เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 457 คงเป็นเพราะนางถ่อมตัวกระมัง
บทที่ 457 คงเป็นเพราะนางถ่อมตัวกระมัง
บทที่ 457 คงเป็นเพราะนางถ่อมตัวกระมัง
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าเกิดขึ้นในเวลาต่อมา
บรรดานกนักล่าที่กำลังจับจ่ายซื้อของได้ยินว่าคุณหนูมาที่นี่ก็หมุนคอโดยพร้อมเพรียง จนกระทั่งเสี่ยวเป่าปรากฏตัว พวกมันก็กระพือปีกและบินเข้าไปด้วยความกระตือรือร้น
หากเป็นก่อนหน้านี้ผู้คนล้วนมองวิหคเทวะด้วยความเลื่อมใส ทว่าท่าทางของวิหคเทวะที่เจอเสี่ยวเป่าในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกเขาเลยสักนิด
ผู้ที่มาใหม่ต่างมีสีหน้าตกตะลึงเพราะไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน พวกเขาเบิกตากว้างขณะมองดูนกนักล่าที่ก่อนนี้ยังดูสามัคคี ทว่าบัดนี้กลับต่อสู้กันเองเพื่อแข่งว่าใครจะบินถึงก่อนกัน
ตัวที่โดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มยังคงเป็นเสี่ยวไต มันอาศัยร่างกายและกำลังพุ่งชนบรรดานกที่หวังจะแย่งชิงตำแหน่งกับมัน
“กะ… เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
พวกเขาตกใจตัวแข็งทื่อโดยสมบูรณ์ นี่มันเป็นการแสดงแบบไหนกัน
จะโทษพวกเขาไม่ได้หรอกนะ เรื่องแบบนี้อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่พ่อของพวกเขาก็ยังไม่เคยพบเคยเห็นด้วยซ้ำ!
คุณชายในชุดผ้าแพรที่อยู่ชั้นบนของเหลาอาหารก็นิ่งอึ้งไม่ต่างกัน จากนั้นพวกเขาก็นึกถึงเรื่องที่เจ้าของร้านคนนั้นเคยพูดโดยมิได้นัดหมาย
‘หากยังไม่เชื่อ บางทีพวกท่านอาจลองไปดูให้เห็นกับตาตรงนั้นก็ได้’
อ๊ะ…อย่าบอกนะ อย่าบอกนะว่าคือ…
“คุณชายมิต้องตกใจไป วิหคเทวะพวกนั้นมิเป็นไรหรอกขอรับ”
ผู้ที่กำลังพูดคือเสี่ยวเอ้อร์ประจำร้านที่ยกน้ำชามาให้พวกเขา
“สาวน้อยคนนั้นเป็นคนเลี้ยงนกนักล่าพวกนี้จริง ๆ น่ะหรือ แต่นางเพิ่งจะแปดขวบเองนะ”
“โอ๊ะ ที่แท้พวกคุณชายก็รู้ด้วยหรือ”
บรรดาคุณชายที่มองเขา “อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องจริง”
เสี่ยวเอ้อร์เกาหัวแกรก “เรื่องนี้หรือ จะว่าไปก็ลึกลับทีเดียว เคยมีคนถามคุณหนูคนนั้นอยู่เหมือนกัน ทว่านางไม่ยอมรับแล้วก็ไม่ปฏิเสธ แต่ดูจากท่าทีของวิหคเทวะพวกนั้นแล้ว พวกเราก็เดาได้ว่าคงจะเป็นเรื่องจริง”
“แต่ถ้าหากเป็นนางจริง ๆ แล้วทำไมนางต้องไม่ยอมรับด้วยเล่า”
นี่เป็นเรื่องที่น่าเกรงขามอย่างยิ่งในสายตาของพวกเขา
เสี่ยวเอ้อร์พูดขึ้นสีหน้าดูสับสน “คงเป็นเพราะนางถ่อมตัวกระมัง”
บรรดาคุณชาย “…”
เจ้ามองออกไปด้านนอกสิ มองตาพวกข้าแล้วพูดประโยคเมื่อครู่อีกที เจ้าเชื่อที่ตัวเองพูดหรือไม่ล่ะ!
เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มเจื่อน “ข้าไม่ได้เป็นคนพูดนะขอรับ นางชอบพูดเองอยู่บ่อย ๆ ต่างหาก”
ตัวอย่างเช่นตอนที่มีคนกล่าวชมว่านางเก่งกาจที่มีเสือสองตัวคอยติดตามไปไหนมาไหน นางก็จะยิ้มหวานพร้อมกับถ่อมตัวทุกครั้งไป
หรือตอนที่มีคนบอกว่านางหน้าตาสะสวย ไม่มีผู้ใดในเมืองหน้าด่านเทียบได้ นางก็จะพูดถ่อมตัวเสียงใส
หรืออย่างเช่นตอนที่ทุกคนชื่นชมที่นางทำเงินได้มากมายจากเครื่องแก้วและสุรา ทั้งยังควบคุมดูแลกิจการต่าง ๆ นางก็ยังคงตอบกลับด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
แต่อันที่จริง มิต้องพูดถึงภูมิหลังและรูปลักษณ์ของนาง ลำพังแค่เสือสองตัวที่อยู่ข้างกายก็ยากจะถ่อมตัวแล้ว
โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ จะมีผู้ใดสูงส่งเทียบเท่านางได้อีก
บรรดาคุณชายทั้งหลาย : “…”
ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขารู้สึกได้ถึงความเสแสร้งที่มองไม่เห็น
มิหนำซ้ำยังเป็นความเสแสร้งที่มาจากเด็กน้อยอายุแปดขวบเท่านั้น
บัดนี้เสี่ยวเป่ามิรู้ตัวเลยว่ามีคนถูกโจมตีเพราะนางเข้าแล้ว และกำลังปลอบโยนเหล่า ‘แมลงเม่าตัวใหญ่ยักษ์’ ที่กรูกันเข้ามา
ใช่แล้ว เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกองไฟ และเจ้านกพวกนี้ก็คือแมลงเม่าตัวใหญ่
แต่ละตัวพุ่งเข้ามาโดยไม่ยั้งตัวหวังจะให้เจ็บตัวกันทั้งหมดหรืออย่างไรกัน!
“อยู่นิ่ง ๆ เข้าแถวตามลำดับความสูง!”
เสี่ยวเป่าหยิบนกหวีดอันเล็กขึ้นมาเป่าเสียงดัง ด้วยอุปกรณ์วิเศษที่ใช้ควบคุมชิ้นนี้ ในที่สุดเหล่านกนักล่าก็ยืนเรียงแถวตามลำดับความสูงอย่างเชื่อฟังเหมือนที่เคยฝึกฝนมา
ความจริงแล้วนี่เป็นความคิดของเสี่ยวเป่าที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยการใช้วิธีของกองทัพในการฝึกพวกมัน
แม้ว่ากระบวนการจะยากลำบากไปเสียหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็นับว่าไม่เลว
ตอนนี้เพียงแค่เสี่ยวเป่าเป่านกหวีด พวกมันก็จะหาตำแหน่งและเข้าที่ทันที
แน่นอนว่าพวกมันวัดส่วนสูงไม่เป็น ทำได้แค่มองหานกตัวอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ
เมื่อเห็นพวกมันยืนเรียงแถวเป็นระเบียบ เสี่ยวเป่าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ลูบหัวของพวกมัน
เสี่ยวไตซุกซนนิดหน่อย มันมุดหัวอันใหญ่โตเข้าไปในอ้อมแขนของเสี่ยวเป่าและไม่ยอมจากไป
จนเกือบถูกทั้งฝูงรุมทึ้งเลยทีเดียว
ทุกตัวล้วนได้รับการฝึกฝนและเลี้ยงดูโดยเสี่ยวเป่า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาใช้สิทธิพิเศษ อาศัยเพราะตัวเองหน้าใหญ่หัวโตหรืออย่างไร
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าหน้าของเสี่ยวไตมิได้ใหญ่เพียงเท่านั้น แต่ยังหนาอีกด้วย
“เอาละเด็กดี ข้ามีของจะให้ท่านพ่อ ฝากเจ้าด้วยนะเสี่ยวไต”
นางหยิบตะกร้าใบเล็กมาและให้เสี่ยวไตคาบไว้ในปาก
ครั้งนี้เสี่ยวไตซื้อแพะภูเขาแค่ตัวเดียว ตัวมันเองแข็งแรงมากอยู่แล้ว การแบกแพะภูเขาและคาบตะกร้าไปด้วยเป็นเรื่องที่สบายมาก
เสี่ยวเป่าส่งมอบจดหมายให้เหยี่ยวไห่ตงชิง มันคือไห่ตงชิงตัวแรกที่เสี่ยวเป่าช่วยกลับมา นิสัยสุขุมเยือกเย็น ทั้งยังไว้ใจให้ทำงานได้
เมื่อสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเป่าก็บอกลาพวกมันและจากไป
“อีกสองวันข้าจะไปหาพวกเจ้านะ”
ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทางขณะที่นางจากไป ใครกันที่จะใจกล้าบ้าบิ่นเมื่อมีเสือสองตัวคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย
หลังจากที่เสี่ยวเป่าไปแล้ว เหล่านกนักล่าก็ทยอยจากไปพร้อมกับเหยื่อ
เมื่อได้เห็นอินทรีทองตัวนั้นใช้กรงเล็บขยุ้มแพะภูเขาบินออกไป เสียงอุทานด้วยความตกตะลึงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดภาพความยิ่งใหญ่โดยเหล่าวิหคเทวะก็เป็นอันสิ้นสุด เพียงแต่ใครหลายคนยังคงอารมณ์ค้าง
โดยเฉพาะพวกที่เดินทางมาเพราะได้ยินชื่อเสียงอันเลื่องลือ
ก่อนมาที่นี่พวกเขาต่างคิดว่ามันเป็นเพียงมุกตลกที่แพร่สะพัดมาจากเมืองหน้าด่าน ล้วนแต่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่เมื่อได้เห็นแล้วก็พูดได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนัก!
มันช่างยิ่งใหญ่และสง่างาม แต่น่าเสียดายที่ต้องรออีกหนึ่งเดือนกว่าจะได้เห็นอีกครั้ง
“ข้าล่ะอิจฉาคนที่ได้เลี้ยงวิหคเทวะพวกนั้นจริง ๆ”
ความจริงแล้วมิได้มีแต่พวกเขาที่รู้สึกอิจฉาเท่านั้น แม้แต่คนในกองทัพเองก็อิจฉากันแทบทุกคน
วิหคมีอยู่มาก ทว่ามีไม่กี่คนที่จะมีวิหคเทวะไว้ในครอบครอง และล้วนแต่เป็นผู้สูงศักดิ์ทั้งสิ้น
Comments