แม่ปากร้ายยุค​ 80 1115 ทำผิดอย่างไม่สมควร

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1115 ทำผิดอย่างไม่สมควร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1115 ทำผิดอย่างไม่สมควร

……….

ตอนที่ 1115 ทำผิดอย่างไม่สมควร

ในเวลานี้ หัวใจของศาสตราจารย์หนุ่มยังคงเต้นรัว

หากเมื่อครู่ภรรยาของเขาโดนดอกไม้ไฟจะทำอย่างไร? เพียงแค่คิดก็รู้สึกสยองแล้ว

ฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายถอยห่างออกไป 5 เมตร จากนั้นเขาก็สั่งสอนอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “มันอันตรายมากนะที่คุณจะวิ่งไปรอบ ๆ คนที่กำลังจุดพลุดอกไม้ไฟแบบนี้”

หลินม่ายเอนศีรษะของเธอแนบแผงอกของชายหนุ่มและพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณจะปกป้องฉันได้”

เดิมทีฟางจั๋วหรานรู้สึกโกรธเล็กน้อยกับความประมาทของหลินม่าย แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็รู้สึกใจอ่อน

ภรรยาของเขากลับกลายเป็นคนที่ไว้วางใจและพึ่งพาเขามาก!

เขาชอบความรู้สึกนี้จริง ๆ

หลินม่ายเอื้อมมือออกไปสะกิดฟางจั๋วหราน “คุณไม่หนักเหรอคะ คุณยังอุ้มฉันอยู่เลย!”

ฟางจั๋วหรานจึงตระหนักได้ว่าเขากังวลมากเกินไปจนลืมวางหลินม่ายลง

เขาวางภรรยาลงพื้น “คุณไม่ได้ตัวหนักเลย เบาเหมือนดอกกุหลาบ แล้วยังกลิ่นหอมด้วย”

จากนั้นเขาจูบหลินม่ายแผ่วเบาบนริมฝีปากและชิมอย่างระมัดระวัง “ไม่ใช่แค่หอมเท่านั้น แต่ยังหวานอีกด้วย”

หลินม่ายรู้สึกเขินอายเล็กน้อย โดยหันไปมองดูคุณย่าฟางและคนอื่น ๆ

เห็นได้ชัดว่าทุกคนแอบมองคู่หนุ่มสาวอยู่ แต่ในเวลานี้กลับพากันหลบสายตาอย่างพร้อมเพรียงกัน ทำตัวเหมือนไม่เห็นหรือได้ยินสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมเลยสักนิด

มีเพียงเสี่ยวตงตงเท่านั้นที่วิ่งเข้ามาหา เนื่องจากเขาอยากจูบ กอด และถูกอุ้มด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงแค่หลินม่ายและฟางจั๋วหราน คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ยังมอบจูบ อ้อมกอด และอุ้มหนูน้อยขึ้น ซึ่งทำให้หนูน้อยหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข

หลังจากจุดพลุดอกไม้ไฟเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ครอบครัวก็เข้าไปในบ้าน

เข้าสู่ปี 1988 แล้ว และ CCTV มีสถานีโทรทัศน์ในต่างประเทศที่ออกอากาศงานกาลาเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ

คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์เพื่อชมการถ่ายทอดภาพงานกาลาเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ

หลินม่ายนั่งห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อคอยรับโทรศัพท์

เวลาราวสองทุ่มกว่า ๆ หลินม่ายได้รับสายอวยพรปีใหม่มากมาย บ้างก็มาจากนักธุรกิจ บ้างก็มาจากนักศึกษาต่างชาติ…

ฟางจั๋วหรานรู้ว่าหลินม่ายชอบกินส้มลูกเล็ก เขาจึงปอกส้มลูกเล็กและเดินไปหาเธอ นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันและคอยป้อมส้มให้เธอด้วยความรักใคร่

แต่หลังจากฟังบทสนทนาของหลินม่ายกับอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย

คนที่คุยโทรศัพท์กับภรรยาของเขาคือลูกชายของหัวหน้าชาวแอฟริกันชื่อแมนทูลา

ในขณะที่อวยพรปีใหม่ให้หลินม่าย ข้อความอวยพรนั้นก็แฝงความหมายคลุมเครืออยู่ด้วย

ภรรยาไม่เพียงแค่เมินเฉย แต่ยังสัมผัสใบหน้าของเขาและบอกว่าเธอรักสามีมากแค่ไหน เธอสบตากับเขาขณะกล่าวคำ และความหมายในถ้อยคำนั้นชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ฟางจั๋วหรานยังคงรู้สึกอึดอัดใจ

ภรรยาคนสวยของเขาถูกคนอื่นไล่ตาม เขาทำได้เพียงไล่คนเหล่านั้นออกไป

ในตอนเที่ยงคืนวันส่งท้ายปีเก่า ทุกคนจะพากันกินทังหยวน แต่เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่ม ลุงฝูก็ให้คนใช้เสิร์ฟเกี๊ยวเนื้อ

โดยปกติแล้ว เป็นประเพณีในหูเป่ยที่จะกินทังหยวนตอนเที่ยงคืนของวันส่งท้ายปีเก่า ติดที่ทังหยวนไม่อร่อยเท่าเกี๊ยว!

หลังจากดูงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทั้งครอบครัวก็เข้านอน

ในระหว่างตั้งครรภ์ หลินม่ายจะรู้สึกเหนื่อยง่าย ตอนนี้เธอแทบลืมตาไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำ

ทันทีที่เข้านอน เธอเป็นเหมือนโคอาล่านอนกอดฟางจั๋วหรานและผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

ฟางจั๋วหรานรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ เขากระชับแขนกอดหลินม่ายให้แน่นขึ้น

ริมฝีปากบางและเย็นของเขาแนบชิดกับปากของเธอ นิ่งค้างอยู่นานกว่าจะถอนริมฝีปากออก

โดยไม่คาดคิด หลินม่ายที่ควรจะหลับกลับไม่ยอมปล่อยเขาไป

ฟางจั๋วหรานกดนิ้วของเขาบนริมฝีปากหญิงสาว “พอแล้ว คุณกำลังท้องอยู่”

หลินม่ายยื่นมือออกไปคล้องคอสามีและจูบบนริมฝีปากของเขาเนิ่นนาน ก่อนจะยอมปล่อยไป

ในวันสุดท้ายของปี เธออยากให้มันเป็นวันที่แสนสุขของคนทั้งสอง

แม้จะสุขใจ แต่ก็ทุกข์ทรมานกายนัก

ฟางจั๋วหรานถูกหลินม่ายจูบ กระทั่งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา

แต่ในสภาพปัจจุบันของเธอ ภรรยาของเขาไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้

เขาทำได้เพียงไปอาบน้ำเพื่อดับความปรารถนาในใจ

เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า หลินม่ายโน้มตัวจูบศาสตราจารย์หนุ่มอีกครั้ง

มันเป็นวันปีใหม่ เธอจึงอยากมอบความสุขให้เขา

เป็นผลให้ศาสตราจารย์ต้องไประงับอารมณ์ด้วยน้ำเย็นอีกครั้งตั้งแต่เช้าตรู่วันที่หนึ่งของปี

หลังจากวันส่งท้ายปีเก่า โรงเรียนกลับมาเปิดเทอมอีกครั้ง

ตามธรรมเนียมในวันแรกของปีใหม่ หลังจากรับประทานอาหารส่งท้ายปีเก่าแล้ว ผู้อาวุโสก็จะมอบอั่งเปาให้กับรุ่นหลัง

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางให้อั่งเปากับหลานชายทั้งสองคนละ 10 ดอลลาร์ หลินม่ายได้รับ 5 ดอลลาร์ แต่ฟางจั๋วหรานไม่ได้รับเลย

เงินไม่มาก แต่มากไปด้วยคำอวยพร

แม้ว่าเสี่ยวเหวินและเสี่ยวตงตงจะไม่ได้ชอบเงิน แต่พวกเขาต่างก็มีความสุขที่ได้รับอั่งเปา

เสี่ยวเหวินบอกว่าเขายังมีของขวัญให้กับทุกคนด้วย

เขาขึ้นไปชั้นบนแล้วหยิบของขวัญที่เตรียมไว้สำหรับทุกคนออกจากห้อง คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และคุณปู่ฝูได้รับเครื่องนวดคอเป็นของขวัญ ซึ่งช่วยให้ความผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดคอ

ฟางจั๋วหรานสวมเนกไทสีฟ้าอ่อน หลินม่ายสวมผ้าพันคอผ้าไหม และเสี่ยวตงตงได้รับรถของเล่นที่ประกอบแล้ว

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางถามด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวเหวิน เธอมีรายได้มากมายในช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้เหรอ?”

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ

ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้ เขาไม่เพียงขายน้ำพริกทั้งหมด 300 ขวดที่โจวฉายอวิ๋นส่งมา แต่ยังได้งานเป็นครูสอนพิเศษสอนภาษาจีน ซึ่งทำเงินได้มากมาย

หลินม่ายสวมผ้าพันคอผ้าไหมที่เสี่ยวเหวินมอบให้ และต้องการขับรถไปมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง

แต่คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ไม่ยอมให้หลินม่ายขับรถไปเอง

หิมะตกในนิวยอร์กมานานกว่า 10 วันแล้ว ถนนเต็มไปด้วยน้ำแข็งและลื่นมาก

หลินม่ายเป็นหญิงตั้งครรภ์ แล้วเธอจะทำอย่างไรหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นบนท้องถนน?

ฟางจั๋วหรานหยิบกุญแจรถแล้วพูดว่า “ผมจะพาม่ายจื่อไปโรงเรียนเอง”

หลินม่ายโบกมือ “โรงพยาบาลที่คุณทำงานกับมหาวิทยาลัยของฉันอยู่คนละทาง”

ฟางจั๋วหรานยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “ไม่สำคัญว่าจะอยู่คนละทางหรอก นี่ยังเช้าอยู่ ผมสามารถไปส่งคุณที่มหาวิทยาลัย จากนั้นผมค่อยขับไปทำงานทีหลัง”

เมื่อพวกเขามาถึงมหาวิทยาลัย ฟางจั๋วหรานก็มาส่งหลินม่ายถึงห้องเรียน

ทันทีที่ฟางจั๋วหรานเดินเข้าไปในห้อง นักศึกษาทุกคนพากันนิ่งเงียบ

หญิงสาวหลายคนที่ไม่เคยเจอสามีของหลินม่ายต่างก็หลงเสน่ห์ของเขา เนื่องจากสามีหลินม่ายหล่อมาก

ก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะจากไป เขาโน้มตัวหอมแก้มของภรรยาราวกับประกาศว่าเขารักภรรยาของตัวเองแค่ไหน

ทันทีที่ชายหนุ่มจากไป เด็กสาวหลายคนก็มารวมตัวกันและกล่าวชื่นชมว่าฟางจั่วหรานหล่อเหลามาก

หลินม่ายยิ้มรับและเปลี่ยนเรื่อง “ฉันเพิ่งได้ยินทุกคนพูดถึงโก่วเวิน เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนเหรอ?”

เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ “ก็คนที่รายงานว่าร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงหน้ามหาวิทยาลัยเรื่องจ้างแรงงานผิดกฎหมายคือโก่วเวินน่ะสิ!”

นี่มันเรื่องบ้าอะไร!

ผู้หญิงคนนั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไง?

หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “พวกคุณรู้ได้อย่างไร?”

มันเป็นไปไม่ได้ที่โก่วเวินจะพลาดปล่อยให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับการกระทำอันน่ารังเกียจของตัวเอง

เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งกล่าวว่า “ตอนที่โก่วเวินโทรหาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองด้วยโทรศัพท์สาธารณะเพื่อรายงาน เพื่อนร่วมชั้นบังเอิญผ่านไปได้ยิน ตอนที่แอบฟังโก่วเวินคุยโทรศัพท์ หล่อนเอ่ยถึงคำว่า ‘ทำงานผิดกฎหมาย’ หลายครั้ง จึงรู้ว่าโก่วเวินกำลังรายงานเรื่องดังกล่าวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงที่ถูกรายงาน ต่อมาร้านบะหมี่แห้งม่ายจื่อเซียงถูกสอบสวนและออกค่าปรับโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนร่วมชั้นคนนั้นจึงรู้ว่าโก่วเวินเป็นคนรายงานเรื่องนี้”

หลินม่ายดูประหลาดใจ “หล่อนกล้าทำเรื่องนี้ ไม่กลัวจะถูกทุบตีจนตายหรือยังไง?”

เธอรู้สึกว่าโก่วเวินได้เสียสติไปแล้ว โดยพยายามสร้างความเกลียดชังให้กับหลินม่ายมากมายด้วยการรายงานร้านของเธอ

แทบไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะจัดการกับโก่วเวินอย่างไร นักศึกษารุ่นพี่ที่กำลังถูกส่งตัวกลับประเทศจะต้องรุมทุบตีหล่อนจนตายแน่!

เพื่อนร่วมชั้นพูดอย่างไม่เต็มใจ “หล่อนหนีไปแล้ว จะตามไปทุบตีได้ยังไง!”

เพื่อนร่วมชั้นอีกคนตะคอกด้วยความโกรธ “เพราะหล่อนต้องการหนีน่ะสิ ถึงใช้วิธีการสกปรกครั้งใหญ่เพื่อหวังขุดหลุมฝังหลินม่ายและพวกเราทุกคน”

เพื่อนร่วมชั้นคนต่อมาพูดด้วยใบหน้าเศร้า “ดูเหมือนว่าเงินที่ฉันให้จ้าวซั่วหยางยืมไปคงจะไม่ได้คืนแล้ว”

หลังได้ยินแบบนั้น หลินม่ายก็หยุดฟังและหาที่นั่ง ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

นักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งถามว่า “เพื่อนร่วมชั้นหลินม่าย คุณช่วยเราตามหาโก่วเวินได้ไหม?”

หลินม่ายจงใจแสร้งทำเป็นสับสน “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะช่วยได้อย่างไร?”

เพื่อนร่วมชั้นคิดว่าเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการหลบหนีของจ้าวซั่วหยางพร้อมกับเงินจริง ๆ ทุกคนจึงเล่าเรื่องดังกล่าวให้เธอฟัง

หลินม่ายแสดงท่าทางประหลาดใจ “ทำไมจ้าวซั่วหยางถึงหลบหนีไปล่ะ? ก็เขามอบเครื่องประดับแก่โก่วเวินไม่ใช่เหรอ ชิ้นหนึ่งคือแหวนเพชรหนึ่งกะรัต ส่วนอีกชิ้นคือสร้อยคอทับทิม? เครื่องประดับทั้งสองชิ้นมีมูลค่ารวมกว่าหนึ่งถึงสองแสนดอลลาร์ นั่นคงเพียงพอที่จะชดเชยความสูญเสียของทุกคน ทำไมคุณถึงไม่ให้โก่วเวินขายเครื่องประดับทั้งสองชิ้น และนำมาชดเชยเงินเหล่านั้นล่ะ?”

นักศึกษาอาวุโสพูดด้วยความโกรธ “เครื่องประดับทั้งสองชิ้นของหล่อนล้วนเป็นของปลอม! แล้วจะนำมาจ่ายชดเชยได้อย่างไร?”

เพื่อนร่วมชั้นอีกคนขอร้อง “หลินม่าย โปรดช่วยเราตามหาโก่วเวินด้วยเถอะนะ”

คนเหล่านี้ที่ยอมให้จ้าวซั่วหยางยืมเงินไปเป็นเงินทุนล้วนเป็นเพื่อนหรือคนสนิทของจ้าวซั่วหยาง

พวกเขาพยายามประจบจ้าวซั่วหยางเอง แล้วหลินม่ายจะอยากช่วยเหลือได้อย่างไร

หลินม่ายพูด “การตามหาใครสักคนต้องใช้เงิน ใครในพวกคุณจะเป็นคนจ่ายเหรอ?”

ทุกคนพลันนิ่งเงียบ

พวกเขาไม่ต้องการจ่ายเงินให้นักสืบเอกชนเพื่อช่วยตามหาใครสักคน ดังนั้นจึงได้มาขอร้องหลินม่ายช่วย

จากนั้นไม่นาน นักศึกษารุ่นพี่ก็พูดขึ้น “เพื่อนร่วมชั้นหลินม่าย คุณเป็นคนใจดีและรวย ดังนั้นโปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ”

หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันไม่ใช่คนทำผิดพลาดครั้งใหญ่”

ไม่กี่วันต่อมา สถานทูตเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยโต้แย้งว่านักเรียนหลายสิบคนที่ได้รับการสนับสนุนจากหลินม่ายเป็นนักเรียนต่างชาติที่หาเงินด้วยตนเอง และพวกเขาทำงานผิดกฎหมายเนื่องจากปัญหาทางการเงิน

พวกเขาขอร้องให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ช่วยเหลือเหล่านักศึกษาในครั้งนี้ แต่คราวหน้าคงจะไม่มีการประนีประนอมแบบนี้อีกแล้ว หลังจากนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ก็ปล่อยกลุ่มนักศึกษาต่างชาติเหล่านี้ไป

สำหรับนักศึกษารุ่นพี่ที่ทำผิดเหล่านั้น พวกเขาทุกคนต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ถูกส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิด

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยัยหมาบ้ามันกัดไม่ปล่อยเลยแฮะ แบบนี้ต้องโดนทุบตายแบบไร้ที่ฝังแล้ว

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด