เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 355 นางเก่งมาก สามารถฉีกขาได้ด้วย!

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 355 นางเก่งมาก สามารถฉีกขาได้ด้วย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 355 นางเก่งมาก สามารถฉีกขาได้ด้วย!

บทที่ 355 นางเก่งมาก สามารถฉีกขาได้ด้วย!

ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางยังคงอยู่ เมื่อคืนเสี่ยวเป่าเข้านอนก็ดึกมากแล้ว และตอนนี้ยังถูกชุนสี่ปลุกอีก

แต่นางยังไม่อยากตื่น จึงถูขาของตนไปมาด้วยความงัวเงีย เมื่อลุกขึ้นนั่ง ผมของนางก็ฟูฟ่อง

นั่งอยู่สักพัก นางก็เอนเซก่อนจะล้มนอนลงอีกครั้ง

ชุนสี่ดูเศร้าใจ “องค์หญิง ถึงเวลาเสวยแล้วเพคะ”

เสี่ยวเป่าหาวหนึ่งครั้ง พลางยกนิ้วอ้วนป้อมขึ้นมาอย่างมาดมั่น

“ขอข้า…อีกหนึ่งนาทีนะ!”

หนึ่งนาที แค่หนึ่งนาทีเท่านั้นนางจะยอมตื่นอย่างแน่นอน

หน้าอกน้อย ๆ ถูไถกับผ้าห่ม ขาสั้นกางออกอยู่นอกผืนผ้า พลางใช้เท้าขาวนวลเตะสะบัดไปมาอยู่สองสามครั้ง

ชุนสี่และนางกำนัลคนอื่นต่างพากันเหนื่อยใจ หนึ่งนาทีในที่นี้ต้องนานเพียงใด

ผ่านไปเพียงสักพัก เมื่อเห็นว่าองค์หญิงยังไม่ตื่น ชุนสี่จึงต้องงัดไม้ตายของตัวเองออกมาใช้

“องค์หญิง ฝ่าบาททรงรอพระองค์เสวยอาหารแล้วนะเพคะ”

ท่านพ่อ?

จากท่าทางอิดโรยก็สะดุ้งดันตัวขึ้นนั่งทันที เสี่ยวเป่ารีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งจนทำให้หลายคนตกใจอยู่ไม่น้อย

นางพยายามถ่างตาของตัวเองให้เปิดกว้าง พลางสะบัดแขนเล็กไปมาอย่างแรง

“ชุนสี่ ชุนสี่ ข้าลืมตาไม่ขึ้น….”

นางพูดด้วยความงัวเงีย ก่อนจะหาวหวอด ความคิดที่อยากจะล้มตัวลงนอนแวบเข้ามาอีกครั้ง

เตียงนี้ต้องมีปัญหาแน่ ปัญหาไม่ใช่นางอยู่แล้ว

ถึงแม้ว่าจะกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่นางก็ยังสามารถคิดหลีกหนีจากความผิดได้อย่างชำนาญ

สุดท้ายชุนสี่จึงต้องกัดฟันอดทน ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจนเปียกแล้วเช็ดใบหน้าให้นาง

แน่นอนว่าด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ ถึงแม้จะล้างหน้าด้วยน้ำเย็นก็ไม่ทำให้รู้สึกหนาวจนเกินทน

แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้เสี่ยวเป่าลืมตาตื่นขึ้นมาได้

การนอนหลับในช่วงฤดูร้อนนั้น หากปล่อยให้นอนนานเกินครึ่งชั่วยาม อาจทำให้รู้สึกอยากนอนมากขึ้นไปอีก เสียงในหัวตอนนี้จึงบอกอย่างชัดเจนว่าควรลุกได้แล้ว ทว่าร่างกายกลับไม่ยอมทำตามเสียอย่างนั้น

แม้เสี่ยวเป่าจะตื่นแล้วแต่ยังต่อสู้กับความง่วงอยู่ ดวงตากลมโตประหนึ่งแมวตาตก และเป็นเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอจากการหาวนั้น จึงทำให้ดวงตาเปียกชื้นจนดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง

นางใช้มือน้อย ๆ ลูบจับใบหน้าเล็กอวบอ้วนของตน เพื่อจะพยายามทำให้ตัวเองดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

หวีผมเสร็จเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาประคองทั้งนั้น เพียงแค่เท้าแตะพื้น ก็ออกตัวเดินไปหาท่านพ่อด้วยขาสั้น ๆ ของตนทันที

“แล้วเยว่หลีเล่า”

หลังจากที่เยว่หลีได้รับความช่วยเหลือจากนางในวันนั้นก็ตามติดอยู่ข้างกายตลอดเวลา ตอนนี้นางรู้สึกไม่คุ้นชินกับการไม่ได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นเลยสักนิด

“องค์หญิง คุณชายเยว่หลี ออกไปเล่นกับองค์ชายท่านอื่นแล้วเพคะ”

ถึงแม้ว่าคุณชายจะดูไม่ได้เต็มใจอยู่เสียหน่อยก็ตาม

เสี่ยวเป่าขานรับ ท่านพี่ของนางเป็นคนดีทุกคน การที่เยว่หลีมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกท่านพี่ย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก เมื่อวางใจแล้ว จึงรีบไปพบท่านพ่อ

เด็กน้อยลืมพี่ชายคนงามของตนไปเสียแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านพ่อเพคะ เสี่ยวเป่ามาแล้วเพคะ เสี่ยวเป่าคิดถึงท่านพ่อมากจนฝันถึงท่านพ่อด้วย ท่านพ่อคิดถึงเสี่ยวเป่าบ้างหรือไม่”

เพิ่งได้พบหน้ากัน น้ำเสียงนุ่มละมุนหูก็ดังขึ้นมา การเรียกหานั้นช่างหวานล้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งยามเมื่อเอ่ยเรียกท่านพ่อ ปากน้อยนั้นช่างหวานประหนึ่งเคลือบด้วยน้ำผึ้ง

ฝูไห่ที่ได้ยินพลันยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นทันที เนื่องจากอารมณ์ของฝ่าบาทยามเมื่อได้ยินเสียงเรียกขององค์หญิงน้อยเมื่อสักครู่นั้นดีขึ้นทันตาเห็น!

เสี่ยวเป่าวิ่งไปหาท่านพ่อของตน ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยตัวเอง

เมื่อฝูไห่และคนอื่น ๆ เห็นก็ต่างพากันเป็นห่วง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปหวังจะช่วยอุ้มขึ้นด้วยมือของตนเอง หากร่วงลงมาจะทำเช่นไร

“ท่านพ่อ~”

เสี่ยวเป่าทำน้ำเสียงออดอ้อนประหนึ่งเด็กทารก เมื่อเห็นว่าท่านพ่อไม่หือไม่อือจึงเอ่ยอ้อนอีกครั้ง

หากภูเขาไม่ยอมชิดใกล้ตัวข้านั้นก็จะเข้าไปผจญเอง นางคว้าฝ่ามือท่านพ่อด้วยสองมืออวบอ้วนแล้วนำมาวางไว้บนศีรษะของตัวเอง พลางถูไถประหนึ่งลูกแมวน้อย

ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดจึงต้องดึงสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนั้นเล่า!

“กินข้าว”

หนานกงสือเยวียนยกยิ้มมุมปากขึ้นพลางบีบแก้มอ้วนกลมของเด็กหญิงตัวน้อย

เสี่ยวเป่าไม่ว่า ทั้งยังเป็นฝ่ายเอียงแก้มให้เองด้วย เอาเลย ท่านพ่ออยากจะบีบแก้มเสี่ยวเป่านานเท่าไรก็ย่อมได้ ขอเพียงอย่าดึงแก้มของนางเป็นพอ

เพราะนี่คือสิ่งที่นาง โอ๊ะไม่ใช่สิ คือสิ่งที่ท่านพ่อฟูมฟักมาด้วยความลำบากยิ่ง!

“อยากกินอะไร”

“นกพิราบตัวอ้วน ไก่ตัวใหญ่ ปลา ๆ ๆ กุ้ง ๆ ๆ เนื้อ ๆ ๆ…”

ชื่อของอาหารนั้นจำยากและไม่ได้เกี่ยวกับส่วนผสมเลยสักนิด เสี่ยวเป่าจึงคร้านที่จะจำ ดวงตาเล็กจ้องมองเพียงสิ่งที่เห็นตรงหน้าว่าคืออะไรก่อนจะเอ่ยออกมา

ทุกอย่างล้วนเป็นของโปรดนางทั้งนั้น อิอิอิ….

เอ๊ะ ไม่ใช่สิ!

เหตุใดจึงมีมะระอยู่ตรงนี้ด้วย!

“อันนั้นไม่เอา!”

นิ้วเล็กป้อมของเด็กหญิงชี้ไปยังมะระ หลังจากนั้นจึงทำแขนทั้งสองข้างเป็นสัญลักษณ์กากบาทตรงหน้า ทุกการกระทำบ่งบอกถึงท่าทีที่ปฏิเสธ

ขออภัยคุณมะระ ถึงแม้เจ้าจะเป็นพืช และในฐานะภูตพฤกษาตัวน้อยควรจะปฏิบัติต่อพืชอย่างเท่าเทียมกัน แต่ว่าภูตพฤกษาเป็นเพียงเด็กตัวน้อยเท่านั้น จึงชอบเพียงของหวานและขยาดของขม!

ฝูไห่และคนอื่นต่างรู้สึกขบขันกับท่าทางขององค์หญิงน้อย

เพียงแต่ต่อหน้าพระพักตร์ พวกเขาจึงไม่สามารถส่งเสียงหัวเราะออกมาได้ จึงต้องลำบากก้มศีรษะลงตลอดเวลา

แม้ฝูไห่จะไม่ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา แต่เขาก็ยังอดยิ้มไม่ได้

“ไอ้หยา องค์หญิงน้อยของกระหม่อม ฝ่าบาทจะทรงมีความสุขได้อย่างไรหากไม่มีพระองค์อยู่ที่นี่”

เสี่ยวเป่ารู้สึกภูมิใจที่ได้รับคำชม “เช่นนั้นแล้ว ข้าคงเป็นความเบิกบานใจของท่านพ่อใช่หรือไม่เพคะ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของหนานกงสือเยวียน เขาคีบหมูตุ๋นติดมันที่ไม่เยิ้มขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วป้อนใส่ปากนาง

“กินไม่พูด”

เสี่ยวเป่าเคี้ยวจนแก้มตุ่ย หลังจากเคี้ยวอย่างตั้งใจก็กลืนมันลงไป

“ท่านพ่อ ข้ากินหมดแล้วพูดได้แล้วเพคะ”

ปากเล็กอ้ากว้าง หนานกงสือเยวียนจึงคีบไก่สับเนื้อขาวเข้าไปอีกชิ้นหนึ่ง

“ว้าว… อร่อย!”

มือทั้งสองข้างของนางวางนาบลงบนแก้ม เท้าน้อยแกว่งสั่นดุ๊กดิ๊กไปมา ได้กินแล้วช่างมีความสุขจริง ๆ

หลังจากกินอิ่มแล้ว นางก็อยากกินอีก จึงอ้าปากเพื่อร้องขออาหารเหมือนลูกนกตัวน้อย

หนานกงสือเยวียนไม่ยอมหันมองนาง “อิ่มแล้ว”

เสี่ยวเป่า “ยังไม่อิ่มเสียหน่อย ข้ายังต้องกินเพิ่มอีกจึงจะอิ่ม ท่านพ่อ ข้าอยากกินลูกชิ้นอันนั้นเพคะ”

หนานกงสือเยวียนวางตะเกียบลง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบท้องของนางเบา ๆ

เสี่ยวเป่ารีบแขม่วหน้าท้องน้อย ๆ อย่างชำนาญ

ไม่รู้ว่าหนานกงสือเยวียนลูบท้องของนางตั้งแต่ตอนไหน เอาเถอะ นางยอมแล้ว โดนจับได้คาหนังคาเขาว่าท้องกลมป่องเสียแล้ว

เสี่ยวเป่าก้มหน้าน้อย ๆ พยายามเอาตัวรอด “ท่านพ่อ ฟังข้าหน่อยสิเพคะ”

“กินเยอะก็ต้องวิ่งเยอะ”

เสี่ยวเป่ารู้สึกลังเลระหว่างการกินกับการออกกำลังกาย แต่สุดท้ายก็อดใจกับสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้าไม่ได้ จึงกินเยอะมากกว่าเดิมนิดเดียว

แต่บอกว่านิดเดียวมันก็คือนิดเดียวจริง ๆ ท่านพ่อตักปลาให้นางชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ตักให้อีก

หนานกงสือเยวียน “หลังจากนี้สองเค่อต้องออกกำลังกายเพิ่มอีกครึ่งชั่วยาม”

นั่นรวมเป็นหนึ่งชั่วยาม

นางกินปลาไปเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นเองนะ QAQ

หากรู้ล่วงหน้าคงไม่คิดโลภอย่างนี้

เสี่ยวเป่าสูดลมหายใจเข้าเพื่อหวังจะเอ่ยต่อรอง ก่อนจะต้องตกใจกับสายตาของท่านพ่อที่จ้องมองมา

“เจ้าจะได้กินถังหูลู่หลังจากออกกำลังกายเสร็จ”

เสี่ยวเป่าดึงสีหน้าจริงจัง “เพื่อร่างกายแล้ว ข้าจะไม่ยอมไปออกกำลังหนึ่งชั่วยามเพื่อถังหูลู่ไม้เดียวหรอกเพคะ”

หนานกงสือเยวียน “…”

ผู้คนโดยรอบกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น

แน่นอนว่า การออกกำลังกายของเสี่ยวเป่านั้นจะต้องไม่เหนื่อยจนเกินไป หลังจากวิ่งไปได้สักพัก ก็ยืดขาเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว

เหอะ เหอะ สิ่งนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับภูตพฤกษาตัวน้อย นางแข็งแกร่งมาก สามารถฉีกขาได้ด้วย!

0

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด