต่พอต้องการ เจ้ากลับวิ่งโร่มาหาอาจารย์ เจ้าช่างกตัญญูเสียจริง ๆ!”

เสี่ยวเป่ายิ้มอย่างไร้เดียงสา จากนั้นก็มองเขาอย่างกระตือรือร้น

“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ดีที่สุด ดังนั้นมอบมันให้เสี่ยวเป่านะเจ้าคะ”

“ฮ่า ๆ คิดว่าเจ้าพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว ข้าจะไม่ยอมโดนหลอกอีกแน่!”

เมื่อเห็นเจี่ยเจินไม่ยอมอ่อนข้อ เสี่ยวเป่าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ไพ่เด็ดของนาง

“เหล้าหนึ่งไห!”

นางชูนิ้วป้อมขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

เจี่ยเจินมุ่นคิ้ว “ไม่ ไม่มีทาง เจ้าคิดส่งเหล้าไหเดียวเพื่อไล่ขอทานหรืออย่างไร อย่างน้อยต้องห้าไห!”

ทันใดนั้นดวงตาของเสี่ยวเป่าก็เบิกกว้าง ก่อนจะหรี่ตาอย่างกล่าวหา

ท่านอาจารย์ทำเช่นนี้ได้อย่างไร!

“ท่านพ่อไม่ได้ให้เสี่ยวเป่าเยอะขนาดนั้น ข้ามีแค่สองไหเองเจ้าค่ะ ถ้ากลับไปขอท่านพ่ออีก ข้าคงได้โดนตีแน่”

เด็กหญิงตัวน้อยจิ้มนิ้วของนางแล้วพูดอย่างเสียใจ เจี่ยเจินกลอกตาจนตาแทบเหลือก

“อะไร? เจ้าสามารถมอบให้ท่านอาเจ็ดของเจ้าได้ แต่กลับมอบให้ตาแก่คนนี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

เสี่ยวเป่าเหลือบมองเขาและพูดอย่างจริงใจ “ท่านอาจารย์เจ้าคะ อย่าพูดถึงตัวเองเช่นนั้นสิ ท่านยังหนุ่มอยู่เลยนะเจ้าคะ”

เจี่ยเจิน: …ปากหวานนัก

อย่างไรก็ตาม พริบตาต่อมาเขาก็ได้ยินเจ้าเด็กซนนี่พูดต่อ

“ท่านอาจารย์เจ้าคะ ท่านแค่หลับตาสักข้างหนึ่งไม่ได้หรืออย่างไร ทำตัวเหมือนตาแก่ขี้เหนียวไปได้”

เสียงอันนุ่มนิ่มคล้ายขี้ผึ้งลนนั้น เหตุใดเมื่อได้ฟังมัน เขาถึงได้รู้สึกอึดอัดนัก!

“เจ้าเด็กนี่!”

“ปีนี้เสี่ยวเป่าจะทำเหล้าองุ่นได้เยอะ ๆ!”

เจี่ยเจินเหล่มองนาง

“ข้าจะให้เหล้าไหหนึ่งแก่ท่านก่อน พอเสี่ยวเป่าบ่มมันได้ที่แล้ว ข้าจะให้ท่านเพิ่มอีกไหดีหรือไม่เจ้าคะ จะให้มากกว่าท่านอาเจ็ดหนึ่งไหเลยนะ”

“หึ ก็พอไหว”

เหตุใดถึงไม่เทียบกับฮ่องเต้น่ะหรือ เพราะเขายังคงรู้จักเจียมตัวอยู่น่ะสิ ในใจของเจ้าเด็กน้อยคนนี้ ไม่มีผู้ใดเทียบกับท่านพ่อของนางได้หรอก

ได้เหล้ามากกว่าเซียวเหยาอ๋องหนึ่งไห เขาจะอวดต่อหน้าผู้ชายคนนั้นไปได้อีกนานเลยทีเดียว

ครั้นนึกถึงรสชาติของเหล้า เจี่ยเจินก็รู้สึกเปรี้ยวปากแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด