เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 92 องค์ชายสามผู้น่าสงสาร

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 92 องค์ชายสามผู้น่าสงสาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 92 องค์ชายสามผู้น่าสงสาร

บทที่ 92 องค์ชายสามผู้น่าสงสาร

หนานกงฉีจวินไม่รอช้า เขาอ้าปากกัดผลเฉ่าเหมยทันทีที่ได้มันมา

“อื้ม!!!” 

รสชาตินี้มัน… อร่อยเกินไปแล้ว!  

มันเป็นรสชาติที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ทั้งหวานสดชื่น และอมรสเปรี้ยวเล็กน้อยตัดความหวานให้รสชาติลงตัวกำลังดี กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำ ยิ่งไปกว่านั้นคือมันไม่มีแกน!

กัดเพียงคำเดียวก็เหมือนได้ลอยล่องอยู่บนสรวงสวรรค์!  

หลังจากหนานกงฉีจวินกลืนเฉ่าเหมยคำนี้ ทั้งรสชาติและกลิ่นของมันยังคงอบอวลราวกับมีเฉ่าเหมยล่องลอยอยู่ทั่วห้องหนังสือ

เมื่อเห็นเขากินท่าทางเอร็ดอร่อย ทุกคนก็กลืนน้ำลายตาม

หลีรุ่นหยิบเฉ่าเหมยขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ “ในเมื่อองค์หญิงมอบสิ่งนี้ให้ทุกคนแล้ว เช่นนั้นก็กินเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยเรียนต่อ”

หากยังปล่อยให้ผลไม้นี่ลอยวนอยู่ตรงหน้า เกรงว่าเหล่าองค์ชายจะไม่มีกะจิตกะใจเล่าเรียนเป็นแน่  

เหล่าองค์ชายรีบพยักหน้ารับด้วยความยินดี ทว่าเพียงคราแรกที่เรียวลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติอันโอชะ เขาจึงเข้าใจทันทีว่าเหตุใดเสี่ยวปาถึงมีสีหน้าเช่นนั้น  

หลีรุ่นก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน“องค์หญิงได้ผลไม้นี้มาจากที่ใด เหตุใดกระหม่อมไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยพ่ะย่ะค่ะ?” 

 

เสี่ยวเป่ากลอกตาไปมาพลางครุ่นคิดในใจ เรื่องนี้… หากจะบอกไปตามตรงว่าจู่ ๆ มันก็โผล่ขึ้นมาเองก็คงจะไม่ได้

“เสี่ยวเป่าซื้อมันมาจากข้างนอกระหว่างที่เดินทางกลับมา!”  

นางเอ่ยเสียงดัง ทว่าฟังดูร้อนรนมาก 

แต่หลีรุ่นกลับไม่คิดเอะใจเลยสักนิด “ไม่ทราบว่าองค์หญิงจะทรงเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ได้หรือไม่? กระหม่อมอยากจะแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์กับท่าน”  

เฉ่าเหมยผลนี้มีรสชาติดีไม่น้อย ซ้ำยังเคี้ยวง่ายเสียด้วย จู่ ๆ หลีรุ่นก็นึกถึงมารดาวัยหกสิบปีของตนเองขึ้นมา 

ฟันของหญิงชราหลุดแทบหมดปาก ความอยากอาหารก็น้อยลงเรื่อย ๆ เขานึกเสียใจที่กินเฉ่าเหมยผลนี้ไปแล้ว ควรเอากลับไปให้ท่านแม่ที่แก่ชราแล้วของเขาได้ลองชิม

เสี่ยวเป่าเห็นว่าเขาเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ จึงตอบด้วยความกระตือรือร้นทันที “ต้องรออีกสักพักหนึ่งให้เสี่ยวเป่าเพาะพันธุ์เจ้านี่ก่อนนะ ไม่ต้องห่วง เสี่ยวเป่าจะเก็บไว้ให้ท่านราชครูแน่นอน”  

“ข้าด้วย ๆ ข้าก็อยากได้เหมือนกัน!”  

หนานกงฉีจวินไม่เคยสนอกสนใจสิ่งที่เรียกว่าเฉ่าเหมยขนาดนี้มาก่อน ทว่าตอนนี้เขากลับสนใจยิ่งกว่าสนใจเสียอีก!  

เสี่ยวเป่าคลี่ยิ้มกว้างจนตาปิดพลางพยักหน้าหงึก ๆ “เสี่ยวเป่าจะเก็บไว้ให้ทุกคนเลย”

หลังจากทุกคนทานเฉ่าเหมยเรียบร้อยหมดแล้วราชครูก็เริ่มสอน เหล่าองค์ชายนั่งประจำที่ของตนที่อยู่ทางด้านหน้าคนสอนก็รีบนั่งตัวตรงทันที

แต่ต้องบอกว่า หลีรุ่นนั้นเป็นผู้มีความสามารถในการสอนสมกับเป็นราชครูจริง ๆ

การสอนของเขานั้นมีทั้งระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับที่ยากขึ้น และยังเข้าใจว่าคนแต่ละคนมีสามารถในการเรียนรู้แตกต่างกัน จึงปรับเนื้อหาบทเรียนตามความเหมาะสมเพื่อให้ทุกคนเข้าใจบทเรียนอย่างถ่องแท้

แต่เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจสิ่งใดเลย มีเพียงเนื้อหาง่าย ๆ ขั้นพื้นฐานเท่านั้นที่นางพอเข้าใจ ถึงอย่างนั้นราชครูก็ไม่ทิ้งนางไว้ข้างหลัง เขาเริ่มสอนนางใหม่ตั้งแต่บทเรียนขั้นพื้นฐาน

เมื่อบทเรียนแรกผ่านไป เสี่ยวเป่าก็รู้สึกประทับใจราชครูผู้นี้อยู่ไม่น้อย

เมื่อเรียนเสร็จ เหล่าขันทีก็เดินเรียงแถวเข้ามาพร้อมกับอาหาร ชุนสี่นางกำนัลข้างกายของเสี่ยวเป่าก็นำอาหารมาให้นางเช่นเดียวกัน  

ทุกคนกลับไปทานอาหารที่ห้องของตนตามปกติ แน่นอนว่าเสี่ยวเป่าไม่มีห้องที่นี่ นางจึงไม่ได้นั่งทานอาหารส่วนของตนดี ๆ แต่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องนั้นห้องนี้เพื่อไปทานอาหารกับเหล่าพี่ชาย

นางถึงได้ค้นพบบางอย่างที่ผิดปกติอย่างชัดเจน  

ในสำรับอาหารของพี่ชายคนอื่น ๆ นอกจากอาหารที่ถูกจัดเตรียมให้เหมือนกันแล้ว ยังมีอาหารที่มีเนื้อสัตว์บางส่วนเพิ่มมาเป็นพิเศษด้วย

ยกเว้นพี่สาม…  

สำรับอาหารของพี่สามล้วนอยู่ในระเบียบไม่มีส่วนเกิน ข้าวของเครื่องใช้ในห้องก็ดูเรียบง่าย และมีน้อยกว่าพี่ชายคนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด  

เสี่ยวเป่าที่ยามนี้นั่งอยู่ข้าง ๆ พี่สามจึงพยายามแบ่งลูกชิ้นหัวสิงโต*[1] ส่วนของตนก่อนจะคีบใส่ถ้วยข้าวเขา

 

หนานกงฉีอวิ๋นหลุบสายตาก้มมองนาง  

เสี่ยวเป่าจึงขยิบตาให้เขา แล้วนางก็ขยับเข้าไปคลอเคลียแขนพี่สามด้วยหัวน้อย ๆ

  

“ท่านพี่ เสี่ยวเป่ากินเยอะไม่ได้ ท่านพี่ช่วยเสี่ยวเป่ากินหน่อยนะเพคะ~”

การออดอ้อนเช่นนี้ไม่มีผู้ใดเก่งไปกว่าเสี่ยวเป่าแล้ว

หนานกงฉีอวิ๋นหลุบตาเล็กน้อย พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวตัวน้อย

“ได้สิ”  

สองพี่น้องนั่งทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าก็ต้องบอกลาเพื่อกลับไปหาท่านพ่อ นางยังต้องไปส่งของที่เตรียมไว้ให้พี่รองด้วย

“ท่านพี่ทั้งหลาย เสี่ยวเป่าไปก่อนนะ~”  

หนานกงฉีจวิน “น้องหญิง หากมีเวลาว่างก็อย่าลืมมาเล่นกับพวกเรานะ!” 

 

เสี่ยวเป่าขานรับ “รับทราบ~”  

จากนั้นนางก็พาเสี่ยวไป๋กับเฟิงเฟิงกระโดดดึ๋ง ๆ จากไป

ระหว่างทางกลับ เสี่ยวเป่าคว้าตัวชุนสี่มาถามเรื่องราวของพี่สาม 

“องค์ชายสามน่ะหรือเพคะ…”  

ชุนสี่ “ไม่ใช่ว่าทางห้องเครื่องจงใจปฏิบัติต่อองค์ชายสามอย่างไม่เท่าเทียม เพียงแต่อาหารจานพิเศษในสำรับอาหารขององค์ชายองค์อื่น ๆ นั้น ทางห้องเครื่องได้รับคำสั่งจากเสด็จแม่ของพวกเขา และค่าอาหารในส่วนนั้นพระสนมทุกท่านจะต้องออกด้วยตนเอง  

แต่องค์ชายสามมีเพียงแม่นมและคนเก่าคนแก่ที่พระสนมหรงทิ้งเอาไว้ให้ คนเก่าคนแก่เหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงในวังหลวง ทั้งยังเป็นเพียงข้ารับใช้ที่ปกติแล้วไม่สามารถย่างกรายผ่านห้องเครื่อง หากพวกเขาอยากจะช่วยเหลือองค์ชายสาม ก็ทำได้เพียงเย็บเสื้อผ้าให้ได้มากสุดแค่หนึ่งถึงสองชุด แต่เรื่องอื่น ๆ นั้นมิอาจช่วยได้เพคะ”

วังหลังในยามนี้สงบสุขและมั่นคงที่สุดเท่าที่ชุนสี่เคยเห็น เหล่าองค์ชายเติบโตมาด้วยกัน ได้เฝ้ามองการเติบโตของน้องชาย เป็นความสัมพันธ์ที่หาได้ยากยิ่งจากเหล่าองค์ชายในอดีต ไม่มีพระสนมคนใดคอยเป่าหูยุยงพวกเขาได้ ไม่มีองค์ชายคนใดใช้ประโยชน์จากอำนาจของตนเพื่อกลั่นแกล้งองค์ชายที่อ่อนแอกว่า  

ด้วยเหตุนี้ แม้องค์ชายสามจะมีชีวิตที่มืดมนท่ามกลางเหล่าองค์ชายที่ดูสว่างไสว ไร้ซึ่งความรักความห่วงใยจากผู้เป็นมารดาที่จากไปเร็วเกินไป แต่เขาก็ไม่เคยถูกรังแก  

ความลับบางอย่างที่นางพอจะรู้ก็คือ ในรัชสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อนนั้น เซียวเหยาอ๋องและเจิ้นหนานอ๋องในตอนนี้ต่างก็เคยถูกรังแกอย่างน่าสงสาร

เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างใช้ความคิด ทว่าชั่วพริบตา นัยน์ตาของนางก็ลุกโชนด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าพร้อมชูกำปั้นน้อย ๆ ขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า 

“ไม่เป็นไร นับจากนี้เสี่ยวเป่าจะเป็นคนส่งอาหารให้พี่สามเอง!”  

ต่อจากนี้พี่สามของนางจะต้องได้รับสิ่งของเหมือนกับพี่ชายคนอื่น ๆ!  

หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เจ้าก้อนแป้งก็หอบของที่จะส่งไปให้พี่รองให้เป็นหน้าที่ของท่านพ่อในขั้นต่อไป จากนั้นก็วิ่งตรงไปยังห้องเครื่อง

หัวหน้าพ่อครัวอู๋ประจำห้องเครื่องคุ้นเคยกับเสี่ยวเป่าเป็นอย่างดี พอเห็นนางมาก็คลี่ยิ้มกว้างทันที

  

“องค์หญิงทรงอยากเสวยสิ่งใดอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะตั้งใจทำให้พระองค์สุดฝีมือ!”  

เสี่ยวเป่าโบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ใช่อย่างนั้น ๆ เหล่าอู๋ เสี่ยวเป่ามาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยด้วย”  

ท่ายืนมือไพล่หลังอย่างกับคนแก่ของนางนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก  

พ่อครัวอู๋คลี่ยิ้มออกมาอีกครั้ง “องค์หญิงโปรดบัญชามาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงเป็นสิ่งที่เหล่าอู๋ผู้นี้ทำได้ก็จะทำตามที่พระองค์ต้องการด้วยความยินดี”

  

เสี่ยวเป่าจึงบอกเขาไปตามตรง “ต่อไปนี้ช่วยเพิ่มเนื้อสัตว์ในสำรับอาหารของพี่สามได้หรือไม่ พี่สามของข้าตอนนี้ดูซูบผอมมาก ข้าคิดว่าท่านพี่ควรได้สารอาหารมากกว่านี้…”  

เสี่ยวเป่าร่ายยาวมาก แต่พ่อครัวอู๋รับรู้จุดประสงค์แล้ว องค์หญิงน้อยผู้อ่อนโยนมาที่นี่ เพราะเรื่องกล่องข้าวน้อยขององค์ชายสามผู้น่าสงสารที่ขาดเสด็จแม่ตั้งแต่เยาว์วัย!  

แน่นอนว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ย่อมทำตามที่นางต้องการได้อย่างไม่มีปัญหา!

เขาให้คำมั่นอย่างขึงขัง “องค์หญิงโปรดวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเล็กน้อยนี้ฝากไว้กับกระหม่อม จากนี้ไปเหล่าอู๋จะดูแลสำรับอาหารทั้งสามมื้อขององค์ชายสามให้ดีทุกวัน!”

เสี่ยวเป่าได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมากจนต้องเขย่งเท้าเพื่อแปะ ๆ ต้นแขนเขา

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เสี่ยวเป่าจะเอาเฉ่าเหมยมาให้นะ”  

เหล่าอู๋ขำแห้งพลางยกสองมือขึ้นมาถูกัน “นั่นจะเป็นการรบกวนองค์หญิงเอานะพ่ะย่ะค่ะ แหะ ๆ”

เสี่ยวเป่าสาวน้อยใจป้ำ “ท่านเป็นคนดี เรื่องนี้สมควรแล้ว!” 

 

หลังจากตกลงกับพ่อครัวอู๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเป่าก็กลับไปหาท่านพ่อด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี

“ท่านพ่อ ๆ ท่านต้องพักผ่อนได้แล้ว ท่านทำงานนานเกินไปไม่ได้นะเพคะ เดี๋ยวสุขภาพจะแย่เอา!”  

เจ้าก้อนแป้งพาขาสั้น ๆ วิ่งพรวดเข้าไปอย่างรวดเร็ว พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าท่านพ่อแล้วนางก็เริ่มพร่ำบ่น

[1] ลูกชิ้นหัวสิงโต หรือลูกชิ้นแห่งความสุข หมายถึง หมูสับทอดตุ๋นผักกาดขาว ตั้งชื่อว่าหัวสิงโต เพราะลูกชิ้นมีขนาดใหญ่ อีกทั้งสิงโตยังถือเป็นสัตว์มงคลของชาวจีน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *