เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 500 ชะตากรรมของเสวี่ย

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 500 ชะตากรรมของเสวี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 500 ชะตากรรมของเสวี่ย

บทที่ 500 ชะตากรรมของเสวี่ย

“นั่นมันพวกอาอู่มิใช่หรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ แถมสภาพยังเป็นเช่นนี้อีก”

ญาติของคนทั้งสามรีบวิ่งเข้ามาพลางร้องห่มร้องไห้

เสวี่ยรู้สึกผิดหวังที่เสี่ยวเป่ายังสบายดี นางจึงใช้โอกาสนี้พูดขึ้น

“ที่พวกอาอู่มาอยู่ที่นี่ต้องเกี่ยวข้องกับเสียงคำรามของเสือเป็นแน่ ไม่ใช่ว่าเสือของเจ้าทำร้ายพวกเขาหรอกหรือ”

ทันใดนั้นบรรดาญาติของคนทั้งสามก็จ้องเสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนอานั่วซือด้วยสายตาโกรธเคือง

เสวี่ยจึงพูดปลุกปั่นต่อไป

“ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าคนนอกจะนำพาความโชคร้ายมาสู่เผ่าของเรา นางเพิ่งมาได้ไม่นานก็ก่อเรื่องเสียแล้ว”

“หัวหน้าเผ่า ฆ่านางเสีย!”

เมื่อได้ฟังคำพูดยุยงของเสวี่ย บรรดาพวกคนหูเบาก็ถูกความโกรธครอบงำจนหน้ามืดตามัว

ด้านหลังของอานั่วซือและเสี่ยวเป่าคือหมาป่ายักษ์ทั้งฝูง

เสี่ยวเป่ามองดูใบหน้าของเสวี่ยที่กำลังยิ้มเยาะอย่างได้ใจ

“เงียบเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงอันน่าเกรงขามของหัวหน้าเผ่า ผู้คนที่เอะอะโวยวายก็สงบลงทันใด

“พวกเจ้าบอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

เสวี่ยมองหัวหน้าเผ่าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาอยากขับไล่อานั่วซือออกจากเผ่ามาตลอดมิใช่หรือ โอกาสดีเช่นนี้ หัวหน้าเผ่ากลับปฏิเสธที่จะรับไว้

นางพูดน้ำเสียงลนลาน “หัวหน้าเผ่า เรื่องราวมันก็ชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือ คนนอกทำร้ายคนในเผ่าของเรา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็เก็บนางไว้ไม่ได้”

ช่างน่าเสียดายที่เสวี่ยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในใจของพวกเขา เสี่ยวเป่ามิได้เป็นเพียงแค่คนนอกอีกแล้ว

การค้าขายกับพ่อค้าจากโลกภายนอกจำต้องพึ่งพานาง

ดังนั้นก่อนที่จะรู้ต้นสายปลายเหตุ พวกเขาจะไม่สังหารเสี่ยวเป่าเด็ดขาด

เท้าของเสี่ยวเป่ามีเลือดไหล ใบหน้าประณีตงามดูซีดเซียวขณะอยู่ในอ้อมแขนของอานั่วซือ

“พวกเขาบุกเข้ามาฆ่าข้าในกระโจมตอนกลางดึก โชคดีที่เสือสองตัวของข้าว่องไว ไม่อย่างนั้น…”

“ทำไมพวกเขาต้องฆ่าเจ้าด้วย”

เสี่ยวเป่าพูดอย่างอ่อนแรง “เรื่องนี้คงต้องถามพวกเขาเอง ข้าไม่รู้จักพวกเขา อีกอย่างข้าก็เพิ่งมาที่นี่ ไม่เคยทำให้ใครไม่พอใจ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเหตุใดพวกเขาถึงอยากฆ่าข้า”

นางจ้องไปที่เสวี่ยขณะที่พูด “พูดถึงเรื่องไม่พอใจ ข้าเคยทะเลาะกับเสวี่ยแค่คนเดียว แต่เจ้าคงไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นถึงขั้นส่งคนมาฆ่าข้าเพียงเพราะทะเลาะกันไม่กี่คำหรอกกระมัง”

บัดนี้สายตาทุกคู่พุ่งเป้าไปที่เสวี่ย

หญิงสาวใบหน้าแข็งทื่อ มือทั้งสองกำหมัดแน่น พยายามเค้นรอยยิ้ม

“จะ… จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ามิใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย”

เสี่ยวเป่าหัวเราะพลางเอนตัวซบแขนอานั่วซือ “เช่นนั้นก็ดี ข้าเห็นว่าสองคนในกลุ่มมีภรรยาอยู่แล้ว พวกเขาคงจะไม่ฆ่าข้าเพราะว่าชอบพอเจ้าหรอก”

หารู้ไม่ว่าคำพูดของนางเข้าหูหญิงสาวถึงสองคน พวกนางหันไปมองเสวี่ยด้วยสายตาเกลียดชังในทันที

หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าไปตบหน้าเสวี่ยอย่างแรงถึงสองครั้ง

“นังสารเลว! เจ้าต้องเป็นคนสั่งให้เขามาที่นี่แน่ ๆ ข้าต่างหากที่เป็นเมียเขา แต่เจ้าก็ยังมายั่วยวนขอให้เขาเอาของกินมาให้เจ้าบ้างล่ะ ทำโน่นทำนี่ให้เจ้าบ้างล่ะ จนเขาไม่สนใจไยดีข้า ทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้า นังหญิงชั่ว!”

สีหน้าของหญิงอีกคนก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใด “หย่งก็เหมือนกัน เขาเป็นสามีของข้าแท้ ๆ แต่ในสายตาของเขากลับมีแค่เสวี่ยคนเดียว เสวี่ยสั่งให้ทำอะไรก็ทำ คนที่ยุยงเขาต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ!”

เสวี่ยที่ตกเป็นเป้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวได้ยินเพียงเสียงหึ่ง ๆ ดังก้องในหู ความเจ็บเป็นเรื่องรอง แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือความอับอาย

ชีวิตนี้นางยังไม่เคยโดนตบมาก่อนเลย!

“นังสารเลว!”

ดวงตาของเสวี่ยฉายแววโทสะหวังจะตบหน้าอีกฝ่ายคืน

ไม่คาดคิดว่าใครอีกคนจะเข้ามาช่วยเหลือ คนที่ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมอย่างนางจะสู้คนสองคนได้เช่นไร

สุดท้ายก็ได้คนที่ชื่นชอบนางปกป้องเอาไว้

บรรดาพวกที่ชื่นชอบเสวี่ยต่างมีสีหน้าย่ำแย่เมื่อถูกชี้หน้าด่า และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาพบว่าหญิงสาวที่มีใจให้พวกเขา บัดนี้สายตาที่มองมาได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิม

พวกเขาก็เริ่มกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

มีเสวี่ยแค่คนเดียว สุดท้ายในบรรดาพวกเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ลงเอยกับนาง

ดังนั้นพวกเขาจำต้องมองหาหญิงสาวอื่นเพื่อเป็นตัวเลือก

แต่ว่าตอนนี้…

เกรงว่าคงไม่มีหญิงสาวในเผ่าคนใดยินดีที่จะเป็นคู่ครองของพวกเขาอีกแล้ว

ทันใดนั้นบรรดาชายหนุ่มที่ชอบพอเสวี่ยก็นึกเสียใจขึ้นมา

โดยเฉพาะพวกที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าตนเองไม่มีหวัง

“พอได้แล้ว!”

การไต่สวนหาความจริงบัดนี้ได้กลายมาเป็นสงครามระหว่างหญิงสาวภายในเผ่า อีกทั้งสีหน้าของหัวหน้าเผ่าก็ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ทั้งสามคนถูกขับไล่ออกจากเผ่านับตั้งแต่วันนี้ ให้ออกไปใช้ชีวิตตามยถากรรม พวกเจ้าสองคนจะไปกับพวกเขาด้วยหรือไม่”

“ไม่ไป!”

หญิงสาวทั้งสองตอบโดยไม่ลังเล เดิมทีก็ทนกับชีวิตที่ข้าวปลาอาหารถูกเอาไปประเคนให้เสวี่ยจนเกินจะทนแล้ว มาตอนนี้พวกเขาถูกขับไล่ออกจากเผ่า เหตุใดต้องไปอดตายด้วยเล่า

หญิงสาวที่มิได้รับค่านิยมของระบบศักดินาเหล่านี้ย่อมไม่อดทนอดกลั้นต่อสภาพที่ย่ำแย่โดยไม่ขัดขืน ก่อนนี้ต้องคอยทะเลาะกับพวกผู้ชายก็เพราะเสวี่ย ใครตามไปอยู่ด้วยก็โง่เต็มทีแล้ว

หญิงสาวทั้งสองจึงสลัดผู้ชายของตนทิ้งอย่างไม่ไยดี

ทำเอาเสี่ยวเป่าอดมองด้วยสายตาชื่นชมไม่ได้

เวลานี้หมอผีก็ก้าวออกมา “ดี เช่นนั้นข้าจะปลดพันธนาการให้พวกเจ้า ตั้งแต่นี้ไปพวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว”

หญิงสาวทั้งสองประสานมือไว้บนหน้าผาก พร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าหมอผี

หมอผีใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของพวกนาง ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาก็เป็นอันปลดเปลื้องอย่างง่ายดาย

แต่ว่าได้เห็นแบบนี้ก็รู้สึกดีทีเดียว ผู้ชายสารเลวก็สมควรแล้วที่ไม่มีใครรัก!

ใบหน้าของเสวี่ยถมึงทึงยิ่งกว่าเก่าเพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากหญิงสาวทั้งสอง แม้จะไม่ได้พูดออกมาชัด ๆ แต่ทุกคนก็คงจะคิดไปแล้วว่านางเป็นคนบงการเรื่องนี้

เพราะถึงอย่างไรชายสามคนนั้นต่างก็เป็นคนที่ชอบพอในตัวนาง

บัดนี้ครอบครัวของทั้งสามต่างเบนความสนใจไปที่เสวี่ยและจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้น

ในตอนนั้นเองที่หมอผีพูดขึ้น “เสวี่ยไม่เหมาะจะศึกษาวิชาหมอผี ข้าขอถอดสถานะลูกศิษย์ของเสวี่ยตั้งแต่บัดนี้”

“ไม่นะ!!!”

ในที่สุดเสวี่ยก็ลนลานได้เสียที นางรีบคุกเข่าและกอดขาเขาเอาไว้ “ท่านหมอผีอย่าไปเชื่อที่นางยุยงนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำ!!”

หมอผีมองนางด้วยความผิดหวัง ถึงตอนนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีกหรือ

“อันที่จริงอยากรู้ความจริงนั้นง่ายมาก”

ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าก็พูดขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปที่ชายคนที่ถูกสาดด้วยผงหมามุ่ย

“ตอนนี้เขาทรมานเพราะว่าถูกพิษ ขอแค่เขายอมบอกตัวผู้บงการ ข้าก็จะให้ยาแก้พิษกับเขา”

ชายที่ถูกผงหมามุ่ยดูน่าเวทนาเสียจนคนในเผ่ารู้สึกหวาดผวา

หัวหน้าเผ่าจึงถามเสี่ยวเป่าว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร

เสี่ยวเป่า “นั่นคือยาผงที่อาจารย์ให้ข้ามา หากถูกมันเข้าจะทำให้คันไปทั้งตัวจนต้องเกาไม่หยุด”

คนในเผ่าเพิ่งเคยได้ยินเจ้าสิ่งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อได้เห็นท่าทางทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดจนต้องร้องขอชีวิตแล้ว พวกเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวเสี่ยวเป่าขึ้นมา

เสี่ยวเป่าหยิบยาถอนพิษออกมา “นี่คือยาถอนพิษ กินเข้าไปแล้ว เจ้าก็จะหายดี”

แม้ว่าคนผู้นั้นจะทรมานจนแทบอยากจะฆ่าตัวตายไปเสีย แต่พอได้ยินเสี่ยวเป่าพูดเช่นนั้นก็ยังฝืนลุกขึ้นยืนจนได้

“เอามา เอามาให้ข้า…”

ชายคนนั้นกระโจนเข้าใส่เสี่ยวเป่าทั้งที่เลือดท่วมตัว ดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก

ทว่าเสี่ยวเป่ามิได้มีทีท่าเห็นใจเลยสักนิด

อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็เกือบจะสังหารนางได้สำเร็จ นางไม่มีทางเห็นใจคนที่คิดสังหารตนเป็นแน่

อานั่วซืออุ้มเสี่ยวเป่าหลบและถีบหน้าอกอีกฝ่ายหนึ่งที

ต้องขอชื่นชมในความแข็งแกร่งของคนที่นี่จริง ๆ สภาพเช่นนี้แล้วยังลุกขึ้นยืนได้อีก

“ขอแค่เจ้าบอกมาว่าใครเป็นคนสั่ง แล้วข้าจะให้ยาถอนพิษ ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เกาไปจนตายเถอะ”

น้ำเสียงอ่อนหวานไร้เดียงสาทว่าเชือดเฉือนไม่เบา

ทว่าสิ่งนี้ดูเหมือนจะทำอะไรผู้คนที่ฉางเซิงเทียนไม่ได้ ลูก ๆ ของพวกเขาเรียนรู้วิธีล่าเหยื่อตั้งแต่เริ่มหัดเดินและเรียนรู้ว่าผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะได้รับการเคารพ

ใครคิดฆ่าพวกเขา พวกเขาก็จะตอบแทนอย่างสาสม

บัดนี้แม้เสี่ยวเป่าจะต้องการให้พวกเขาตายก็สมควรแล้ว

เพียงแต่พวกเขาไม่เคยพบเห็นการตายที่ทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน

เสวี่ยเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วว่าตนเองจะถูกเปิดโปง

ขณะที่คิดจะลงมือทำบางสิ่งก็ถูกหญิงสาวสองคนนั้นเข้ามาขวาง

“เจ้าจะทำอะไร”

แววตาของเสวี่ยมืดสนิท “ข้าแค่ไม่อยากเห็นคนนอกอย่างนางทรมานนักรบของเผ่าเราแบบนี้!”

“เฮอะ! คนรักของเจ้าล่ะสิไม่ว่า นักรบอะไรลงมือฆ่าเด็กน้อยได้ลงคอ รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น!”

“อย่าเสแสร้งไปหน่อยเลย ข้าว่าเจ้ากลัวถูกเขาเปิดโปงเสียมากกว่า”

“พวกเจ้า…”

ขณะที่เสวี่ยกระวนกระวาย ชายที่ทรมานจากผงหมามุ่ยก็ดันเปิดปากออกมาในตอนนั้นเอง

“เสวี่ย เสวี่ยเป็นคนสั่ง…”

เขาหายใจหอบพร้อมด้วยสีหน้าเจ็บปวด โดยที่มือยังคงเกาไม่หยุดราวกับจะถลกหนังบนร่างให้หลุดออก

“นางเป็นคนสั่งให้พวกเราฆ่าเจ้า”

“โกหก!!!”

เสวี่ยกรีดร้องด้วยไม่อยากเชื่อว่าชายคนนั้นจะทรยศตนเอง

แต่ว่าบัดนี้ชายซึ่งกำลังเจ็บปวดเจียนตายไม่สนอะไรอีกแล้ว

“ข้าบอกความจริงแล้ว ส่งยาถอนพิษมาให้ข้าเร็ว”

เสี่ยวเป่ารักษาคำพูดโดยโยนยาถอนพิษไปให้

ถึงอย่างไรผงหมามุ่ยนี้ก็มิได้ออกฤทธิ์ไปตลอด ให้ไปก็ไม่เป็นไร

แต่จากสภาพของเขาในตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะรอดชีวิตไปได้

เมื่อความจริงปรากฏ ไม่ว่าเสวี่ยจะแก้ตัวอย่างไรก็เปล่าประโยชน์

สุดท้ายหัวหน้าเผ่าจึงขับไล่นางไปยังสุดชายขอบของเผ่า

เขาเองก็รังเกียจวิธีที่เสวี่ยใช้กับนักรบของชนเผ่า อีกทั้งการกระทำของนางก็เป็นต้นเหตุให้หลายครอบครัวต้องแตกแยก

หลังจากที่เรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว กระโจมของเสี่ยวเป่าอาศัยอยู่ไม่ได้เป็นการชั่วคราว อานั่วซือจึงพานางไปยังถ้ำบนภูเขาโดยมีเสือสองตัวกับหมาป่ายักษ์ติดตามไปด้วย

ทันทีที่มาถึงถ้ำ นางก็รีบหยิบยาทาแผลออกมา

ขณะทำความสะอาดบาดแผลที่เท้าก็ไม่วายร้องไห้ไปด้วย

“เจ็บจัง ฮือ ๆ ๆ…”

ก่อนหน้านี้ยังอดทนได้ตั้งนาน มาตอนนี้ดันทนไม่ได้เสียอย่างนั้น

ร้องไห้ท่าทางน่าสงสารทีเดียว

อานั่วซือขมวดคิ้วพลางใส่ยาให้นางอย่างเบามือ

“ไม่เจ็บหรอก”

เสี่ยวเป่าโมโห “แผลไม่ได้อยู่บนตัวเจ้า เจ้าก็ต้องไม่เจ็บอยู่แล้ว”

พอโกรธเสร็จแล้วก็ร้องไห้สูดน้ำมูกอย่างรู้สึกผิด

อานั่วซือขมวดคิ้วพลางใส่ยาให้นางอย่างเบามือ

“ไม่เจ็บหรอก”

เสี่ยวเป่าโมโห “แผลไม่ได้อยู่บนตัวเจ้า เจ้าก็ต้องไม่เจ็บอยู่แล้ว”

พอโกรธเสร็จแล้วก็ร้องไห้สูดน้ำมูกอย่างรู้สึกผิด

หากไม่ได้อานั่วซือมาช่วยไว้ได้ทันเวลา ป่านนี้ตนเองอาจจะตายไปแล้วก็ได้

“ขอโทษนะ ข้าไม่ควรโมโหใส่เจ้า”

อานั่วซือมองตาปริบ ๆ “ยังเจ็บอยู่หรือไม่”

“อืม ข้าเจ็บฝ่าเท้ามากเลย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด