แม่ปากร้ายยุค​ 80 1129 หัวหน้าใหญ่รวมตัว

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1129 หัวหน้าใหญ่รวมตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1129 หัวหน้าใหญ่รวมตัว

……….

ตอนที่ 1129 หัวหน้าใหญ่รวมตัว

ย้อนกลับไปราวสองถึงสามวัน ก่อนที่โรงแรมหยวนไหลจะเปิดทำการ ต้าจินหยาหัวหน้าแก๊งชิงเยว่ได้มาถึงหน้าประตูโรงแรมพร้อมกับลูกน้องกลุ่มใหญ่

สาเหตุที่เขาถูกเรียกว่าต้าจินหยาก็เพราะแซ่ของเขาคือจินและเขามีฟันหน้าเคลือบทองบริสุทธิ์ ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเขาว่าต้าจินหยา

ครั้งนี้ต้าจินหยาพาลูกน้องอย่างน้อยสองร้อยคนมารวมตัวกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมาหยุดที่หน้าโรงแรมหยวนไหล ซึ่งเป็นภาพที่น่าเกรงขามมาก

พ่อค้าแม่ค้าที่ตั้งแผงขายของและทำธุรกิจเล็ก ๆ ในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงผู้คนที่สัญจรไปมาต่างก็ถอยห่างด้วยความหวาดกลัว

เนื่องจาก MIT อยู่ใกล้กับบ้านของหลินม่าย เธอจึงขี่จักรยานไปและกลับจากมหาวิทยาลัยเสมอ

หลังจากได้รับข่าว หลินม่ายก็ขี่จักรยานคันเดิมมายังโรงแรมหยวนไหล

ก่อนที่เธอจะลงจากจักรยาน เฝิงเยว่เฟิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างต้าจินหยาเห็นเธอเข้า เขาโน้มตัวไปกระซิบข้างหูของหัวหน้าพลางชี้นิ้วไปทางหลินม่าย “หัวหน้า นังสารเลวคนนั้นแหละครับ! หล่อนไม่เพียงไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง แต่ลามปามด่าแม่ของคุณด้วย หัวหน้า คุณต้องจัดการนังผู้หญิงเลวคนนั้นให้อยู่หมัด และทำให้หล่อนรู้ว่าแก๊งชิงเยว่ของเราแข็งแกร่งแค่ไหน!”

ต้าจินหยามาจากกวางตุ้ง

คนกวางตุ้งเกลียดการที่คนอื่นด่าบุพการีมากที่สุด

ใบหน้าของต้าจินหยามืดมน เขาเหลือบมองเฝิงเยว่เฟิงที่อยู่ด้านข้าง “นายเป็นหัวหน้า หรือฉันที่เป็นหัวหน้า? นายมีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำนู่นทำนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เฝิงเยว่เฟิงตกใจมากจนก้มศีรษะลงพร้อมก้าวถอยออกไป จากนั้นเขาไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก

หลินม่ายขี่จักรยานตรงไปยังกลุ่มคนที่นำโดยต้าจินหยา ก่อนจะลงจากจักรยานคู่ใจ

ฝั่งหนึ่งเป็นอันธพาลที่ทำเรื่องเลวร้าย อีกฝั่งเป็นเหมือนหญิงงามที่ริมตลิ่ง

การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่ายทำให้ผู้คนที่เฝ้าดูจากระยะไกลต้องเหงื่อแตกด้วยความเป็นห่วงหลินม่าย

ผู้หญิงตะวันออกซ่อนอายุจริงได้ดีกว่าผู้หญิงตะวันตก แทบไม่ต้องพูดถึงหลินม่ายที่ดูแลตัวเองดี

เธอมีอายุยี่สิบกว่าปี แต่มีใบหน้าเปล่งปลั่งเหมือนกับเด็กสาวอายุราว 17 ถึง 18 ปีเท่านั้น ในสายตาของทุกคน เธอเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีพิษไม่มีภัย

แก๊งชิงเยว่แทบไม่จำเป็นต้องพาคนมากมายมาข่มขู่เด็กสาวที่บอบบางเช่นนี้ด้วยซ้ำ แค่การพูดเสียงดังก็คงทำให้เธอกลัวแทบตายแล้ว

บางคนที่รู้ตัวตนของหลินม่ายกังวลมากจนเผลอกระทืบเท้า

ประธานหลินโง่เขลาหรือเสียสติกันแน่ ด้วยความมั่งคั่งและอำนาจที่มี เหตุใดเธอต้องออกไปเผชิญหน้ากับแก๊งอันตรายเช่นนี้เป็นการส่วนตัว

แม้ว่าแก๊งชิงเยว่จะมีอารยธรรมมากและไม่ได้นำอาวุธมา หรือทำลายร้านค้า พวกเขาเพียงเข้ามาคุมด้านหน้าโรงแรม แม้ไม่สามารถแจ้งตำรวจให้มาจับกุม แต่ก็ยังสามารถขอให้แก๊งอันธพาลอื่น ๆ ออกมาจัดการแทน

ทำไมถึงต้องอยากทำตัวเป็นวีรสตรีและออกมาเผชิญหน้าด้วยตัวเองด้วย?

ไม่ใช่ว่าหลินม่ายไม่เคยคิดที่จะขอให้แก๊งอื่นมาไกล่เกลี่ย เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้คุ้นเคยกับแก๊งอื่น หลังจากผ่านมาระยะหนึ่ง เธอก็ยังไม่สามารถหาแก๊งอื่นมายืนหยัดต่อสู้เพื่อเธอได้

แม้ว่าแก๊งชิงเยว่จะไม่ได้เป็นหนึ่งในแก๊งอันดับต้น ๆ ในชุมชนชาวจีนท้องถิ่น แต่ก็ยังติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรก ซึ่งไม่ใช่แก๊งขนาดเล็กเลย

แม้ว่าเธอจะมีอำนาจ แต่หลินม่ายก็ไม่อยากทำให้พวกเขาขุ่นเคือง

หากเธอสามารถหลีกเลี่ยงการสร้างศัตรูได้ เธอยังคงหวังว่าจะทำสำเร็จ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา การสร้างศัตรูกับแก๊งอันธพาลถือเป็นปัญหาใหญ่

อย่ามองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกันเป็นฮีโร่เหมือนกับที่เห็นบนหน้าจอ พวกเขาจงใจสร้างภาพลักษณ์ให้ตำรวจดูดีเท่านั้น

สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอเมริกันตัวจริงเก่งที่สุดคือการเล็งปืนไปที่คนผิวดำ แต่พวกเขากลับไร้ประโยชน์มากที่สุดเมื่อต้องจับกุมปัญหายาเสพติด

ตำรวจและผู้ค้ายาเสพติดมีความเข้าใจตรงกันโดยปริยาย ฉันจะอนุญาตให้คุณค้ายาเสพติด แต่คุณต้องแน่ใจว่าอัตราการก่ออาชญากรรมในท้องถิ่นจะอยู่ในระดับต่ำ แล้วเราจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้

เมื่อต้องจัดการกับแก๊งอันธพาล ตำรวจมักจะมีทัศนคติที่ซับซ้อนและอาจจำเป็นต้องให้แก๊งช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในบางสถานการณ์ด้วยซ้ำ

แก๊งชาวจีนส่วนใหญ่เป็นลูกน้องของตำรวจและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรุกราน

ระหว่างทางมาที่นี่ หลินม่ายได้โทรหาเคอจื่อฉิงและลุงฝูเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว

เคอจื่อฉิงและสามีอยู่ในสหรัฐอเมริกานานกว่าหลินม่ายมาก พวกเขาได้สำรวจทั้งโลกใต้ดินและบนดินแล้ว

หลังจากอยู่ที่สหรัฐอเมริกามาหลายปี พวกเขาก็มีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างมาก

แทบไม่ต้องพูดถึงลุงฝู แม้เขาจะเป็นแค่พ่อบ้าน แต่ก็มีความสามารถมากเช่นกัน

พวกเขาสามารถช่วยหลินม่ายจ้างหัวหน้าแก๊งและจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ราบรื่นได้ แต่จะต้องใช้เวลาสักระยะในการจ้างใครสักคน

หลินม่ายรีบมายังที่เกิดเหตุ เพราะเธอกลัวว่าแก๊งชิงเยว่จะทุบโรงแรมของเธอ

หากพวกเขาทุบโรงแรมและหนีไป เหลือลูกน้องไม่กี่คนที่รับผิด เมื่อถึงเวลานั้นจะตามใครมารับผิดชอบก็คงยาก

นั่นเป็นสาเหตุที่หลินม่ายรีบตรงมาที่นี่คนเดียว เพื่อหวังจะช่วยถ่วงเวลาไว้ได้บ้าง

ต้าจินหยามองหลินม่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความไม่เชื่อ และหันไปถามเฝิงเยว่เฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า “นี่คือผู้หญิงที่โค่นพวกแกจริง ๆ น่ะเหรอ?”

เฝิงเยว่เฟิงพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน “จริงครับ! ถ้าไม่เชื่อ หัวหน้าก็ลองถามต้าหลงและคนอื่น ๆ ได้”

ต้าหลงและคนอื่น ๆ เป็นกลุ่มอันธพาลที่มาที่โรงแรมหยวนไหลเพื่อรับประทานอาหารเฝิงเยว่เฟิงเมื่อวานนี้

ต้าหลงพยักหน้ารับอย่างแรง ราวกับกลัวว่าต้าจินหยาจะไม่เชื่อ

ต้าจินหยากำลังประเมินหลินม่าย ส่วนหลินม่ายก็กำลังประเมินเขาเช่นกัน

เธอเห็นสร้อยคอทองคำที่หนากว่าโซ่สุนัขห้อยอยู่รอบคอของเขา มีนาฬิกาทองคำอยู่บนข้อมือ และแหวนทองคำหนักห้าวงบนนิ้วมือ

ในบรรดาฟันเหลืองที่โผล่ออกมานั้น มีฟันสีทองขนาดใหญ่ที่ทำให้ได้อย่างชัดเจน

เหมือนกับว่าเขามีคำว่า “ฉันรวยมาก” เขียนแปะบนหน้าผาก

มันเป็นสไตล์คนรวยจากชนบท ซึ่งทำให้หลินม่ายหงุดหงิดเมื่อได้เห็น

หลินม่ายจูงจักรยานและถามด้วยความเคารพ “ขอโทษนะคะ คุณคือต้าจินหยาใช่ไหม?”

ลูกน้องคนหนึ่งตวาดใส่ “เธอมีสิทธิ์อะไรมาเรียกเจ้านายของเราด้วยชื่อ? เธอต้องเรียกเขาว่าคุณชายจิน!”

ต้าจินหยาโบกมือ “ไม่สำคัญหรอก มันก็แค่ชื่อ”

เขาโบกมือให้ลูกน้องอีกคน ก่อนที่ลูกน้องคนนั้นจะหยิบซิการ์ราคาแพงออกมาให้ทันที เขายื่นใส่ปากเจ้านาย จากนั้นหยิบไฟแช็กออกมาจุดให้

ต้าจินหยาดูดบุหรี่เข้าเต็มปอด จากนั้นมองไปที่หลินม่ายด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “คุณเป็นเจ้าของโรงแรมหยวนไหลงั้นเหรอ?”

หลินม่ายพยักหน้ารับและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเองค่ะ เราเข้าไปในโรงแรมเพื่อพูดคุยกันดีไหมคะ?”

ต้าจินหยาพยักหน้ารับและเดินตามหลินม่ายเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับลูกน้องสองถึงสามคน

ทั้งกลุ่มนั่งลงในห้องส่วนตัว จากนั้นหัวหน้าพนักงานก็นำชาและของว่างมาเสิร์ฟให้

ต้าจินหยาเอื้อมหยิบขนมโยนใส่เข้าปาก ก่อนเขาจะได้เปิดปากสั่งสอนหลินม่าย ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องหลายคน และเรียกต้าจินหยาด้วยชื่อเล่นว่า

“จินโก่วจือ ฉันได้ยินมาว่านายต้องการให้ประธานหลินแห่งบริษัทกุยตันจ่ายเงินค่าคุ้มครองงั้นเหรอ?”

สิ่งที่ต้าจินหยาเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นเรียกเขาว่าจินโก่วจือ

เมื่อนึกย้อนไป เขาไม่รู้เลยว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่หัวเราะเยาะเขาเพราะชื่อนี้

ใบหน้าของต้าจินหยาหมองหม่นลงทันใด เขากำลังจะหันไปด่ากราดผู้มาเยือน แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเต็มตา เขาก็เห็นว่าผู้มาเยือนคือเคอจื่อฉิงและหัวหน้าโหยวแห่งแก๊งพยัคฆ์มังกร!

ต้าจินหยาพลันเปลี่ยนสีหน้าทันใดราวกับเล่นละครงิ้วเสฉวน เขาลุกขึ้นและขอให้หัวหน้าโหยวนั่งลงด้วยความเคารพพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

เขากล่าวคำ “ลมอะไรหอบคุณชายโหยวมาถึงที่นี่? คุณชายโหยว เชิญนั่งก่อนครับ”

หัวหน้าโหยวนั่งลงบนโซฟาและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดเหรอ? ผมมาที่นี่ ก็เพราะคุณต้องการให้ประธานหลินของบริษัทกุยตันจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้คุณ”

ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงผู้ชายอีกคนก็ดังขึ้นที่นอกประตู “ผมเองก็เหมือนกัน”

เมื่อทุกคนมองย้อนกลับไป เป็นลุงฝูที่เดินเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าเผยจากแก๊งหมิงด้วยสีหน้าเย็นชา

ต้าจินหยายิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เขาเชิญให้หัวหน้าเผยนั่งลงด้วยความเคารพ

เขาพูดด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “หากเป็นประธานหลินจากบริษัทกุยตัน ผมจะกล้ายั่วยุเธอได้อย่างไร และผมไปเก็บเงินคุ้มครองจากเธอตั้งแต่เมื่อไหร่? พวกคุณทั้งสองกำลังเข้าใจผิดหรือเปล่า?”

สิ้นเสียง คล้ายกับเขาเพิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาหันไปจ้องหลินม่ายและถามว่า “คุณคือประธานหลินแห่งบริษัทกุยตันงั้นหรือ?”

เคอจื่อฉิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “แล้วจะเป็นใครได้อีก?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อารมณ์ดูหนังมาเฟียฮ่องกงยุค 80 ยังไงไม่รู้แฮะ มีฉากต่อสู้กังฟูหน่อยนึงก็คือใช่เลย

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด