แม่ปากร้ายยุค 80 1124 เฝิงเยว่จู๋ขอพบ
ตอนที่ 1124 เฝิงเยว่จู๋ขอพบ
……….
ตอนที่ 1124 เฝิงเยว่จู๋ขอพบ
วันรุ่งขึ้นหลังจากวันที่หลินม่ายไปสถานีตำรวจ เธอก็ได้รับจดหมายจากทนาย
เธอเปิดมันออกและเห็นว่าเป็นเฝิงเยว่จู๋ที่ฟ้องร้องเธอ!
เหตุผลของเฝิงเยว่จู๋ในการฟ้องร้องเธอก็คือ คนขับและผู้คุ้มกันของเธอไม่ได้ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทันที ส่งผลให้การช่วยเหลือของหล่อนล่าช้า และด้วยเหตุนี้หล่อนจึงเรียกร้องค่าชดเชย
หลินม่ายหัวเราะเบา ๆ
ไม่คาดคิดเลยว่าผู้หญิงเอเชียที่ถูกทุบตีคือเฝิงเยว่จู๋
หลินม่ายทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วโดยไม่ลงจากรถและสนใจเรื่องของตัวเอง ไม่เช่นนั้นเธอคงเสียใจมาก
เดิมทีเธอต้องการปล่อยไป แต่ในเมื่อเฝิงเยว่จู๋ปฏิเสธและมุ่งมั่นที่จะหาทางแก้แค้น บางทีการทำตามความปรารถนาของอีกฝ่ายอาจเป็นเรื่องดีที่สุด
หลินม่ายคิดว่า เธอจะต้องเตรียมผู้ช่วยส่วนตัวมาดูแลเรื่องยุ่ง ๆ เหล่านี้
เธอให้มิเมล่าจัดการกับเฝิงเยว่จู๋ และฟ้องร้องกลับเพื่อเรียกค่าชดเชยสำหรับการซ่อมรถจากอุบัติเหตุรถชนและค่าชดเชยสำหรับการคลอดก่อนกำหนด
ค่าซ่อมรถมายบัคอาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงต้องรอดูว่าเฝิงเยว่จู๋จะจ่ายชดเชยอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นมันทำให้เธอต้องคลอดก่อนกำหนด เกรงว่าจะต้องเป็นค่าชดเชยจำนวนมหาศาล
หากไม่มีเงินจะจ่ายคืนเหรอ? เช่นนั้นก็ต้องเข้าคุก
สหรัฐอเมริกาไม่เหมือนจีน ในประเทศจีน หากไม่มีเงินชดเชย บางครั้งก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้
แต่ในอเมริกาที่ทรัพย์สินส่วนตัวมีค่ามากกว่าชีวิต หากไม่มีเงินชดเชย? ก็ต้องเข้าคุกตามระเบียบ
หลังจากรู้ว่าทารกทั้งสี่กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ครอบครัวของเคอจื่อฉิงก็เดินทางมาเยี่ยมแฝดสี่ในช่วงเย็น
ขณะที่หลินม่ายมองครอบครัวของเคอจื่อฉิง เธอสังเกตเห็นลูกคนโตและลูกคนรองตัวสูงขึ้นมาก ส่วนลูกคนที่สามเริ่มหัดเดินแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความรวดเร็วของวันเวลา
เสี่ยวเหวินและเสี่ยวตงตงเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องเด็กแฝดทั้งสี่
ตราบใดที่เด็กตระกูลเฉินทั้งสามสัมผัสกับแฝดสี่แรงเกินไป พี่ชายทั้งสองจะหยุดพวกเขาทันทีและตัดสิทธิ์พวกเขาจากการสัมผัสอีกครั้ง
เคอจื่อสิ่งไม่ได้เห็นคุณค่าของเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย หล่อนชอบเด็กทารกทั้ง 4 คนของตระกูลฟาง
แต่เฉินเฟิงต่างออกไป เขาละสายตาจากตั่วตั่วที่สวมชุดเจ้าหญิงตัวน้อยไม่ได้เลย
เขาอยากมีลูกสาวจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มี…
ฟางจั๋วหรานเห็นสายตาเฉินเฟิงที่จ้องมองตั่วตั่ว เขารีบเข้าไปอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน ราวกับกลัวว่าเฉินเฟิงจะขโมยหล่อนไป
เคอจื่อฉิงยกย่องฟางจั๋วหรานที่มอบแฝดสี่ให้ครอบครัว และกลายเป็นพ่อของลูกห้าคน
ฟางจั๋วหรานภูมิใจมาก แต่ก็ยังกล่าวอย่างถ่อมตัว
เฉินเฟิงปิดปากของเค่อจื่อสิงอย่างรวดเร็ว และมองไปที่ภรรยาเพื่อเตือนว่าหล่อนกำลังพูดเรื่องไม่สมควร
แต่พี่เขยดูภูมิใจมากขนาดนี้ แล้วหล่อนพูดผิดตรงไหน?
เคอจื่อฉิงบีบมือของเฉินเฟิงอย่างแรง ก่อนถามหลินม่ายว่าทะเบียนบ้านของแฝดทั้งสี่อยู่ที่ไหน
หลินม่ายตอบ “ตอนนี้อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ฉันจะเปลี่ยนเป็นจีนเมื่อเดินทางกลับไป”
ต่อให้เปลี่ยนทะเบียนบ้านไปที่จีนตอนนี้ แต่ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา เด็กแฝดทั้งสี่ก็จะไม่ได้รับสิทธิการปฏิบัติในฐานะพลเมืองอเมริกัน ดังนั้นเธอจึงจะเปลี่ยนภายหลัง
แม้ว่าเธอและสามีจะรวย แต่หลินม่ายก็อยากใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
เมื่อทั้งสองครอบครัวกำลังกินอาหารเย็น เคอจื่อฉิงเห็นตีนหมูตุ๋นของโปรด หล่อนจึงหยิบมาชิ้นหนึ่งและเริ่มแทะมัน
ระหว่างกินข้าว หล่อนก็ถามว่าเมื่อใดหลินม่ายจะเปิดร้านหลู่ไช่ หล่อนแทบรอไม่ไหวและอยากจะกินหลู่ไช่ทุกวัน
หลินม่ายอธิบายว่า “เครื่องดื่มคังคังของฉันกำลังจะออกสู่ตลาด ฉันต้องปล่อยให้เครื่องดื่มคังคังตั้งหลักในตลาดให้ได้ก่อน หลังจากนั้นฉันอยากขายโร่วเจียโหมวทั่วอเมริกาโดยหวังว่าจะเอาชนะแฮมเบอร์เกอร์ได้ ต่อจากนั้นฉันจะพิจารณาเปิดร้านหลู่ไช่”
เดิมทีเธอวางแผนที่จะเปิดร้านหลู่ไช่ก่อน แต่เธอสัญญากับซิ่วหลิงว่าจะพาครอบครัวของหญิงสาวมาสหรัฐอเมริกาโดยเร็วที่สุด ดังนั้นเธอจะต้องเปิดร้านโร่วเจียโหมวก่อน
เคอจื่อฉิงเดาะลิ้นและกล่าวด้วยความชื่นชม “เธอนี่มีความทะเยอทะยานจริง ๆ”
หลังอาหารเย็น เมื่อครอบครัวของเคอจื่อฉิงกำลังจะจากไป หลินม่ายนำหลู่ไช่ที่เตรียมไว้มาให้พวกเขา
เคอจื่อฉิงกลับบ้านอย่างมีความสุขพร้อมกับสามีและลูก ๆ ของเธอที่ช่วยกันถือหลู่ไช่
หลังปีใหม่ปีนี้ หลินม่ายเริ่มก่อตั้งโรงงานเครื่องดื่มคังคังเพื่อผลิตเครื่องดื่มชาและน้ำผลไม้ต่าง ๆ
มันมีเหตุผลที่เธอเลือกเชื่อดังกล่าว การออกเสียงซ้ำกันทำให้ชาวยุโรปและอเมริกันจดจำได้ง่าย ชื่อของแบรนด์ที่จำง่ายเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จ
หลินม่ายไม่คิดจะผลิตน้ำอัดลม เพราะสองยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มอัดลมเป๊ปซี่และโคคา-โคล่าหยั่งรากลึกอยู่ในใจผู้คน หลินม่ายไม่แน่ใจว่าจะเหนือกว่าพวกเขาได้อย่างไร ดังนั้นจึงทำสิ่งที่มั่นใจดีกว่า
นอกจากนี้ สิ่งที่เธอต้องการส่งออกคือวัฒนธรรมอาหารของจีน จึงไม่ต้องพูดถึงการผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม
การผลิตเครื่องดื่มชาและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ไม่ใช่เรื่องยาก ในอดีตก็มีแบรนด์ใหญ่อย่างห่าวชือฟู่และทงทงที่นำหน้า เธอแค่ต้องเลียนแบบ
หลินม่ายจ้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาเครื่องดื่ม เธอบรรยายคร่าว ๆ เกี่ยวกับเครื่องดื่มชาและน้ำผลไม้ที่เธอคุ้นเคยจากชาติก่อน จากนั้นขอให้ทีมวิจัยและพัฒนาช่วยกันคิดค้นว่าจะดำเนินงานอย่างไร
ช่วงที่หลินม่ายพักฟื้นร่างกายเป็นช่วงที่เครื่องดื่มออกสู่ตลาด
หลินม่ายนั่งอยู่ที่บ้านเพื่อวางกลยุทธ์
โชคดีที่มีการติดตามโฆษณาทั้งก่อนและหลังการเปิดตัว ทำให้เครื่องดื่มชาและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ได้รับความนิยมทันทีที่เปิดตัว ซึ่งทำให้หลินม่ายโล่งใจ
ขณะที่เธอกำลังเตรียมเปิดร้านโร่วเจียโหมวทั่วสหรัฐอเมริกาตามที่วางแผนไว้ เฝิงเยว่จู๋ก็มาที่บ้านของเธอ
ลุงฝูถามตัวตนของเฝิงเยว่จู๋ผ่านประตูลานบ้านและรู้ว่าหล่อนคือคนร้ายที่โจมตีรถมายบัคของหลินม่าย เป็นผลให้หลินม่ายคลอดก่อนกำหนด แล้วยังฟ้องร้องหลินม่ายซ้ำ เขาก็เกลียดหล่อนมากจนไม่ยอมปล่อยให้เข้าไป และขอให้อีกฝ่ายจากไปโดยดี
อย่างไรก็ตามเฝิงเยว่จู๋คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับพูดว่า หล่อนจะไม่มีวันจากไปจนกว่าจะได้เจอหลินม่ายด้วยตนเอง
หลินม่ายและพี่เลี้ยงเด็กกำลังดูแลเด็กแฝดทั้งสี่ภายในบ้าน พวกเขาเห็นเฝิงเยว่จู๋คุกเข่าอยู่นอกประตูบ้านผ่านหน้าต่าง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
เธอขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจและขอให้ใครสักคนพาเฝิงเยว่จู๋เข้ามา
แต่อย่าให้เข้ามาในบ้าน ให้พาหล่อนไปที่สนามแทน
เมื่อหลินม่ายเดินไปยังลานหน้าบ้าน เธอพบกับมิเมล่าที่ได้รับข่าวว่าเฝิงเยว่จู๋มาก่อกวนหลินม่าย
หล่อนรีบพาใครสักคนมาที่นี่และต้องการบังคับเฝิงเยว่จู๋ออกไป แต่หลินม่ายหยุดหล่อนไว้ก่อน
หลินม่ายถามเฝิงเยว่จู๋อย่างเย็นชาว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเธอ
เฝิงเยว่จู๋คุกเข่าลงอีกครั้ง คุณย่าฟางขมวดคิ้วเมื่อเห็นดังนี้ “หล่อนยังเด็กนัก มีอะไรก็ไม่พูดออกมา เอาแต่คุกเข่าลงทุกครั้ง หล่อนเป็นคนประเทศเกาะหรือยังไง?”
หลินม่ายยิ้มให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง “หล่อนทำสิ่งนี้เพื่อบังคับให้ฉันยอมรับเงื่อนไขที่หล่อนกำลังจะเสนอ คุณปู่กับคุณย่าอย่ากังวลเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจึงเดินไปยังสวนหลังบ้านเพื่อดูแลแปลงผักของพวกเขา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปัญหามาไม่หยุดจริงๆ แม้กระทั่งหลังคลอดใหม่ๆ ก็ไม่ได้อยู่สบายๆ เลยน้อม่ายจื่อ
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments