เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 514 จบบริบูรณ์

Now you are reading เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช Chapter บทที่ 514 จบบริบูรณ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 514 จบบริบูรณ์

บทที่ 514 จบบริบูรณ์

เสี่ยวเป่าซึ่งไม่รู้ถึงความกังวลของท่านพ่อ จึงพาบรรดาหลานชายไปเที่ยวเล่นโดยที่ไม่ได้คิดอะไร และกลายเป็นราชาของเหล่าเด็กน้อยโดยสมบูรณ์

เทียบกับในวังแล้ว พวกเขากลับชอบมาเที่ยวเล่นด้านนอกวังมากกว่า

ดูถวนจื่อเล่นกับบรรดาคู่หูเด็ก ๆ ดูวัว แกะ แล้วก็ม้า จากนั้นก็ไปดูฝูงหมาป่าที่เลี้ยงดูแบบปล่อย

หมาป่าที่ให้พวกพี่ชายไปก่อนหน้านี้พร้อมที่จะหากินด้วยสัญชาตญาณเองได้แล้ว ทั้งยังถูกใช้เป็นหมาป่าหลวงที่ถูกฝึกให้มีความสามารถรอบด้าน

ทางด้านต้าหาน…

เมื่อกองทัพต้าเซี่ยบุกมาถึง พวกตระกูลชั้นสูงก็มิได้ตื่นตระหนกเท่าใดนัก

แรกเริ่มเดิมทีนั้นพวกเขามีความคิดที่ว่าตระกูลชั้นสูงมีอำนาจเหนือกษัตริย์ ไม่ว่าใครนั่งบัลลังก์ล้วนไม่สำคัญ อย่างไรเสียผู้เป็นกษัตริย์ก็จำต้องขอการสนับสนุนจากพวกเขา

ดังนั้นพวกเขาจึงรอดูท่าทีโดยไม่ลงมือกระทำการใด จากนั้นก็รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายสู้กัน

แม้จะเคยได้ยินมาบ้างถึงตระกูลชั้นสูงของต้าเซี่ยที่ถูกฮ่องเต้กวาดล้างจนไม่เหลือชิ้นดี ทว่าพวกเขาค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของตนเองและวงศ์ตระกูล จึงคิดว่าเหล่าตระกูลชั้นสูงของต้าเซี่ยนั้นไร้ฝีมือถึงได้ถูกฮ่องเต้จัดการเสียราบคาบ

สรุปได้คำเดียวว่าพวกเขานั้นหลงละเลิงจนลืมตัว

ไม่กี่เดือนต่อมา กองทัพต้าเซี่ยก็บุกเข้าเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นเป็นพิเศษ เหล่าตระกูลชั้นสูงที่เห็นกษัตริย์เปิดประตูต้อนรับทัพฝ่ายศัตรูพลันตกตะลึงจนพูดไม่ออก

“จะ เจ้า…”

กษัตริย์ต้าหานมองดูคนพวกนั้นด้วยแววตาโหดเหี้ยม

“นับแต่นี้ไป ต้าหานจะเป็นส่วนหนึ่งของต้าเซี่ย ข้าไม่ขอเป็นกษัตริย์บ้า ๆ นี่อีกแล้ว!”

เขาฉีกหมวกทรงสูงที่แสดงถึงฐานะบนหัวออกแล้วโยนลงกับพื้น

“แต่ตระกูลชั้นสูงอย่างพวกเจ้าต้องตาย!”

ภรรยาของเขา ภรรยาคนแรกผู้คอยช่วยเหลือเกื้อกูลและร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา รวมถึงลูกชายอันเป็นที่รักของเขา

เพียงเพราะภรรยาของเขาเกิดมาต่ำต้อย จึงถูกพวกเศษมนุษย์นั่นร่วมมือกับบรรดานางสนมสังหารด้วยต้องการให้คนในตระกูลของตนขึ้นเป็นฮองเฮา

ฮ่า ๆ ๆ….

ช่างน่าขันจริง ๆ

การเป็นกษัตริย์ไร้ประโยชน์กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ภรรยาและลูกชายของตนต้องตาย

กษัตริย์ต้าหานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับองค์รัชทายาทแห่งต้าเซี่ย

“ข้าต้องการเพียงสิ่งเดียว คือฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันให้หมด!!”

เมื่อได้เห็นสภาพของเขาในตอนนี้ เหล่าตระกูลชั้นสูงก็เริ่มหวาดหวั่นได้เสียที

“ไอ้สารเลวทรยศบ้านเมือง!”

“อดีตกษัตริย์ไม่มีวันยกโทษให้เจ้าแน่ ไอ้คนขายชาติไม่มีกระดูกสันหลัง ทำกับราษฎรต้าหานถึงเพียงนี้ เนรคุณแผ่นดิน ทำไมเจ้าไม่ตาย ๆ ไปเสีย!”

คำด่าทอไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น พวกเขาลืมไปเสียสนิทว่าในความเป็นจริงตนก็ลอบติดต่อกองทัพต้าเซี่ย เป็นคนขายชาติไม่ต่างกัน

กษัตริย์ต้าหานถ่มน้ำลาย “ราษฎรหรือ ปลิงดูดเลือดอย่างพวกเจ้ายังมีหน้ามาพูดถึงราษฎรอีกหรือ! ตอนที่เกิดน้ำท่วม ข้านำเงินและเสบียงทั้งหมดออกมาจากคลังส่วนตัว ข้ากับอดีตภรรยาและลูกชายได้กินแต่เศษผัก แต่พวกเจ้ากลับมีข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ ร้องเล่นเต้นรำ กินอยู่อย่างหรูหรา ถึงขั้นนั้นแล้วก็ยังไม่พอ ไปยักยอกเงินช่วยบรรเทาทุกข์ภัย พวกเจ้าไม่ละอายกันบ้างหรือ!”

“พวกเดรัจฉาน หน้าซื่อใจคด! ตายไปยังไม่เสียดาย เป็นผีขอส่วนบุญในคราบมนุษย์ ละโมบไม่รู้จักพอ ที่ต้าหานต้องล่มสลายก็เป็นเพราะว่าพวกเจ้า พวกเจ้าต่างหากที่เป็นคนบาป!”

“องค์รัชทายาทแห่งต้าเซี่ย โปรดช่วยจัดการคนพวกนี้ด้วย พวกมันสูบเลือดสูบเนื้อต้าหานมานานเกินไปแล้ว สมบัติเงินทองในจวนของพวกมันมีมากมายกว่าท้องพระคลังหลวงตั้งไม่รู้กี่เท่า”

บัดนี้กษัตริย์ต้าหานพ่นคำด่าทอที่อัดอั้นตันใจมานานด้วยความสะใจ เขามีกองทัพต้าเซี่ยเป็นกองหนุน พวกตระกูลชั้นสูงที่บัดนี้ปิดปากเงียบอย่างมิอาจปฏิเสธคำกล่าวหา เขาจึงเปิดโปงการกระทำชั่วช้าเลวทรามของคนพวกนั้นอย่างสาแก่ใจ

ถึงขั้นอยากตะโกนป่าวประกาศไปทั่วเมืองเลยทีเดียว

บรรดาราษฎรที่หลบซ่อนภายในบ้านเพราะเห็นกองทัพต้าเซี่ยบุกเข้ามาทำได้เพียงแอบฟังในทีแรก ทว่าตอนนี้กลับอดเปิดประตูหน้าต่างมาชะเง้อดูไม่ได้

พวกเขายังจำภัยแล้งและน้ำท่วมในตอนนั้นได้ดี เงินทองและเสบียงบรรเทาทุกข์ภัยที่กษัตริย์พระราชทานให้ด้วยความห่วงใยในราษฎรกลับถูกพวกตระกูลชั้นสูงยักยอกเอาไป

ทว่าในตอนนั้นพวกตระกูลชั้นสูงเผยแพร่ข่าวเท็จว่าเงินทองและเสบียงทั้งหมดกลายเป็นของกษัตริย์ พวกเขาจึงสาปแช่งด่าทอด้วยความไม่รู้

ที่แท้กษัตริย์ของพวกเขาก็มิได้ไร้พ่ายไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ภรรยาและลูกชายก็ยังถูกวางยาพิษจนตาย

ไหนจะเรื่องสิ้นหวังมากมายพวกนั้นอีก…

ราษฎรทุกคนที่นี่ คนธรรมดาที่มิได้มีสัมพันธ์อันใดกับตระกูลชั้นสูงไหนเลยจะไม่ถูกกดขี่ข่มเหง เมื่อได้ยินคำด่าอย่างโกรธแค้นรวมถึงการกระทำต่ำช้าของคนพวกนั้นจากปากกษัตริย์ก็อดรู้สึกแบบเดียวกันไม่ได้

ชายชราหนึ่งในนั้นพลันพุ่งเข้ามา และเขวี้ยงไข่เน่าในมือใส่หัวของตาเฒ่าจากตระกูลชั้นสูงคนหนึ่ง

เขวี้ยงเสร็จก็ทรุดลงกับพื้น “หลานสาวของข้า หลานสาวคนเดียวของข้า เจ้าพวกสารเลว เอาชีวิตหลานสาวข้าคืนมา!!!”

เขาร่ำไห้อย่างสิ้นหวังจนผู้คนตรงนั้นรู้สึกเศร้าใจไปด้วย

บางคนจึงอดพูดออกมาไม่ได้

“ตาเฒ่าหลี่คนนั้น ได้ยินว่าพาหลานสาวออกไปขายดอกไม้ แต่ดันไปถูกใจตาแก่นั่นจนถูกฉุดคร่าไป สุดท้ายนางก็กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ตาเฒ่าหลี่ไปฟ้องร้องกับศาลแต่กลับต้องถูกตัดขา”

“น่าเวทนานัก มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมากมายจริง ๆ”

“เจ้าพวกนั้นมันไม่ใช่คน กล้าฆ่าแม้กระทั่งภรรยาและลูกชายของกษัตริย์”

“จะว่าไปแล้วพวกที่เคยรังแกพวกเราก็เป็นคนจากตระกูลชั้นสูงทั้งนั้น แจ้งทางการไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อก่อนข้ายังนึกว่ากษัตริย์กับขุนนางพวกนั้นเป็นพวกเดียวกัน ที่แท้กษัตริย์เองก็ถูกพวกมันควบคุมเหมือนกันนี่เอง”

“ทำกันเกินไปแล้ว หากว่าข้าเป็นกษัตริย์ ข้าก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน”

ผู้คนต่างก็ออกความเห็น ตอนนั้นเองที่หนานกงฉีซิวเอ่ยกับกษัตริย์ต้าหาน “ตามที่เจ้าปรารถนา”

จากนั้นก็พากองทัพเข้ายึดต้าหาน และจับกุมตัวพวกตระกูลชั้นสูงทั้งหมด

เวลานั้นทั่วทั้งราชสำนักต้าหานพลันเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ พวกเขาจึงหวังใช้เรื่องนี้บีบบังคับอีกฝ่าย

เยว่หลีเหลือบมองด้วยสายตารังเกียจ “คิดอะไรอยู่กัน คิดว่าต้าเซี่ยจะขาดแคลนคนแค่นี้งั้นหรือ เศษสวะพวกนั้นยังคิดอีกหรือว่าจะได้เป็นขุนนาง ไร้สาระสิ้นดี”

กล่าวจบเยว่หลีก็หันหลังออกจากคุกไปพร้อมกับหนานกงฉีซิวและขุนนางฝ่ายบุ๋นที่พามาเป็นที่ปรึกษาการศึก เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน เรื่องราวทุกอย่างในต้าหานก็ได้รับการแก้ไขโดยไร้อุปสรรค

ทรัพย์สินทั้งหมดของเหล่าตระกูลชั้นสูงถูกยึดเป็นเงินรวมห้าสิบล้าน นอกจากนี้ยังมีทองคำอีกสิบล้าน รวมทั้งเครื่องประดับมีค่ามากมายนับไม่ถ้วน

ยังไม่รวมเสบียงอาหารซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อราและเน่าบูด ทว่าพวกเขายอมให้มันเน่าเสียดีกว่าแบ่งให้ราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ

เมื่อได้เห็นข้าวของที่ถูกยึดมา ทุกคนในต้าเซี่ยต่างก็รู้สึกรังเกียจตระกูลชั้นสูงละโมบพวกนั้นเข้าไส้

ทั้งที่มีเงินทองให้ใช้ไม่รู้จักหมด มีอาหารให้กินไม่รู้จักพอ นอกจากไม่ช่วยบรรเทาภัยพิบัติยังคิดคดทุจริต

เจ้าพวกนี้สมควรตายนัก!

มิหนำซ้ำยังยึดเงินทองจากบรรดาบ่าวรับใช้ในจวนมาได้เป็นจำนวนไม่น้อย รวมถึงที่ดินส่วนตัวที่ไม่ได้ลงทะเบียนอีกนับไม่ถ้วน

สำหรับการกระทำอันชั่วช้าเลวทราม หนานกงฉีซิวได้สั่งให้คนเขียนลงหนังสือพิมพ์และเผยแพร่ให้รู้กันโดยทั่ว

ภัยแล้งและอุทกภัยเพิ่งผ่านไปได้เพียงไม่นาน เหล่าราษฎรที่เดือดร้อนก็รอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของต้าเซี่ย หลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวในหนังสือพิมพ์ ทุกคนก็โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นในวันที่นักโทษจากตระกูลชั้นสูงถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ประชาชนทุกคนต่างก็ขว้างปาใบไม้และก้อนหินใส่พวกเขาอย่างโกรธแค้น

“ไอ้เดรัจฉาน!”

“พวกเลวทราม ไปตายเสียเถอะ!”

ต่อให้พวกเขาในตอนนี้จะน่าเวทนา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดรู้สึกเห็นใจแม้แต่คนเดียว

เห็นใจหรือ แล้วมีใครเห็นใจราษฎรที่ต้องทุกข์ทรมานสิ้นหวังและตายไป เพราะพวกเขาบ้างหรือไม่!

ในที่สุดก็มีคนจากตระกูลชั้นสูงนึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป ทว่าทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

หลังจากที่ทุกอย่างจบลง และเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ประชาชนชาวต้าหานก็เลิกปฏิเสธต้าเซี่ย

ด้วยเหตุนี้เองต้าเซี่ยจึงรับช่วงต่อได้อย่างราบรื่น

หนานกงฉีซิวทิ้งคนไว้กลุ่มหนึ่ง ก่อนจะกลับไปยังต้าเซี่ยพร้อมกับน้องชายและกษัตริย์ต้าหาน

มาถึงบัดนี้ ทั่วทั้งดินแดนจงหยวนและทุ่งหญ้าก็รวมเป็นหนึ่ง ซึ่งมีราชวงศ์ต้าเซี่ยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

หนานกงสือเยวียนเองก็มิใช่คนใจแคบ เขาแต่งตั้งกษัตริย์ต้าหานเป็นอ๋องต่างแซ่ ไม่มีศักดินาและอำนาจใด ๆ ทว่าได้รับเงินเดือนและมีจวนเป็นของตัวเองในนามของท่านอ๋อง

เมื่อกษัตริย์ต้าหานคุกเข่าขอบพระทัย ก็ราวกับปลดเปลื้องภาระหนักอึ้งออกจากบ่า และได้ใช้ชีวิตเป็นอ๋องหัวโล้นอย่างสุขสบาย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซียวเหยาอ๋องในเวลาต่อมา

หลังจากที่จงหยวนกับทุ่งหญ้ารวมเป็นหนึ่ง อาณาจักรต้าเซี่ยก็ค่อย ๆ เจริญรุ่งเรืองด้วยความพยายามของหนานกงสือเยวียนและบรรดาบุตรชาย

ในปีที่เสี่ยวเป่ามีอายุครบสิบแปด ต้าเซี่ยก็ได้กลายเป็นราชวงศ์ที่รุ่งเรืองที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เพราะการเปิดเส้นทางสายไหมทั้งทางบกและทางทะเล วิทยาการต่อเรือรวมถึงการนำทางในทะเลก็มีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้าเซี่ยมีโอกาสเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต่างแดน

การค้าทางทะเลมิเพียงนำมาซึ่งความมั่งคั่งอย่างมหาศาล แต่ยังทำให้ทุกคนได้รู้ถึงการมีอยู่ของโลกภายนอก ซึ่งมีดินแดนต่าง ๆ มากมายนอกเหนือจากจงหยวนและทุ่งหญ้า

แม้มิอาจพิชิตได้ทั้งโลก ทว่า…

สามารถกลายเป็นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดของโลกใบนี้

ต้าเซี่ยมีองค์ชายมากความสามารถเยอะเกินไป อีกทั้งส่วนหนึ่งก็เป็นถึงนักรบที่เก่งกาจ ไม่ทันไรองค์ชายสี่ องค์ชายห้าพร้อมด้วยบรรดาญาติผู้พี่ และเหล่าน้องชายก็เผลอพิชิตไปไกลถึงดินแดนอื่น

เมื่อดินแดนของต้าเซี่ยขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หนานกงสือเยวียนเริ่มคิดว่าบางสถานที่อยู่ห่างไกลยากจะควบคุม แทนที่จะส่งขุนนางไปดูแล มิสู้ส่งบุตรชายของตนไปไม่ดีกว่าหรือ

ในภายภาคหน้าหากว่าลูกหลานมีใจทะเยอทะยาน ก็สามารถขยายดินแดนไปยังอาณาจักรอื่น มิจำเป็นต้องสนใจเพียงแค่จงหยวนเท่านั้น อีกอย่างหากให้ที่อื่นเรียกขานว่าฮ่องเต้ก็ฟังดูไม่เลวนัก

สายเลือดของลูกหลานชาวจงหยวนจะต้องแผ่ขยายไปทั่วทั้งใต้หล้าให้พวกเขาได้เรียนรู้ภาษาของจงหยวน และขจัดภาษาที่ฟังไม่ได้ศัพท์ให้หมดไป!

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด