เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 505 ตามหาโสมเหมันต์
บทที่ 505 ตามหาโสมเหมันต์
บทที่ 505 ตามหาโสมเหมันต์
พวกเขาเดินท่องอยู่ในป่ามาหลายวัน ทว่าก็ยังไม่พบเจอโสมเหมันต์
เสี่ยวเป่าพลันหนักใจขึ้นมา
วันที่ห้า นางพบไม้เนื้อดีชิ้นหนึ่ง จึงขอท่านพ่อช่วยแกะสลักหนูชางฉู่ให้
ถึงอย่างไรก็หาไม่พบเสียที นางลองวิธีนี้ดูเสียหน่อย
ทุกคนรวมถึงหนานกงสือเยวียนมองนางอย่างนิ่งงัน เด็กหญิงตัวน้อยโค้งคำนับหนูชางฉู่พร้อมพึมพำอะไรบางอย่างออกมา
“หนูล่าสมบัติ หนูล่าสมบัติ พาพวกเราไปหาโสมเหมันต์โดยเร็วทีเถิด”
ทุกคน : …
หนูชางฉู่ที่แกะสลักจากไม้ตัวหนึ่ง เหตุใดจึงกลายเป็นหนูล่าสมบัติไปเสียแล้ว!
เสี่ยวเป่าไม่สนใจ นางบอกว่ามันเป็นหนูล่าสมบัติ เช่นนั้นมันก็ย่อมเป็นหนูล่าสมบัติ
ยามนอนนางก็กอดหนูล่าสมบัติเอาไว้ในอ้อมแขน
วันต่อมานางตามหาโสมเหมันต์ด้วยความกระตือรือร้นอย่างต่อเนื่อง
ทว่าก็ยังไม่พบ
เย็นวันนั้นนางยังคงไหว้หนูล่าสมบัติต่อไป และยังมีปลาจิ๋นหลี่แกะสลักอยู่ด้านข้าง
โชคลาภรวมกับหนูล่าสมบัติ เรื่องที่ปรารถนาย่อมกลายเป็นจริง!
วันต่อมาเสี่ยวเป่าตื่นสาย ทุกคนตัดสินใจพักผ่อนหนึ่งวัน
หลังจากนั้น… หลังจากนั้นก็ถูกหมูป่าฝูงหนึ่งโจมตีเข้า แยกเสี่ยวเป่าออกจากทุกคน
กล่าวให้ถูกก็คือ แยกเสี่ยวเป่า เยว่หลี และอานั่วซือออกจากทุกคน
เยว่หลีได้รับบาดเจ็บหนัก เสี่ยวเป่ารีบรักษาแผลให้เขาอย่างรวดเร็ว
อานั่วซือที่อยู่ด้านข้างกุมท้องหัวเราะดังลั่น เสี่ยวเป่ามองแล้วขัดตายิ่งนัก
อานั่วซือเบะปาก ตายไปเสียก็ดี
เขาหยิบขวดยาเดินตรงไปหา
เสี่ยวเป่าเห็นแล้วพลันถลึงตามอง “แม้ว่าเจ้าอยากให้เขาตายจริง ๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องวางยาพิษโจ่งแจ้งถึงเพียงนี้!”
อานั่วซือเบ้ปากกล่าว “ล้วนเป็นยาทั้งสิ้น แค่ให้เขาไปก็พอ”
ยาพิษยิ่งดี
เสี่ยวเป่าส่งเสียงขู่ คนผู้นี้ไม่ปิดบังสิ่งที่คิดเลยด้วยซ้ำ
จิตใจเลวร้ายยิ่งนัก นางไปหยิบเองก็ได้!
หลังจากรักษาบาดแผลให้เยว่หลีเสร็จแล้ว พวกเขาก็ต้องย้ายตำแหน่งเนื่องจากกลิ่นเลือดที่นี่ค่อนข้างแรง
นางชี้ให้อานั่วซือแบกคนขึ้นหลัง
“ให้ข้าแบกเขา?”
เขาอยากโยนคนทิ้งไปเสีย โดยเฉพาะโยนให้สัตว์ร้ายสักหลายตัว
เสี่ยวเป่าเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นให้ข้าแบกไปหรือ”
อานั่วซือตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าไม่ไหวหรอก”
เสี่ยวเป่าตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “รู้ว่าข้าไม่ไหวเช่นนั้นเจ้าก็แบกไปเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นสัตว์ร้ายคงถูกดึงดูดเข้ามาจริง ๆ แน่ เจ้าไม่อาจปกป้องพวกเราทั้งสองคนได้”
อานั่วซือแบกเยว่หลีไว้บนหลังด้วยใบหน้ายับย่น การเคลื่อนไหวรุนแรงราวกับต้องการซ้ำให้ตาย
เสี่ยวเป่าส่ายหัวเดินตามเขาไป “กำเนิดมาจากที่เดียวกันแท้ ๆ เหตุใดถึงได้ชังกันนัก”
เยว่หลีที่กึ่งรู้สึกตัวส่งเสียงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ยกนิ้วกลางอันสั่นเทาให้อานั่วซือ รอเขาดีขึ้นก่อนเถอะ จะต้องสร้างบ่อกู่ขึ้นมาแล้วจับคนโยนลงไปให้ได้
ทั้งสามเดินพลางโรยผงยาไล่สัตว์และแมลงไปตามทาง หลังจากนั้นก็พบเข้ากับถ้ำแห่งหนึ่งที่คนเข้าไปอยู่ได้
ทว่า… ไยถ้ำจึงลึกถึงเพียงนี้กัน
สุดท้ายทั้งสามคนก็มาถึงสถานที่อันราวกับเป็นแดนสรวง
ด้านหลังถ้ำนั้นกลับเหมือนโลกอีกใบหนึ่ง
เสี่ยวเป่าตะลึงค้าง อานั่วซือจับจ้องเหยื่อในหุบเขา ท้องเขาเรียกร้องจะกินอาหาร
พวกเขาเดินไปจนสุดขอบผา เมื่อถึงหุบเขาแล้ว อานั่วซือก็โยนร่างที่แบกเอาไว้บนหลังโดยไม่มีการเบามือใด ๆ
เยว่หลีตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
ยามสติเลือนรางพลันเกิดความคิดขึ้นในหัวเยว่หลี อานั่วซือจะต้องตายอย่างน่าอนาถยิ่งกว่านี้!
เสี่ยวเป่ามองดูแล้วพลันรู้สึกเจ็บปวด ยาที่มอบให้เสียเปล่าแล้ว จำต้องให้ยาใหม่อีกครั้ง
อานั่วซือออกไปล่าสัตว์ ส่วนเสี่ยวเป่าตามหาไม้แห้งมาก่อไฟ
ระหว่างหาไม้แห้งนางกลับเห็นทุกสิ่งดูคุ้นเคยเป็นพิเศษ ทว่าก็ไม่คุ้นเคยในคราวเดียวกัน
กล่าวว่าคุ้นเคยเพราะหลายวันมานี้พวกเขาเอาแต่ตามหา กล่าวว่าไม่คุ้นเคยเพราะพวกเขายังหามันไม่พบ!
ชั่วอึดใจนั้นเอง ดวงตาของเสี่ยวเป่าพลันสว่างวาบขึ้น
นางตะโกนชื่อทั้งสองออกมาด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับสักคำ
เยี่ยมนัก คนหนึ่งออกไปล่าสัตว์ยังไม่กลับมา อีกคนหมดสติอยู่ส่งเสียงอันใดไม่ได้
ตื่นเต้นอย่างไรนางก็ทำได้เพียงแบ่งปันกับตัวเองเท่านั้น
นางเอาไม้แกะสลักเล็ก ๆ สองชิ้นออกมาถือไว้ในมือแล้วจูบลงไป
“ข้าบอกแล้ว หนูล่าสมบัติและปลาจิ๋นหลี่มีประโยชน์ กลับไปแล้วข้าจะจัดที่ให้พวกเจ้าทั้งสอง เปลี่ยนไข่มุกให้ไม่ซ้ำแบบทุกวันเลย”
เสี่ยวเป่าเต้นรอบโสมเหมันต์ไปมา ริมฝีปากแย้มยิ้มเผยฟันสีขาวออกมาอย่างมีความสุข
ทว่า…
“ครั้งหน้าใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่านี้ได้หรือไม่!”
นางถูกแยกจากท่านพ่อกับเหล่าพี่ชาย
ยามนั้นท่านพ่อกับพวกพี่ชายออกไปล่าสัตว์ หลงเหลือไว้เพียงทหารไม่กี่คนเพื่อปกป้องนาง ส่วนเยว่หลีกับอานั่วซือนั่งจ้องหน้ากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
ทันใดนั้นพลันมีฝูงหมูป่าปรากฏขึ้นแล้วกระโจนใส่พวกเขาอย่างกะทันหัน ต้นขาของเยว่หลีถูกเขี้ยวของหมูป่าตัวหนึ่งกัดจนเข้าเนื้อ
ส่วนเฮยไป๋อู๋ฉางนั้นยื้อเวลาให้พวกเขาหนีออกมา
ระหว่างทางอานั่วซือพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเยว่หลี นางเลื่อมใสในมังกรวารีทมิฬจริง ๆ เป็นวิญญาณมังกรวารีทมิฬตนเดียวกันแท้ ๆ เหตุใดถึงดูเหมือนศัตรคู่แค้นนัก
เสี่ยวเป่านั่งยองแล้วหยิบเอาพลั่วอเนกประสงค์ออกมาจากความว่างเปล่า ค่อย ๆ ขุดรากโสมเหมันต์ทีละน้อยด้วยความระมัดระวัง
โสมเหมันต์ที่พวกเขาตามหามีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากโสมทั่วไป เพียงแต่พบได้ในภูเขาเหมันต์อันหนาวเหน็บ ทั้งยังต้องการสภาพแวดล้อมอันเหมาะสมในการเติบโตอีกด้วย
ภายในภูเขาหิมะอันหนาวเหน็บย่อมหาสถานที่ที่เหมาะสมในการเติบโตของโสมเหมันต์ได้ยากยิ่ง
ป่าที่ออกตามหาก่อนหน้ายังมีสถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ด้วย
ที่นี่อุณหภูมิและสภาพอากาศเหมาะสมกับการเติบโตของโสมเหมันต์
เพิ่งเข้ามาก็เจอเลย!
ใช่แล้ว รากของโสมเหมันต์มีสีขาว นี่คือจุดแตกต่างจากโสมทั่วไป
ลึกลงไปขุดยากยิ่งกว่าเดิม ทางที่ดีคือการขุดโสมเหมันต์ออกมาโดยไม่ให้รากใด ๆ เสียหายแม้แต่น้อย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก
ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า
หลังจากวางฟืนก่อไฟ ใช้ผิงอบอุ่นร่างกาย อานั่วซือก็แบกกวางตัวหนึ่งกลับมา
เขาโยนมันลงพื้น
ก่อนหน้านี้เร่งรีบวิ่งออกมา เครื่องปรุงอันใดล้วนไม่มีติดตัวมาด้วย ทำได้เพียงเนื้อย่าง
เสี่ยวเป่าพบผลไม้ป่าที่กินได้อยู่รอบ ๆ จึงคั้นเป็นน้ำป้อนเยว่หลี
ส่วนที่มีรสเปรี้ยวเค็มก็นำมาทาบนเนื้อย่าง ถึงแม้จะไม่มีเครื่องปรุง แต่เนื้อย่างออกมารสชาติไม่เลวเลย
“ข้าเจอโสมเหมันต์แล้ว!
ระหว่างกินเนื้อย่าง เสี่ยวเป่าก็แบ่งปันข่าวดีกับอานั่วซืออย่างมีความสุข
“กินเสร็จค่อยไปขุด ขุดเสร็จก็ออกไปหาท่านพ่อ ระหว่างทางข้าทำเครื่องหมายเอาไว้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถตามมาถึงที่นี่ได้หรือไม่”
อานั่วซือฟังเงียบ ๆ เนื้อย่างส่วนใหญ่ลงไปอยู่ในท้องเขาเรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความพึงพอใจ ยามออกไปขุดโสมเหมันต์ยังไม่วายลอบเตะเยว่หลีเสียหนึ่งที
เสี่ยวเป่าหันกลับไปถลึงตาใส่ อานั่วซือพลันทำไขสือ
เสี่ยวเป่าโรยผงไล่สัตว์รอบเยว่หลีอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องใช้ผงไล่แมลง เยว่หลีนั้นร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย เหล่าแมลงล้วนเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา
หลังจากขุดโสมเหมันต์ได้พักหนึ่ง อานั่วซือก็หมดความอดทน โยนกิ่งไม้ในมือทิ้ง “ข้าจะออกไปหาอะไรกินหน่อย”
หลังจากนั้นก็วิ่งออกไปเลย
เสี่ยวเป่าปรายตามองไม่เอ่ยอันใด อย่างไรเสียนี่ก็คือยาสำหรับท่านพ่อของนาง อานั่วซือกับนางมีความสัมพันธ์เป็นสหาย ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับท่านพ่อ เขาอยู่ปกป้องนางที่นี่และยังช่วยนางขุด เท่านี้ก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว
โสมเหมันต์มีรากจำนวนมาก ดังนั้นการขุดออกมาจึงเป็นเรื่องยุ่งยาก
ขุดไปครึ่งค่อนวัน เสี่ยวเป่าก็เหนื่อยจนต้องทิ้งตัวแผ่บนพื้น
เยว่หลีที่ได้สติก็ตามมาด้วย เลือดที่ต้นขาหยุดไหลแล้ว ทว่าทั่วทั้งร่างขาวซีดไร้สีเลือด ดูเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง
“เสี่ยวเป่า การขุดต้องใช้เวลานานเท่าใดกัน”
เขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ พลิกกายหันมาถามด้วยความยากลำบาก
“ไม่รู้สิ ท่านพ่อจะมาเมื่อไหร่นะ”
ผ่านไปจนใกล้มืด
อานั่วซือที่เปี่ยมด้วยพละกำลังแต่ไร้ความอดทนตามหาไม้แห้งมาจุดไฟ
ก่อนที่ฟ้าจะมืดสนิท พลันมีเสียงตะโกนออกมาจากอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำ
“เสี่ยวเป่า…”
“องค์หญิง”
เสี่ยวเป่าฟื้นพลังกลับมาตะโกนตอบสุดเสียงในทันใด “ข้าอยู่นี่!!!”
“ฝ่าบาท องค์หญิงอยู่ที่นี่จริง ๆ”
“ด้านล่างมีหุบเขา องค์หญิงน่าจะอยู่ด้านล่าง”
คนกลุ่มหนึ่งเดินลงไป เพียงไม่นานก็พบกับพวกเสี่ยวเป่า
“ท่านพ่อ ข้าพบโสมเหมันต์แล้ว!”
ใบหน้างดงามประณีตของเสี่ยวเป่าเปรอะเปื้อนเล็กน้อยจากการขุดดิน
แต่รอยยิ้มก็ยังคงงดงามเป็นพิเศษ
หนานกงสือเยวียนกอดคนเอาไว้แล้วรีบเอ่ยถาม “ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
นางส่ายหัว “ไม่ แต่เยว่หลีบาดเจ็บ”
เสือทั้งสองเข้ามาวนเวียนรอบกายเสี่ยวเป่า
“ขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองมาก เฮยไป๋อู๋ฉาง พวกเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่”
ไป๋อู๋ฉางได้รับบาดเจ็บ เขี้ยวของหมูป่าสร้างแผลบริเวณท้อง ทว่าได้เจี่ยเจินจัดการรักษาพันผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว
เสี่ยวเป่าลูบท้องของมันอย่างปวดใจ ขอยืมกวางจากอานั่วซือมาให้เสือสองพี่น้องกิน
หลังจากนั้นนางก็มอบเนื้อตากแห้ง ลูกกวาด และนมอัดเม็ดบางส่วนให้อานั่วซือแทน
อานั่วซือรับมากินไปบางส่วน ทั้งยังเดินวนไปมาเบื้องหน้าเยว่หลีอยู่บ่อยครั้ง กินให้ดูอย่างเอร็ดอร่อย แสดงการโอ้อวดอย่างชัดเจน
เยว่หลีอดใช้ขาข้างที่ยังดีอยู่เตะออกไปไม่ได้
เจ้าสารเลวนี่! ทำเหมือนไม่มีผู้ใดเคยได้กินมาก่อนอย่างนั้นแหละ
………………………………………
Comments