แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 531 เป็นเธอเหรอเนี่ย
“คุณจะเข้าใจอะไร ที่เสี่ยวเชี่ยนขอก็เหมาะสมแล้ว คุณรู้หรือเปล่า ว่าเพื่อรักษาเหม่ยจิ้งเด็กคนนี้สะเทือนใจมาก มองไม่ออกเหรอว่าเขากำลังพยายามปรับอารมณ์น่ะ?”
“รุนแรงขนาดนั้นเลย?” มือหัวหน้าใหญ่ที่กำลังกดปุ่มหยุดชะงัก
จากนั้นก็ถูกข่วนโดยไม่เหนือความคาดหมาย…
“นี่คุณ ผมสังเกตดูนะ ตั้งแต่เหม่ยจิ้งป่วยคุณก็ชอบข่วน เกิดปีแมวเหรอ?”
อีกทั้งชอบข่วนอยู่ที่เดียว เปลี่ยนที่ข่วนบ้างไม่ได้หรือไง
“เพราะตาแก่อย่างคุณมันโง่ไง ถ้านักเรียนของฉันสมองช้าแบบคุณล่ะก็ฉันคงส่งคืนไปนานแล้ว”
“นิสัยเอะอะก็โมโหร้ายอย่างคุณถ้าเป็นทหารของผมล่ะก็ ผมถีบ—” หัวหน้าใหญ่พอเห็นศาสตราจารย์หลิวถลึงตาใส่ก็เสียวสันหลัง รีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมชมไปนานแล้ว คุณนายเสี่ยวหลิวดูท่าทางฮึกเหิมมีพลังดีจังนะครับ”
ผู้ชายที่รู้จักปรับตัวตามสถานการณ์จะไม่ถูกข่วน เยี่ยมมาก
“ฉันบอกว่าคุณสมองช้ายังไม่ยอมรับอีก คุณเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจิตใต้สำนึกของคนเป็นยังไง?”
“ใช่ คุณบอกแล้ว” แต่ผมไม่เข้าใจไง
หัวหน้าใหญ่กล้าโวยวายแค่ในใจ เรื่องเกี่ยวกับวิชาชีพเฉพาะแบบนั้นเขาฟังเข้าใจก็บ้าแล้ว แต่ก็ต้องยอมเชื่อฟังให้ความร่วมมือไป
“เรื่องทุกอย่างที่ปกติพวกเราได้เจอ ได้เห็น ล้วนจะส่งผลต่อจิตใต้สำนึก ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนรักษาให้เหม่ยจิ้ง จิตใต้สำนึกของเขาก็ได้รับผลกระทบ เหม่ยจิ้งส่งผ่านอารมณ์ด้านลบให้เขา ตอนนี้เหม่ยจิ้งลืมไปแล้ว แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับนึกถึงเรื่องที่ไม่สบายใจ ไม่เห็นสีหน้าเขาเหรอว่าดูแย่แค่ไหน?”
ศาสตราจารย์หลิวมองตามหลังเสี่ยวเชี่ยนพลางพูดพึมพำด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อกี้เขาถามฉันเรื่องหูแว่วด้วย เด็กคนนี้…เก็บทุกอย่างมาใส่ใจหมด”
ถึงแม้เสี่ยวเชี่ยนจะไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นคนดี ถึงขนาดที่ว่าชอบหาว่าตัวเองเป็นคนเลวบ่อยๆ แต่ศาสตราจารย์หลิวกลับเห็นในความพยายามของเธอเป็นอย่างมากตอนรักษาคนไข้ และด้วยความที่ตั้งใจมากจนเกินไป เสี่ยวเชี่ยนจึงตกอยู่ในห้วงความเศร้าของหูเหม่ยจิ้ง ยากที่จะดึงตัวเองออกมา ความรู้สึกแบบนี้จิตแพทย์มักเจอบ่อยๆ หรือที่เรียกกันว่าเกิดความรู้สึกร่วม
“อืมๆ เสี่ยวหลิวพูดถูก” หัวหน้าใหญ่พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่จริงๆแล้วเขาก็ยังคงไม่เข้าใจ
“จิตแพทย์เป็นอาชีพที่ไม่ง่าย ทุกวันต้องสัมผัสกับคนที่มีปัญหาทางจิตใจ ความรู้สึกด้านลบนี้พอส่งผ่านไปที่หมอก็จะหลงเหลืออยู่ในจิตใต้สำนึก หมอที่ดีต้องเกิดความรู้สึกร่วมไปกับคนไข้ แต่ความรู้สึกแบบนี้ถ้าระบายออกไปไม่ได้ หลงเหลืออยู่ในจิตใต้สำนึกมันก็จะก่อตัวเป็นขยะ สร้างความรำคาญใจให้หมอ ดังนั้นทุกครั้งที่ได้ยินข่าวจิตแพทย์เป็นโรคซึมเศร้า ฉันจะรู้สึกเสียดายมาก”
“ใช่ๆ เสียดายๆ—อะไรนะ? เสี่ยวเชี่ยนจะเป็นโรคซึมเศร้าเหรอ?” ในที่สุดหัวหน้าใหญ่ก็เข้าใจสักประโยคแล้ว
ปรากฏว่าก็ยังถูกข่วนอยู่ดี
“อย่าพูดบ้าๆ เสี่ยวเชี่ยนไม่มีทางเป็นโรคซึมเศร้า เพราะว่า—” ศาสตราจารย์หลิวชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือของหัวหน้าใหญ่ “รีบโทรไปออกคำสั่งสิ ให้เจ้าเล็กรีบไปหาเสี่ยวเชี่ยน ลูกศิษย์ฉันต้องมาเป็นแบบนี้เพราะจัดการเรื่องให้พวกคุณไง เร็วๆ ถ้าจัดการไม่ดีล่ะก็ต่อไปคุณไม่ต้องกลับบ้านเลยนะ ฉันไม่ต้องการคุณ”
“……” พูดอย่างกับว่าตอนนี้ต้องการ ใบหย่ายังไม่ได้เปลี่ยนเป็นใบทะเบียนสมรสเลยนะ
หัวหน้าใหญ่แอบบ่นในใจแต่ก็รีบทำตามโดยดี โทรไปที่หน่วยแล้วใช้สถานะความเป็นผู้บัญชาการระดับสูงสั่งภารกิจให้อวี๋หมิงหลาง
พอวางสายในใจหัวหน้าใหญ่ยังคงคิดเรื่องที่ศาสตราจารย์หลิวพูดเมื่อครู่
“คุณบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่มีทางเป็นโรคซึมเศร้าเพราะอะไรเหรอ?”
“เพราะเขาหาวิธีระบายอารมณ์ได้แล้ว หัวใจมีที่พักพิง ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกว่าหมั้นเร็วไป ตอนนี้พอมาดูมันก็มีข้อดีเหมือนกัน บางทีคนมีพรสวรรค์แบบนี้ก็ควรมีบางอย่างมายึดเหนี่ยวไว้ให้ใจเขาไม่ลอยไปไกล เวลาเศร้าๆมีคนคอยช่วยเขาแบ่งเบาความรู้สึก”
แก่นแท้ของคำว่าครอบครัวควรเป็นแบบนั้น
อย่างอื่นฟังไม่เข้าใจ มีแค่ประโยคนี้ที่หัวหน้าใหญ่เข้าใจ เขาแกล้งไอ
“เอ่อคือ เสี่ยวหลิว วันนี้บ่ายผมยังมีเวลาสองชั่วโมง ตอนนี้คุณก็ว่างๆ คือ พวกเรา พวกเรา—”
หัวหน้าใหญ่เก็บคำพูดมานานก็ยังคงพูดไม่ออกอยู่ดี
“เหล่าหลิว พูดจาติดอ่างตั้งแต่เมื่อไร ต้องการให้ฉันรักษาไหม?”
“ผมหมายความว่า ในเมื่อพวกเราต่างว่าง ไม่สู้ไปจดทะเบียนกัน เปลี่ยนใบหย่าให้เป็นสีแดง? คุณดูสิ เด็กๆต่างมีที่พักพิงทางใจกันหมดแล้ว วันๆคุณรักษาคนตั้งเยอะ ผมก็เป็นห่วงว่าคุณจะอารมณ์ไม่ดี ผมทำเพื่อประเทศนะ เพื่อประเทศชาติ”
พอถูกศาสตราจารย์หลิวถลึงตาใส่ หัวหน้าใหญ่ก็เปิดโหมดเพ้อเจ้อออกมาทันที เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรไปบ้าง
ศาสตราจารย์หลิวทั้งโมโหทั้งขำ “คุณนี่ชอบรนหาที่ตายทำให้ฉันโกรธ เกี่ยวอะไรกับประเทศชาติ? ทางการฝึกฝนคุณมาตั้งนาน คุณตอบแทนประเทศแบบนี้เหรอ? อีกอย่างนะฉันมีวิธีระบายอารมณ์ของฉัน คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“เอ่อ…” หัวหน้าใหญ่ชินกับลูกไม้แพรวพราวของภรรยานานแล้ว ถูกปฏิเสธควรจะรู้สึกแย่ แต่เขาไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกมีความกล้าหาญอย่างไร้ขีดจำกัด
“งั้นทำเพื่อผมได้หรือเปล่า? ให้ใจของผมได้มีที่พักพิง มีคุณกับลูกอยู่ด้วยใจผมก็มั่นคง ไปทำงานก็วางใจ เสี่ยวหลิวพวกเราแยกกันอยู่นานแล้วนะ ผมคิดได้แล้ว ต่อไปผมจะขยันซักผ้า ขยันทำอาหาร คุณหายโกรธผมเถอะนะ”
“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเสื้อผ้าเลย เป็นที่ตัวคุณเอง—” ศาสตราจารย์หลิวชะงัก ตาแก่นี่พูดมาได้ขนาดนี้คงไม่ง่ายเลยสินะ จะไปหวังให้คนอย่างเขาแก้นิสัยก็คงไม่ได้ แค่นี้ก็ทำได้เกินความคาดหมายแล้ว
หัวหน้าใหญ่มีสีหน้าผิดหวัง ไม่ได้จริงๆด้วย…
“วันนี้ไม่ได้”
“อ่อ…” กะแล้วว่าไม่ได้
“จะจดทะเบียนใหม่คุณไม่ต้องรายงานเบื้องบนเหรอ? ไปทั้งแบบนี้ได้เลยหรือไง?”
เอ๊ะ? หัวหน้าใหญ่ดีใจสุดขีด แบบนี้ก็แสดงว่ายอมแล้วใช่ไหม?
“นี่ คุณลากฉันทำไม”
“ลากไปหาผู้บังคับบัญชา ถ้าไม่ทำเรื่องให้เดี๋ยวนี้พวกเราก็อยู่กินข้าวเย็นบ้านเขาไปเลย ถือโอกาสรอเงินรับขวัญด้วย”
“ยางอายมีไหม…”
ตอนที่อวี๋หมิงหลางรับเรื่องในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
หัวหน้าใหญ่บอกว่ามีภารกิจพิเศษมอบให้เขา สั่งให้เขาแต่งตัวธรรมดาแล้วไปที่ร้านคาราโอเกะเย่กวงให้ไวที่สุด เช้าตรู่วันมะรืนค่อยกลับหน่วย
แต่ไปถึงที่นั่นแล้วให้ทำอะไรหัวหน้าใหญ่ไม่ได้บอกรายละเอียด บอกแค่ว่าไปถึงก็รู้เอง
ตอนที่อวี๋หมิงหลางไปถึงแล้วเห็นเสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่หน้าร้านเขาก็รู้สึกตกใจ
เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาลงจากรถในมือถือกุญแจ สองขายาวที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์เดินฝ่าฝูงชนมาทางเธอ ความรู้สึกแย่ที่มีอยู่ในใจก็สลายไปมาก
คล้ายกับว่าการปรากฏตัวของเขา โลกจากที่มืดแปดด้านก็มีสีสันขึ้นมาทันที ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ขอแค่สายตาประสานกัน ความรู้สึกด้านลบในจิตใจก็หายไปไม่น้อย
“ทำไมเป็นคุณล่ะ?” ภารกิจของเขาคือลูกเชี่ยนเหรอ?
Comments