เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 38 แมวลายตัวน้อย (รีไรท์)

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 38 แมวลายตัวน้อย (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 38 แมวลายตัวน้อย (รีไรท์)

บทที่ 38 แมวลายตัวน้อย (รีไรท์)

หนานกงฉีเฉินไม่พอใจอย่างยิ่ง  

ก่อนหน้านี้นางยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับที่ปฏิบัติต่อเสด็จพ่อ แต่บัดนี้…

หนุ่มน้อยรูปงามจ้องน้องชายทั้งสองพร้อมสีหน้าบึ้งตึง

ทั้งหนานกงฉีรุ่ยและหนานกงฉีจวินแอบคิดในใจว่า นางไม่ใช่น้องสาวของท่านคนเดียวซะหน่อย!

  

ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็เดินกลับ จากนั้นช่วงเวลาที่เหลือเสี่ยวเป่าก็ไม่ได้ไปที่ใดอีก นางนั่งสู้รบตบมือกับเจ้าพู่กันอยู่เงียบ ๆ ตั้งใจเขียนอักษรอย่างมีสมาธิ

 

สิ่งที่เขียนยังคงเป็นชื่อท่านพ่อ นางเขียนคำว่า ‘หนานกง’ ได้เป็นระเบียบมาก คำว่า ‘สือ’ ก็เขียนได้ดี แต่คำว่า ‘เยวียน’ ค่อนข้างดูยากเล็กน้อย เพราะเป็นอักษรที่มีขีดค่อนข้างซับซ้อน

ซ้ำยังเป็นอักษรโบราณเสียด้วย  

สามพี่น้องช่วยกันอ่านสิ่งที่นางเขียน ก่อนจะเงยหน้ามองกันเลิ่กลั่ก

หนานกงฉีเฉินกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ค่อย ๆ เปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “นี่มัน…พระนามของเสด็จพ่อ?”

อีกอย่างบนกระดาษยังมีอักษรข้าง ๆ ลายมือเสี่ยวเป่าที่เขียนได้คมกริบราวกับถูกสลักด้วยดาบดูเหมือนลายมือของเสด็จพ่อ 

 

เสี่ยวเป่านั่งหลังตรงอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรตัวเล็กด้วยท่าทางจริงจัง พยักหน้าหงึกหงัก

“อืม ๆ นี่เป็นของท่านพ่อ”

  

“เสด็จพ่อมอบให้เจ้าสินะ” หนานกงฉีจวินอิจฉา  

เสี่ยวเป่าตาเป็นประกาย “หากท่านพี่อยากได้ก็ลองไปขอท่านพ่อดูสิ เสี่ยวเป่าก็ขอท่านพ่อ”  

หนานกงฉีจวินสับสนวุ่นวายอยู่ในใจ การที่ได้ใช้เวลากับเสด็จพ่อในวันนี้มันทำลายความคิดเดิม ๆ ที่มีต่อเสด็จพ่อไปบ้างแล้ว

แต่ทันทีที่เงยหน้ามองบนโต๊ะทรงอักษร พลางจินตนาการถึงเสด็จพ่อที่กำลังนั่งอ่านฎีกาด้วยสีหน้าราบเรียบ ทันใดนั้นความกระตือรือร้นทั้งหมดก็ดับลงราวกับเปลวเพลิงที่ถูกน้ำเย็นมอดดับ

“ข้าไม่กล้าไป” 

 

หนานกงฉีจวินพูดอย่างขี้ขลาด  

หนานกงฉีเฉินกอดอกมองอย่างเหยียดหยาม “ปกติเจ้าเก่งกาจนักมิใช่หรือ? เคราของท่านอาจารย์เจ้ายังกล้าดึง ทีอย่างนี้เจ้าไม่กล้า?” 

หนานกงฉีจวิน “ท่านกล้านักท่านก็ไปหาเสด็จพ่อเองสิ!” 

 

หนานกงฉีเฉินเชิดหน้าตอบอย่างเย่อหยิ่ง“ข้าไม่ได้อยากได้!”

 

จากนั้นหนานกงฉีจวินก็หันมายุให้พี่เจ็ดไป  

หนานกงฉีรุ่ยชำเลืองตามอง “ข้าดูเหมือนคนโง่หรือ?”  

เสี่ยวเป่ามองสามพี่น้องพลางกัดด้ามพู่กันด้วยความสงสัย ก็แค่ไปขอให้ท่านพ่อเขียนชื่อให้ ไยพี่ ๆ ถึงไม่กล้าไป 

“ข้าจะไปขอมาให้เอง!”  

คนตัวเล็กยืนขึ้นและพูดด้วยความชอบธรรมอย่างยิ่ง 

 

“ไม่…ไม่จำเป็น เจ้าตั้งใจเขียนไปเถอะ”

เสี่ยวเป่าเพิ่งจะยืนขึ้นก็ถูกดันหลังกลับไปนั่งที่ หากปล่อยให้นางไปขอ เสด็จพ่อจะต้องคิดว่าพวกเขาขี้ขลาดกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เป็นแน่

ถึงแม้ว่า… ยามที่อยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อจะเป็นเช่นนั้นไปแล้วก็ตาม

 

สามพี่น้องมองเสี่ยวเป่าเขียนพระนามเสด็จพ่อลงบนกระดาษเอียงไปเอียงมา

ไยไม่เขียนชื่อตนเอง เด็กทั้งสามนั่งดูอยู่สักพักพลันเกิดความสงสัย สุดท้ายหนานกงฉีเฉินก็เอ่ยถาม

เสี่ยวเป่าคิดว่ามันไม่ยุติธรรม “ชื่อของเสี่ยวเป่าเขียนยากกว่าชื่อของท่านพ่อ!”

โดยเฉพาะตัวอักษรสองตัวสุดท้าย นางไม่สามารถเขียนมันด้วยพู่กันอันอ่อนนุ่มนี้ได้เลย

  

“เอ่อ… ค่อย ๆ ฝึกไป เดี๋ยวก็เขียนได้ดีเอง”  

อยู่ที่นี่พวกเขาไม่กล้าทำสิ่งใดมาก ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้ฝูไห่กงกงหาตำราเรียนที่พวกเขากำลังศึกษามาให้อ่าน 

 

นี่เป็นการบ้านของพวกเขาด้วย พรุ่งนี้ท่านอาจารย์จะเรียกคนให้ออกไปอ่าน  

หนานกงฉีจวินหยิบหนังสือขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจและพึมพำว่า “เรียนเสร็จแล้วยังต้องท่องตำราอีก ข้าออกไปเล่นไม่ดีกว่าหรือ”  

เสี่ยวเป่า “ท่านพี่ เสี่ยวเป่ามีของเล่นเยอะมาก ท่านอยากเล่นพวกมันหรือไม่?”

 

หนานกงฉีจวิน “…ข้าแค่คิดเล่น ๆ น่ะ” 

ใจจริงก็อยากเล่น แต่กลัวเสด็จพ่อจะมาพบเข้า ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อก็จะเห็นว่ามีเขาที่เล่นอยู่คนเดียว ในขณะที่น้องสาวกับพี่ ๆ ตั้งใจเรียน และเขาจะต้องโดนดุเป็นแน่

  

เริ่มดึกแล้ว เทียนในห้องโถงใหญ่ของตำหนักฉินเจิ้งถูกจุดสว่างไสว หนานกงฉีเฉินและคนอื่น ๆ ถึงนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่นานมากแล้ว

“แย่แล้ว เราต้องกลับแล้ว!”  

ฝูไห่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “องค์ชายทั้งสามไม่ต้องกังวล กระหม่อมแจ้งให้ข้ารับใช้ของพวกท่านทราบแล้ว ยามนี้พวกเขากำลังรอพวกท่านอยู่” 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนานกงฉีรุ่ยก็พยักหน้าอย่างเก็บอาการ “ขอบคุณฝูไห่กงกง”

  

เสี่ยวเป่าที่มีหมึกแต้มอยู่บนใบหน้าขาวราวหิมะก็เงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงหน่อมแน้มเอ่ยขอบคุณเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณฝูไห่กงกง…”  

ทุกคนมองหน้านางแล้วหัวเราะพร้อมกัน  

ดวงตากลมโตของเสี่ยวเป่าฉายแววสับสน กระทั่งพี่แปดที่กำลังหัวเราะไม่หยุดเอ่ยเตือนนางว่ามีหมึกเปื้อนหน้า

นางใช้มือเช็ด แต่หารู้ไม่ว่านอกจากมันจะไม่สะอาดแล้ว ตอนนี้นางยังกลายเป็นแมวลายตัวน้อยไปเสียแล้ว 

“ฮ่า ๆ”  

หนานกงฉีจวินหัวเราะดังขึ้น หนานกงฉีรุ่ยก็อดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน

  

หนานกงฉีเฉินมองหาผ้ามาเช็ดหน้าให้นางพลางหัวเราะไม่หยุด “ยิ่งเช็ดมันยิ่งเปื้อน ดูมือเจ้าสิ”

  

เสี่ยวเป่ากางมือเล็ก ๆ ออก ฝ่ามือนางเต็มไปด้วยหมึกสีดำ ตอนนี้หน้านางเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

หนานกงฉีรุ่ยหยิบผ้าเช็ดหน้าจากที่ใดสักที่แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ นาง

“เดี๋ยวข้าเช็ดให้”  

เจ้าก้อนแป้งที่ยังเงอะ ๆ งะ ๆ เงยหน้าขึ้นให้พี่ชายเช็ดหน้าให้อย่างเชื่อฟัง

“ข้าว่าต้องไปล้างมันถึงจะออก” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ยามมองใบหน้ากลมเล็กที่เต็มไปด้วยหมึก  

การใช้เพียงผ้าผืนเดียวเช็ดไม่มีทางสะอาด

จู่ ๆ หนานกงฉีจวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนจะคิดบางอย่างออก

 

“ข้าเอง ๆ เดี๋ยวข้าเช็ดหน้าให้น้องหญิงด้วย” 

 

พูดจบ เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะคว้าใบหน้านุ่มนิ่มของน้องสาวมาเช็ด 

หนานกงฉีเฉินจ้องตาไม่กะพริบ แต่ยังพยายามรักษาภาพลักษณ์พี่ชายไว้อย่างดีที่สุด

“ดีขึ้นหรือยัง? เจ้าดูสิ เจ้าเช็ดไม่ได้เรื่องเลย ให้ข้าลองหน่อย…”

หนานกงฉีจวิน “พี่หกอย่าเร่งข้า ข้าเพิ่งเริ่มเช็ดเอง!” 

ชุนสี่และคนอื่น ๆ “…”

พวกท่านกำลังทำเหมือนองค์หญิงน้อยเป็นตุ๊กตาใช่หรือไม่?  

ในที่สุด ชุนสี่ก็ต้องมาช่วยล้างคราบหมึกบนใบหน้านาง เสี่ยวเป่าจึงกลับมาเป็นเจ้าก้อนแป้งสีขาวสะอาดและมีกลิ่นหอมอีกครั้ง  

“เราต้องไปแล้ว น้องหญิง เดี๋ยวเราไปส่งเจ้าที่โถงด้านข้างก่อน”  

เสี่ยวเป่าถามงง ๆ “ไยต้องกลับไปที่นั่น?” 

 

หนานกงฉีรุ่ยทำหน้าจริงจัง “ก็กลับไปนอนน่ะสิ เด็กนอนดึกไม่ได้ มันไม่ดีต่อดวงตา” 

เสี่ยวเป่านั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กแกว่งเท้าไปมา ก่อนจะเอ่ยวาจาที่ทำให้สามพี่น้องต้องตกตะลึงอีกครั้ง  

“เสี่ยวเป่าไม่กลับ เสี่ยวเป่านอนกับท่านพ่อ” 

 

สามพี่น้องตกใจอย่างหนัก “!!!”

  

หมายความว่าอย่างไร!  

สามพี่น้องอ้าปากค้างอยู่นานสองนานและไม่มีท่าทีว่าจะหุบลง  

“จะ…เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ?” หนานกงฉีเฉินถามเสียงสั่น 

 

เจ้าก้อนแป้งรีบทวนคำพูดเมื่อครู่ เมื่อเห็นว่าพี่ ๆ ทำท่าเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง  

หนานกงฉีรุ่ยผู้มีสีหน้าเรียบเฉยเผลอแสดงสีหน้าที่ซับซ้อนอยู่แวบหนึ่ง

 

เสี่ยวเป่าพบว่าทุกครั้งที่นางพูดถึงท่านพ่อ สีหน้าพี่ ๆ จะดูสนุกสนานมากขึ้น  

“เสี่ยวเป่านอนกับท่านพ่อ พวกท่านอยากไปหาท่านพ่อด้วยกันหรือไม่?”

ทั้งสามคนโบกมือพัลวันพลางส่ายหัวอย่างหวาดกลัว ปากก็เอ่ยปฏิเสธซ้ำ ๆ

 

หลังจากที่ทั้งสามแยกจากนาง พวกเขาก็เอาแต่ครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่น้องสาวพูด ถึงตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าจะอิจฉาน้องสาวหรือเสด็จพ่อดี  

เพราะจู่ ๆ พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าหากได้นอนกอดน้องสาวตัวกระจ้อย ผิวนุ่มนิ่ม ตัวก็หอมฉุย มันคงเป็นการนอนที่… ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *