แม่ปากร้ายยุค 80 1128 สอนบทเรียนแก่เฝิงเยว่เฟิง
ตอนที่ 1128 สอนบทเรียนแก่เฝิงเยว่เฟิง
……….
ตอนที่ 1128 สอนบทเรียนแก่เฝิงเยว่เฟิง
ในวันนั้น หลินม่ายกำลังเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมกับบุตรชายสองคนของหัวหน้าชนเผ่าแอฟริกัน
ต่อให้แอฟริกาจะล้าหลัง แต่ก็มีทรัพยากรมากมาย หากคุณสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำแอฟริกัน คุณอาจได้รับสิทธิ์ในการขุดหาทรัพยากร
แม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขุดเพชรและทองคำ แต่การขุดถ่านหินและเหล็กก็ยังคงทำกำไรได้มาก
แม้หลินม่ายจะยังไม่มีแผนไปต่างประเทศเพื่อขุดหาถ่านหินหรือเหล็กในเร็ววันนี้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อมสำหรับวันฝนตกเสมอ
หัวหน้าพนักงานจัดให้พนักงานเสิร์ฟดูแลกลุ่มชายอันธพาลเป็นอย่างดี
ขณะที่เดินผ่านหลินม่าย หัวหน้าพนักงานแอบบอกเธอว่า กลุ่มอันธพาลที่ไม่ได้รับเงินคุ้มครองครั้งที่แล้วกลับมาอีกครั้ง แล้วยังพาเพื่อนมาด้วยหลายคน
หัวหน้าพนักงานเดาว่า คราวที่แล้วพวกเขาไม่ได้รับเงินค่าคุ้มครอง คนพวกนี้จึงกลับมาสร้างปัญหา
หลินม่ายหันมองตามทิศทางที่หัวหน้าพนักงานบอก ทันใดนั้นเธอก็จำได้อย่างรวดเร็ว ชายอันธพาลคือเฝิงเยว่เฟิงผู้เป็นน้องชายของเฝิงเยว่จู๋ไม่ใช่เหรอ?
พี่สาวของเขาหย่าร้างกับลู่เวยและติดอยู่ในคุก และต่อให้เธอได้รับโทษแล้ว สุดท้ายก็ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศจีน
ทำไมเขายังอยู่ที่อเมริกา? เขาทำอาชีพอะไร?
หลินม่ายพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเธอรับรู้แล้ว และขอให้หัวหน้าพนักงานดำเนินการได้
เฝิงเยว่เฟิงสังเกตว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ เมื่อเขาหันไปดูก็พบว่าเป็นหลินม่าย
เขาหดคอด้วยความกลัวโดยไม่รู้ตัว แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไป แต่เป็นสมาชิกของแก๊งขวาน… โอ้ แก๊งชิงเยว่ต่างหาก เขาไม่จำเป็นต้องกลัวหลินม่ายอีกต่อไป ก่อนจะมองเธอกลับด้วยสายตามุ่งร้าย
หลินม่ายเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความดูแคลน
เฝิงเยว่เฟิงเข้าใจผิด โดยคิดว่าหลินม่ายกลัวเขา จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างทระนงตัว
เนื่องจากหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟได้ให้คำแนะนำล่วงหน้าเพื่อให้ความบันเทิงแก่โต๊ะของเฝิงเยว่เฟิงเป็นอย่างดี คำสั่งอาหารของพวกเขาจึงถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
เฝิงเยว่เฟิงถือตะเกียบและบอกกล่าวเพื่อน ๆ อย่างกระตือรือร้น “กิน กิน กิน กินขณะที่ยังร้อนอยู่”
คนกลุ่มหนึ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกินอาหาร ปากของทุกคนมันเยิ้มจนแทบทนมองไม่ได้
ขณะที่รับประทานอาหารไปได้ครึ่งทาง เฝิงเยว่เฟิงก็ทุบโต๊ะและตะโกนเป็นภาษาจีนว่า “เจ้าของอยู่ไหน ไปเรียกเจ้านายของพวกแกมาเดี๋ยวนี้!”
หลินม่ายประเมินว่าเฝิงเยว่เฟิงสามารถพูดภาษาจีนได้เท่านั้น เขาอยู่ที่สหรัฐอเมริกามานาน แต่กลับไม่ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเลย ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ
หัวหน้าพนักงานวิ่งไปที่โต๊ะของเฝิงเยว่เฟิงและถามด้วยความเคารพ “ขออภัยค่ะ มีอะไรให้เราช่วยหรือคะ?”
เพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับเขาต่างก็ผิวปากใส่หัวหน้าคนงานชาวจีน “ ว้าว ผู้หญิงคนนี้หน้าตาดีไม่เบา”
เฝิงเยว่เฟิงตะคอกอย่างเหยียดหยาม “ไม่สำคัญหรอกว่าหล่อนจะสวยสักแค่ไหน”
เขาชี้ไปที่จานมันฝรั่งและตีนหมูแล้วพูดว่า “จานนี้มีหนูตาย คุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
ทันใดนั้น แขกที่มารับประทานอาหารจำนวนมากก็มองไปทางโต๊ะของพวกเขา
ปากของหัวหน้าพนักงานกระตุก
โซนร้านอาหารของพวกเขาออกแบบเป็นห้องครัวโปร่งใสพร้อมผนังกระจก เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นสุขอนามัยของห้องครัวเมื่อเข้ามา
เพื่อให้แน่ใจว่าห้องครัวสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย พนักงานทำความสะอาดไม่เพียงทำความสะอาดเท่านั้น แต่ยังจ้างบริษัทฆ่าเชื้อมาทำการฆ่าเชื้อในห้องครัวหลังเวลาปิดในทุกวัน
ไม่ต้องพูดถึงหนูเลย แม้แต่แมลงสาบก็ไม่มีให้เห็น
คนพวกนี้ต้องการขู่กรรโชก ทำไมไม่อ้างว่ามีหัวใจหมาป่าหรือปอดสุนัขอยู่ในจานไปเลยล่ะ?
หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟระงับความโกรธและพูดด้วยรอยยิ้มสดใส “ลูกค้าคะ ฉันจะเปลี่ยนจานใหม่ให้นะคะ”
เฝิงเยว่เฟิงเหลือบมองเธออย่างไม่ปรานี “คิดว่าแค่เปลี่ยนใหม่ก็จบแล้วเหรอ?”
เขาชี้มาที่ตัวเองและพูดว่า “เธอคิดว่าฉันดูเหมือนขอทานหรือยังไง?”
หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟตอบกลับในใจ แล้วไม่เหมือนหรือยังไง?
หล่อนยิ้มอย่างมืออาชีพ “แล้ว… คุณต้องการอะไรคะ?”
เฝิงเยว่เฟิงตบโต๊ะ “ฉันจะไม่ยอมความง่าย ๆ หากไม่ได้รับเงินแสนดอลลาร์”
เมื่อเขาพูดสิ่งนี้ เขาก็เหลือบมองหลินม่ายอย่างเหน็บแนมและแฝงความนัย
ค่าชดเชยจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐมากเกินอำนาจของหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ
หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟหันมองหลินม่ายเช่นกัน
หลินม่ายพูดกับบุตรชายของหัวหน้าทั้งสองว่า “พวกคุณรอสักครู่นะคะ ฉันขอไปจัดการปัญหาก่อน”
เธอเดินไปพูดกับหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟด้วยสีหน้าเย็นชา “โทรหาตำรวจ”
หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟหันกลับและเดินไปยังโต๊ะทำงานเพื่อโทรแจ้งตำรวจ
เฝิงเยว่เฟิงและเพื่อน ๆ ของเขาต่างก็ตื่นตระหนก
เฝิงเยว่เฟิงยืนขึ้นและหวังผลักหลินม่าย “คุณหมายความว่ายังไง? ผมเจอหนูตายในจานอาหาร คุณไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยเท่านั้น แต่ยังกล้าแจ้งตำรวจด้วยงั้นเหรอ?”
แต่ก่อนที่มืออันสกปรกของอีกฝ่ายจะมาถูกตัวของหลินม่าย เธอก็กระแทกเขาชนกับกำแพงอย่างแรงจนเกือบกลายเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง
พวกอันธพาลที่เฝิงเยว่เฟิงพามา รวมถึงพนักงานและแขกของร้านอาหารต่างตกตะลึง
ใครจะเชื่อว่ามือเล็กของหลินม่ายสามารถต่อยชายหนุ่มจนกระแทกกำแพงที่อยู่ห่างออกไปเกือบแปดเมตรในหมัดเดียว โดยที่ตัวเธอไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
เพื่อนของเฝิงเยว่เฟิงตะโกนขึ้น “ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไง ถึงกล้าทำกับเพื่อนเราแบบนี้!”
พวกเขาทั้งหมดหยิบมีดสั้นออกมาและโจมตีหลินม่าย
ลูกค้าและพนักงานทุกคนต่างก็ถอยห่างออกไป
หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟแอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะกดหมายเลขเพื่อโทรหาตำรวจ ทันใดนั้นมีดปลายแหลมก็บินแฉลบผ่านแก้มของเธอและตกลงที่ข้างโทรศัพท์
หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟตกใจมากจึงรีบวางโทรศัพท์ ก่อนจะวางหนีไปโดยใช้มือกุมศีรษะ
มีดเล่มนั้นถูกหลินม่ายเตะออกไปขณะที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มอันธพาล แต่มันเกือบจะทำร้ายหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลินม่ายโค่นเพื่อนของเฝิงเยว่เฟิงทั้งหมดด้วยการชกสามครั้งและการเตะสองครั้งจนพวกเขาต้องร้องหาพ่อแม่
พวกอันธพาลได้เรียนรู้แล้วว่าหลินม่ายแข็งแกร่งแค่ไหน และพวกเขาก็ไม่มีทางสู้ได้ จึงพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด ลุกขึ้นมาอุ้มเฝิงเยว่เฟิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดเพื่อหลบหนีออกไป
หลินม่ายรีบไปหยุดพวกเขาไว้ก่อน “ไม่มีใครสามารถออกไปไหนได้ทั้งนั้น จนกว่าตำรวจจะมาถึง!”
เมื่อหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟได้ยินดังนั้น หล่อนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแจ้งตำรวจอีกครั้ง
ใบรับรองพลเมืองของเฝิงเยว่เฟิงหมดอายุไปนานแล้ว แต่เขากลับยังคงอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายและจะถูกส่งตัวกลับประเทศ
แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยอมรับแรงงานผิดกฎหมาย แต่นั่นไม่รวมถึงผู้ที่ละเมิดกฎหมาย
เฝิงเยว่เฟิงหน้าซีดด้วยความกังวล เขาและเพื่อน ๆ พยายามจะฝ่าออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ถูกหลินม่ายเตะกลับไปยังห้องรับรองของโรงแรมทุกครั้ง
สักพักตำรวจก็มาถึง หลังจากได้เรียนรู้สถานการณ์แล้ว ตำรวจก็ใช้ตะเกียบเขี่ยจานตีนหมู และพบกับหนูที่ตายแล้ว เขาถามเฝิงเยว่เฟิงว่า “นี่คือหนูตายที่พูดถึงใช่ไหม?”
หลายคนพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
หลินม่ายยกยิ้มมุมปาก “คุณต้องคิดให้รอบคอบก่อนพูดสิ่งใด คุณต้องรู้ว่าทุกคำพูดที่คุณพูดจะถูกใช้เป็นหลักฐานในศาล”
เพื่อนของเฝิงเยว่เฟิงต่างก็ลังเล แต่เฝิงเยว่เฟิงยืนยันว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด
ก่อนที่จะมาก่อปัญหา เฝิงเยว่เฟิงได้ทำการสอบสวนอย่างละเอียดและพบว่าไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในโรงแรมหยวนไหล
แล้วถ้าเขาแอบเอาหนูใส่จานล่ะ ไม่มีภาพวงจรปิดไม่ใช่เหรอ? พยานรู้เห็นก็ไม่มี? ไม่มีอะไรสักอย่าง
เนื่องจากไม่มีหลักฐาน โรงแรมหยวนไหลคงไม่มีทางหาข้ออ้างใดมาปฏิเสธ
“ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?” หลินม่ายยิ้มเยาะ “ในเมื่อหนูที่ตายแล้วอยู่ในจานของเรา ทำไมตีนหมูถึงถูกเคี่ยวจนเปื่อยยุ่ย แต่หนูตายตัวนั้นถึงไม่เปื่อย?”
เมื่อตำรวจเห็นว่ามันสมเหตุสมผล จึงขอให้พวกเฝิงเยว่เฟิงอธิบาย
หลายคนไม่มีอะไรจะพูด แต่พวกเขายังคงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนเองเป็นคนนำหนูตายใส่ลงไปในจาน
กระทั่งตำรวจเริ่มหมดความอดทน และต้องการพาพวกเขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบสวนอย่างจริงจัง เฝิงเยว่เฟิงก็ตื่นตระหนกจนสารภาพออกมาทั้งหมด
เขาไม่กล้าดื้อรั้นต่อไป หากตำรวจพาไปที่สถานีตำรวจจริง ๆ หลังจากยืนยันตัวตน ตำรวจคงพบว่าเขาอยู่ในอเมริกาโดยผิดกฎหมาย
ตำรวจได้ปรับเงินจำนวนหนึ่งและชดใช้ค่าเสียหายให้กับหลินม่าย ก่อนจะปล่อยพวกเขาไป
หลังจากที่ตำรวจ เฝิงเยว่เฟิง และเพื่อนของเขาออกไปแล้ว ลูกค้าจำนวนมากที่มารับประทานอาหารยกนิ้วให้กับหลินม่ายและชมเชยทักษะกังฟูจีนของเธอ
โดยเฉพาะลูกชายสองคนของหัวหน้าชาวแอฟริกันชื่นชมเธอมากและอยากเรียนกังฟูจีนจากเธอ
เฝิงเยว่เฟิงรู้สึกหดหู่ใจมาก เนื่องจากล้มเหลวในการขโมยไก่แล้วยังสูญเสียข้าวสารไปอีก
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขาใส่ไฟต่อหน้าหัวหน้าแก๊งต้าจินหยา โดยบอกว่าโรงแรมหยวนไหลไม่เพียงไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองเท่านั้น แต่ทัศนคติของพวกเขาก็แย่มากเช่นกัน
หลังจากได้ยินคำพูดที่ยั่วโทสะของเฝิงเยว่เฟิง ต้าจินหยาก็เดือดดาลหนัก
เฝิงเยว่เฟิงลอบยินดีเมื่อเห็นสิ่งนี้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งอันธพาลท้องถิ่นอีก ปัญหายุ่งยากมาอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments