แม่ปากร้ายยุค​ 80 1114 ดอกไม้ไฟในวันส่งท้ายปีเก่า

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1114 ดอกไม้ไฟในวันส่งท้ายปีเก่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1114 ดอกไม้ไฟในวันส่งท้ายปีเก่า

……….

ตอนที่ 1114 ดอกไม้ไฟในวันส่งท้ายปีเก่า

ไม่นานก็ถึงวันที่ 29 เดือน 12 ช่วงนี้หลินม่ายจำเป็นต้องดูแลครรภ์ คุณย่าฟางจึงจ้างคนรับใช้หลายคนไว้ในบ้านและไม่ยอมให้ทำงาน แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะนอนลงเฉย ๆ

ขณะที่นอนอยู่ หลินม่ายแทบไม่กล้าพักผ่อน เธอต้องการเรียนหนังสือ และอยากเรียนปริญญาโทที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ จึงต้องเรียนให้หนัก

ไม่มีคำว่านอนเฉย ๆ ในพจนานุกรมของคนหนุ่มสาว

แต่หลังอาหารเช้าก่อนที่จะเรียนต่อในอีกสองชั่วโมง ผู้จัดการร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงสาขาหน้ามหาวิทยาลัยก็โทรเข้ามา

โดยบอกเธอว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับแจ้งว่ามีแรงงานผิดกฎหมายอยู่ในร้าน และขอให้เธอให้ความร่วมมือในการสอบสวน

หลินม่ายถามผู้จัดการร้าน “คุณแก้ไขปัญหาเองไม่ได้เหรอคะ?”

ข้างนอกมีลมแรงและมีหิมะตก เธอไม่อยากออกไปข้างนอกเลย เพราะกลัวว่าล้อรถจะลื่นไถลและเป็นอันตราย

ผู้จัดการร้านกล่าวว่า “คนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยืนกรานที่จะพูดคุยกับคุณ”

ลุงฝูรีบจัดยานพาหนะ คนขับ และผู้คุ้มกันให้เธอ แล้วจึงปล่อยเธอออกไป

หลินม่ายรีบไปที่ร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงที่หน้ามหาวิทยาลัยด้วยรถมายบัค ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สองคนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรอเธออยู่

ห่างจากพวกเขาสามหรือสี่เมตร พนักงานร้านทั้งหมดยืนเรียงราย

หลินม่ายเดินเข้ามาแนะนำตัวเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พวกเขาขอให้เธอนั่งลงและบอกเธอให้มอบรายชื่อคนที่ทำงานผิดกฎหมายในร้านของเธอทั้งหมด

คนในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพูดอย่างสุภาพ แต่หลินม่ายยังคงสัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียง

เธอได้ยินจากเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหลายรายที่จ้างแรงงานผิดกฎหมายว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับแจ้งจึงเข้ามาสอบสวน

พวกเขาจะถามเจ้านายเท่านั้นว่า มีคนงานผิดกฎหมายหรือไม่ เมื่อคนอื่นรายงาน พวกเขาจะจัดการกับเฉพาะคนงานผิดกฎหมายที่ถูกรายงานเท่านั้น

แม้ว่าจะมีแรงงานผิดกฎหมายคนอื่น ๆ อยู่ในร้าน แต่โดยทั่วไปสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะไม่สนใจ

ท้ายที่สุดแล้ว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกาก็เมินเฉยต่อการทำงานที่ผิดกฎหมาย

แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทั้งสองคนนี้ต้องการสอบสวนแรงงานผิดกฎหมายทั้งหมดในร้าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่

หลินม่ายไม่กล้าปฏิเสธความร่วมมือ เธอจึงโทรหาผู้จัดการร้านและขอให้อีกฝ่ายมอบรายชื่อคนงานผิดกฎหมายทั้งหมด

หลินม่ายจึงรู้ว่ามีนักศึกษาต่างชาติยี่สิบเก้าคนทำงานอย่างผิดกฎหมายในร้าน

เมื่อก่อนมีแรงงานผิดกฎหมายไม่มากนัก

เธอถามผู้จัดการร้านว่าเกิดอะไรขึ้น

ผู้จัดการร้านบอกเธอว่านับตั้งแต่ร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงเปิดตัว ก็มีผู้คนจำนวนมากร้องขอบริการจัดส่งอาหารแบบส่งถึงหน้าประตู

ผู้จัดการร้านรายงานสถานการณ์นี้ให้หลินม่ายทราบ

ขณะนี้มีคนส่งอาหารในสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว

เมื่อลูกค้าต้องการ หลินม่ายก็อนุมัติการสรรหาพนักงานจัดส่งโดยอิสระของผู้จัดการร้าน

หลังจากนั้นไม่นานก็ปิดเทอมฤดูหนาว นักศึกษาชาวจีนจำนวนมากจากมหาวิทยาลัยเดียวกับหลินม่ายต่างมาขอสมัครงานส่งอาหาร

เมื่อสภาพอากาศหนาวเย็นลง จำนวนลูกค้าที่ต้องการสั่งแบบให้ส่งถึงบ้านก็เพิ่มมากขึ้น ทำใหทางร้านขาดแคลนบุคลากร

นอกจากนี้ คนส่งอาหารนอกเวลายังไม่มีเงินเดือนขั้นพื้นฐานและต้องอาศัยการสั่งอาหารเพื่อสร้างรายได้ ผู้จัดการร้านจึงยอมรับข้อเสนอทั้งหมด

หลังจากนั้นผู้จัดการร้านก็บอกหลินม่ายเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่หลินม่ายไม่ได้จริงจังกับมัน

ในที่สุดหลินม่ายก็นึกออก ตอนนั้นเธอยังคงเชื่อสิ่งที่นักสืบเอกชนพูดมากเกินไป การทำงานผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องใหญ่ในอเมริกา แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

หลังจากยืนยันมีแรงงานผิดกฎหมายทั้งหมด 29 คน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็ออกค่าปรับให้หลินม่าย

หลินม่ายเห็นว่ามันเป็นมูลค่ารวมสองหมื่นเก้าพันเหรียญสหรัฐ เธอก็จ่ายค่าปรับทันที

เจ้าหน้าที่สองคนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเตือนหลินม่ายว่า อย่าจ้างคนงานผิดกฎหมายอีก และหลินม่ายก็พยักหน้ารับ

การลงโทษของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสำหรับหลินม่ายนั้นไม่ถือว่ารุนแรง แต่การลงโทษต่อมาสำหรับนักศึกษาต่างชาติจำนวน 29 คนที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายนั้นรุนแรงมาก และพวกเขาทั้งหมดจำเป็นต้องถูกเนรเทศกลับประเทศ

นักศึกษาต่างชาติที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายยืนเคียงข้างกันด้วยร่างกายที่สั่นเทา ขณะมองหลินม่ายเพื่อขอความช่วยเหลือ

หากพวกเขาถูกเนรเทศจริง ๆ อนาคตของพวกเขาจะพังทลายโดยสิ้นเชิง

หลินม่ายขอร้องเจ้าหน้าที่ 2 คนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และบอกพวกเขาว่าไม่มีแรงงานผิดกฎหมาย 29 คนถูกลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย พวกเขาทั้งหมดเป็นนักศึกษาต่างชาติที่ใช้วันหยุดฤดูหนาวทำงานส่งอาหารเพราะขาดเงิน

เธอขอร้องให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการตามสมควร โดยไม่เนรเทศพวกเขากลับประเทศ และจ่ายเป็นค่าปรับแทน

โดยปกติแล้ว เนื่องจากนักศึกษาที่ทำงานผิดกฎหมายนั้นเป็นนักศึกษาต่างชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองควรจะจัดการกับพวกเขาอย่างผ่อนปรนและยอมรับคำขอของหลินม่าย

อย่างไรก็ตามสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองปฏิเสธที่จะยอมรับคำขอ และยืนกรานที่จะส่งพวกเขากลับประเทศของตน

หลังจากที่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองออกไป หลินม่ายและนักศึกษาต่างชาติที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายต่างก็จ้องหน้ากัน

นักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งถามด้วยความสับสน “ทำไมจู่ ๆ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองถึงบ้าคลั่งและมุ่งเป้าไปที่พวกเราล่ะ? ในอดีตตราบใดที่เราจ่ายค่าปรับมากขึ้น นักศึกษาต่างชาติเช่นเราที่ทำงานผิดกฎหมายก็จะถูกปล่อยตัวไป”

นักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งพูดอย่างหดหู่ “เราตกเป็นเป้าหมายแล้ว จะมีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงมันอีกต่อไปล่ะ?”

เขามองไปที่หลินม่าย “เพื่อนร่วมชั้นหลินม่าย คุณใช้บริษัทกุยตันช่วยเหลือเราหลบเลี่ยงภัยพิบัตินี้ได้ไหม?”

นักศึกษาต่างชาติคนอื่น ๆ ที่ทำงานผิดกฎหมายมองดูเธออย่างกระตือรือร้นเช่นกัน

หลินม่ายปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “นั่นคือบริษัทของสามีฉัน ฉันจะให้บริษัทของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ความคิดของคุณเห็นแก่ตัวเกินไป!”

นักศึกษารุ่นพี่หน้าแดงทันที

หลินม่ายชี้ไปทางพวกเขา “ลองไปที่สถานทูต แล้วดูว่าสถานทูตสามารถช่วยคุณได้ไหม”

ในบรรดานักศึกษาต่างชาติจำนวน 29 คนที่ทำงานอย่างผิดกฎหมาย มีพวกเขามากกว่า 10 คนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหลินม่าย

หากนักนักศึกษาต่างชาติเหล่านี้ถูกส่งกลับประเทศ โครงการของเธอจะต้องถูกยกเลิกก่อนที่จะเริ่มด้วยซ้ำ

เธอต้องหาทางป้องกันไม่ให้พวกเขาถูกเนรเทศกลับประเทศ

เธอกำลังจะรีบไปที่สถานทูต โดยหวังว่าสถานทูตจะปกป้องนักศึกษาต่างชาติที่เธออุปถัมภ์

นักศึกษารุ่นพี่ถามหลินม่ายด้วยความระมัดระวัง “ยังไงคุณก็จะขอให้สถานทูตช่วยเพื่อนร่วมชั้นของคุณอยู่แล้ว งั้นก็ให้สถานทูตช่วยเราด้วยสิ”

นักศึกษารุ่นพี่เหล่านี้เรียนต่อต่างประเทศด้วยทุนรัฐบาลและมีระยะเวลาเพียง 1 ปี นักศึกษาที่เรียนต่อต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปีนั้นหายาก และผู้ที่เรียน 3 ปีนั้นหายากยิ่งกว่า

หลายคนหมดเวลาสำหรับเรียนต่อต่างประเทศนานแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะกลับไปรับใช้มาตุภูมิ โดยเลือกที่จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาต่อและเตรียมตัวสำหรับการหางานในอนาคต

พวกเขาเห็นแก่ตัวและไม่รักชาติมาก แล้วหลินม่ายจะอยากช่วยพวกเขาได้อย่างไร?

หลินม่ายกล่าว “ยังเป็นช่วงวันหยุดฤดูหนาว และคงไม่มีอะไรทำ ทำไมไม่ไปถามสถานทูตเองล่ะ?”

นักศึกษารุ่นพี่ถึงกับพูดไม่ออก

พวกเขาสนุกกับโอกาสที่ประเทศมอบให้ในการมาศึกษาต่อในต่างประเทศด้วยทุนรัฐบาล แต่ไม่คิดจะกลับไปรับใช้มาตุภูมิ เช่นนั้นจะกล้าไปสถานทูตเพื่อขอความช่วยเหลือได้อย่างไร

และแม้พวกเขาจะไปยังสถานทูต แล้วสถานทูตจะช่วยเหลือกลุ่มคนเจ้าเล่ห์เหล่านี้หรือ

หลินม่ายไปที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาในวันนั้นและแสดงข้อเรียกร้อง

สถานทูตสหรัฐฯ ขอให้เธอกลับไปฟังประกาศ

เนื่องจากเหตุการณ์นี้ หลินม่ายจึงไม่มีความสุขตลอดทั้งคืน

เธอสงสัยว่าเป็นโคอิซึมิ คานาโกะที่อยู่เบื้องหลัง แต่เธอก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

โคอิซึมิ คานาโกะรายงานว่าเธอจ้างแรงงานผิดกฎหมาย แต่เธอไม่ได้โดนปรับมากมายนัก แถมยังเป็นการสร้างความเกลียดชังโดยไม่จำเป็น ซึ่งโคอิซึมิ คานาโกะไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น

โก่วเวินเหรอ? โก่วเวินจะทำเรื่องโง่เขลาที่ไม่มีผลกระทบต่อเธอได้อย่างไร?

หล่อนปกป้องตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะกล้ายั่วยุเธอเช่นนี้หรือ?

อย่างไรก็ตาม ในช่วงอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า อาการซึมเศร้าของหลินม่ายก็หายไป เธอและครอบครัวเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนานกับวันเวลาแห่งความสุข

หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ครอบครัวทั้งสองก็วิ่งไปที่สนามบาสเกตบอลเพื่อจุดพลุดอกไม้ไฟ

ฟางจั๋วหรานเตรียมดอกไม้ไฟที่จะไม่รบกวนผู้คน

เขาพาเสี่ยวเหวินและตงตงไปจุดพลุดอกไม้ไฟกลางสนามบาสเกตบอล ขณะที่เขาจุดบุหรี่สูบพลางพ่นควันขาว และเตรียมจุดพลุให้เด็ก ๆ

หลินม่ายจ้องมองฟางจั๋วหรานด้วยสายตาว่างเปล่า โดยมีประกายระยิบระยับในดวงตา

เธอเกลียดผู้ชายที่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า แต่ไม่คิดเลยว่าฟางจั๋วหรานจะหล่อเหลาขนาดนี้เมื่อเขาสูบบุหรี่

ฟิวส์ของพลุสั้นไปหน่อย ดังนั้นฟางจั๋วหรานและเด็กชายทั้งสองคนจึงนั่งลงและใช้นิ้วเพื่อดึงฟิวส์ให้ยืด

พวกเขาพยายามดึงมันออกมาบางส่วนเพื่อให้ปลอดภัย แต่ความพยายามของพวกเขาไม่ได้ผลมากนัก และพวกเขาไม่สามารถดึงออกมาจากด้านในได้แม้แต่เซนติเมตรเดียว

เดิมทีหลินม่ายยืนห่างออกไปสองฟุต แต่หลังจากรอเป็นเวลานานและไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ เธอจึงเดินเข้าไปดูอย่างอยากรู้อยากเห็น

มือและเท้าของเธอเบามากจนทั้งฟางจั๋วหรานและเด็กชายทั้งสองไม่ได้ยินเสียง

ฟางจั๋วหรานขอให้เสี่ยวเหวินพาตงตงยืนห่างออกไป ขณะที่เขาจุดดอกไม้ไฟ

เสี่ยวเหวินอุ้มตงตงขึ้นมา แล้วถอยห่างออกไปสองเมตร

เด็กชายสองคนและคุณปู่ฟางต่างก็เฝ้าดูฟางจั๋วหรานจุดดอกไม้ไฟอย่างตั้งใจ จนไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งอื่นเลย

ฟางจั๋วหรานจุดดอกไม้ไฟและกำลังจะวิ่งกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชนเข้ากับหลินม่ายทันทีที่เขาลุกขึ้น

เขาสะดุ้งและคว้าตัวของหลินม่ายไว้ ทันทีที่ก้าวออกไปข้างหน้า ดอกไม้ไฟลูกแรกก็ระเบิดออกมาซึ่งสวยงามบนฟากฟ้ายามค่ำคืน

ทั้งครอบครัวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความประหลาดใจ ยกเว้นเพียงฟางจั๋วหราน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คนในปกครองพาซวยแล้วไง ซิกแซกจนได้เรื่อง

ใครเป็นคนฟ้องเรื่องนี้กันนะ

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด