เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 413 เรื่องราวคลี่คลาย

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 413 เรื่องราวคลี่คลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 413 เรื่องราวคลี่คลาย

บทที่ 413 เรื่องราวคลี่คลาย

ซ่งไท่ซือมองดูหลานชายจอมเกเรของตนอย่างมาดร้าย จากนั้นก็ตบเข้าไปอย่างจังตอนขณะที่เขารีบหลบสายตา

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธจัด นิ้วมือสั่นเทาขณะชี้หน้าหลานชายในไส้ “สวะ เศษสวะจริง ๆ!”

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตลอดชีวิตที่ตนเองคอยเฝ้าระมัดระวังสุดท้ายกลับต้องมาถูกทำลายด้วยเหตุผลที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้

ซ่งชิงมองดูศึกภายในตระกูลซ่งด้วยใบหน้าเย็นชา พวกนั้นเคยมองว่าเขาเป็นเพียงแมลงตัวเล็ก ๆ ที่จะเหยียบย่ำให้ตายเมื่อไรก็ได้ เกรงว่าคงจะคาดไม่ถึง ว่าแมลงตัวเล็ก ๆ ก็กัดคนได้เหมือนกัน ทั้งยังมีพิษอีกด้วย

“เจ้า รู้หรือไม่ว่าตัวเองทำอะไรลงไป กลัวว่าตายไปแล้วชื่อเสียงตัวเองจะไม่ฉาวโฉ่หรือ!”

บิดาของซ่งชิงก็ซวยไปด้วยโดนตบไปถึงสองที หลังจากได้สติเขาก็มองซ่งชิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น

แม้ว่าซ่งชิงจะนั่งอยู่บนรถเข็น ทว่ากลับก้มมองคนตระกูลซ่งอย่างดูแคลน

“ข้ากลัวสิ ข้ากลัวแต่เพียงว่าจะไม่ได้ล้างแค้นให้ท่านพี่กับท่านแม่ด้วยมือของข้าเอง ตอนนั้นท่านปิดบังฐานะรวมถึงเรื่องที่แต่งงานแล้ว ปลอมแปลงตัวตนเพื่อเข้าใกล้ท่านแม่ โกหกหลอกลวงจนครอบครัวของท่านแม่ต้องตกระกำลำบาก แต่สิ่งที่ท่านไม่ควรอย่างยิ่งคือสังหารครอบครัวของท่านตาและยึดทรัพย์สมบัติของพวกเขา วางยาพิษฆ่าท่านแม่กับท่านพี่ รวมถึงข้าด้วย”

เขาลูบไล้ไปบนขาที่ไม่มีวันจะลุกขึ้นยืนได้อีก “ท่านสมควรตาย สกุลซ่งก็เช่นกัน”

บัดนี้บิดาสกุลซ่งเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาจริง ๆ “ข้าไม่ได้ทำ เป็นฝีมือของหญิงชั่วนั่นต่างหาก!”

ซ่งชิงมองดูชายไร้ค่าที่ไม่คู่ควรกับท่านแม่และตระกูลของนางแม้แต่น้อย

ในที่สุดสกุลซ่งตั้งแต่ผู้มีอำนาจไปจนถึงคนตัวเล็กตัวน้อยก็ถูกจับเข้าคุก ซ่งชิงรู้สึกโล่งใจท่ามกลางเสียงก่นด่าสาปแช่งจากคนสกุลซ่ง

ในที่สุดเขาก็ได้ล้างแค้นให้กับทุกคนแล้ว

เมื่อกลับเข้าประจำที่ คนข้าง ๆ ก็ตบไหล่เขาเบา ๆ

เป็นซูไหวนั่นเอง หรือก็คือเจ้ากรมพิธีการคนปัจจุบันที่วิพากษ์วิจารณ์องค์ชายห้าแห่งต้าหานก่อนหน้านี้

พวกเขาได้รับคัดเลือกมาพร้อมกัน เดิมมิได้รู้จักกันแต่แรก ด้วยเพราะพวกเขาเป็นลูกที่เกิดจากอนุภรรยา ทั้งยังถูกกดขี่ข่มเหง การอาศัยในจวนที่ชีวิตราวกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ยากเย็นแสนเข็ญพออยู่แล้ว ไหนเลยจะมีแก่ใจและเวลาไปมีเพื่อนฝูง

แต่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างดีทีเดียว

อย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีเพื่อตอบแทนด้วยสำนึกในบุญคุณของฝ่าบาท

หลังจากที่หนานกงสือเยวียนเก็บกวาดทุกคนจนหมด การต่อสู้กับเหล่าตระกูลชั้นสูงก็นับว่าสงบได้ช่วงเวลาหนึ่ง

แม้แต่ซ่งไท่ซือยังตกที่นั่งลำบาก บรรดาตระกูลเล็ก ๆ ที่ยังไม่ถูกลากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

ทูตจากนานาอาณาจักรได้ประจักษ์ชัดถึงความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ต้าเซี่ยด้วยตาของตัวเอง บัดนี้บรรดาพวกทูตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างลับ ๆ ก็เริ่มพากันหวาดกลัวจนอยากหายตัวไปให้พ้น ๆ

ด้วยกลัวว่าหนานกงสือเยวียนจะสังเกตเห็นตน

หนานกงสือเยวียนเพียงใช้สายตาเย็นชาทอดบรรดาคนที่ร้อนตัว จากนั้นก็ชูจอกสุราขึ้น “ให้ทุกท่านเห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว กำจัดพวกแมลงตัวน้อยไปเสียหลายตัว หากว่าทุกท่านชอบต้าเซี่ยก็อยู่ต่ออีกหน่อย เมืองหลวงของต้าเซี่ยยังมีสถานที่ให้เที่ยวชมอีกมาก หากว่าไม่ชอบก็อย่าก่อเรื่องอะไรที่มันน่าอายแล้วรีบกลับไปเสีย”

นี่เป็นคำเตือนถึงพวกนั้นว่าอย่าได้คิดทำอะไรในถิ่นของเขา มิเช่นนั้นแล้วเขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่

บรรดาทูตที่นั่งอยู่เบื้องล่างพากันเหงื่อท่วมตัว รีบพยักหน้าประจบโดยพลัน

งานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลงแล้ว แม้จะวุ่นวายไปเสียหน่อย แต่หนานกงสือเยวียนก็พอใจกับผลลัพธ์มากทีเดียว

ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว จึงมีการจุดเทียนภายในตำหนักฉินเจิ้ง เมื่อซ่งชิงและคนอื่น ๆ รายงานภารกิจของตนเองเสร็จสิ้น หนานกงสือเยวียนก็ตกรางวัลด้วยเครื่องลายคราม สุรา และเงินทอง

“เครื่องลายครามและสุราที่ข้ามอบให้ หากรู้สึกว่ามีมากเกินไปจะนำไปขายให้พวกพ่อค้าก็ย่อมได้ ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องยินดีรับมันไว้”

โดยปกติแล้วข้าวของที่ฮ่องเต้พระราชทานไม่สามารถมอบให้คนอื่นหรือนำไปขายได้ แม้ว่าของเหล่านั้นจะวางทิ้งร้างอยู่ในบ้านก็ตาม

แต่หนานกงสือเยวียนไม่ได้ยึดถือธรรมเนียมเท่าใดนัก เขารู้ดีว่ายามที่บรรดาขุนนางของตัวเองจากบ้านมาก็แทบไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวมาเลยนอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่

บ้านเรือนอยู่อาศัยเขาก็เป็นผู้มอบให้ หากว่ามิได้ตกรางวัลให้เป็นพิเศษทุกครั้งที่เหล่าขุนนางหนุ่มสร้างผลงาน เกรงว่าพวกเขาคงจะยากจนข้นแค้นยิ่งกว่าขอทานเสียอีก

แต่ถึงอย่างไร รางวัลที่ได้รับก็ล้วนแต่อาศัยความสามารถของพวกเขาเอง ข้าวของที่ประทานให้มิใช่ให้นำกลับไปวางให้ฝุ่นจับ ดังนั้นจึงพระราชทานอนุญาตให้นำไปขายได้เป็นกรณีพิเศษ

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

ทุกคนต่างรู้สึกซาบซึ้งในความพระทัยกว้างของฝ่าบาท ทั้งยังทรงคำนึงถึงพวกเขา ฝ่าบาทเป็นผู้มอบเกียรติศักดิ์ศรีรวมถึงชีวิตให้ ชั่วชีวิตนี้จะขอภักดีต่อต้าเซี่ย และให้การสนับสนุนต่อทุกการตัดสินใจของฝ่าบาท

และเพราะเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายหากหนานกงสือเยวียนคิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในอนาคต

ด้วยเพราะขุนนางน้อยใหญ่ในราชสำนักล้วนหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขา และพร้อมสนับสนุนโดยไร้เงื่อนไขใด ๆ มีหรือที่ฝ่าบาทผู้ปรีชาสามารถของพวกเขาจะทำพลาด?

รูปแบบความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดระหว่างฮ่องเต้กับขุนนางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต้องถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ให้เป็นที่กล่าวขานในหมู่คนรุ่นหลัง

แน่นอนว่าเรื่องนี้รอได้ บัดนี้บรรดาผู้ปลาบปลื้มของหนานกงสือเยวียนก็ออกจากตำหนักฉินเจิ้ง

เมื่อเดินมาถึงด้านนอกก็พบกับเหล่าองค์ชายและองค์หญิงเดินมาจากตำหนักปีกข้าง

“คารวะองค์ชาย องค์หญิง”

เสี่ยวเป่าอุ้มเจ้าจิ้งจอกตัวอ้วน พร้อมกับคารวะตอบ

“คารวะท่านใต้เท้า”

จากนั้นพวกเขาก็เดินสวนจากไป เสี่ยวเป่ากับบรรดาพี่ชายเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง

“ท่านพ่อ”

เจ้าก้อนแป้งนำโชควิ่งตรงไปหาบิดาของตน โดยมีต่อหลายตัวกระพือปีกอยู่ที่ด้านหลังศีรษะ

หนานกงสือเยวียนช่วยปัดเศษหิมะบนเส้นผมของนาง “เจ้าส่งรังต่อกลับไปแล้วหรือ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเป่าก็รู้สึกเขินอาย “ท่านพ่อเก่งเกินไป เลยไม่ได้ใช้พวกมันเพคะ”

“แค่เผื่อเอาไว้” แต่เขาไม่ได้คาดคิดไว้ว่าเสี่ยวเป่าจะย้ายมาทั้งรังเช่นนี้

มือที่หยาบกร้านแตะลงบนแก้มอวบอ้วนของเสี่ยวเป่า ใบหน้าเย็นเล็กน้อยเพราะเพิ่งมาจากข้างนอก

ไม่ช้าหนานกงสือเยวียนก็ให้ความอบอุ่นแก่นาง

จากนั้นก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้กับบรรดาลูก ๆ ได้ฟัง และถือโอกาสชี้แนะพวกเขา พร้อมกับมอบหมายหน้าที่

แน่นอนว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่เรื่องสุดท้าย แม้ว่าจะจับตัวคนทำผิดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบ

ทั้งเรื่องที่ต้องค้นบ้านและยึดทรัพย์สิน ทั้งพวกที่ต้องถูกเนรเทศ และที่สำคัญที่สุดก็คือตระกูลฝั่งมารดาขององค์ชายสี่ องค์ชายเจ็ดและองค์ชายแปดก็รวมอยู่ในบรรดาคนเหล่านั้นด้วยเช่นกัน

เขาจ้องมององค์ชายทั้งสามที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ที่พื้น “บอกเสด็จแม่ของพวกเจ้า ข้าจะให้โอกาสพวกเขา คายข้าวของเงินทองที่ทุจริตไปคืนมาให้หมด เมื่อไปจากเมืองหลวงแล้วก็ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว หากข้าเห็นว่าพวกเขากระทำการใด ๆ อีก อย่าหวังว่าจะได้ความเมตตาจากข้าอีก”

ทั้งสามมองเสด็จพ่อด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณ เดิมทีพวกเขาตั้งใจมาเพื่อขอความเมตตา ไม่ขอสิ่งอื่นใด ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้เป็นพอ

พวกเขาเองก็รู้ดีว่าครอบครัวมารดาของตนทำเรื่องชั่วช้าไปมากมายเพียงใด จึงมิได้คาดหวังมากจนเกินไปนัก

แต่มิได้คาดคิดเลยว่าเสด็จพ่อจะนึกถึงพวกเขาก่อนจะได้เอ่ยปากเสียอีก

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”

องค์ชายสี่ร้องไห้พร้อมกับโค้งคำนับไปด้วย ตัวใหญ่สุดทั้งยังร้องไห้เสียงดังที่สุด หนานกงสือเยวียนมองด้วยสายตาอ่อนใจ

เขากระตุกมุมปาก “เอาละ ออกไปได้แล้ว”

—————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด