เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 465 นมผง
บทที่ 465 นมผง
บทที่ 465 นมผง
เสี่ยวเป่า : ข้าผิดเองแหละที่ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เช่นนั้นนางคงต้องทำให้พวกเขามั่นใจด้วยการลองดื่มนมนี่ให้พวกเขาดูเสียก่อน
อืม… รสชาติดีไม่น้อย
เสี่ยวเป่าเรอหนึ่งหนก่อนจะเขย่านมในขวดให้อีกฝ่ายดู “นมนี้ทำมาจากนมผง เหมือนกับนมที่เด็กแรกเกิดดื่มไม่มีผิด ต่างกันตรงที่นมผงเก็บได้นานกว่า เพียงละลายในน้ำร้อนก็ดื่มได้เลย อีกทั้งยังมีสารอาหารมากมายที่ดีต่อร่างกายเด็กและผู้สูงอายุ”
เสี่ยวเป่าอธิบายเสร็จ ด้านกู๋เหมิงก็จับใจความได้ว่านี่คือนมสำหรับเด็กทารก เก็บได้นาน และต้องผสมน้ำร้อนก่อนดื่ม
ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำนมเลี้ยงดูเด็กเล็กถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เผ่าของพวกเขาเผชิญมานาน
เมื่อขาดแคลนนม คนเป็นพ่อก็ต้องออกไปหาน้ำนมจากสัตว์ตัวเมียมาให้ลูกของตน
แต่เผ่าของพวกเขาตั้งอยู่ในหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เป็นเรื่องยากที่จะหาสัตว์ตัวเมียที่ให้นมลูกได้สักตัว อีกอย่างสัตว์ตัวเมียส่วนใหญ่จะให้นมลูกเพียงสองสามเดือนแรกเท่านั้น
ฉะนั้นเด็กที่รอดชีวิตเติบโตมากับการกินเนื้อสัตว์ และได้รับการฝึกฝนให้ล่าสัตว์เป็นอาหาร แต่เด็กส่วนใหญ่จะเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก
บ้างก็หิวจนตายหรือหนาวตาย
เป็นเหตุให้นักรบผู้กล้าหาญในเผ่าเทียนกู่น่านับวันยิ่งน้อยลง
แต่ผู้ใดจะไม่หวังให้เด็ก ๆ ในเผ่ามีชีวิตรอด วันข้างหน้าจะได้มีนักรบมากขึ้น ไม่เช่นนั้นผู้ใดจะคอยคุ้มกันและปกป้องเผ่าเอาไว้
พอกู๋เหมิงอธิบายข้อดีของนมผงตามที่ตนเข้าใจให้คนที่มาด้วยกันฟัง บรรดาคนที่มีลูกน้อยรออยู่ที่บ้านดวงตาเปล่งประกายแห่งความหวังทันที
“ให้เด็กแรกเกิดดื่มได้จริงหรือไม่”
“ได้!”
เสี่ยวเป่าขอให้พ่อค้าหลิวหาชามมาให้ จากนั้นก็ให้ชุนสี่ชงนมเพิ่ม
ความจริงแล้ว ไม่ได้มีเพียงชาวเทียนกู่น่าเท่านั้นที่สนใจนมผง แต่พ่อค้าหลิวเองก็ด้วย!
ชายตัวโตหลายคนมองชุนสี่และคนอื่น ๆ ที่กำลังชงนมไม่วางตา พวกนางเปิดฝากระปุกไม้ทรงกระบอกออก ก่อนจะใช้ช้อนตักผงสีขาวออกมาแล้วใส่ลงในน้ำอุ่น กลิ่นหอมของน้ำนมเด่นชัดขึ้นทันที
ส่วนเสี่ยวเป่าคอยอธิบายอยู่ข้าง ๆ “เพื่อความสะดวก ตอนนี้เลยใช้น้ำอุ่น แต่ถ้าชงให้เด็กและผู้สูงอายุ ควรใช้น้ำต้มสุกในการชง ทิ้งให้เย็นสักหน่อยก็เป็นอันใช้ได้”
พูดจบ นางก็ยกนมขึ้นดื่มจนหมด ไม่ทิ้งให้เสียของ
คนที่เหลือค่อย ๆ ยกชามดื่มตาม กลิ่นนมหอมอบอวลในปาก พาให้กู๋เหมิงและคนอื่น ๆ เกิดความคิดเดียวกันทันทีว่านมผงนี้เหมาะที่จะให้เด็กดื่มจริงด้วย!
จากนั้นพวกเขาก็มองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยแววตาชื่นชม ไม่คิดดูถูกนางอีกต่อไป
เสี่ยวเป่ายิ้มให้พวกเขา ก่อนจะเริ่มแนะนำสินค้าชิ้นต่อไป
“พักนมผงไว้เท่านี้ก่อน เรามีสินค้าอีกอย่างมาแนะนำทุกท่าน”
นั่นก็คือ… เหล้า
เหล้าที่เสี่ยวเป่าหยิบออกมาไม่ใช่เหล้าองุ่น แต่เป็นเหล้าขาวบริสุทธิ์ ฤทธิ์แรง
ทันทีที่เปิดขวด กลิ่นหอมหวนของเหล้าพลันลอยปะทะจมูกทุกคน
ไม่ต้องรอให้เสี่ยวเป่าแนะนำอันใดให้มากความ สายตาของชาวเผ่าเทียนกู่น่าก็จับจ้องที่ขวดเหล้าอยู่ก่อนแล้ว
พวกเขาเคยเอาของไปแลกเหล้าจากชาวเผ่าทุ่งหญ้าอยู่เป็นครั้งคราว
นักรบเผ่าเทียนกู่น่าออกล่าสัตว์เช่นเดียวกัน ยิ่งในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ การได้จิบเหล้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายนับเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาที่สุด
แต่เหล้าเหล่านั้นแตกต่างกับเหล้าของต้าเซี่ยอย่างสิ้นเชิง!
สินค้าที่วางขายในเมืองหน้าด่านของต้าเซี่ยนั้นคุณภาพดีกว่า ทั้งราคาก็ถูกกว่าสินค้าจากชนเผ่าทุ่งหญ้ามาก เหตุใดพวกเขาไม่รู้ให้เร็วกว่านี้!
พวกเขาต้องการทั้งเหล้าและนมผง แต่เงินที่มีช่างน้อยนิด
คนกลุ่มหนึ่งมองเหล้าสลับกับนมผงด้วยความลังเลอยู่ครู่ใหญ่
“ข้าให้พวกท่านติดค่าสินค้าไว้ก่อนได้”
เสี่ยวเป่าวางท่าเหมือนผู้ใหญ่ตัวเล็ก ทั้งน้ำเสียงที่ใช้เอื้อนเอ่ยยังนุ่มนวล
“พวกท่านกลับมาคราวหน้าค่อยนำเงินมาชำระหนี้ที่ติดไว้ก็ได้”
ชาวเทียนกู่น่าซาบซึ้งใจที่เสี่ยวเป่ามอบเหล้าให้พวกเขาตั้งสิบขวด ทั้งนมผงที่ผลิตได้ในคราวนี้ ส่วนใหญ่ก็มอบให้พวกเขา เหลือไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เนื่องจากกระปุกมีจำกัด พวกเขาจึงบรรจุนมผงลงในถุงกระดาษเคลือบน้ำมันคุณภาพสูง ซ้อนด้วยถุงป่านอีกที
เสี่ยวเป่ายังกำชับกับพวกเขาอีกว่าต้องเก็บสิ่งนี้ไว้ในที่แห้ง
ระหว่างที่เสี่ยวเป่ากับชาวเทียนกู่น่าคุยกันอย่างถูกคอ เสี่ยวเป่าพลันคิดในใจว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพระหว่างพวกเราอย่างแน่นอน
แม้ผู้คนในเผ่าเทียนกู่น่าจะตัวใหญ่น่ากลัว แต่พวกเขาเป็นคนเรียบง่าย ไม่มากเล่ห์เพทุบาย น่าแปลกที่คนตัวยักษ์เข้ากับเด็กแปดขวบอย่างเสี่ยวเป่าได้เป็นอย่างดี
ระหว่างนั้นนางยังแอบถามข่าวคราวของฉางเซิงเทียน น่าเสียดายที่พวกเขานับถือฉางเซิงเทียนมาก คนเดียวที่ให้คำตอบได้ก็คือหมอผีประจำเผ่า
หากอยากรู้รายละเอียดเรื่องนี้ให้แน่ชัด คงต้องไปพบหมอผีเท่านั้น
ชาวเทียนกู่น่าที่นำของออกมาแลกเปลี่ยนนึกถึงผู้คนในเผ่าของตนอยู่เสมอ ก่อนจะจากไปพวกเขายังได้เรียนรู้วิธีการใช้ยาสมุนไพรเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเจี่ยเจินด้วย
พวกเขาจากไปพร้อมรอยยิ้ม ทั้งยังสัญญาว่าจะกลับมาที่เมืองหน้าด่านอีกอย่างแน่นอน
หลังส่งพวกเขาออกเดินทางแล้ว เสี่ยวเป่าก็ไปหาท่านพ่อทันที
“ท่านพ่อ เราจะเดินทางไปเผ่าเทียนกู่น่า ไปถามหมอผีของพวกเขาเกี่ยวกับเขาฉางเซิงเทียนกันตอนไหนหรือเพคะ”
หนานกงสือเยวียนมองเจ้าตัวเล็กที่ทำตัวกระตือรือร้น สงสัยใคร่รู้สุด ๆ
“ผู้ใดบอกว่าจะให้เจ้าไปด้วย”
“อ้าว?”
เสี่ยวเป่าตะลึง ไม่ได้จะให้นางไปด้วยหรอกหรือ
แต่นางเตรียมตัวพร้อมแล้วนะ!
หนานกงสือเยวียน “ฉางเซิงเทียนเต็มไปด้วยภยันตราย จะพาเจ้าไปด้วยได้อย่างไร”
เสี่ยวเป่าเริ่มกระวนกระวาย “แต่ถ้าไม่พาเสี่ยวเป่าไปด้วย แล้วเกิดหายาไม่พบเล่าเพคะ เสี่ยวเป่าเป็นดาวนำโชคมิใช่หรือ หากท่านพ่อยอมให้เสี่ยวเป่าไปด้วย ท่านจะต้องหายานั่นพบแน่นอน!”
แต่คราวนี้หนานกงสือเยวียนตั้งใจไว้แน่วแน่และหนักแน่น เขาจะไม่ยอมใจอ่อนให้เสี่ยวเป่าไปเสี่ยงอันตรายด้วยเด็ดขาด
การเดินทางท่ามกลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาแน่น อากาศหนาวเย็น อันตรายและยากลำบาก ตัวหนานกงสือเยวียนเองยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง เป็นเช่นนี้แล้วจะปล่อยให้เสี่ยวเป่าไปเสี่ยงด้วยได้อย่างไร
[1] วางสายยาวเพื่อตกปลาใหญ่ หมายถึง วางแผนเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวที่จะได้มากขึ้น
Comments