เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 438 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
บทที่ 438 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
บทที่ 438 เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
พ่อค้าอยากได้ชุดตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของเสี่ยวเป่าจึงกัดฟันพูด
“หากว่าคุณหนูอยากรู้จริง ๆ ข้าสามารถพากองคาราวานไปยังทุ่งหญ้าได้ ข้าเดาว่าหลังจากฤดูเก็บเกี่ยวพวกเขาจะออกจากภูเขาหิมะเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าอีกครั้ง แต่จะได้เจอพวกเขาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคแล้ว”
เสี่ยวเป่าไม่อยากพลาดโอกาสนี้จึงตอบตกลง แต่ให้ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบแก่เขาเพียงแค่ครึ่งเดียว
“ข้าไม่ได้นำติดตัวมาด้วย เจ้ากลับไปกับข้า ข้าถึงจะเอาให้ได้ เจ้าอยากได้ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชุดโฉมงามหรือว่าชุดตำนานเทพบรรพกาลล่ะ”
เมื่อได้ฟังดวงตาของพ่อค้าก็พลันเป็นประกาย “คุณหนูช่วยบอกให้ละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่”
เสี่ยวเป่าอธิบายให้เขาฟังสั้น ๆ ชุดโฉมงามมีเทพธิดาเจ็ดตนกับสี่สาวงาม ชุดตำนานเทพบรรพกาลมีเทพเจ้าโบราณอย่างผานกู่ ซานชิง และหนี่ว์วา
แต่ละชุดต่างก็มีข้อดี ชุดโฉมงามเต็มไปด้วยสาวงาม ไม่ว่าจะสีสันหรือว่ารูปร่างล้วนแต่ดูสบายตา ชุดตำนานเทพบรรพกาลมีอิริยาบถเป็นของตัวเอง อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นเทพบุรุษ แน่นอนว่างดงามไม่แพ้กัน แต่เป็นความงดงามของมัดกล้าม หากว่าคนซื้อเป็นผู้ชายก็ควรรู้ตำนานเรื่องเล่าของพวกเขาจะดีที่สุด
“ข้าเอาชุดโฉมงาม”
พ่อค้าตอบหลังจากครุ่นคิดสักพัก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ซื้อเพื่อสะสมไว้เอง แต่ซื้อมาเพื่อขายต่อ แน่นอนว่ายิ่งสวยงามเท่าไรก็ยิ่งดี อันที่จริงเขาเองก็สนใจชุดตำนานเทพบรรพกาลเช่นกัน เทพบรรพกาล ได้ฟังแล้วก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางได้ทุกอย่างที่ต้องการ!
พ่อค้าเองก็มอบเขี้ยวสัตว์อันใหญ่ให้เสี่ยวเป่าอย่างรู้งาน
เมื่อกลับมาถึง เสี่ยวเป่าก็มอบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบสี่สาวงามให้เขา รวมถึงให้เขาดูตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเทพธิดาทั้งเจ็ด หากว่าอยากให้ลาทำงาน ก็จำต้องห้อยหูหลัวปัวไว้ข้างหน้า
เป็นดังคาด พ่อค้ากอดตุ๊กตากระเบื้องเคลือบไว้ในอ้อมแขนราวกับสมบัติล้ำค่า และยิ่งฮึกเหิมขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็นเทพธิดาทั้งเจ็ดที่เสี่ยวเป่านำออกมา จนแทบอยากพาเสี่ยวเป่าไปพบเผ่าเทียนกู่น่าที่ทุ่งหญ้าเสียตอนนี้เลย
เสี่ยวเป่าพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างยิ่ง นับว่านางหลักแหลมไม่เบา!
ยิ่งไปกว่านั้นนางเพิ่งมาถึงชายแดนได้เพียงวันเดียวก็มีข่าวคราวของฉางเซิงเทียน หากอยู่ต่ออีกหน่อยอาจได้ไหมเหมันต์กับโสมเหมันต์มาครอบครองก็ได้
เสี่ยวเป่าครุ่นคิดอย่างมีความสุข แน่นอนว่าไม่ลืมเจ้านกหลายตัวที่นางพากลับมาด้วย
เสือสองตัวยืนเคียงข้างเสี่ยวเป่า พลางจ้องมองเจ้าสัตว์มีปีกที่มาใหม่ตาเป็นมัน
นกยูงกอดกันกลมตัวสั่นงันงก เหยี่ยวไห่ตงชิงที่หิวโซจนเห็นหนังหุ้มกระดูกยังคงดุร้ายไม่เบา นัยน์ตามัวหมองดูเฉียบคมราวกับสามารถบินออกไปต่อสู้กับเสือสองตัวได้เป็นร้อย ๆ รอบ
เสี่ยวเป่ากลัวว่าพวกเสือจะทำให้พวกมันกลัวจนสิ้นใจ จึงรีบไล่เฮยไป๋อู๋ฉางออกไปให้พ้นลานบ้าน
นางสั่งให้คนนำน้ำ เนื้อสัตว์ และผลไม้มาให้ จากนั้นก็ตั้งใจจะปล่อยไห่ตงชิงออกจากกรง
“มิได้นะเพคะองค์หญิง ไห่ตงชิงตัวนี้ดูดุร้ายนัก ระวังนะเพคะ”
เสี่ยวเป่า “ข้าไม่กลัว”
ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของชุนสี่และคนอื่น ๆ เสี่ยวเป่ามิเพียงเปิดประตูกรง แต่ยังอุ้มไห่ตงชิงออกมาอีกด้วย
แม้ว่าเจ้าไห่ตงชิงที่ดูดุร้ายน่ากลัวจะยังคงระแวดระวัง แต่ก็มิได้โจมตีเสี่ยวเป่าแต่อย่างใด อีกทั้งขนที่พองฟูก็กลับไปเรียบดังเดิมหลังจากเสี่ยวเป่าลูบไม่กี่ครั้ง
เสี่ยวเป่าสงสารจับใจ นางไม่รู้สึกถึงน้ำหนักเลยสักนิดยามที่อุ้มไห่ตงชิงตัวนี้
ขณะที่นางลูบขนให้เจ้าไห่ตงชิงก็ยังมิวายถ่ายเทพลังวิญญาณให้กับมัน
ในที่สุดไห่ตงชิงก็ร้องออกมาเสียงแหบแห้ง หัวที่ตั้งชันซบลงบนแขนเสี่ยวเป่าอย่างนุ่มนวล มันแสดงด้านที่อ่อนแอที่สุดให้เสี่ยวเป่าได้เห็น
เสี่ยวเป่าลูบขนไห่ตงชิงด้วยความสงสาร
“ไม่ต้องกลัว ๆ ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว”
นางเริ่มป้อนเนื้อสับและน้ำให้มัน
บัดนี้ไห่ตงชิงที่หิวโหยมาหลายวันก็เริ่มกินอย่างมูมมาม
ชุนสี่กับสาวใช้คนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน
พวกนางกำนัลที่ตามมาจากวังหลวงยังไม่เท่าไร ล้วนเก็บสีหน้าได้เป็นอย่างดี
แต่บรรดาสาวใช้ที่เติบโตในชายแดนแห่งนี้ล้วนตกใจจนร้องเสียงหลง
เมื่อเห็นชุนสี่มองมาก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นและเขินอาย
“องค์หญิงเป็นเทพธิดาจริง ๆ ใช่หรือไม่ ไห่ตงชิงที่แม้แต่เผ่าเหยี่ยวทมิฬยังเลี้ยงให้เชื่องไม่ได้กลับสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่ต่อหน้านาง”
เผ่าเหยี่ยวทมิฬก็เป็นชนเผ่าทุ่งหญ้าเช่นกัน มีชื่อเสียงด้านการฝึกนกเหยี่ยว เหยี่ยวที่เผ่าซยงหนูใช้ในการลาดตระเวนก็ได้มาจากเผ่าของพวกเขา
แต่มีเหยี่ยวบางชนิดที่ฝึกอย่างไรก็ไร้หนทางทำให้เชื่อง และไห่ตงชิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่ชายแดนล้วนแต่เคารพบูชาผู้แข็งแกร่ง และชนเผ่ามากมายที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าก็ใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์
ถึงแม้เสี่ยวเป่าจะมิใช่ผู้แข็งแกร่ง แต่ลำพังแค่เรื่องที่นางสามารถทำให้ราชาแห่งผืนฟ้าและพื้นดินยอมจำนน ย่อมได้รับความเคารพในฐานะผู้สูงศักดิ์เมื่อไปถึงทุ่งหญ้าอย่างมิต้องสงสัย
แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเป่าไม่มีแผนที่จะไปเป็นผู้สูงศักดิ์ที่เผ่าทุ่งหญ้า
หลังจากที่ไห่ตงชิงสงบลงแล้ว นางก็ไปป้อนอาหารให้ลูกนกสองตัวที่เหลือ
เช่นเดียวกับไห่ตงชิงตัวเต็มวัย ลูกนกทั้งสองตัวกินอาหารที่นางป้อนให้อย่างเชื่อฟัง
จากนั้นไห่ตงชิงสามตัวก็ซุกตัวอยู่ด้วยกันและหลับไป
เสี่ยวเป่าจึงเดินไปดูนกยูงอีกสองตัว
สถานการณ์ของนกยูงแท้จริงแล้วคือพวกมันไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ทั้งยังอ่อนแอบอบบางกว่าไห่ตงชิงมากนัก
ทว่าหลังจากได้รับพลังวิญญาณของเสี่ยวเป่าพวกมันก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาก และกินอาหารได้ด้วยตัวเอง
เสี่ยวเป่าขลุกอยู่กับพวกนกแทบจะตลอดทั้งบ่าย จนแม้แต่เฮยไป๋อู๋ฉางยังอิจฉา และวิ่งกลับไปที่ลานบ้านเพื่อพาเจ้าตัวออกมา
ว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ยามเมื่อเผชิญหน้าก็เป็นอันต้องสู้กันอยู่ร่ำไป
แม้ว่าไห่ตงชิงจะมีสภาพอ่อนแอแต่ก็ยังประชันกับเสือทั้งสองตัว ท้ายที่สุดทั้งขนนกขนเสือก็ปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า ไห่ตงชิงเกือบตายด้วยคมเขี้ยวของเสือ และเป็นเสี่ยวเป่าที่ล้วงไห่ตงชิงออกมาจากปากที่ชุ่มไปด้วยเลือดของไป๋อู๋ฉาง
“เฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง พวกเจ้ารีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เสือทั้งสองไม่ยอมแพ้ เหตุใดเจ้าถึงได้ใหม่แล้วลืมเก่าเช่นนี้เล่า วันนี้พวกมันจะต้องถอนขนเจ้านกตัวนี้แล้วกินให้ได้!
เจ้าไห่ตงชิงเองก็พร้อมที่จะสู้จนตัวตายเช่นกัน
เสี่ยวเป่า “…”
ข้าก็แค่หลายใจไปหน่อย มิได้ทอดทิ้งใครเสียหน่อยนะ
ในที่สุดก็สามารถเกลี้ยกล่อมเสือสองพี่น้องให้ออกไปอย่างยากลำบาก จากนั้นก็ใส่ยาและทำแผลทั้งของเก่าและใหม่ให้เจ้าไห่ตงชิง และกดมันลงข้าง ๆ ลูกนกสองตัว
“นอนซะ พักผ่อนเยอะ ๆ จะได้บินได้เร็ว ๆ พวกเจ้าเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะบินเหมือนกันนะ”
นางยังหวังด้วยว่าเจ้านกทั้งสามตัวนี้จะกลายเป็นผู้ส่งสารให้นางและท่านพ่อในอนาคต
ส่วนคำถามที่ว่าเมื่อหายดีแล้ว ไห่ตงชิงจะบินหนีไปหรือไม่นั้น เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน นางมีเสน่ห์ถึงเพียงนี้ พวกมันจะทำใจทอดทิ้งนางลงได้อย่างไรกัน
เสี่ยวเป่าหลงตัวเองน่าดู หลังจากจัดที่ทางให้ไห่ตงชิงกับนกยูงแล้ว ก็ออกไปหาพวกเสืออีกครั้ง
เจ้าสองตัวนี้ยังโกรธอยู่ เสี่ยวเป่าอุ้มแตงโมไปง้อก็ยังไม่หายงอน
พี่รองปลูกแตงโมไว้ที่นี่มากมาย แต่ไม่ว่าจะปลูกเท่าไรก็ไม่เพียงพอสำหรับเลี้ยงชีพทั้งกองทัพ
“เฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง~~~”
เสือสองตัวนั่งหันหลังให้นางอยู่ในลานกว้างโดยไม่สนใจ พวกมันโกรธมาก!
เสี่ยวเป่าถอนหายใจ : ‘วังหลังเป็นที่ของโฉมสะคราญสามพันนาง*[1]’ เสือรูปงามสองตัวโกรธ นางก็ต้องไปง้อ หากว่าไม่หายคงจะโกรธไปอีกหลายวันเลยเชียว!
เป็นนางช่างลำบากยิ่งนัก!
[1] วังหลังเป็นที่ของโฉมสะคราญสามพันนาง หมายถึง ในวังหลังของฮ่องเต้เต็มไปด้วยหญิงงามจำนวนมาก
……………………………..
Comments