เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 484 มันเกี่ยวอะไรด้วยเล่า!

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 484 มันเกี่ยวอะไรด้วยเล่า! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 484 มันเกี่ยวอะไรด้วยเล่า!

บทที่ 484 มันเกี่ยวอะไรด้วยเล่า!

การแย่งชิงตำแหน่งเป็นเรื่องที่ยังต้องคุยกัน และยังมีอีกเรื่องที่เสี่ยวเป่าจะต้องจัดการในตอนนี้คือ การตามหาสหายของนางให้พบ

ท่ามกลางหิมะขาวโพลน เสี่ยวเป่าไม่รู้ทิศทาง และได้แต่หวังให้อานั่วซือจะช่วยนางได้

ครึ่งวันต่อมาก็ค้นหาสถานที่ที่แยกกันได้สำเร็จ แต่กลับไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว และร่องรอยที่น่าจะหาได้ก็ถูกหิมะปกคลุมไปจนหมด

“หา!! พวกเขาไปไหนกันแล้ว”

เสี่ยวเป่าเกาหัวอย่างกระวนกระวายใจ

ชนเผ่าเทียนกู่น่าเดิมอาศัยอยู่ในพื้นที่ราบซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ แม้ว่าพวกเขาจะพลัดหลงกันไปไกลเพียงใด ตราบใดที่ไม่ได้ไปพบเจอกับสัตว์ร้ายยักษ์หรือหมาป่ายักษ์ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องการเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นเช่นนี้

เฮยไป๋อู๋ฉางก็เช่นกันพวกมันเป็นสัตว์ แม้จะติดตามนางมาเป็นเวลานาน แต่ทักษะการล่าของมันก็ไม่เคยลดลงเลย ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีขนหนาห่อหุ้มร่างกาย ไม่ใช่ปัญหาที่จะเอาตัวรอดอยู่ที่นี่

หลังจากคิดคำนวณเช่นนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายตอนนี้ก็คือ….

เสี่ยวเป่า“…”

อะแฮ่ม… นางเป็นคนมีโชค และยังเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์อีกด้วย ดังนั้นนอกจากจะไปเจอคนนิสัยไม่ดีแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

เสี่ยวเป่าพึมพำกับตนเองอยู่ข้าง ๆ อานั่วซือ

อานั่วซือรำคาญเล็กน้อยจังย้ายไปที่อื่น

เขาไม่เคยเห็นใครที่พูดมากได้เท่านางมาก่อน

เสี่ยวเป่าห่อตัวแน่นข้างกองไฟ ยื่นมือคู่น้อย ๆ ออกมาผิงไฟรับความอบอุ่น

นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าน่ารักซ่อนอยู่ในเสื้อคลุม เผยให้เห็นเพียงดวงตากลมโตสีเข้มส่องประกายสะท้อนแสงจากกองไฟ มีแววของความกังวลใจที่แสดงออกมาชัดเจน

“พวกเขาจะสบายดีหรือไม่”

อันที่จริง อาการพูดไม่หยุดของนางเกิดจากความกังวลเป็นหลัก

เด็กหญิงตัวน้อยขดตัวเป็นก้อนกลมสองมือกอดเข่าแน่น

“พวกเขาเก่งกว่าเสี่ยวเป่า หากข้าไม่เป็นอะไร พวกเขาก็คงไม่เป็นอะไรเช่นกัน เฮยไป๋อู๋ฉางชอบฤดูหนาวมากที่สุด ฤดูร้อนร้อนเกินไป พวกเขาอยู่ที่บ้านไม่ได้ ต้องเอาเงินมากมายไปซื้อน้ำแข็งมา…”

เด็กหญิงตัวน้อยก้มหน้าก้มตาอยู่ในเสื้อคลุม เปิดปากพูดเจื้อยแจ้ว เป็นภาพที่ดูน่าสงสารอย่างไม่ทราบสาเหตุ

อานั่วซือมองนางด้วยแววตาที่อ่อนลงชั่วขณะ

ลืมเรื่องนั้นไปซะ เขาจะเป็นเจ้านายที่ใจอ่อนได้อย่างไร

ทั้งที่คิดเช่นนั้น อานั่วซือก็ยังขยับเข้าไปใกล้นางมากขึ้น

เสี่ยวเป่าบอกว่านางค่อนข้างง่วงเล็กน้อย และในที่สุดก็เอียงหัวซบเขาแล้วหลับไป

อานั่วซือสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของหัวกลมที่ซบอยู่บนบ่า เมื่อมองไปด้านข้างก็พบว่าเจ้าทาสตัวน้อยหลับไปแล้ว

เขา “…”

ให้ตาย เขาต้องอยู่ท่านี้ทั้งคืนงั้นหรือ

อานั่วซือทนความรู้สึกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ จึงเรียกหมาป่าตัวใหญ่มานอนด้านหลัง แล้วย้ายเสี่ยวเป่าไปซุกมันแทน

ให้ร่างน้อยซุกอิงเอาความอบอุ่นจากหมาป่า จะได้ไม่ต้องมานอนซบเขาอีก

หลังจากมองท้องฟ้ารอบ ๆ ก็คิดว่าถึงเวลาเข้านอนแล้วเช่นกัน

ส่วนตัวเขาเองก็ขยับกายซบเจ้าหมาป่าเช่นกัน

อานั่วซือตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะหายใจไม่ออก ดวงตาสีม่วงเปิดขึ้นทันที พบว่าสองแขนน้อยกอบกุมคอของเขาไว้

แขนหรือ

ชายหนุ่มมองอย่างเงียบ ๆ และเห็นว่าเด็กน้อยที่หลับไปก่อนหน้ากำลังจะแนบชิดอย่างไม่มีที่ว่าง สองแขนโอบรอบคอเขาแน่น

ไม่น่าแปลกใจที่จู่ ๆ ก็เกิดฝันว่าถูกอะไรบางอย่างรัดคอจนหายใจไม่ออก

อานั่วซือ “…”

เด็กนี่ อะไรเนี่ย เขาดูไม่น่าเกรงขามเลยหรือนางจึงนอนท่านี้ได้อย่างสบายใจ!

อานั่วซือดันนางออกไปแล้วลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสีม่วงจ้องเด็กน้อยที่ยังหลับสนิทในท่ากางแขนอยู่ท่ามกลางความมืด

เสี่ยวเป่า “zzzZZZ”

อานั่วซือย้ายนางไปอีกฝั่งของหมาป่าเพื่อให้ออกห่างจากตนเองหนึ่งช่วงแขน เพื่อไม่ให้นางกอดเขาได้อีก

จากนั้นก็อ้าปากหาวแล้วจมสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

แสงแรกส่องสว่างที่ขอบฟ้า อานั่วซือและเสี่ยวเป่าลืมตาตื่น

เขาลอบมองเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องราว

เสี่ยวเป่ายืนแขนขาบิดขี้เกียจก่อนปาดน้ำลายที่แก้ม

เมื่อเห็นท่าทางประหลาดของอานั่วซือ นางก็เอื้อมมือไปเช็ดน้ำลายออกจากไหล่ของเขา

“ไม่ใช่นะ ที่จวนข้าไม่เป็นเช่นนี้แน่นอน เป็นเพราะที่นอนต่างจากที่จวนต่างหาก”

เสี่ยวเป่ารีบแก้ต่างอย่างเขินอาย

เจ้าหมาป่ามองอย่างสงสัย

มันเกี่ยวอะไรด้วยเล่า

อานั่วซือไม่ได้สนใจนางอีก เพียงลุกขึ้นเดินออกไป

ไฟที่จุดไว้ดับลงแล้ว และถึงเวลาออกเดินทางอีกครั้ง

เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนหลังของสัตว์ร้ายยักษ์ ยืดคอมองไปรอบ ๆ หวังจะพบผู้คนหรืออะไรที่คุ้นเคยรอบ ๆ นี้

สองวันต่อมาพวกเขาก็ได้พบคนที่คุ้นเคย

แต่ไม่ใช่แบบที่เสี่ยวเป่าต้องการสักนิด

พวกเขาคือคนที่เคยพ่ายแพ้อานั่วซือให้ก่อนหน้านี้

ทันทีที่พบกันอีกฝ่ายก็ชักอาวุธออกมาและอานั่วซือก็เริ่มป้องกันตนเอง

“อานั่วซือ”

คู่ต๋าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันระหว่างเอ่ยชื่อนั้นออกมา

อานั่วซือมองอย่างไม่เกรงกลัว “ถอยไป”

เป็นท่าทางที่ดูหยิ่งผยองมาก

ยิ่งมีสัตว์ขนาดใหญ่อยู่ด้วยก็ยิ่งดูหยิ่งผยองมากกว่าเดิมหลายเท่า

เหตุผลนี้เองที่คู่ต๋าเกลียดคนคนนี้มาก

เขาไม่รู้ว่าจู่ ๆ อานั่วซือก็ไปได้ทักษะในการทำให้สัตว์ร้ายเชื่องได้ง่าย ๆ นี้ได้อย่างไร เพราะแบบนี้จู่ ๆ ท่านปู่ก็ปฏิบัติต่อเจ้านี่ต่างออกไป รวมถึงเหล่านักรบที่มีท่าทีต่อต้านมาตลอดก็ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป

แต่เขาก็ยังรังเกียจลูกพี่ลูกน้องนอกคอกผู้นี้มาก เขาเคยเป็นที่สนใจที่สุดในเผ่าจนกระทั่งอานั่วซือโผล่มา ความสนใจก็ถูกแย่งไปจนหมด

แม้ว่าจะพยายามเอาชนะอีกฝ่ายเท่าไรก็ไม่เป็นผล แม้ว่าจะมีพรรคพวกมารุมก็ยังเป็นเขาที่ถูกเล่นงานอยู่ดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้คู่ต๋าก็ยิ่งเจ็บแค้นในใจ

เพราะท่านปู่กำลังผิดหวังในตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด