เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 501 ทำการรักษา

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 501 ทำการรักษา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 501 ทำการรักษา

บทที่ 501 ทำการรักษา

หลังจากพันแผลที่เท้าแล้ว เสี่ยวเป่าก็ถามอานั่วซือ “ที่พวกเขาถูกลงโทษมันหมายความว่าอย่างไรหรือ”

เมื่อครู่มีคนอยู่เยอะ นางจึงไม่ได้ถามออกไป อีกอย่างมันก็เป็นวิธีลงโทษในหมู่ชนเผ่าด้วยกัน คงจะไม่เหมาะหากว่านางยื่นมือเข้าไปแทรกแซง

อานั่วซือครุ่นคิดอยู่หลายลมหายใจก่อนจะนึกออก

“สุดเขตแดนของเผ่ามักจะมีสัตว์ป่าออกหากินอยู่บ่อย ๆ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะได้รับเสบียงจากเผ่าไม่มาก และต้องอยู่แต่ในกระโจม คนที่ถูกลงโทษเพราะว่าทำผิดจะถูกส่งไปอยู่ที่นั่น”

จากนั้นเขาก็พูดเสริม “ไม่ใช่กระโจมแบบเดียวกับของเจ้า”

เสี่ยวเป่าจำได้ว่าเคยเห็นกระโจมเช่นนั้นตอนที่ออกไปข้างนอก มันเป็นกระโจมรูปสามเหลี่ยมที่มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเล็กทีเดียว

“ที่นั่นอันตรายมาก”

เสี่ยวเป่าก็เข้าใจความหมายของการปล่อยให้ใช้ชีวิตตามยถากรรมในทันที

หากว่าสามคนนั้นไม่ทำแผลให้ดี เกรงว่าก็คงจะไม่รอด

สำหรับเสวี่ยแล้ว คนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจเช่นนางก็คงจะไม่รอด หากว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ตกกลางคืนความเจ็บที่เท้ามากเสียจนทำให้นอนไม่หลับ เสี่ยวเป่าจึงเขียนจดหมายหาท่านพ่อด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

เขียนเสร็จแล้วนางก็ถอนหายใจด้วยเพราะส่งจดหมายฉบับนี้ไปไม่ได้

สุดท้ายนางจึงเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด

นางอดนอนตลอดทั้งคืนจนใต้ตามีสีดำคล้ำ

นางอ้าปากหาวด้วยสภาพย่ำแย่ ขณะต้มยาให้คนในถ้ำก็มิวายปรุงยาให้ตัวเองด้วย

นางไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะเกลียดกลิ่นยามากถึงขนาดนี้

แต่ด้วยสภาพในตอนนี้ นางจึงจำต้องกลั้นใจดื่มมันลงไปเพื่อให้ตัวเองหายดีในเร็ววัน

“แค่ก ๆ ๆ…เอาลูกกวาดมาเร็ว!”

ทันทีที่ดื่มหมด นางก็ร้องหาลูกกวาดด้วยสีหน้าที่ทุกข์ทรมาน

อานั่วซือส่งลูกกวาดนมให้นาง อีกทั้งมิวายลืมใส่ปากตัวเองไปหนึ่งเม็ด

เสี่ยวเป่าที่เพิ่งดื่มยาเข้าไปก็ได้สติหลังจากผ่านไปสักพัก พร้อมกับแลบลิ้นพยายามให้กลิ่นยาหมดไป

“เจ้าอยากกินอะไร ข้าจะออกไปล่าสัตว์”

เสี่ยวเป่าเหลือบตามอง “สั่งอาหารได้ด้วยหรือ”

นอนไม่หลับทั้งยังต้องกินยา เสี่ยวเป่าจึงรู้สึกห่อเหี่ยวไปทั้งตัว

“ลองว่ามาสิ”

เสี่ยวเป่า “ข้าอยากกินซาลาเปานึ่งใหม่ ๆ โจ๊กฝีมือพ่อครัวอู๋ ขนมเปี๊ยะ ชานม ถังหูลู่…”

ใบหน้าของอานั่วซือค่อย ๆ เย็นชา จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป

เขาไม่เคยได้ยินของที่นางพูดถึงมาก่อนด้วยซ้ำ!

เสี่ยวเป่าส่งเสียงเฮอะขณะมองดูชายหนุ่มจากไป จากนั้นก็เอนตัวลงนอน

อาจเป็นเพราะดื่มยาเข้าไปทำให้ครั้งนี้เสี่ยวเป่านอนหลับได้ในที่สุด

เมื่อถึงเวลาบ่ายก็ตื่นขึ้นด้วยความหิว นางลูบท้องก่อนจะดึงนมผงและบะหมี่ออกมาในอากาศ

เป็นเวลาเดียวกับที่อานั่วซือกลับมาถึงพร้อมกับลูกกวางที่แบกไว้บนบ่า

“เจ้านี่เนื้อนุ่ม”

หญิงชาวเทียนกู่น่าคนหนึ่งกำลังช่วยนางต้มบะหมี่ เสี่ยวเป่าก็กำลังซดนมผงร้อน ๆ ด้วยความพอใจ

“อยากได้สักแก้วหรือไม่”

ชายหนุ่มผู้ไม่เคยรู้จักคำว่าเกรงใจพยักหน้าทันที

“เอา!”

ไม่เว้นแม้กระทั่งบะหมี่

นางสั่งให้สับเนื้อกวางใส่ลงในหม้อ พอกินแล้วก็พบว่าอร่อยอย่างที่คิด

เสี่ยวเป่าใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าบาดแผลจะหายดีและพอเดินเหินได้บ้าง

มิหนำซ้ำบาดแผลนี้ยังทำให้นางพลาดโอกาสไปตามหาไหมเหมันต์

นางจึงมีสีหน้าบูดบึ้งไปหลายวันทีเดียว จนกระทั่งหมอผีเดินทางมาหา

“ผู้คนในถ้ำหายดีแล้ว ต้องขอบคุณยาของเจ้า”

สีหน้าของเสี่ยวเป่าก็ยังไม่สู้ดีนัก

“เจ้ามีสิ่งที่ต้องการหรือไม่ ข้าจะขอมอบเป็นรางวัลในฐานะที่เจ้าช่วยคนในเผ่าเอาไว้”

เสี่ยวเป่าถามขึ้นอย่างมีความหวัง “ข้าแค่ถามดูเฉย ๆ นะ โสมเหมันต์ที่พวกเจ้าบูชาใช้เป็นรางวัลได้หรือเปล่า”

“โสมเหมันต์?”

อานั่วซือ “รากไม้ที่มีรูปร่างเหมือนกับคนน่ะ”

เสี่ยวเป่า “นั่นไม่ใช่รากไม้เสียหน่อย”

หมอผีดูประหลาดใจ “เจ้าอยากได้ของสิ่งนั้นหรือ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ท่านพ่อของข้าไม่สบาย ที่นี่มีสมุนไพรสองชนิดที่ข้าจำเป็นต้องใช้ โสมเหมันต์อันนั้น ส่วนอีกอย่างคือไหมเหมันต์ข้าจะไปตามหาเอง”

หมอผีเข้าใจกระจ่างชัด “ดังนั้นที่เจ้ามาที่นี่ก็เพื่อตามหาสมุนไพรทั้งสองชนิดสินะ”

ส่วนเรื่องที่อานั่วซือบอกว่านางเป็นน้องสาวของตนนั้น ทั้งตัวเขาและหัวหน้าเผ่าไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้ว

เสี่ยวเป่าพยักหน้า “โสมเหมันต์ต้องมีอายุเก่าแก่ และโสมเหมันต์ที่พวกเจ้าบูชาก็ใช้ได้พอดี”

หมอผีมีสีหน้าลำบากใจในทันที นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขานับถือบูชามาช้านาน ไม่เกี่ยวว่าจะมีค่ามีราคาหรือไม่ พวกเขาเห็นของสิ่งนั้นเป็นดั่งเทพเจ้า และที่ฉางเซิงเทียน เทพเจ้าเป็นสิ่งที่ห้ามลบหลู่

เสี่ยวเป่า “หรือถ้ามีโสมเหมันต์เก่าแก่ชิ้นอื่นก็ย่อมได้เช่นกัน”

หมอผีตอบ “ข้าจะให้คนออกตามหาดู”

เสี่ยวเป่าพูดเสริม “ข้าไม่ได้ให้พวกเขาหาให้เปล่า ๆ นะ หากว่าหาได้ ข้ายินดีแลกเปลี่ยนกับเขา จะเกลือหรือเครื่องลายครามก็ได้ทั้งนั้น แล้วข้าจะหาวิธีให้พี่ชายของข้าจัดกองคาราวานมาที่ฉางเซิงเทียน พวกเจ้าสามารถเลือกข้าวของได้ตามสบายเลย”

เมื่อได้ฟังที่เสี่ยวเป่าพูด อย่าว่าแต่คนในเผ่า แม้แต่หมอผีเองก็ยังต้องหวั่นไหว

“ตกลง หากว่ามีโสมเหมันต์ในฉางเซิงเทียน ที่อื่นก็ต้องมีเหมือนกัน”

เมื่อหมอผีกลับไปถึงก็รีบประกาศเรื่องนี้ออกไปในทันที

มิหนำซ้ำเขายังหยิบเกลือละเอียดมาจำนวนหนึ่ง แจกันเคลือบขนาดเท่าฝ่ามือ รวมถึงนมผงให้พวกเขาดูเป็นตัวอย่าง

คนในเผ่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกฮึกเหิมกันถ้วนหน้าจนแทบรอไม่ไหว

“เจ้าหลง เจ้าไปเจอคนตัวจิ๋วนั่นมาจากที่ไหน ไม่แน่ว่าอาจจะมีอีกก็ได้”

“นั่นคือเกลือจริงหรือ ข้าไม่เคยเห็นเกลือที่ขาวขนาดนั้นมาก่อนเลย”

“หลง เจ้ารีบบอกมาเร็วเข้า”

ชายที่ชื่อหลงเกาหัว “ที่แม่น้ำทมิฬในป่า มีสัตว์ป่าอยู่เต็มไปหมด”

“ไม่ใช่ปัญหา ข้ากำลังจะไปล่าสัตว์อยู่พอดี”

เมื่อเสี่ยวเป่าเดินได้แล้ว ก็เป็นเวลาเดียวกับที่คนในเผ่าส่วนใหญ่ออกไปล่าสัตว์และตามหาโสมเหมันต์ แม้แต่พวกผู้หญิงก็ยังเข้าป่าเผื่อว่าจะโชคดี

เวลานี้เกลือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา

เสี่ยวเป่าใช้เวลาช่วงที่ตนบาดเจ็บสอนวิธีทอตะกร้าให้กับคนเฒ่าคนแก่ จนผู้คนในเผ่าคุ้นเคยกับนางมากกว่าอานั่วซือเสียอีก

ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกผู้คนในเผ่าก็มักจะกล่าวทักทายนางอย่างเป็นมิตรเสมอ

วันนี้บรรดานักรบกลับมาจากการล่าสัตว์ ทว่ามีคนได้รับบาดเจ็บสาหัส

หมอผีมองขาข้างที่บาดเจ็บของเขาพร้อมกับส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

“ทำได้แค่ตัดขาทิ้ง”

ใบหน้าของนักรบคนนั้นซีดเผือดในทันที

นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาหวาดกลัวมากที่สุดยามที่ออกไปล่าสัตว์ ไม่ตายแต่พิการไปทั้งชีวิต

ทันใดนั้นบรรยากาศภายในเผ่าก็พลันมืดมน

“ข้าขอดูหน่อย”

เดิมเสี่ยวเป่าตั้งใจมาดูเรื่องตื่นเต้น ทว่าคาดไม่ถึงว่าต้องมาเจอกับเรื่องน่าหดหู่

คนอื่น ๆ มองดูเสี่ยวเป่าสลับกับหมอผี แม้ก่อนหน้านี้นางเคยช่วยรักษาอาการป่วยให้ผู้คนในถ้ำ ทว่าสถานการณ์ตรงหน้านี้หาใช่ความเจ็บป่วย

หมอผีพยักหน้า “ให้นางตรวจดู”

เสี่ยวเป่าเดินเข้าไป โดยเริ่มตรวจจากกระดูก

โชคดีที่แค่หักแต่ไม่ถึงกับฉีกขาด แค่ต้องต่อกระดูก จากนั้นก็รักษาตามอาการ

“รักษาได้”

หมอผีรีบเข้ามาดูพร้อมด้วยสายตาที่เป็นประกาย เมื่อได้ยินเสี่ยวเป่าพูดเช่นนั้น ใบหน้าซีดเซียวของนักรบในตอนแรกก็เริ่มมีความหวัง

ทุกคนล้วนมองเสี่ยวเป่าด้วยสีหน้าทึ่งใจ

เสี่ยวเป่า “พวกเจ้าอยู่เฉย ๆ ก่อนนะ ข้าจะไปหยิบยา”

ผู้คนที่นี่เข้มแข็งและกล้าหาญ ถึงแม้ขาจะหักก็ไม่ส่งเสียงโอดครวญให้ได้ยินแม้แต่น้อย

เสี่ยวเป่าวิ่งกลับมาพร้อมข้าวของในมือ จากนั้นก็จัดการบาดแผลของเขาเป็นอย่างแรกโดยใช้เหล้าในการฆ่าเชื้อโรค

“พวกเจ้ากดเขาไว้ที ขั้นตอนนี้เจ็บมาก อย่าให้เขาดิ้นแรงนัก”

ทว่าไม่มีใครใส่ใจคำพูดของนางเลยสักคน

จะเจ็บแค่ไหนกันเชียว

อย่างไรก็ดีชายสองคนก็เข้ามาช่วยกดร่างเขาเอาไว้

หลังจากนั้น…

“อ๊ากกกกกกก!!!!!”

ชายหนุ่มผู้ไม่แม้แต่จะกรีดร้องยามขาหัก บัดนี้กลับเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยวเหลือทน

ชายสองคนที่เข้ามาช่วยจับ “!!!”

คนอื่น ๆ “!!!”

เสี่ยวเป่า “กดเขาไว้”

คนทั้งสองราวกับเพิ่งเรียกสติกลับคืนมาได้ และรีบออกแรงกดในทันที

หลังจากที่เสี่ยวเป่าฆ่าเชื้อด้วยสำลีชุบเหล้าแล้วก็เริ่มขั้นตอนถัดไป

ใช้เข็มและด้ายที่ผ่านการฆ่าเชื้อเย็บปากแผลก่อน ตามด้วยห้ามเลือดและเชื่อมกระดูกที่ขาเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใช้แผ่นไม้ดามเอาไว้…

ทว่านางพบความยุ่งยากในการต่อกระดูก ขาของชายคนนั้นมีขนาดหนากว่าเอวของนางมาก มือเล็ก ๆ ของนางมิอาจเคลื่อนกระดูกของเขาได้เลย สุดท้ายก็ได้หมอผีเข้ามาช่วยโดยที่นางคอยอธิบาย

แม้ว่าหมอผีจะไม่เก่งวิชาแพทย์ แต่การต่อกระดูกก็ไม่ใช่ปัญหา

ก่อนหน้านี้ก็เป็นเขาที่ช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอกและกระดูกเคลื่อนให้กับคนในเผ่า

แต่หากว่าขาหักเขาเองก็จนปัญญาจริง ๆ

เขาเริ่มลงมือทันทีตามคำชี้แนะของเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าเพิ่งเคยรักษาบาดแผลเช่นนี้เป็นครั้งแรกจึงรู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง ทำให้การเคลื่อนไหวเชื่องช้าทีเดียว

มีผู้มาดูเหตุการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนล้วนเฝ้าดูการกระทำของนางจนลืมหายใจ บางคนเกิดคำถามมากมาย แต่ด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนจึงมิได้ถามออกไป

เมื่อพันแผลและดามขาเรียบร้อยแล้ว นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เสร็จแล้วล่ะ”

นางไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองมีเหงื่อท่วมไปทั้งหน้า

ขณะยกมือขึ้นปาดเหงื่อก็รู้สึกขยะแขยงเมื่อพบว่ามีเลือดติดอยู่เต็มไปหมด

อานั่วซือเห็นท่าทางของนางจึงหาผ้าสะอาดมาซับลงบนใบหน้าของนาง

เสี่ยวเป่าที่ถูกเช็ดจนหน้าแทบหลุด “…”

เจ้าเบามือหน่อยมันจะตายหรืออย่างไร

“เมื่อครู่เจ้าใช้เข็มกับด้ายเย็บแผลเพื่ออะไรหรือ”

จากนั้นหมอผีก็เริ่มถามคำถามราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็น

เสี่ยวเป่าอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่าบาดแผลขนาดใหญ่ยากจะรักษาให้หาย มิหนำซ้ำหากปล่อยเอาไว้เลือดก็จะไหลไม่หยุดจนถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อใช้เข็มกับด้ายเย็บเข้าด้วยกัน ปากแผลก็จะมีขนาดเล็กลงทำให้ห้ามเลือดได้ง่ายและหายเร็วยิ่งขึ้น

หมอผีฟังตาเป็นประกาย จากนั้นก็ถามต่อ “แล้วแผ่นไม้ดามขาเล่า”

เสี่ยวเป่า “กระดูกของเขาหัก เมื่อครู่ท่านต่อกระดูกให้เขา กระดูกที่บาดเจ็บสามารถหายเป็นปกติได้ ที่ต้องใช้แผ่นไม้ดามกระดูกก็เพื่อป้องกันไม่ให้กระดูกคดงอระหว่างที่กำลังฟื้นตัว”

“พักสักสองสามเดือนถึงจะเอาผ้าพันแผลออกได้”

นางเองก็เหนื่อยล้าและต้องการนอนพักเช่นกัน

หลังจากที่เสี่ยวเป่ากลับไปแล้ว ทุกคนก็เข้ามารุมดูขาข้างที่หักของเขา

หมอผีสั่งให้พวกเขาแยกย้ายและบอกให้ครอบครัวของเขาพาเจ้าตัวกลับไปพักผ่อน

ขณะที่อาการของนักรบผู้นั้นค่อย ๆ ดีขึ้น ชื่อเสียงและบารมีของนางภายในเผ่าก็มากขึ้นตามไปโดยที่นางมิรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด