แม่ปากร้ายยุค 80 1125 เธอมันหน้าไม่อาย
ตอนที่ 1125 เธอมันหน้าไม่อาย
……….
ตอนที่ 1125 เธอมันหน้าไม่อาย
หลินม่ายลดสายตามองลงไปที่เฝิงเยว่จู๋บนพื้นอย่างเย็นชา “หากมีอะไรก็พูดมา ฉันไม่อยากเสียเวลากับเธออยู่ที่นี่”
เฝิงเยว่จู๋กล่าวอย่างอ่อนแรง “คุณหลิน คุณช่วยถอนฟ้องฉันได้ไหม? ฉันเป็นคนจนและไม่มีเงินจะจ่ายค่าชดเชย” จากนั้นน้ำตาก็พรั่งพรูออกจากดวงตาของหล่อน ดูน่าสงสารมาก
แต่หลินม่ายไม่สะทกสะท้าน อีกฝ่ายแว้งกัดเธอก่อน แล้วเธอจะยอมสงสารได้อย่างไร?
หลินม่ายพูดอย่างใจเย็น “ไม่ใช่เธอที่ฟ้องร้องฉันก่อนเหรอ? แน่นอนว่าฉันต้องฟ้องกลับ แล้วมันจะเป็นการทำผิดแบบประมาทร่วม ไม่สำคัญว่าเธอจะไม่มีเงินชดใช้หรือไม่ ถ้าไม่มีก็แค่เข้าคุกไปซะ ต้องเข้าคุกและเรียนรู้บทเรียนเท่านั้น ในอนาคตเธอจึงจะหยุดไล่กัดคนได้”
เฝิงเยว่จู๋มีท่าทางอับอายเล็กน้อย “ฉะ… ฉันฟ้องร้องคุณก็เพราะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำแบบนั้น น้องชายของฉันมาเรียนที่อเมริกา เงินที่ฉันได้รับทุกเดือนจำเป็นต้องใช้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อต่างประเทศของน้องชาย ลู่เวยสามีของฉันมักจะทุบตีฉันเพราะเรื่องนี้ คุณก็น่าจะเห็นนี่ว่าตอนที่ฉันชนรถของคุณ นั่นเป็นเพราะลู่เวยผลักฉันจนตกใจถลาไปชนเข้ากับรถของคุณ”
ขณะที่เฝิงเยว่จู๋กล่าวคำ หล่อนหยุดเล็กน้อยและมองดูสีหน้าของหลินม่าย
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทางเห็นอกเห็นใจ เฝิงเยว่จู๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกล่าวคำด้วยความทุกข์ระทม “หลังจากฉันชนรถของคุณ ฉันกลัวว่าคุณจะขอให้ฉันจ่ายค่าชดเชย ฉันจึงฟ้องคุณเรื่องที่ไม่โทรแจ้งเหตุฉุกเฉินเพื่อช่วยฉันทันที”
หล่อนกระซิบ “สิ่งที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริง”
หลินม่ายพยักหน้า “นี่เป็นความจริง พูดต่อสิ”
เฝิงเยว่จู๋กล่าว “ฉันฟ้องร้องคุณ เพราะหวังนำเงินส่วนนั้นมาชดเชยความสูญเสียที่เกิดจากการชนรถหรูของคุณ”
หล่อนเงยหน้าขึ้นและมองหลินม่ายด้วยท่าทางอ้อนวอน “คุณหลิน ช่วยยกฟ้องได้ไหม แล้วให้มันเป็นโมฆะ?”
“ไม่ได้” หลินม่ายส่ายหัว “เธอปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างโง่เขลา และคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดเพียงคนเดียว แม้ว่าฉันจะเรียกรถพยาบาลให้เธอไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงใด ๆ ฉันจะชดเชยเธอได้สักเท่าไหร่เชียว? แต่เธอทำให้รถมายบัคของฉันเสียหาย และค่าซ่อมเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดที่เธอได้รับ อีกอย่างเธอทำให้ฉันคลอดก่อนกำหนด ค่าชดเชยที่เธอต้องจ่ายจึงไม่น้อยเลย เธอคิดว่าจะชดเชยด้วยต้นทุนแค่นั้นน่ะเหรอ? นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้หน้าไม่อายขนาดนี้!”
เฝิงเยว่จู๋พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “คุณ… มีเงินตั้งมากมาย ปล่อยฉันไปเถอะ”
หลินม่ายพูด “เดิมทีฉันวางแผนจะปล่อยเธอไป แต่เพราะเธอฟ้องร้องฉันก่อน ฉันจึงไม่อยากปล่อยเธอไปอีกแล้ว”
เฝิงเยว่จู๋ตกตะลึงเป็นเวลานานหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ขณะนึกเสียใจที่ทำผิดพลาด
หล่อนพึมพำและขอร้อง “เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไป๋เซี่ยกับฉัน โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
จากนั้นก็โค้งคำนับลงพื้น
เมื่อหลินม่ายได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเธอพลันหมองหม่น “ถ้าเธอไม่พูดถึง ฉันคงเกือบลืมไปแล้วว่าเธอเคยทำอะไรกับพี่ชายของฉันไว้ แต่เมื่อคุณพูดถึงมันแล้ว เช่นนั้นฉันคงปล่อยเธอไปไม่ได้ เพราะเห็นแก่พี่ชายของฉัน”
เฝิงเยว่จู๋ต่อรอง “ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันไป ฉันก็จะไม่ยอมลุกขึ้น”
หลินม่ายพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็คุกเข่าต่อไปเถอะ แล้วดูว่าฉันจะสนใจไหม” จากนั้นเธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน
เฝิงเยว่จู๋มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายด้วยความวิตกกังวล
ขณะที่หล่อนกำลังกังวลใจอยู่นั้น แท็กซี่ก็มาจอดที่ประตูบ้านหลินม่าย
ลู่เวยลงจากแท็กซี่แล้วกดกริ่งประตูบ้านของหลินม่าย
ร่างกายของเฝิงเยว่จู๋สั่นสะท้านทันทีที่เห็นเขา
ลุงฝูถามถึงตัวตนของลู่เวย ก่อนจะปล่อยเขาเข้ามา
“คุณนายบอกว่าถ้าคุณไม่ดูแลภรรยาของคุณและปล่อยให้มาก่อกวนคุณนายอีก หล่อนจะทำให้คุณหางานในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ไปอีกตลอดชีวิต จนสุดท้ายต้องอดตายบนท้องถนน”
ลู่เวยหน้าซีดด้วยความตกใจ และรับรองกับลุงฝูว่า เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เฝิงเยว่จู๋มาก่อกวนหลินม่ายอีก
เพื่อแสดงให้ลุงฝูเห็นว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้หญิงสาวคุกคามหลินม่ายอีก ลู่เวยจึงเริ่มวิ่งไล่ตามเฝิงเยว่จู๋และทุบตีหล่อนเป็นอย่างแรก
หลินม่ายกำลังกินซุปปลาจี้อวี๋ที่ชั้นบน เธอมองดูฉากดังกล่าวโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
เธอเป็นคนโทรหาลู่เวยเอง
เฝิงเยว่จู๋ไล่กัดคนเก่งมาก หลินม่ายจึงไม่ให้โอกาสหล่อนได้ไล่กัดใครอีก ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้ลุงฝูหาคนมาขับไล่เธอออกไป เธอก็ต่อสายถึงลู่เวยแทน
หากคนของหลินม่ายสัมผัสแม้แต่ปลายผมของเฝิงเยว่จู๋ ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ปล่อยโอกาสไปแน่นอน
แต่เมื่อเป็นลู่เวยที่ทุบตีหล่อน หล่อนไม่กล้าเถียงเขาด้วยซ้ำ
เนื่องจากกลัวว่าลู่เวยจะขอหย่าร้างและอาจต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะส่งหล่อนกลับประเทศ
ที่หล่อนสามารถมาทำงานที่สหรัฐอเมริกาได้เพราะลู่เวยมีกรีนการ์ดของสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว
ในฐานะของคู่สมรสลู่เวย เธอจึงมีสิทธิ์มาสหรัฐอเมริกาและทำงานในสหรัฐอเมริกาได้
หลินม่ายมองไปทางอื่น เมื่อเห็นว่าเฝิงเยว่จู๋กรีดร้องและวิ่งหนีไปรอบ ๆ ขณะที่ถูกลู่เวยทุบตี
สองเดือนต่อมา การฟ้องร้องระหว่างหลินม่ายและเฝิงเยว่จู๋ก็จบลงด้วยการที่เฝิงเยว่จู๋แพ้คดี
เฝิงเยว่จู๋ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าชดเชยและถูกตัดสินจำคุก 5 ปี อีกทั้งยังถูกสามีขอหย่า
หลังจากติดคุก สิ่งที่รอหล่อนอยู่คือชะตากรรมที่ต้องถูกเนรเทศกลับประเทศ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของอนาคต
หนึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา เด็กน้อยทั้งสี่คนเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า และหลินม่ายไม่ต้องพักฟื้นแล้ว
ในช่วงเวลาที่หลินม่ายยังคงพักฟื้น คุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง รวมถึงลุงฝู กำลังคุยกันว่าการฉลองไหว้พระจันทร์ไม่ควรฟุ่มเฟือยจนเกินไป แต่อย่างน้อยที่สุดญาติสนิทควรมาร่วมดื่มอวยพร
พ่อไป๋บอกว่า เพราะหลินม่ายให้กำเนิดแฝดสี่ เขาจึงต้องการมาร่วมเฉลิมฉลอง
แต่ไม่ใช่ว่าญาติและเพื่อนทุกคนจะสามารถเดินทางมาสหรัฐอเมริกาได้
ไม่ต้องพูดถึงความยากในการขอหนังสือเดินทางให้ญาติ เพื่อนฝูงของคุณปู่ฟางต่างก็เป็นคนสูงอายุทั้งนั้น การปล่อยให้พวกเขาเดินทางไกลมากกว่าสิบชั่วโมงถือเป็นการไม่เคารพอย่างยิ่ง
จะดีกว่าถ้าจัดงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ร่วมกับญาติสนิทในสหรัฐอเมริกา แล้วค่อยกลับไปจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่บ้านภายหลัง
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ปรึกษาเรื่องนี้กับหลินม่ายและสามี ก่อนที่ทั้งสองจะเห็นด้วย
อย่างไรก็ตามวันหยุดฤดูร้อนมีมากถึงสามเดือน ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีเวลากลับประเทศจีน
ไม่กี่วันก่อนงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ในสหรัฐอเมริกา พ่อไป๋ ไป๋เหยียนกับสามี และไป๋ลู่กับแฟนหนุ่มก็เดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา
แต่ไป๋เซี่ยไม่ได้มา เขายุ่งอยู่กับการทำงานและไปไหนไม่ได้ แต่พ่อไป๋ช่วยนำซองอั่งเปาจากเขามาด้วย
ญาติผู้ใหญ่ราวเจ็ดถึงแปดคนทางฝั่งตระกูลฟางมาถึงแล้วเช่นกัน
แม้จะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงขนาดเล็ก แต่ก็มีแขกเข้าร่วมค่อนข้างมาก ทำให้มีโต๊ะถึงห้าตัว
ที่น่าประหลาดใจและหาได้ยากที่สุดคือคุณตาหลัว ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับแม่ไป๋ที่คอยดูแล
หลินม่ายกังวลว่าเขาจะทรุดป่วยหลังจากที่คุณยายหลัวเสียชีวิต แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะยังคงอารมณ์ดีและสุขภาพร่างกายแข็งแรง
นี่ย่อมเป็นเรื่องดี คนตายจากไป ส่วนคนเป็นต้องใช้ชีวิตต่อ
หลังจากพ่อไป๋และคนอื่น ๆ มารวมตัวกัน วิลล่าที่ใหญ่โตเหมือนปราสาทร้างก็คึกคักไปด้วยแขกหลายสิบคน รวมถึงเด็กน้อยอีกมากมาย
เถาจือวิ๋นและสามีพาลูกสองคนมาร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน
หลินม่ายแอบถามว่า เด็กทั้งสองคนเข้ากันได้ดีไหม
เถาจืออวิ๋นเข้าใจความหมายแฝงของอีกฝ่าย “บางทีอาจเป็นเพราะเด็กทั้งสองยังมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด พวกเขาจึงเข้ากันได้ดีมาก ต่างจากโต้วโต้วที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเธอ จึงไม่เหมือนเด็กที่เลี้ยงดูตั้งแต่ยังน้อย”
มันจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
เสี่ยวเหวินไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาเช่นกัน แต่เขาใจดีกับน้องชายมาก
เนื่องจากไม่ค่อยมีญาติมาอเมริกา ดังนั้นหลินม่ายและสามีจึงขอให้พวกเขาพักอาศัยในบ้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ในช่วงสัปดาห์นี้ หลินม่ายและสามีพาพวกเขาไปท่องเที่ยวทั่วนิวยอร์กและตระเวนกินอาหารท้องถิ่นทั้งหมด จากนั้นพวกเขาจึงเดินทางกลับประเทศจีนด้วยกันทั้งหมด เพื่อจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านเกิด
สำหรับงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ในประเทศจีน สหายของคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางทุกคนได้รับเชิญโดยไม่มีการยกเว้น โต๊ะจัดเลี้ยงหลายสิบโต๊ะถูกวางเรียงรายและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เด็กแฝดทั้งสี่ได้รับเครื่องประดับทองขนาดเล็กจำนวนมาก
หลังจากงานเลี้ยง ครอบครัวหลินม่ายบินกลับไปสหรัฐอเมริกา รับสมัครพนักงาน ซื้อโรงงานกับหน้าร้าน และเตรียมการอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเปิดร้านโร่วเจียโหมว
ในเวลาเดียวกัน เสิ่นเสี่ยวผิงได้ทำเรื่องขอหนังสือเดินทางให้กับซิ่วหลิงและครอบครัวเพื่อเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
ครึ่งเดือนต่อมา เสิ่นเสี่ยวผิงแจ้งครอบครัวของซิ่วหลิงให้เตรียมตัวเพื่อออกเดินทางในอีกห้าวัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หมดตัวปัญหาไปอีกหนึ่ง สร้างปัญหามาหลายอยู่ตั้งแต่มาคบพี่ชายม่ายจื่อ
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments