เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ 7 วันธรรมดาๆ ของเลทิเซีย
ปี 1
บทที่ 7 – วันธรรมดาๆ ของเลทิเซีย
“ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด!!”
จู่ๆ เลวี่ก็โพลงออกมาด้วยความหงุดหงิดหลังจากที่อาจารย์ลิเลียน่าจากไปแล้ว เธอร้องออกมาเหมือนกับเด็กกำลังงอแง
ก็นะ เธอตอนนี้ก็นังเป็นเด็กอายุสิบสองขวบเท่านั้น ส่วนเลทิเซียอายุสิบสามขวบ สาเหตุที่พวกเธอได้เรียนอยู่ปีหนึ่งด้วยกันเพราะว่าเลทิเซียมาสมัครเรียนพร้อมเลวี่
ตามปกติแล้วโรงเรียนลิเบอร์จะรับสมัครนักเรียนตั้งแต่อายุสิบสองปีขึ้นไป เลทิเซียจึงเลือกที่จะรอหนึ่งปีให้เลวี่สามารถสมัครเข้าเรียนก่อน
พวกเธอค่อยมาสมัครด้วยกันนั่นเอง พอมานึกๆ ดูนับตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นก็จริง
แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียเรื่องเมื่อตอนนั้นมันราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแสนนานแล้ว เลทิเซียหัวเราะออกมาเบาๆ
“เอาน่า.. ไว้ตอนเรียนคาบบ่ายเลวี่ค่อยมาสมัครเรียนวิชาเดียวกันกับฉันก็ได้นี่น่า”
เลทิเซียลูบหัวเลวี่ด้วยความเคยชิน แม้ตอนนี้เลวี่จะตัวสูงกว่าเลทิเซียนิดหน่อยแล้วก็ตาม.. เลทิเซียมีผมสีดำสนิท ดวงตาสีดำสนิท
ร่างกายของเธอยังคงเหมือนเด็กอายุสิบถึงสิบเอ็ดขวบเพียงเท่านั้น แต่ความจริงเธออายุสิบสามแล้วนะเออ!
นี่เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของคำขอที่เธอขอกับเทพธิดา..
เลทิเซียเป็นผู้กลับชาติมาเกิด ในชาติก่อนของเธอนั้นเธอเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีร่างกายผิดแปลกจากชาวบ้านชาวช่องเขา
พูดง่ายๆ คือ เธอเป็นเด็กโค่งนั่นเอง จะพูดให้ถูกคือร่างกายในชาติก่อนของเลทิเซียโตเกินกว่าวัย เพราะความผิดแปลกทางพันธุกรรมอะไรสักอย่าง
ทำให้ตอนเด็กๆ เลทิเซียก็มีร่างกายใหญ่กว่าเพื่อนไปหลายปีเลย เธอจึงค่อนข้างมีปมด้อยกับร่างกายตัวเอง
เลทิเซียจึงขอพรกับเทพธิดาไปว่า ‘ให้มีร่างหายตรงกันข้ามกับชาติที่แล้วทุกอย่าง’ สิ่งที่เลทิเซียได้รับมาจึงกลายเป็นร่างกายที่เป็นผู้หญิงไม่พอ
ยังเป็นโลลิที่ไม่โตอีกต่างหาก.. ไม่เพียงแค่นั้นเพราะในชาติก่อนถึงเลทิเซียจะจำไม่ได้ว่าตัวเองตายยังไง แต่เหมือนเทพธิดาจะบอกว่า
เพราะผ้าห่มมันพันกับคอเธอ ส่วนผ้าห่มอีกด้านไปพันกับหัวเตียงพอกลิ้งตกเตียงผ้าห่มเลยรัดคอตาย.. เรียกได้ว่าร่างกายตายอย่างง่าย
แต่พอขอร้องแบบนั้นเธอเลยได้ร่างกายที่เป็น ‘เผ่าปีศาจ’ มา.. ทำให้เธอมีร่างกายที่ตายยาก แต่น่าเสียดายที่พลังกายในชาติก่อนเธอเยอะ
พอมาชาตินี้ร่างกายเลยอ่อนแอพอสมควร เลทิเซียทดแทนมันด้วยเวทมนตร์เสริมพละกำลังเอาน่ะนะ..
แน่นอนว่าเลวี่น่ะเป็นมนุษย์แต่เลทิเซียเป็นปีศาจ..
หากจะให้กล่าวคงยาว.. แต่เหมือนว่าเลทิเซียจะถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองที่เป็นจอมมารทิ้งเพราะปัญหาทางการเมืองอะไรบางอย่าง
แถมเลทิเซียเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับพลังของจอมมารคนที่สิบสาม ทั้งที่บนโลกนี้ควรจะมีจอมมารเพียงแค่สิบสองคนแท้ๆ ..
แต่ความจริงที่ว่าพลังเลทิเซียเป็นของจอมมารนั้นไม่ผิดอย่างแน่นอน..
แม่ของเลวี่เลยเก็บเธอมาเลี้ยง… เพราะเจอเธออยู่กลางป่าเขา เลทิเซียถูกเลี้ยงมาอย่างดีในฐานะเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่ง เลทิเซีย ทีน อาเดฟนั่นเอง
ในตอนนั้นเอง เลวี่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ
“แต่ว่าวิชาที่ข้าสมัครไปก่อนหน้ามันชนกับวิชาท่านพี่เรียนน่ะสิ… แถมวิชาที่ท่านพี่สมัครข้าคงสอบไม่ผ่านเก็บเกรดเฉลี่ยไม่ได้แน่ๆ เพราะมันเป็นวิชาเวทมนตร์กึ่งมนุษย์อะไรของท่านพี่นั่นน่ะ!”
“อีกอย่างนะท่านพี่.. ท่านพี่เองก็ไม่ใช่กึ่งมนุษย์สักหน่อย เรียนไปก็คงไม่มีความหมายหรอก อีกอย่างตอนสอบเก็บเกรดเฉลี่ยท่านพี่จะทำยังไงล่ะ”
จู่ๆ เลวี่ก็เหมือนนึกออกว่าพี่สาวเธอเป็นมนุษย์จะไปเรียนเวทมนตร์กึ่งมนุษย์ทำไมล่ะเนี่ย
เรียนไปก็ไม่สามารถใช้ได้อยู่ดี อีกอย่างการสอบวิชาเวทมนตร์ภาคปฏิบัติคือการใช้เวทมนตร์นั้นๆ ซึ่งไม่มีทางที่เลทิเซียจะใช้เวทมนตร์กึ่งมนุษย์ได้นี่
เลทิเซียยิ้มบางๆ แล้วก็พูด
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า”
“แต่ว่าแบบนี้ข้าก็เจอท่านพี่น้อยลงสิ!”
เลวี่ยังคงงอแงต่อไป ในขณะที่ชาร์ล็อตก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉันเธอก็นั่งลงข้างๆ ฉันโดยไม่พูดอะไรแบ้วก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนตัวแทบติดกัน
“เอ่อ.. คุณชาร์ล็อตคะ.. เป็นอะไรคะ?”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนิ! หึ”
“ไม่เป็นอะไรก็บ้าแล้ว โกรธอะไรฉันอีกเนี่ย?”
เลทิเซียรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย แต่ชาร์ล็อตก็หันหน้าหนีแล้วก็บ่นอุบอิบ
“ก็มีใครไม่รู้เมื่อเข้าไม่ยอมปลุกฉันด้วย จนฉันมาเรียนสายแล้วโดนอาจารย์ดุอีก แถมไม่ได้ทานอาหารเช้าด้วย!”
“โทษที.. พอดีเห็นเธอนอนน้ำลายยืดคิดว่ากำลังฝันหวานอะไรอยู่เลยไม่อยากกวนน่ะ”
เลทิเซียกล่าวติดตลก ชาร์ล็อตก็ตะโกนออกมา
“หยุดพูดเลยนะ!”
แต่ในตอนนั้นเองเลวี่ก็จับแขนอีกข้างของเลทิเซียแล้วก็ดึงเลทิเซียออกมาห่างๆ จากชาร์ล็อต
“เดี๋ยวสิ คุณบาร์ล็อตท่านพี่น่ะกำลังคุยกับจ้าอยู่นะคะ!”
“ตายจริง ที่ข้าเห็นก็มีแค่คุณเลวิเนียงอแงอะไรก็ไม่รู้อยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“เหอะ อย่างคุณชาร์ล็อตคงไม่กังวลอะไรเลยสิ ใช่สิ ได้นอนอยู่ห้องเดียวกับท่านพี่นี่น่า ทุกคืนคงแอบขึ้นเตียงท่านพี่แน่นอนใช่ไหมล่ะ เป็นคนที่หื่นกามจริงๆ ”
“เอาอีกแล้วสินะคะ กล่าวหาโดยไม่มีมูลแบบนั้นน่ะ.. ถึงมันจะจริงก็เถอะ.. เนอะ เลทิเซีย”
ชาร์ล็อตขยิบตาให้เลทิเซีย.. เลวี่ที่เห็นแบบนั้นยิ่งควันออกหัวยิ่งกว่าเดิม
“หนอยยยย ยัยอสูรบ้ากาม!”
“อะไรเหรอคะ คุณเจ้าหญิงขี้แหย่ ~?”
เลทิเซียมองดูทั้งสองทะเลาะกันก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ .. มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ไงกันนะ?
เลวี่น้องสาวที่น่ารักของเธอกลายเป็นน้องสาวที่ปากจัดแบบนั้นได้ยังไงกันนะ.. แล้วก็ชาร์ล็อตก่อนหน้านี้ก็เป็นเด็กดีและเด็กใสซื่อแท้ๆ
แต่พอสูญเสีย ‘อันน่า’ ไป.. ทำให้ชาร์ล็อตเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แสดงให้เห็นเลยว่าสำหรับชาร์ล็อตแล้วอันน่านั้นสำคัญยังไง
“ยังเนื้อหอมเหมือนเดิมเลยนะ เลทิเซีย”
“เฮ้อ.. ดีนะที่เธอไม่เป็นบ้าไปกับสองคนนี้ด้วย”
จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเสียงเสียงนั้นคือทสึรุหญิงสาวผมสีดำทรงฮิเมะคัต..
เลทิเซียถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย .. อิซานะเองก็เดินเข้ามาพูดด้วยความวิตกกังวลนิดหน่อย
“คะ.. คือว่า.. ทะเลาะกันมันไม่ดีนะคะ!”
แต่ทั้งสองคนนั้นก็ไม่ฟังอิซานะเลยแม้แต่น้อย.. ในขณะที่ทสึรุได้ยินสิ่งที่เลทิเซียพูดเธอก็เดินมาใช้มือขวาแตะคางเลทิเซียดึงขึ้นมามองหน้าตัวเอง
“ก็.. ฉันคิดว่าแต้มฉันนำไม่ไกลที่สุด ไม่จำเป็นต้องแย่งกับใครหรอกถูกไหม? ก็เพราะ ‘จูบ’ ไปแล้วนี่น่า”
“…เธอนี่…”
พอคำพูดสุดมั่นใจของทสึรุดังขึ้นเท่านั้นแหละ สายตาของเลวี่และชาร์ล็อตหันขวับไปหาเลทิเซียราวกับสัตว์ร้าย
ทั้งคู่ที่เมื่อสักครู่เป็นศัตรูกันก็เหมือนกลายเป็นมิตรกันแทบจะทันที ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เลวี่กับชาร์ล็อตก็สวมชุดแม่มดสีดำพร้อมกับมีตุ๊กตาคำสาปที่มือ..
“อะไรกันนะ.. อะไรกันนะคุณชาร์ล็อต เมื่อกี้ข้าได้ยินอะไรแปลกๆ ใช่ไหมนะ?”
“นั่นสิคะ คุณเลวิเนีย เมื่อกี้ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหมคะ?”
“….”
เลทิเซียกุมขมับเล็กน้อย… ในขณะที่ทั้งห้ามาอยู่ด้วยกันอเล็กเซียก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ ไม่สนใจพวกเลทิเซีย
และนี่คือ.. วันธรรมดาๆ ของพวกเธอนั่นเอง
Comments
เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ 7 วันธรรมดาๆ ของเลทิเซีย
ปี 1
บทที่ 7 – วันธรรมดาๆ ของเลทิเซีย
“ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด!!”
จู่ๆ เลวี่ก็โพลงออกมาด้วยความหงุดหงิดหลังจากที่อาจารย์ลิเลียน่าจากไปแล้ว เธอร้องออกมาเหมือนกับเด็กกำลังงอแง
ก็นะ เธอตอนนี้ก็นังเป็นเด็กอายุสิบสองขวบเท่านั้น ส่วนเลทิเซียอายุสิบสามขวบ สาเหตุที่พวกเธอได้เรียนอยู่ปีหนึ่งด้วยกันเพราะว่าเลทิเซียมาสมัครเรียนพร้อมเลวี่
ตามปกติแล้วโรงเรียนลิเบอร์จะรับสมัครนักเรียนตั้งแต่อายุสิบสองปีขึ้นไป เลทิเซียจึงเลือกที่จะรอหนึ่งปีให้เลวี่สามารถสมัครเข้าเรียนก่อน
พวกเธอค่อยมาสมัครด้วยกันนั่นเอง พอมานึกๆ ดูนับตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นก็จริง
แต่ทว่าสำหรับเลทิเซียเรื่องเมื่อตอนนั้นมันราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแสนนานแล้ว เลทิเซียหัวเราะออกมาเบาๆ
“เอาน่า.. ไว้ตอนเรียนคาบบ่ายเลวี่ค่อยมาสมัครเรียนวิชาเดียวกันกับฉันก็ได้นี่น่า”
เลทิเซียลูบหัวเลวี่ด้วยความเคยชิน แม้ตอนนี้เลวี่จะตัวสูงกว่าเลทิเซียนิดหน่อยแล้วก็ตาม.. เลทิเซียมีผมสีดำสนิท ดวงตาสีดำสนิท
ร่างกายของเธอยังคงเหมือนเด็กอายุสิบถึงสิบเอ็ดขวบเพียงเท่านั้น แต่ความจริงเธออายุสิบสามแล้วนะเออ!
นี่เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของคำขอที่เธอขอกับเทพธิดา..
เลทิเซียเป็นผู้กลับชาติมาเกิด ในชาติก่อนของเธอนั้นเธอเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีร่างกายผิดแปลกจากชาวบ้านชาวช่องเขา
พูดง่ายๆ คือ เธอเป็นเด็กโค่งนั่นเอง จะพูดให้ถูกคือร่างกายในชาติก่อนของเลทิเซียโตเกินกว่าวัย เพราะความผิดแปลกทางพันธุกรรมอะไรสักอย่าง
ทำให้ตอนเด็กๆ เลทิเซียก็มีร่างกายใหญ่กว่าเพื่อนไปหลายปีเลย เธอจึงค่อนข้างมีปมด้อยกับร่างกายตัวเอง
เลทิเซียจึงขอพรกับเทพธิดาไปว่า ‘ให้มีร่างหายตรงกันข้ามกับชาติที่แล้วทุกอย่าง’ สิ่งที่เลทิเซียได้รับมาจึงกลายเป็นร่างกายที่เป็นผู้หญิงไม่พอ
ยังเป็นโลลิที่ไม่โตอีกต่างหาก.. ไม่เพียงแค่นั้นเพราะในชาติก่อนถึงเลทิเซียจะจำไม่ได้ว่าตัวเองตายยังไง แต่เหมือนเทพธิดาจะบอกว่า
เพราะผ้าห่มมันพันกับคอเธอ ส่วนผ้าห่มอีกด้านไปพันกับหัวเตียงพอกลิ้งตกเตียงผ้าห่มเลยรัดคอตาย.. เรียกได้ว่าร่างกายตายอย่างง่าย
แต่พอขอร้องแบบนั้นเธอเลยได้ร่างกายที่เป็น ‘เผ่าปีศาจ’ มา.. ทำให้เธอมีร่างกายที่ตายยาก แต่น่าเสียดายที่พลังกายในชาติก่อนเธอเยอะ
พอมาชาตินี้ร่างกายเลยอ่อนแอพอสมควร เลทิเซียทดแทนมันด้วยเวทมนตร์เสริมพละกำลังเอาน่ะนะ..
แน่นอนว่าเลวี่น่ะเป็นมนุษย์แต่เลทิเซียเป็นปีศาจ..
หากจะให้กล่าวคงยาว.. แต่เหมือนว่าเลทิเซียจะถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองที่เป็นจอมมารทิ้งเพราะปัญหาทางการเมืองอะไรบางอย่าง
แถมเลทิเซียเหมือนจะเกิดมาพร้อมกับพลังของจอมมารคนที่สิบสาม ทั้งที่บนโลกนี้ควรจะมีจอมมารเพียงแค่สิบสองคนแท้ๆ ..
แต่ความจริงที่ว่าพลังเลทิเซียเป็นของจอมมารนั้นไม่ผิดอย่างแน่นอน..
แม่ของเลวี่เลยเก็บเธอมาเลี้ยง… เพราะเจอเธออยู่กลางป่าเขา เลทิเซียถูกเลี้ยงมาอย่างดีในฐานะเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่ง เลทิเซีย ทีน อาเดฟนั่นเอง
ในตอนนั้นเอง เลวี่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ
“แต่ว่าวิชาที่ข้าสมัครไปก่อนหน้ามันชนกับวิชาท่านพี่เรียนน่ะสิ… แถมวิชาที่ท่านพี่สมัครข้าคงสอบไม่ผ่านเก็บเกรดเฉลี่ยไม่ได้แน่ๆ เพราะมันเป็นวิชาเวทมนตร์กึ่งมนุษย์อะไรของท่านพี่นั่นน่ะ!”
“อีกอย่างนะท่านพี่.. ท่านพี่เองก็ไม่ใช่กึ่งมนุษย์สักหน่อย เรียนไปก็คงไม่มีความหมายหรอก อีกอย่างตอนสอบเก็บเกรดเฉลี่ยท่านพี่จะทำยังไงล่ะ”
จู่ๆ เลวี่ก็เหมือนนึกออกว่าพี่สาวเธอเป็นมนุษย์จะไปเรียนเวทมนตร์กึ่งมนุษย์ทำไมล่ะเนี่ย
เรียนไปก็ไม่สามารถใช้ได้อยู่ดี อีกอย่างการสอบวิชาเวทมนตร์ภาคปฏิบัติคือการใช้เวทมนตร์นั้นๆ ซึ่งไม่มีทางที่เลทิเซียจะใช้เวทมนตร์กึ่งมนุษย์ได้นี่
เลทิเซียยิ้มบางๆ แล้วก็พูด
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า”
“แต่ว่าแบบนี้ข้าก็เจอท่านพี่น้อยลงสิ!”
เลวี่ยังคงงอแงต่อไป ในขณะที่ชาร์ล็อตก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉันเธอก็นั่งลงข้างๆ ฉันโดยไม่พูดอะไรแบ้วก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ฉันจนตัวแทบติดกัน
“เอ่อ.. คุณชาร์ล็อตคะ.. เป็นอะไรคะ?”
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนิ! หึ”
“ไม่เป็นอะไรก็บ้าแล้ว โกรธอะไรฉันอีกเนี่ย?”
เลทิเซียรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย แต่ชาร์ล็อตก็หันหน้าหนีแล้วก็บ่นอุบอิบ
“ก็มีใครไม่รู้เมื่อเข้าไม่ยอมปลุกฉันด้วย จนฉันมาเรียนสายแล้วโดนอาจารย์ดุอีก แถมไม่ได้ทานอาหารเช้าด้วย!”
“โทษที.. พอดีเห็นเธอนอนน้ำลายยืดคิดว่ากำลังฝันหวานอะไรอยู่เลยไม่อยากกวนน่ะ”
เลทิเซียกล่าวติดตลก ชาร์ล็อตก็ตะโกนออกมา
“หยุดพูดเลยนะ!”
แต่ในตอนนั้นเองเลวี่ก็จับแขนอีกข้างของเลทิเซียแล้วก็ดึงเลทิเซียออกมาห่างๆ จากชาร์ล็อต
“เดี๋ยวสิ คุณบาร์ล็อตท่านพี่น่ะกำลังคุยกับจ้าอยู่นะคะ!”
“ตายจริง ที่ข้าเห็นก็มีแค่คุณเลวิเนียงอแงอะไรก็ไม่รู้อยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“เหอะ อย่างคุณชาร์ล็อตคงไม่กังวลอะไรเลยสิ ใช่สิ ได้นอนอยู่ห้องเดียวกับท่านพี่นี่น่า ทุกคืนคงแอบขึ้นเตียงท่านพี่แน่นอนใช่ไหมล่ะ เป็นคนที่หื่นกามจริงๆ ”
“เอาอีกแล้วสินะคะ กล่าวหาโดยไม่มีมูลแบบนั้นน่ะ.. ถึงมันจะจริงก็เถอะ.. เนอะ เลทิเซีย”
ชาร์ล็อตขยิบตาให้เลทิเซีย.. เลวี่ที่เห็นแบบนั้นยิ่งควันออกหัวยิ่งกว่าเดิม
“หนอยยยย ยัยอสูรบ้ากาม!”
“อะไรเหรอคะ คุณเจ้าหญิงขี้แหย่ ~?”
เลทิเซียมองดูทั้งสองทะเลาะกันก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ .. มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ไงกันนะ?
เลวี่น้องสาวที่น่ารักของเธอกลายเป็นน้องสาวที่ปากจัดแบบนั้นได้ยังไงกันนะ.. แล้วก็ชาร์ล็อตก่อนหน้านี้ก็เป็นเด็กดีและเด็กใสซื่อแท้ๆ
แต่พอสูญเสีย ‘อันน่า’ ไป.. ทำให้ชาร์ล็อตเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แสดงให้เห็นเลยว่าสำหรับชาร์ล็อตแล้วอันน่านั้นสำคัญยังไง
“ยังเนื้อหอมเหมือนเดิมเลยนะ เลทิเซีย”
“เฮ้อ.. ดีนะที่เธอไม่เป็นบ้าไปกับสองคนนี้ด้วย”
จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเสียงเสียงนั้นคือทสึรุหญิงสาวผมสีดำทรงฮิเมะคัต..
เลทิเซียถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย .. อิซานะเองก็เดินเข้ามาพูดด้วยความวิตกกังวลนิดหน่อย
“คะ.. คือว่า.. ทะเลาะกันมันไม่ดีนะคะ!”
แต่ทั้งสองคนนั้นก็ไม่ฟังอิซานะเลยแม้แต่น้อย.. ในขณะที่ทสึรุได้ยินสิ่งที่เลทิเซียพูดเธอก็เดินมาใช้มือขวาแตะคางเลทิเซียดึงขึ้นมามองหน้าตัวเอง
“ก็.. ฉันคิดว่าแต้มฉันนำไม่ไกลที่สุด ไม่จำเป็นต้องแย่งกับใครหรอกถูกไหม? ก็เพราะ ‘จูบ’ ไปแล้วนี่น่า”
“…เธอนี่…”
พอคำพูดสุดมั่นใจของทสึรุดังขึ้นเท่านั้นแหละ สายตาของเลวี่และชาร์ล็อตหันขวับไปหาเลทิเซียราวกับสัตว์ร้าย
ทั้งคู่ที่เมื่อสักครู่เป็นศัตรูกันก็เหมือนกลายเป็นมิตรกันแทบจะทันที ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เลวี่กับชาร์ล็อตก็สวมชุดแม่มดสีดำพร้อมกับมีตุ๊กตาคำสาปที่มือ..
“อะไรกันนะ.. อะไรกันนะคุณชาร์ล็อต เมื่อกี้ข้าได้ยินอะไรแปลกๆ ใช่ไหมนะ?”
“นั่นสิคะ คุณเลวิเนีย เมื่อกี้ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหมคะ?”
“….”
เลทิเซียกุมขมับเล็กน้อย… ในขณะที่ทั้งห้ามาอยู่ด้วยกันอเล็กเซียก็เดินออกจากห้องไปเงียบๆ ไม่สนใจพวกเลทิเซีย
และนี่คือ.. วันธรรมดาๆ ของพวกเธอนั่นเอง
Comments