เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 358 เทพธิดาน้อยแห่งตระกูลหนานกง
บทที่ 358 เทพธิดาน้อยแห่งตระกูลหนานกง
บทที่ 358 เทพธิดาน้อยแห่งตระกูลหนานกง
เนื่องจากต้องการหมักสุรา ด้วยเหตุนี้นาหลวงซึ่งเป็นสถานที่เหมาะเพียงแห่งเดียวจึงปลูกองุ่นอยู่ทั่วทุกพื้นที่ เมื่อนับดูแล้วสวนองุ่นมีอยู่ประมาณพันกว่าหมู่เห็นจะได้
ขณะที่พวกเขาขี่ม้าเข้าไป คนงานในหมู่บ้านก็เริ่มเก็บเกี่ยวองุ่นกันแล้ว
สายพันธุ์ที่พวกเขาปลูกเป็นองุ่นพันธุ์ดี แต่สายพันธุ์ที่พิเศษที่สุดกลับเป็นต้นกล้าองุ่นที่เสี่ยวเป่านำมา แม้ลำต้นจะเตี้ยอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับให้ผลผลิตจำนวนมาก ทั้งยังผลใหญ่
นี่เป็นปีแรกที่องุ่นออกผล ทว่าแต่ละเถากลับมีองุ่นอย่างน้อยถึงห้าพวง
องุ่นแต่ละพวงอวบอ้วนและแน่นขนัด นับว่าเป็นองุ่นลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา ซึ่งในหนึ่งพวงมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าหน้าคนเสียอีก
“องค์หญิง ท่านช่วยดูหน่อยเถิดว่าองุ่นนี้สุกแล้วหรือไม่”
เนื่องจากเพาะปลูกช้าไปหน่อย องุ่นสายพันธ์ุนี้จึงออกผลค่อนข้างช้า ที่จริงแล้วไม่มีใครคาดคิดว่าองุ่นจะออกผลในปีนี้เสียด้วยซ้ำ พวกมันเติบโตขึ้นทุกวันจนทุกคนต่างตกตะลึง
แน่นอนว่าองค์หญิงมีปฏิกิริยาต่างจากคนส่วนใหญ่ องุ่นที่นางนำมาไม่เหมือนกับสายพันธ์ุอื่น ๆ
และเพราะความพิเศษขององุ่นสายพันธุ์นี้ จนถึงตอนนี้ผู้ดูแลจึงมิกล้าตัดจากต้น ทำได้แต่รอให้พวกองค์หญิงเสด็จมา หากว่ารอไม่ไหวก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปขอคำชี้แนะจากเซียวเหยาอ๋อง
เสี่ยวเป่าเด็ดองุ่นมาหนึ่งลูก เปลือกองุ่นชนิดนี้ค่อนข้างหนา หลังจากปอกเปลือกแล้ว กลิ่นหอมขององุ่นที่ซ่อนอยู่ภายในก็ฟุ้งกระจายในทันที
กลิ่นอันเข้มข้นลอยแตะปลายจมูก ทำเอาผู้คนต่างน้ำลายสอ
“เก็บได้แล้ว เก็บไปไว้ที่หมู่บ้านให้หมดเลย”
นี่เป็นองุ่นที่นางใช้พลังวิญญาณหล่อเลี้ยงขึ้นมา เมล็ดองุ่นก็เป็นสายพันธุ์ที่ตนเองชอบมากที่สุดซึ่งนางคัดเลือกเองกับมือ องุ่นนี้จึงมีรสหวานและลูกโต ทั้งยังไร้เมล็ด
เพียงกินเข้าไปคำแรกก็ทำเอาแก้มป่อง ปากเล็ก ๆ ของนางไม่พอใส่ลงไปทั้งลูกด้วยซ้ำ
“ข้าก็อยากกินด้วย”
เยว่หลีมองอย่างตะกละ เด็ดพวงองุ่นมากอดไว้ จากนั้นก็เอาเข้าปากทั้งอย่างนั้นโดยไม่ปอกเปลือก
เมื่อกัดเข้าไปน้ำในผลองุ่นก็ไหลเยิ้ม รสหวานแต่ไม่เลี่ยน รู้สึกถึงความเปรี้ยวที่กลมกล่อม รสอร่อยขององุ่นแทบจะทะลักออกจากปาก
“อร่อย”
ในปากยังไม่ทันกลืนลงคอ เขาก็โยนอีกลูกเข้าปาก
จนกระทั่งสองข้างแก้มพองโตจนยัดไม่ลงถึงได้ยอมหยุด
คนอื่น ๆ ก็เด็ดองุ่นกินเช่นกัน ผลผลิตในครั้งนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม และที่สำคัญที่สุดก็คือองุ่นชนิดนี้ไร้เมล็ด!
เสี่ยวเป่าเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ “เสี่ยวเป่าปลูกเอง!”
นางคือภูตพฤกษาตัวน้อยผู้เป็นยอดฝีมือด้านการเพาะปลูก
บรรดาพี่ชายจะทำอย่างไรได้นอกเสียจากยกนิ้วโป้งชื่นชมให้นาง
พี่สี่ “น้องหญิงเก่งที่สุด”
พี่ห้า “น้องหญิงยอดเยี่ยมที่สุด”
พี่หก “น้องหญิงไม่มีผู้ใดเทียบเทียม”
พี่เจ็ด “น้องหญิงผู้เป็นหนึ่งเดียวในใต้หล้า”
พี่แปดผู้หัวทึบ “น้องหญิง…”
“มาคุยกันหน่อยสิ ครั้งหน้าให้ข้าเริ่มก่อนได้หรือไม่”
องค์ชายแปดทำหน้านิ่งพลางมองบรรดาพี่ชาย เอาแต่รังแกคนโง่อย่างเขาทุกครั้งไปมันสนุกนักหรือ (╯‵□′)╯︵┻━┻
เยว่หลีเกาศีรษะ “แล้วข้าต้องพูดว่าอะไร”
เสี่ยวเป่าหลุดหัวเราะ จากนั้นก็พูดอย่างถ่อมตัว “พวกท่านพี่มิต้องสรรหาคำมาชมเสี่ยวเป่าหรอก แค่บอกว่าเสี่ยวเป่าทั้งสวยและฉลาดก็พอ~”
บรรดาพี่ชาย “…”
เจ้าก็ถ่อมตัวอยู่หรอก แต่หลงตัวเองไม่น้อย
เหล่าพี่น้องพากันเล่นสนุกพลางช่วยเก็บองุ่นเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่จะเอาเข้าปากตัวเองเสียมากกว่า
องุ่นที่เสี่ยวเป่าปลูก แค่พวงเดียวก็เพียงพอสำหรับพวกเขาทุกคน
ปีนี้ต้องหมักสุราองุ่นให้เยอะกว่าปีที่ผ่านมา องุ่นที่เก็บมาทั้งหมดจึงถูกส่งไปที่หมู่บ้านเพื่อนำไปหมักเป็นสุรา
นางแบ่งองุ่นแต่ละชนิดแล้วให้คนนำไปส่งที่วังหลวง วันนี้จะมีงานเลี้ยงฉลอง นางจึงส่งไปให้เยอะหน่อย และไม่ลืมส่งไปที่จวนจิ้นอ๋องและจวนเซียวเหยาอ๋อง รวมถึงท่านอาจารย์และตระกูลโจวด้วย
เจ้าตัวน้อยจะลืมใครไปไม่ได้เด็ดขาด
แม้แต่วัดต้ากั๋วก็ได้รับองุ่นเช่นกัน เจ้าอาวาสฮุ่ยเยวี่ยนและคนที่นั่นดีกับเสี่ยวเป่า นางย่อมต้องตอบแทน
ด้วยประสบการณ์ครั้งหนึ่งในการหมักสุรา ครั้งนี้จึงเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ เสี่ยวเป่าเรียกเหล่านางกำนัลที่เคยหมักสุราในครั้งก่อนมา และมอบหมายงานให้แก่พวกนาง จากนั้นก็เริ่มจัดการกับองุ่นมากมายราวกับเป็นสายพานลำเลียง
ถังไม้ที่ใช้หมักสุราในครั้งนี้ก็มีขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน เป็นถังขนาดใหญ่ที่พบเห็นได้บ่อยในยุคหลัง สามารถบรรจุได้ถึงสองร้อยกว่าเซิง*[1]
เสี่ยวเป่าพาเยว่หลีและบรรดาพี่ชายมาดูและอธิบายทุกขั้นตอนให้พวกเขาฟัง
เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ พวกเสี่ยวเป่าเตร็ดเตร่ที่นาหลวงจนถึงเที่ยงก็ถูกเรียกตัวให้กลับไป
เนื่องจากพวกเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
ทันทีที่กลับถึงวังหลวง ก็ถูกนางกำนัลพาตัวไปอาบน้ำสระผมและแต่งเนื้อแต่งตัว
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาอย่างน้อยก็หนึ่งชั่วยาม
เสี่ยวเป่านั่งหาวอย่างเบื่อหน่ายขณะที่นางกำนัลจัดแต่งทรงผมให้นาง จากนั้นก็เริ่มสัปหงก
นางมิใคร่อยากนอน แต่ว่าอากาศเช่นนี้ชวนให้ง่วงยิ่งนัก!
หัวเสี่ยวเป่าโอนเอนไปมา ในที่สุดก็ฟุบลงบนมือของชุนสี่ที่ยื่นมารับเอาไว้และผล็อยหลับอย่างสบายใจ
หลับเพียงไม่นานก็ส่งเสียงกรนครอก
ชุนสี่ได้แต่ใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าองค์หญิงน้อยที่ทับลงมาอย่างช่วยไม่ได้
“พวกเจ้าทำต่อไป อย่าทำให้องค์หญิงเจ็บ ใช้เครื่องประดับที่เบาเน้นการแกะสลักลวดลาย อย่าใช้ชิ้นที่หนัก ตอนนี้พระศอขององค์หญิงยังบอบบางนัก เดี๋ยวจะรับน้ำหนักมากเกินไป…”
ชุนสี่กำชับอย่างละเอียด ใส่ใจกับความรู้สึกและความปลอดภัยของเสี่ยวเป่าโดยมิให้นางต้องเสียหน้า
พวกนางพูดคุยกันเสียงเบา แต่ต่อให้พวกนางจะส่งเสียงดังก็ไม่แน่ว่าจะปลุกเสี่ยวเป่าผู้กำลังหลับลึกให้ตื่นได้
เสี่ยวเป่าถูกปลุกหลังจากที่แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อย เหม่อมองไปข้างหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอยพลางหาวหวอด
ใช้เวลาสักพักกว่าที่สายตาจะมองเห็นอะไรได้ชัดเจน
“พวกท่านพี่มากันหรือยัง” นางเอ่ยเสียงอู้อี้คล้ายกำลังออดอ้อน ดูไร้เดียงสาโดยธรรมชาติ ทำเอาผู้คนรำคาญไม่ลง
เส้นผมถูกจัดเป็นทรงสวยงาม ดึงดูดสายตาแม้ใช้เครื่องประดับผมน้อยชิ้น ไม่ว่าฝีมือ รูปแบบ หรือแม้แต่ไข่มุกที่ประดับไว้ด้านบนล้วนแต่เป็นของชั้นเลิศ
แน่นอนว่าช่างฝีมือชั้นยอดล้วนอยู่ในวังหลวง ฝ่าบาทรักใคร่โปรดปรานองค์หญิงน้อยถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมอบของที่ดีที่สุดให้นางอย่างมิต้องสงสัย
“เหล่าองค์ชายและคุณชายเยว่หลีกำลังรอองค์หญิงอยู่ที่ตำหนักด้านหน้าเพคะ”
“เสี่ยวเป่าจะไปหาพวกเขา”
เสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้น ก็โกยกระโปรงสีแดงทับทิมด้วยสองมือและวิ่งออกไปทันที กระโดดโลดเต้นราวกับเป็นกระต่ายน้อยสีขาว ดูน่ารักมีชีวิตชีวาไม่เบา
“พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า พี่หก พี่เจ็ด พี่แปด เยว่หลี เสี่ยวเป่ามาแล้ว!”
เมื่อวิ่งไปถึงด้านหน้าตำหนัก เจ้าตัวน้อยก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็ตะโกนเรียกทุกคน
“โอ๊ะ เทพธิดาตัวน้อยจากที่ใดกันเนี่ย”
บรรดาพี่ชายพูดหยอกล้อนาง สีแดงทับทิมเสริมให้น้องสาวตัวน้อยของพวกเขาดูงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลัก
เสี่ยวเป่าจับใบหน้าประณีตอันอวบอ้วนของตน พลางยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข
“เทพธิดาตัวน้อยแห่งตระกูลหนานกงอย่างไรล่ะเพคะ”
“แล้วก็มีเทพบุตรตระกูลหนานกงเยอะแยะเลยด้วย”
เจ้าตัวน้อยนับรวมพี่ชายทั้งหมดด้วยนิ้วเดียว
เยว่หลี “แล้วข้าเล่า ๆ”
สายตาคาดหวังมองเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าลูบหัวเขา “เยว่หลีก็เป็นเทพบุตรรูปงามเหมือนกัน”
เยว่หลีได้รับการปลอบโยนในชั่วครู่
ทุกคนที่อยู่ในห้องล้วนแต่รูปงาม เพียงมองดูก็รู้สึกเพลินตาเพลินใจ มิอาจปฏิเสธได้ว่าสายเลือดของตระกูลหนานกงช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
[1] เซิง (升) หน่วยวัดน้ำหนักอย่างหนึ่งของจีน เทียบเท่ากับประมาณ 1 ลิตร
Comments