เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ 9: โลลิที่สมบูรณ์แบบ
ปี 1
บทที่ 9 – โลลิที่สมบูรณ์แบบ?
ปัจจุบัน—-
ฉัน.. เลทิเซีย ทีน อาเดฟ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอาเดฟ.. เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่ามานั่นแหละ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงถูกจับแยกออกมาจากพวกเลวี่
ตอนนี้เลยได้สู้ร่วมกับนักเรียนจากห้อง A อยู่.. แต่แบบนี้แหละดีแล้วสำหรับแผนการที่จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้กลายเป็นฐานทัพของฉัน
เป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อปกป้องเหล่าคนสำคัญ.. วิธีการยึดครองที่ดีที่สุดคือค่อยๆ ดึงเอาความเชื่อถือผู้คนมาอยู่ที่ตัวฉันเอง
ทีละนิด ทีละหน่อย ท้ายที่สุดฉันก็จะกลายเป็นเหมือนผู้นำโรงเรียนไปโดยปริยาย.. เอาล่ะ มาพยายามอีกหน่อยนะตัวฉัน..
ยิ้มเข้าไว้!
ฉันตบใบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วก็กระโดดลงจากหลังรถม้าของคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ ส่วนเจ้าอสูรนกยูงยักษ์นั่นก็โดนผลของคำสาปตัวเองแล้วกลายเป็นหินไปแล้ว
อาจารย์เวโรเน่มุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความกระวนกระวาย แต่เธอไม่ได้สนใจฉันเลย เธอเดินไปหาคนที่อยู่รถม้า
กำลังจะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าแหละมั้ง.. แต่ทว่าหัวหน้ากองอัศวินที่ขี้ม้าก็มาขวางเอาไว้
“ช้าก่อน พวกเจ้าเป็นใคร.. ภายในรถม้านี้มีบุคคลสำคัญกำลังนั่งอยู่!”
เรื่องแบบนั้นแค่มองก็รู้แล้วล่ะ ฉันหันไปมองอาจารย์เวโรเน่ที่กำลังแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา.. เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักเครื่องแบบของโรงเรียนลิเบอร์หรือไง?
เธอคงจะคิดแบบนั้นอยู่ละมั้ง.. แต่อาจารย์เวโรเน่เหมือนไม่ใช่คนประเภทนั้นเธอถอยห่างออกมาสองสามก้าวแล้วก็โค้ง
“ขออภัยด้วย ข้าคืออาจารย์จากโรงเรียนเวทมนตร์ลิเบอร์ ตอนนี้กำลังพานักเรียนทดสอบความสามารถนอกสถานที่อยู่”
พูดแล้วอาจารย์เวโรเน่ก็ปาการ์ดแผ่นหนึ่งไปทางหัวหน้าอัศวินคนนั้น เขาก้มลงมองก่อนจะประหลาดใจ
“ขออภัยด้วย.. ไม่คิดว่าจะเป็นอาจารย์จากโรงเรียนลิเบอ—”
แต่ในตอนนั้นเองฉันก็สังเกตเห็นว่ามีคนเดินออกมาจากรถม้า เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีผมสีแดงแต่ออกเข้มๆ ตรงยาวไปจนถึงกลางหลัง
ตัวเธอสูงกว่าฉันพอสมควร อายุประมาณสิบสามสิบสี่ปี.. ใบหน้าของเธอค่อนข้างน่ากลัวไม่น้อยเพราะตาเธอขวาง
ให้อารมณ์เหมือนถ้าอยู่ในหนัง ในอนิเมะ คนคนนี้ต้องเป็นนางร้ายอย่างแน่นอน อะไรแบบนั้นเลยล่ะ
แต่ฉันไม่ควรตัดสินคนจากภายนอกหรอก.. ฉันใช้เวทมนตร์ตรวจสอบเธอแต่ก็ต้องประหลาดใจเหมือนว่าจะไม่สามารถวิเคราะห์อีกฝ่ายได้?
นี่มันหมายความว่าไงละเนี่ย..
“คุณหนูอย่าลงมาจากรถสิครับ มันอันตรายนะ!”
อัศวินคนนั้นยังพูดไม่ทันจบพอเห็นคุณหนูตัวเองลงมาเขาก็ร้อนรน แต่คุณหนูคนนั้นก็เหมือนจะไม่ได้สนใจเลย
แต่เธอจ้องเขม็งมาที่ฉัน… เอ่อ ฉันคิดว่าฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อนนะ.. ไม่สิ จะตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้เพราะเหตุผลที่ฉันสูญเสียเพื่อนไปก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ…
ฉันใช้เวทมนตร์ค้นหาเข้าไปในความทรงจำของฉันว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ไหม คำตอบก็คือไม่เคยเจออยู่ดี..
เธอจ้องมาที่ฉันสักพักแล้วดวงตาของเธอก็ลุกวาว… อ่านไม่ออกเลยแฮะ?
“ตัวเป็นๆ …”
เธอพึมพำอะไรสักอย่างด้วยเสียงเบาๆ ทำให้ฉันไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไหร่ ในขณะที่ฉันคิดว่าควรจะพูดอะไรนั้นเอง
นกยูงยักษ์ที่ควรจะถูกสาปให้กลายเป็นหินนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหวอีกครั้ง!ส่วนที่เป็นหินของมันเกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรงพร้อมกับแตกกระจายออกรอบด้าน
ซึ่งรอบๆ นกยูงยักษ์มีนักเรียนห้อง A อยู่หลายคนเลยล่ะ.. คนที่ตอบสนองด้วยความไวสูงสุดคืออาจารย์เวโรเน่
ร่างกายเธอกลายเป็นเหมือนภูตผีหายวับไปจากจุดเดิมเช้าไปปกป้องนักเรียนที่อาจจะโดนแรงกระแทก
อัศวินคนนั้นกระวนกระวายว่าคุณหนูตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ
“คุณหนู! หลบเร็— อั้ก!!”
ไม่รู้ว่าเป็นคนดวงซวยขนาดไหนหินที่แตกกระจายออกก้อนหนึ่งพุ่งมากระแทกเขาจนกระเด็นหลายสิบตลบ
เพราะมัวแต่พะวงเรื่องของคุณหนูนั่นแหละ.. และในตอนนั้นเองก็มีเศษหินก้อนหนึ่งพุ่งตรงมาทางที่เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่
ซึ่งมันเป็นจุดที่ฉันยืนอยู่เช่นกัน.. เพราะฉันกับผู้หญิงผมสีแดงเข้มยืนอยู่ตรงหน้าฉันแม้จะห่างไปไกลพอสมควร
ฉันหันหลังให้ผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับยกมือขึ้นทำลายเศษหินจนแตกกระจายออกไปด้านข้าง แต่ก็ยังมีแรงลมกระแทกมาอยู่ซึ่งส่งผลให้ผมมันปลิวไปด้านหลัง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ฉันถามออกไปแบบนั้น พอฉันถามแบบนั้นเหมือนอีกฝ่ายจะประหม่าสุดๆ ซะอย่างนั้นก่อนจะพูดออกมา
“มะ.. มะ.. ไม่เป็นไยค่ะ—”
กัดลิ้นตัวเองซะงั้น… ประหม่าอะไรเบอร์นั้นเนี่ย หรือว่าฉันทำให้เธอกลัวเหรอ ก็ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนี่น่า
อีกฝ่ายเหมือนจะหน้าแดงเพราะเผลอกัดลิ้นตัวเอง.. ขณะที่ฉันกำลังสงสัยว่าเธอเป็นอะไรนั้นนกยูงยักษ์ที่กลายเป็นหินและระเบิดออก
ก็พลันมีเสียงกรีดร้องของมันดังขึ้นมาอีกรอบ ร่างของมันหดเล็กลงหลายเท่า.. ดวงตาของฉันหรี่ลง
“นั่นไม่ใช่นกยูงร้อยตานี่.. มันนกยูงลอกคราบไม่ใช่หรือไง… แล้วมันมีร้อยตาได้ยังไงกัน?”
คำถามนี้ดังขึ้นมาในหัวของฉัน อีกอย่างนกยูงลอกคราบมันแข็งแกร่งกว่านกยูงร้อยตามากเพราะทุกครั้งที่มันลอกคราบความเร็วมันจะเพิ่มขึ้น
ซึ่งความเร็วสูงสุดที่มันสามารถทำได้ก็ทะลุกำแพงความเร็วเสียงประมาณ 100 มัค เห็นจะได้ ไม่มีทางที่นักเรียนจะสู้ไหวแน่
ซึ่งอาจารย์เวโรเน่ไม่น่าให้นักเรียนเธอมาสู้กับอะไรที่ชนะไม่ได้แบบนี้ หมายความว่าเธอเองก็ไม่รู้สินะ..
ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหรอกนะ.. แต่ว่าเป้าหมายที่ให้พวกเรามาสู้บางทีคนที่จัดการคงเป็นทางเบื้องบนของโรงเรียนลิเบอร์
หรือก็คืออีกฝ่ายต้องการให้เราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้สินะ.. บางทีเป้าหมายอาจจะเป็นฉันนั่นแหละ
เพราะพักนี้มีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับฉัน บางทีพวกเบื้องบนคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนั่นแน่ๆ ..
คงอยากจะทดสอบพลังฉันละมั้ง.. แต่ฉันไม่อยากปักใจเชื่อทันทีเท่าไหร่ ต้องมีเบาะแสมากกว่านี้นิดหน่อย
นกยูงลอกคราบมันจ้องมาที่ฉันด้วยความเกลียดชังก่อนที่จะกรีดร้องแล้วก็พุ่งมาทางฉันด้วยความเร็วหลายร้อยมัค
ฉันแสดงท่าทางตกใจเล็กน้อย.. หวังพึ่งยัยอาจารย์เวโรเน่ให้กำจัดแทนคงไม่ได้ เพราะเธอเชื่อว่าฉันสามารถกำจัดได้โดยสนิทใจ
ดังนั้น.. ขอโทษด้วยนะคนแปลกหน้าผมสีแดงเข้ม ขอยืมร่างกายสักครู่นะ
ฉันแสร้งทำเป็นตกใจและถอยหลังสะดุดขาตัวเองพร้อมกับล้มลงไปด้านหลังเหมือนกับว่าตัวเองตอบสนองความเร็วนั้นไม่ทัน
ดวงตาของฉันหลับลงพลังเวทกระจายออกทั่วร่างกำลังจะเข้าไปควบคุมร่างของเด็กผู้หญิงผมสีแดงเข้มนั้น
แต่เธอกลับก้าวขาออกไปด้านหน้า กำเป็นหมัดแล้วก็…
พลังเวทอันพิลึกพิลั่นไปหลอมรวมอยู่ที่กำปั้นของเธอ.. ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอเวทมนตร์มนุษย์นะ?!
ไม่สิ เดี๋ยวก่อนปริมาณพลังเวทนั่นมันอะไรกัน.. มันเทียบกับพลังเวทพวกปีศาจเลยนะนั่น แต่ว่าเธอเป็นมนุษย์ไม่ผิดแน่นี่น่า!
ร่างกายเธอหายวับไปจากจุดเดิมพร้อมกับต่อซัดใส่เงาสีดำของนกยูงลอกคราบที่พุ่งมาอย่างรุนแรง
“ตู้ม!!!”
ร่างกายของมันแตกกระจุยเลือดสาดกระเซ็นไปรอบด้านโดนใบหน้าของตัวเธอเองด้วย.. ฉันถึงกับประหลาดใจ
ไม่เพียงแค่นั้นฉันยังได้ยินอีกฝ่ายพึมพำว่า
“..อย่ามาแตะต้องโลลิที่สมบูรณ์แบบนะ!”
“….”
ห๊ะ… อะไรนะ?
………
[ขอโทษที่มาช้าครับ พอดีย้ายมาอยู่กับญาติน่ะครับ ซึ่งเลยไม่สะดวกเขียนนิยายเท่าไหร่เลยมีเวลาเขียนนิยายแค่ตอนกลางคืน ซึ่งไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เลยงอกตอนช้านิดหน่อยนะครับ – ผู้เขียน]
Comments
เลทิเซียกับชีวิต(ไม่)ธรรมดาในโรงเรียนเวทมนตร์ 9: โลลิที่สมบูรณ์แบบ
ปี 1
บทที่ 9 – โลลิที่สมบูรณ์แบบ?
ปัจจุบัน—-
ฉัน.. เลทิเซีย ทีน อาเดฟ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอาเดฟ.. เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่ามานั่นแหละ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงถูกจับแยกออกมาจากพวกเลวี่
ตอนนี้เลยได้สู้ร่วมกับนักเรียนจากห้อง A อยู่.. แต่แบบนี้แหละดีแล้วสำหรับแผนการที่จะทำให้โรงเรียนแห่งนี้กลายเป็นฐานทัพของฉัน
เป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อปกป้องเหล่าคนสำคัญ.. วิธีการยึดครองที่ดีที่สุดคือค่อยๆ ดึงเอาความเชื่อถือผู้คนมาอยู่ที่ตัวฉันเอง
ทีละนิด ทีละหน่อย ท้ายที่สุดฉันก็จะกลายเป็นเหมือนผู้นำโรงเรียนไปโดยปริยาย.. เอาล่ะ มาพยายามอีกหน่อยนะตัวฉัน..
ยิ้มเข้าไว้!
ฉันตบใบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วก็กระโดดลงจากหลังรถม้าของคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ ส่วนเจ้าอสูรนกยูงยักษ์นั่นก็โดนผลของคำสาปตัวเองแล้วกลายเป็นหินไปแล้ว
อาจารย์เวโรเน่มุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความกระวนกระวาย แต่เธอไม่ได้สนใจฉันเลย เธอเดินไปหาคนที่อยู่รถม้า
กำลังจะถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าแหละมั้ง.. แต่ทว่าหัวหน้ากองอัศวินที่ขี้ม้าก็มาขวางเอาไว้
“ช้าก่อน พวกเจ้าเป็นใคร.. ภายในรถม้านี้มีบุคคลสำคัญกำลังนั่งอยู่!”
เรื่องแบบนั้นแค่มองก็รู้แล้วล่ะ ฉันหันไปมองอาจารย์เวโรเน่ที่กำลังแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา.. เจ้าหมอนี่ไม่รู้จักเครื่องแบบของโรงเรียนลิเบอร์หรือไง?
เธอคงจะคิดแบบนั้นอยู่ละมั้ง.. แต่อาจารย์เวโรเน่เหมือนไม่ใช่คนประเภทนั้นเธอถอยห่างออกมาสองสามก้าวแล้วก็โค้ง
“ขออภัยด้วย ข้าคืออาจารย์จากโรงเรียนเวทมนตร์ลิเบอร์ ตอนนี้กำลังพานักเรียนทดสอบความสามารถนอกสถานที่อยู่”
พูดแล้วอาจารย์เวโรเน่ก็ปาการ์ดแผ่นหนึ่งไปทางหัวหน้าอัศวินคนนั้น เขาก้มลงมองก่อนจะประหลาดใจ
“ขออภัยด้วย.. ไม่คิดว่าจะเป็นอาจารย์จากโรงเรียนลิเบอ—”
แต่ในตอนนั้นเองฉันก็สังเกตเห็นว่ามีคนเดินออกมาจากรถม้า เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีผมสีแดงแต่ออกเข้มๆ ตรงยาวไปจนถึงกลางหลัง
ตัวเธอสูงกว่าฉันพอสมควร อายุประมาณสิบสามสิบสี่ปี.. ใบหน้าของเธอค่อนข้างน่ากลัวไม่น้อยเพราะตาเธอขวาง
ให้อารมณ์เหมือนถ้าอยู่ในหนัง ในอนิเมะ คนคนนี้ต้องเป็นนางร้ายอย่างแน่นอน อะไรแบบนั้นเลยล่ะ
แต่ฉันไม่ควรตัดสินคนจากภายนอกหรอก.. ฉันใช้เวทมนตร์ตรวจสอบเธอแต่ก็ต้องประหลาดใจเหมือนว่าจะไม่สามารถวิเคราะห์อีกฝ่ายได้?
นี่มันหมายความว่าไงละเนี่ย..
“คุณหนูอย่าลงมาจากรถสิครับ มันอันตรายนะ!”
อัศวินคนนั้นยังพูดไม่ทันจบพอเห็นคุณหนูตัวเองลงมาเขาก็ร้อนรน แต่คุณหนูคนนั้นก็เหมือนจะไม่ได้สนใจเลย
แต่เธอจ้องเขม็งมาที่ฉัน… เอ่อ ฉันคิดว่าฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อนนะ.. ไม่สิ จะตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้เพราะเหตุผลที่ฉันสูญเสียเพื่อนไปก็เพราะแบบนั้นไม่ใช่เหรอ…
ฉันใช้เวทมนตร์ค้นหาเข้าไปในความทรงจำของฉันว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ไหม คำตอบก็คือไม่เคยเจออยู่ดี..
เธอจ้องมาที่ฉันสักพักแล้วดวงตาของเธอก็ลุกวาว… อ่านไม่ออกเลยแฮะ?
“ตัวเป็นๆ …”
เธอพึมพำอะไรสักอย่างด้วยเสียงเบาๆ ทำให้ฉันไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไหร่ ในขณะที่ฉันคิดว่าควรจะพูดอะไรนั้นเอง
นกยูงยักษ์ที่ควรจะถูกสาปให้กลายเป็นหินนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหวอีกครั้ง!ส่วนที่เป็นหินของมันเกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรงพร้อมกับแตกกระจายออกรอบด้าน
ซึ่งรอบๆ นกยูงยักษ์มีนักเรียนห้อง A อยู่หลายคนเลยล่ะ.. คนที่ตอบสนองด้วยความไวสูงสุดคืออาจารย์เวโรเน่
ร่างกายเธอกลายเป็นเหมือนภูตผีหายวับไปจากจุดเดิมเช้าไปปกป้องนักเรียนที่อาจจะโดนแรงกระแทก
อัศวินคนนั้นกระวนกระวายว่าคุณหนูตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ
“คุณหนู! หลบเร็— อั้ก!!”
ไม่รู้ว่าเป็นคนดวงซวยขนาดไหนหินที่แตกกระจายออกก้อนหนึ่งพุ่งมากระแทกเขาจนกระเด็นหลายสิบตลบ
เพราะมัวแต่พะวงเรื่องของคุณหนูนั่นแหละ.. และในตอนนั้นเองก็มีเศษหินก้อนหนึ่งพุ่งตรงมาทางที่เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่
ซึ่งมันเป็นจุดที่ฉันยืนอยู่เช่นกัน.. เพราะฉันกับผู้หญิงผมสีแดงเข้มยืนอยู่ตรงหน้าฉันแม้จะห่างไปไกลพอสมควร
ฉันหันหลังให้ผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับยกมือขึ้นทำลายเศษหินจนแตกกระจายออกไปด้านข้าง แต่ก็ยังมีแรงลมกระแทกมาอยู่ซึ่งส่งผลให้ผมมันปลิวไปด้านหลัง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ฉันถามออกไปแบบนั้น พอฉันถามแบบนั้นเหมือนอีกฝ่ายจะประหม่าสุดๆ ซะอย่างนั้นก่อนจะพูดออกมา
“มะ.. มะ.. ไม่เป็นไยค่ะ—”
กัดลิ้นตัวเองซะงั้น… ประหม่าอะไรเบอร์นั้นเนี่ย หรือว่าฉันทำให้เธอกลัวเหรอ ก็ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนี่น่า
อีกฝ่ายเหมือนจะหน้าแดงเพราะเผลอกัดลิ้นตัวเอง.. ขณะที่ฉันกำลังสงสัยว่าเธอเป็นอะไรนั้นนกยูงยักษ์ที่กลายเป็นหินและระเบิดออก
ก็พลันมีเสียงกรีดร้องของมันดังขึ้นมาอีกรอบ ร่างของมันหดเล็กลงหลายเท่า.. ดวงตาของฉันหรี่ลง
“นั่นไม่ใช่นกยูงร้อยตานี่.. มันนกยูงลอกคราบไม่ใช่หรือไง… แล้วมันมีร้อยตาได้ยังไงกัน?”
คำถามนี้ดังขึ้นมาในหัวของฉัน อีกอย่างนกยูงลอกคราบมันแข็งแกร่งกว่านกยูงร้อยตามากเพราะทุกครั้งที่มันลอกคราบความเร็วมันจะเพิ่มขึ้น
ซึ่งความเร็วสูงสุดที่มันสามารถทำได้ก็ทะลุกำแพงความเร็วเสียงประมาณ 100 มัค เห็นจะได้ ไม่มีทางที่นักเรียนจะสู้ไหวแน่
ซึ่งอาจารย์เวโรเน่ไม่น่าให้นักเรียนเธอมาสู้กับอะไรที่ชนะไม่ได้แบบนี้ หมายความว่าเธอเองก็ไม่รู้สินะ..
ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันหรอกนะ.. แต่ว่าเป้าหมายที่ให้พวกเรามาสู้บางทีคนที่จัดการคงเป็นทางเบื้องบนของโรงเรียนลิเบอร์
หรือก็คืออีกฝ่ายต้องการให้เราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้สินะ.. บางทีเป้าหมายอาจจะเป็นฉันนั่นแหละ
เพราะพักนี้มีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับฉัน บางทีพวกเบื้องบนคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือนั่นแน่ๆ ..
คงอยากจะทดสอบพลังฉันละมั้ง.. แต่ฉันไม่อยากปักใจเชื่อทันทีเท่าไหร่ ต้องมีเบาะแสมากกว่านี้นิดหน่อย
นกยูงลอกคราบมันจ้องมาที่ฉันด้วยความเกลียดชังก่อนที่จะกรีดร้องแล้วก็พุ่งมาทางฉันด้วยความเร็วหลายร้อยมัค
ฉันแสดงท่าทางตกใจเล็กน้อย.. หวังพึ่งยัยอาจารย์เวโรเน่ให้กำจัดแทนคงไม่ได้ เพราะเธอเชื่อว่าฉันสามารถกำจัดได้โดยสนิทใจ
ดังนั้น.. ขอโทษด้วยนะคนแปลกหน้าผมสีแดงเข้ม ขอยืมร่างกายสักครู่นะ
ฉันแสร้งทำเป็นตกใจและถอยหลังสะดุดขาตัวเองพร้อมกับล้มลงไปด้านหลังเหมือนกับว่าตัวเองตอบสนองความเร็วนั้นไม่ทัน
ดวงตาของฉันหลับลงพลังเวทกระจายออกทั่วร่างกำลังจะเข้าไปควบคุมร่างของเด็กผู้หญิงผมสีแดงเข้มนั้น
แต่เธอกลับก้าวขาออกไปด้านหน้า กำเป็นหมัดแล้วก็…
พลังเวทอันพิลึกพิลั่นไปหลอมรวมอยู่ที่กำปั้นของเธอ.. ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอเวทมนตร์มนุษย์นะ?!
ไม่สิ เดี๋ยวก่อนปริมาณพลังเวทนั่นมันอะไรกัน.. มันเทียบกับพลังเวทพวกปีศาจเลยนะนั่น แต่ว่าเธอเป็นมนุษย์ไม่ผิดแน่นี่น่า!
ร่างกายเธอหายวับไปจากจุดเดิมพร้อมกับต่อซัดใส่เงาสีดำของนกยูงลอกคราบที่พุ่งมาอย่างรุนแรง
“ตู้ม!!!”
ร่างกายของมันแตกกระจุยเลือดสาดกระเซ็นไปรอบด้านโดนใบหน้าของตัวเธอเองด้วย.. ฉันถึงกับประหลาดใจ
ไม่เพียงแค่นั้นฉันยังได้ยินอีกฝ่ายพึมพำว่า
“..อย่ามาแตะต้องโลลิที่สมบูรณ์แบบนะ!”
“….”
ห๊ะ… อะไรนะ?
………
[ขอโทษที่มาช้าครับ พอดีย้ายมาอยู่กับญาติน่ะครับ ซึ่งเลยไม่สะดวกเขียนนิยายเท่าไหร่เลยมีเวลาเขียนนิยายแค่ตอนกลางคืน ซึ่งไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เลยงอกตอนช้านิดหน่อยนะครับ – ผู้เขียน]
Comments