เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 412 ลอบสังหาร

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 412 ลอบสังหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 412 ลอบสังหาร

บทที่ 412 ลอบสังหาร

พวกเขาแทบอยากกระชากคอเสื้อองค์ชายห้าของตนแล้วตะโกนถามว่าเจ้าเสียใจหรือไม่ที่พูดมันออกไป!

องค์ชายห้าต่อให้โง่แค่ไหนก็ยังรู้ว่าตัวเองถูกด่า ทั้งยังถูกรุมด่าจากคนมากมาย ล้วนเสียดสีเป็นนัยว่าเขาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น

องค์ชายผู้สูงศักดิ์อย่างเขามิเคยโดนดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน ก็โกรธเกรี้ยวในทันใด

“พวกเจ้า!”

ทูตจากต้าหานทนไม่ไหวอีกต่อไป ใบหน้าเขียวคล้ำขณะก้าวออกไปและจับตัวเขากดเอาไว้

“ขอประทานอภัยฝ่าบาท องค์ชายห้าเมาสุราจึงพูดจาเหลวไหลโปรดอย่าเก็บไปใส่พระทัยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

เขาเหงื่อออกจนท่วมศีรษะ องค์ชายของพวกเขายอดเยี่ยมจริง ๆ กลัวว่าต้าเซี่ยจะหาเหตุผลเปิดศึกกับต้าหานไม่ได้หรืออย่างไร

องค์ชายห้าเหล้าเข้าปากเมื่อใดเป็นต้องควบคุมอารมณ์ไม่ได้ทุกที “ไสหัวไปซะ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาขวางข้า!”

“พวกเจ้า พาองค์ชายห้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

ในเมื่อไม่ฟังกัน พวกเขาก็ได้แต่ต้องใช้ไม้แข็ง

องค์ชายห้าแห่งต้าหานโมโหหนักกว่าเก่า “พวกเจ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้ กลับไปได้เห็นดีแน่!”

ในจำนวนนั้นคนหนึ่งที่เป็นวรยุทธก็จัดการทุบเขาให้หมดสติทันที

“ทุกท่านเชิญต่อเถอะ องค์ชายของเราเมาเพราะฤทธิ์สุรา โปรดอย่าถือสาเลย”

ฝูงชน “…”

ช่างมีความสามารถกันทุกคนจริง ๆ

เมื่อเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็ดูราวกับจะไม่ใส่ใจ ทั้งกินดื่มและชมการแสดงต่อไปโดยมีหนานกงสือเยวียนเป็นคนเริ่ม

เมื่องานเลี้ยงใกล้จบลง หนานกงสือเยวียนก็โน้มตัวพิงโต๊ะเล็กน้อยพลางกุมหน้าผากด้วยมือข้างหนึ่ง ดูคล้ายกับจะเมา

และบัดนี้เหล่าขุนนางชั้นสูงลอบสบสายตาหากัน จอกสุราของใครบางคนตกลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจจนเกิดเสียงดังก้อง ทันใดนั้นหญิงนางหนึ่งในหมู่นักเต้นรำก็ชักกริชออกมา

“เจ้าทรราชตายเสียเถอะ!”

นางกระโดดโดยใช้วิชาตัวเบา องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างหนานกงสือเยวียนชักอาวุธออกมา

“คุ้มกันฝ่าบาท!”

นางรำสาวถูกขวางเอาไว้ ที่ด้านหลังของนาง มือสังหารสวมหน้ากากนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น ภายในงานเลี้ยงชุลมุนวุ่นวายขึ้นชั่วขณะ

แต่แล้วองครักษ์สองคนที่ควรจะถืออาวุธคุ้มกันฮ่องเต้กลับพุ่งอาวุธไปทางหนานกงสือเยวียน

มิหนำซ้ำตำแหน่งของพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากหนานกงสือเยวียน

“ท่านพ่อ!”

“เสด็จพ่อ!”

หนานกงสือเยวียนมิได้ตกใจกับการเปลี่ยนเป้าโจมตีแต่อย่างใด เขาผลักดาบที่อยู่ตรงหน้าให้พ้นทาง พร้อมกับหันหลังหลบดาบอีกเล่มที่พุ่งเข้ามา จากนั้นก็คว้าดาบยาวเล่มที่เสี่ยวเป่าให้จากด้านหลังบัลลังก์ และตวัดใส่อย่างรวดเร็ว เลือดสีแดงสดกระเซ็นเลอะใบหน้าของเขา และหัวของนักฆ่าก็ขาดสะบั้น

เมื่ออีกคนเห็นดังนั้นก็เกิดกลัวจึงคิดหนี องครักษ์คนอื่น ๆ รีบเข้ามาหวังจะหยุดเอาไว้ ทว่าหนานกงสือเยวียนกลับชูมือขึ้น พวกเขาจึงหยุดการเคลื่อนไหว

หนานกงสือเยวียนเอียงศีรษะเล็กน้อย ใบหน้าเปื้อนเลือดสีแดงสดทำให้เขาดูชั่วร้ายยิ่งเป็นเท่าทวี

เขาเพียงยกดาบยาวในมือช้า ๆ ด้วยใบหน้าเย็นเฉียบ และขว้างดาบออกไปขณะที่มือสังหารกำลังวิ่งหนี

ฉึก…

ฝูงชนได้ยินเสียงดาบปักเข้าไปที่ร่างของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน ร่างยังคงวิ่งต่อไปอีกสองก้าวก่อนจะล้มลง

มือสังหารชุดดำคนอื่น ๆ ก็ถูกฆ่าด้วยลูกธนูของกองทหารที่ดักซุ่มอยู่เช่นเดียวกัน

เสียงกรีดร้องระงมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันหยุดลงทันใด ภายในงานเลี้ยงเงียบสนิท ทุกคนยืนตัวสั่นขณะมองดูฮ่องเต้ที่ประทับอยู่ด้านบน

สามารถรอดพ้นจากการลอบสังหารที่ไม่ทันได้ตั้งตัว มิหนำซ้ำยังสังหารนักฆ่าไปได้อีกสอง

ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของหนานกงสือเยวียนทำให้พวกขุนนางชั้นสูงรวมถึงบรรดาทูตจากต่างแดนรู้สึกหนักอึ้ง

การลอบสังหารในครั้งนี้เป็นฝีมือของพวกขุนนางชั้นสูงที่ฮึดสู้ราวกับสุนัขจนตรอก พวกเขาเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ทั้งวางยาพิษในสุราและลอบฆ่า อีกทั้งมือสังหารสองคนก็เป็นถึงองครักษ์ใกล้ชิดองค์จักรพรรดิ

จากที่พวกเขาคาดการณ์ หลังจากหนานกงสือเยวียนดื่มเหล้าใส่ยาพิษเข้าไปแล้วก็จะสูญสิ้นเรี่ยวแรง นางรำและนักฆ่าคนอื่น ๆ จะดึงดูดความสนใจของทุกคน จากนั้นองครักษ์ทั้งสองก็จะใช้โอกาสนี้เข้าใกล้และสังหารเขาภายในพริบตา ระยะห่างและการเปลี่ยนเป้าโจมตีอย่างฉับพลันเช่นนี้ ไหนจะผลที่เกิดจากเหล้าใส่ยาพิษ อย่าว่าแต่เทพสงครามเลย ต่อให้เป็นเทพเซียนในร่างมนุษย์ถึงรอดก็ยังบาดเจ็บปางตาย

แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคิดผิด ผิดอย่างมหันต์

จากท่าทางของฮ่องเต้ที่ไม่มีส่วนไหนบ่งบอกเลยว่าตกอยู่ในสภาพเมามายและถูกพิษ รวมถึงองครักษ์จินอู่ที่อยู่โดยรอบ เหล่าขุนนางชั้นสูงก็รู้ตัวว่าพวกตนติดกับเข้าให้แล้ว ฝ่าบาทล่วงรู้ถึงแผนการลอบสังหารของพวกเขา!

ตอนวางแผนทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มก็มุ่งมั่นแน่วแน่ทั้งยังหวังลึก ๆ ว่าจะรอดตัวไปได้ แต่ทว่าเมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง พวกเขากลับนึกเสียใจเมื่อสบเข้ากับสายตาที่จ้องมองมาของฝ่าบาท ร่างกายแข็งทื่อเป็นอัมพาตเพราะความหวาดกลัว

หนานกงสือเยวียนนั่งลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์พร้อมกับดวงตาที่สงบนิ่ง

“ต่อสิ การแสดงที่ทุกท่านเตรียมมา ข้าชอบยิ่งนัก”

บรรดาคนเบื้องล่างคุกเข่าหวาดกลัวจนตัวสั่น มิกล้าแม้แต่จะเงยหน้า

เมื่อเทียบกับพวกคนที่หวาดกลัวเพราะทำเรื่องชั่ว พวกเสี่ยวเป่าดูจะโล่งอกมากทีเดียว

แม้จะรู้ว่าท่านพ่อเตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว แต่พอได้เห็นองครักษ์สองคนนั้นลอบฆ่าท่านพ่อก็ยังตกใจจนหัวใจแทบจะระเบิดอยู่ดี

ไม่เป็นไรแล้ว ๆ เอ๊ะ! ท่านพ่อของนางเก่งขนาดนี้ ตัวต่อที่นางนำมาก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยน่ะสิ!

น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบ “หวังกุ้ยผิน”

หวังกุ้ยผินที่นั่งอยู่ตำแหน่งของพระสนมบัดนี้เป็นอัมพาตอยู่กับพื้น

“มะ หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ”

หวังอันหว่านหน้าซีดเผือดเมื่อถูกเรียก นางหมอบคลานอยู่กับพื้นพลางตอบเสียงสั่น

หนานกงสือเยวียนเพียงเหลือบมองอย่างเย็นชา จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็น “นำตัวไป”

องครักษ์สองคนนำตัวนางออกไปทันที

หวังอันหว่านตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง จากนั้นก็ร้องตะโกนเมื่อได้สติ

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทหม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ ฝ่าบาท!!!”

“ทหาร จับตัวประมุขสกุลซ่ง สกุลหลี่ สกุลเฉียน และครอบครัวของพวกเขาให้หมด”

บรรดาตระกูลที่ถูกเอ่ยชื่อเงยหน้าขึ้นมาทันที ซ่งไท่ซือที่อยู่ในจำนวนนั้นพยายามสงบสติอารมณ์ “ฝ่าบาท กระหม่อมทำผิดอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะตัดสินโดยไม่มีหลักฐานมิได้!”

บัดนี้ซ่งชิงก็ก้าวออกมา “ฝ่าบาท กระหม่อมต้องการฟ้องร้องซ่งไท่ซือฐานสมรู้ร่วมคิดกับพ่อค้าเกลือในเมืองเหยียนเฉิง แคว้นจินหัวส่งเกลือและเหล็กกล้าจำนวนมากไปยังเผ่าทุ่งหญ้าเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับต้าเซี่ย

กระหม่อมยังต้องการฟ้องร้องบุตรชายคนโตแห่งจวนซ่งข้อหาใช้อำนาจบาตรใหญ่กระทำชำเราผู้หญิง หญิงสาวนับไม่ถ้วนถูกทรมานจนตายอย่างโหดเหี้ยม ศพของพวกนางฝังอยู่ในสวนของเขา โดยมีฮูหยินกับบุตรสาวจวนซ่งรู้เห็นเป็นใจ มิหนำซ้ำยังยกสาวใช้คนสนิทของตัวเองให้กับเขา

กระหม่อมขอฟ้องร้องใต้เท้าซ่งข้อหาทุจริต หลักฐานทั้งหมดซ่อนอยู่ในห้องลับที่อยู่ภายในห้องหนังสือของเขา ได้โปรดฝ่าบาทตรวจสอบโดยละเอียด หากว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง กระหม่อมยินดีรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

เขานั่งอยู่บนรถเข็น เสียงที่ดังก้องเปิดเผยความลับทั้งหมดที่สกุลซ่งเก็บซ่อนเอาไว้ออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ซ่งชิง ไอ้คนเดรัจฉาน!”

คนสกุลซ่งถลึงตาอย่างโกรธแค้น บิดาผู้ให้กำเนิดพุ่งเข้าใส่หวังจะฆ่าเขาโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น แต่ก็ถูกองครักษ์เข้ามาขวางอย่างรวดเร็ว

ซ่งชิงแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อได้เห็นสายตาที่มองมาด้วยความอาฆาต

“ซ่งไท่ซือมิต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นหรอก ที่ข้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณหลานชายคนดีของท่าน ทุกครั้งที่เขาเมาก็จะมาที่สวนและกลั่นแกล้งข้าเพื่อความสนุกสนาน แต่ปากเจ้ากรรมดันอยู่ไม่สุข เที่ยวบอกความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสกุลซ่งยามที่เมามายจนหมดเปลือกเชียวละ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด