แม่ปากร้ายยุค​ 80 1018 คู่แข่ง

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1018 คู่แข่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1018 คู่แข่ง

ตอนที่ 1018 คู่แข่ง

วันต่อมา หลินม่ายพร้อมกับเจิ้งซวี่ตงขับรถไปที่เมืองซื่อเหม่ยเพื่อเยี่ยมชมการเพาะปลูกและฟาร์มปศุสัตว์ทั้งหมด

สัตว์ปีกคุณภาพสูงที่ถูกเพาะเลี้ยงโดยศาสตราจารย์หลิวล้วนเป็นไก่ฟาร์มและเป็ดฟาร์ม ซึ่งไก่และเป็ดคอกแรกมาถึงแล้ว และคอกที่สองกำลังจะตามมาเร็ว ๆ นี้

หลินม่ายถามถึงคุณภาพของเนื้อ

เจิ้งซวี่ตงตอบ “รสชาติแย่กว่าไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยตามชนบทมากครับ แต่ยังไงมันก็มีรสชาติที่ดีกว่าไก่ที่เลี้ยงด้วยการเร่งฮอร์โมน”

หลินม่ายถามต่อ “ตอนนี้สัตว์ปีกที่ใช้ในร้านอาหารของเราใช้สัตว์ปีกจากฟาร์มของเราแล้วใช่ไหม”

เจิ้งซวี่ตงพยักหน้า “ครับ ต้นทุนลดลงไปมาก แต่ยังไงซะเราจะขายไก่ในท้องถิ่นในตลาดฝูตัวตัว เช่นเดียวกับไก่จากฟาร์ม และไก่ที่เร่งฮอร์โมน เราจะสร้างสามราคาให้ลูกค้าเป็นคนเลือกเอง เมื่อลูกค้าเปรียบเทียบแล้วจะรู้เองว่าไก่ฮอร์โมนไม่อร่อยที่สุด และจะเลิกตำหนิที่เราขายไก่ท้องถิ่นแพง”

หลินม่ายพยักหน้า “วิธีนี้ยอดเยี่ยมมาก”

เจิ้งซวี่ตงบอกกับหลินม่ายว่าในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ในเจียงเฉิงมีร้านหลูไช่อีกแห่งชื่อว่า “อร่อยเหาะ” เปิดขึ้นมา

วัตถุดิบที่ใช้เป็นเนื้อไร้ฮอร์โมนมีต้นทุนต่ำ เพราะฉะนั้นราคาก็เลยต่ำไปด้วย

ทันทีที่เข้าสู่ตลาดเจียงเฉิง พวกเขาเปิดตลาดด้วยคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแข่งขันกับร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียง

ตอนนั้นยังไม่มีฟาร์มเพาะพันธุ์เป็นของตัวเอง พวกเขาจึงต้องซื้อสัตว์ปีกที่เลี้ยงตามชนบทมาทำหลูไช่ ราคาขายจึงค่อนข้างสูงมาก

ในช่วงเวลานั้น ร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงในเจียงเฉิงแทบจะพังทลายลงเพราะเครือร้านอร่อยเหาะ

หลังจากนั้นต้องขอบคุณฟาร์มปศุสัตว์ที่เตรียมผลผลิตไว้ให้ ทำให้ต้นทุนของร้านหลู่ไช่ไป่หลี่เซียงลดลงมาก

ด้วยการทำโปรโมชั่นและลดราคาแอบแฝง พวกเขาก็สามารถโต้กลับไปอย่างสวยงาม

ตลาดที่ถูกพรากไปจากเครือร้านอร่อยเหาะก็ค่อย ๆ คืนกลับมาอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ดีดั่งเดิมก็ตาม

หลินม่ายตอบว่า “เดี๋ยวในอนาคตก็จะมีร้าน ‘อร่อยโคตร’ ผุดขึ้นอีกไม่รู้จบ… ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมไหนก็จะยิ่งมีการแข่งขันอย่างดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะไม่มีสถานการณ์ใดที่จะรับมือได้ด้วยวิธีเดิม ๆ อีกต่อไป เอาล่ะ อย่ากดดันตัวเองนักเลย”

เธอบอกให้เซิ้งซวี่ตงพูดคุยกับแผนกประชาสัมพันธ์และบอกกล่าวให้พวกเขาเริ่มจัดทำโฆษณาอย่างรวดเร็ว

และในโฆษณาจะต้องเน้นย้ำว่าส่วนผสมของอาหารทั้งหมดมาจากฟาร์มของตัวเอง วัตถุดิบทุกอย่างล้วนแต่ได้คุณภาพ

หลินม่ายถาม “เคยกินหลูไช่ของร้านอร่อยเหาะหรือยัง? มันดีกว่าหลูไช่ไป่หลี่เซียงของเรายังไงบ้าง?”

เจิ้งซวี่ตงครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ผมจะบอกยังไงดี หลูไช่ที่ร้านอร่อยเหาะไม่ได้อร่อยเท่ากับหลูไช่ของเราเลย แต่หลังจากกินไปสักครั้ง ผมกลับรู้สึกว่าอยากกินมันต่อไปเรื่อย ๆ”

หลินม่ายขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น

ทันทีที่ขับรถเข้ามาในเมือง หลินม่ายก็เห็นร้านที่ชื่อว่าอร่อยเหาะ

เธอขอให้เจิ้งซวี่ตงซื้อหลูไช่มาให้เธอชิม เพราะอยากรู้รสชาติของคู่ต่อสู้ว่าอร่อยมากขนาดไหน

เจิ้งซวี่ตงลงจากรถก่อนจะเข้าไปในร้านอร่อยเหาะ เขาซื้ออาหารตุ๋นมาสามชนิดได้แก่ เต้าหู้ตุ๋น กีบหมูตุ๋น และปีกไก่ตุ๋น

ขณะที่เขาขึ้นรถพร้อมอาหารที่ซื้อเสร็จแล้ว เจียงเทาเถ้าแก่ร้านอร่อยเหาะที่มาตรวจสอบร้านของตัวเองก็บังเอิญเห็นเข้าพอดี

เมื่อปีที่แล้ว เขากับเจิ้งซวี่ตงต่อสู้กันอย่างหนัก ซึ่งเขาสามารถทำให้ยอดขายของร้านไป่หลี่เซียงลดลงอย่างมาก

แน่นอนว่าเขารู้สึกภูมิใจที่ตนสามารถโค่นล้มผู้นำอุตสาหกรรมหลูไช่ได้

แต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากวันชาติ ร้านหลูไช่ไป่หลี่เซียงกลับเต็มไปด้วยโปรโมชั่นส่งเสริมการขายมากมาย

ร้านหลูไช่อร่อยเหาะของเขาถูกบีบให้ถอยร่น สองในสามส่วนของตลาดที่เขาเคยยึดครองได้ในเจียงเฉิงถูกดึงกลับไปจนเหลือเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น

เจียงเทาคิดเรื่องของโปรโมชั่นเหมือนกัน แต่เพื่อที่จะแข่งขันกับร้านไป่หลี่เซียงเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางตลาด เขาก็หั่นกำไรอย่างหนัก และตั้งราคาต่ำมากแล้ว

ดังนั้นต่อให้เขาจะโปรโมท มันจะไม่สร้างกำไร สุดท้ายแล้วการตั้งโปรโมชั่นไม่ใช่ทางออกและจะไม่ส่งผลดีต่อร้านของเขา

เจียงเทาพ่ายแพ้เจิ้งซวี่ตงในการทำธุรกิจ และรู้สึกเกลียดชังเขาเข้าไส้

เวลานี้เห็นเจิ้งซวี่ตงมาซื้ออาหารในร้านของตัวเอง เจียงเทาก็รู้สึกระแวง ก่อนจะคิดอยากเข้าไปถามไถ่สักสองสามคำว่าทำไมจึงมาซื้ออาหารที่ร้านของเขา

ทันทีที่เดินตามหลังเจิ้งซวี่ตง เขาได้ยินเสียงดังออกมาจากประตูรถที่เปิดไว้เพียงครึ่งเดียว

ในรถ เจิ้งซวี่ตงเห็นว่าหลินม่ายกินเต้าหู้ตุ๋นไปแล้ว จึงถามว่า “คุณหลิน รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ?”

หลินม่ายหยิบกีบหมูตุ๋นขึ้นมาชิมอย่างระมัดระวัง “เหมือนกับที่คุณบอกก่อนหน้านี้ทุกอย่าง รสชาติไม่ได้ดีมาก แต่ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากกินอีก”

เธอยื่นอาหารที่เหลือให้กับเจิ้งซวี่ตง “เอาไปทิ้งเถอะ”

เจิ้งซวี่ตงรับมันไว้ก่อนจะตอบว่า “ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าทิ้งเลย ผมจะเอามันกลับไปกินเอง”

หลินม่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณห้ามเอามันกลับไปกินนะ! โยนทิ้งไปซะ! อาหารพวกนี้ตุ๋นพร้อมกับเปลือกผลฝิ่น เห็นชัดว่ามันไม่ได้อร่อยเลย แต่กลับทำให้เรามีความอยากอาหารมากขึ้น”

หลินม่ายสัมผัสถึงรสเปลือกผลฝิ่นได้ตั้งแต่คำแรก แต่เธอยังไม่กล้าที่จะยืนยัน

นี่คือช่วงปี 1980 มันควรจะไม่มีเปลือกผลฝิ่นขายตามท้องตลาด

หลินม่ายเกรงว่าตนจะเข้าใจผิด จึงลองชิมอีกชิ้น หลังจากนั้นเธอจึงกล้ายืนยันเต็มร้อยว่าอาหารเหล่านี้มีเปลือกผลฝิ่นผสมอยู่

เจิ้งซวี่ตงเลิกคิ้วด้วยความตกใจ “งั้นนี่ก็ใส่ยาเสพติดน่ะสิครับ?”

“เปลือกผลฝิ่นไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด แต่ไม่อาจกินในระยะยาวได้ มันจะทำให้เสพติด ทิ้งไปซะ”

เจิ้งซวี่ตงพูดต่อว่า “ในอาหารไม่ควรใส่เปลือกผลฝิ่น เราควรรายงานเรื่องนี้ต่ออุตสาหกรรมการพาณิชย์ และจัดการกับร้านอร่อยเหาะ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้คนนะครับ”

หลินม่ายคิดสักพัก “ฉันคิดว่าเราฟ้องพวกเขาไม่ได้”

เจิ้งซวี่ตงถามออกมาอย่างสับสน “ทำไมล่ะครับ?”

“ปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้ยังไม่ได้ออกกฏเกณฑ์ห้ามใส่เปลือกผลฝิ่นในอาหาร คำพูดของพวกเราจึงไม่มีประโยชน์อะไรน่ะ”

หลินม่ายจดจำได้ว่าชีวิตที่แล้ว จนถึงทศวรรษ 1990 กฎระเบียบสำหรับอาหารเพิ่งจะออกกฎห้ามใส่เปลือกผลฝิ่นลงในอาหาร

“อย่างน้อยก็ปล่อยร้านอร่อยเหาะนี้ไปเหรอครับ?” เจิ้งซวี่ตงกล่าวอย่างไม่เต็มใจ

“รอจนกว่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้”

ในที่สุดเจิ้งซวี่ตงยอมแพ้ เขาลงจากรถก่อนจะโยนอาหารทั้งหมดทิ้ง แล้วขับรถออกไปพร้อมกับหลินม่าย

เจียงเทาเฝ้ามองรถของเจิ้งซวี่ตงลับสายตาไป ในตอนนี้แววตาของเขาเผยความเกรี้ยวกราดฉายชัด

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งแล้ว เฮ้อ ยิ่งมีอำนาจมากก็ยิ่งมีคู่แข่งมากล่ะนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด