แม่ปากร้ายยุค​ 80 1134 หวาดระแวงมากเกินไป?

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1134 หวาดระแวงมากเกินไป? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1134 หวาดระแวงมากเกินไป?

……….

ตอนที่ 1134 หวาดระแวงมากเกินไป?

สองวันต่อมา จางเสวี่ยฉุนโทรหาหลินม่ายและบอกว่าเจอร้านขายเมนูปลาปักเป้าที่เป็นของชาวเกาะ

หล่อนเคยลองมาแล้วครั้งหนึ่งและรสชาติดี

จางเสวี่ยฉุนบอกว่าหล่อนมักจะไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านของหลินม่าย จึงอยากเลี้ยงปลาปักเป้าให้กับครอบครัวพวกเขาบ้าง

แต่หล่อนกลัวว่าครอบครัวพวกเขาจะไม่เห็นด้วย เพราะปลาปักเป้ามีพิษร้ายแรง

หลินม่ายชอบกินปลาปักเป้า คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ชอบเช่นกัน

คุณปู่ฟางยังพูดถึงหลายครั้งด้วยว่า หากมีโอกาสไปประเทศเกาะอีกในอนาคต เขาก็อยากกินปลาปักเป้าอีก

หลินม่ายจึงตกลงตามคำเชิญของจางเสวี่ยฉุน

จางเสวี่ยฉุนมีความสุขมาก “อย่าเสียเวลาเลือกวันอื่นเลยค่ะ เราไปกินคืนนี้เถอะ”

หลินม่ายพาทั้งครอบครัวไปตามนัดหมาย และพบว่าพ่อแม่ สามี และลูก ๆ ของจางเสวี่ยฉุนต่างก็อยู่ที่นั่นด้วย

จางเสวี่ยฉุนแนะนำทั้งสองฝ่าย แล้วจึงสั่งอาหาร

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพูดคุยกับพ่อแม่ของจางเสวี่ยฉุนอย่างมีความสุข จากนั้นจึงได้เรียนรู้ว่าพ่อแม่ของอีกฝ่ายมีภูมิหลังที่ดี

โดยเฉพาะคุณพ่อจาง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสในพรรคก๊กมินตั๋ง

เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ช่วงเวลานั้น ดวงตาของพ่อจางเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่เขากล่าวละล่ำละลัก “ในช่วงเวลานั้น ผู้บุกรุกวางระเบิดทุกวัน และเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากเสียชีวิตมากมายในทุกวัน หลายปีต่อมา ผมยังคงฝันถึงฉากนองเลือดเหล่านั้นอยู่บ่อยครั้ง”

คุณพ่อจางพูดด้วยสายตาแน่วแน่ “ผมสนับสนุนเสวี่ยฉุนในการเขียนสารคดีชิ้นนี้ คนรุ่นต่อไปของเราต้องได้จดจำประวัติศาสตร์นี้ไว้!”

ทันทีที่มีการเสิร์ฟปลาปักเป้า คุณปู่ฟางก็ยืนขึ้นและดื่มอวยพรให้

คุณพ่อจางตกใจมาก “ผู้อาวุโส ท่านเป็นผู้ขับไล่ผู้รุกรานออกไป หากต้องดื่มอวยพร ขอผมดื่มอวยพรให้คุณดีกว่า”

คุณปู่ฟางพูดอย่างอารมณ์ดี “จากคำพูดก่อนหน้าของคุณ ผมต่างหากที่ต้องดื่มอวยพร”

ร้านอาหารปลาปักเป้าที่จางเสวี่ยฉุนแนะนำมีรสชาติดีมากจริง ๆ และทุกคนต่างก็เพลิดเพลินกับมื้ออาหารนี้

หลังจากเลี้ยงปลาปักเป้าเสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ

ขณะที่หลินม่ายเดินออกจากร้านอาหาร เธอก็รู้สึกเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมาจากด้านหลังด้วยเจตนาร้าย

แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ก็ไม่พบอะไรแปลกประหลาดเลย

วันรุ่งขึ้น จางเสวี่ยฉุนเดินทางไปหนานจิง หลินม่าย คุณปู่ฟาง และคุณย่าฟางมาส่งหล่อนที่สนามบิน

จางเสวี่ยฉุนมักจะมาที่บ้านของพวกเขาเพื่อพูดคุยกับคุณปู่ฟางและภรรยากี่ยวกับการสังหารหมู่ที่หนานจิง จนทั้งสามคนได้กลายเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมานานแล้ว

เมื่อจางเสวี่ยฉุนจะออกเดินทางไกล คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจึงต้องการมาส่งหล่อน

นอกจากพวกเขาแล้วก็ยังมีพ่อแม่ของจางเสวี่ยฉุน สามี และลูกชายของหล่อน

ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินม่ายมักจะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังสอดแนมพวกเขา แต่ทุกครั้งที่เธอมองย้อนกลับไปตามสัญชาตญาณ กลับไม่พบอะไรเลย

เป็นไปได้ไหมว่าการรับรู้สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับจางเสวี่ยฉุนจะทำให้เธอหวาดระแวงมากเกินไป?

ทุกคนเดินออกจากสนามบินมาขึ้นรถ หลินม่ายเปิดดูหนังสือพิมพ์ที่เธอเพิ่งซื้อมา

สมัยนี้ไม่มีอินเทอร์เน็ต หากอยากทราบข้อมูล ก็ต้องพึ่งพาสื่อเหล่านี้

เมื่อเธอเห็นข่าวว่าทะเลสาบขนาดใหญ่ในนิวยอร์กเต็มไปด้วยปลาช่อน โดยรัฐบาลกำลังเตรียมที่จะจับและทำลายพวกมัน หลินม่ายก็แทบน้ำลายไหลทันที

ปลาช่อนมีคุณค่าทางโภชนาการมาก ราคาขายในจีนไม่ถูกเลย แต่อเมริกาอยากจับทำลายทิ้ง นี่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติหรือเปล่า?

หลินม่ายขอให้ทอมขับรถไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อแสดงความเต็มใจที่จะช่วยให้รัฐบาลจับและกำจัดปลาช่อนให้ฟรี

โดยมีเงื่อนไขว่าคุณภาพน้ำในทะเลสาบจะต้องดี และปลาช่อนจะต้องไม่มีโรค

รัฐบาลมีความสุขอย่างยิ่งที่มีผู้ยินดีช่วยเหลืองานทางรัฐ ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาได้มากทั้งสองฝ่าย พวกเขาจึงลงนามในข้อตกลงทันที

หลังจากการทดสอบพบว่าคุณภาพน้ำในทะเลสาบนั้นดีมากและไม่มีสารพิษที่เกิดจากมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมในปลาช่อน หลินม่ายก็ขอให้ผู้จัดการโรงแรมหยวนไหลจัดคนมาจับปลาช่อนตัวใหญ่

พวกเขาจับปลาได้วันละหนึ่งร้อยกิโลกรัม และนำมาแปรรูปเป็นอาหารต่าง ๆ เช่น ลูกชิ้น ปลาทอด เนื้อปลาแล่ที่นำก้างออก และอีกมากมายเพื่อทดลองขายในซูเปอร์มาร์เก็ต

โดยปกติแล้วชาวตะวันตกไม่กินปลาที่มีก้าง แต่อาหารเหล่านี้ที่ทำจากปลาช่อนไม่มีก้างแล้ว ทำให้ลูกค้าชาวตะวันตกยอมรับได้อย่างรวดเร็ว

ปลาช่อนแปรรูปเหล่านี้นำมาทำอาหารได้ไม่ยาก โดยปรุงและเติมด้วยซองปรุงรสที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยโรงงานอาหารติ่งเซียงสำหรับอาหารเฉพาะเหล่านี้ เช่น ซุปมะเขือเทศ ชิ้นปลา ผักกาดดอง และน้ำปลา

จากนั้นเมนูจากปลาช่อนแสนอร่อยก็เปิดตัวเสร็จสิ้น ลูกค้าชาวตะวันตกไม่เพียงได้ลิ้มรสความอร่อยเท่านั้น แต่ยังรู้สึกถึงความสำเร็จอีกด้วย

อาหารจีนที่เรียนยากที่สุดในโลก คุณเองก็ทำได้! ทั้งยังมีรสชาติที่ดีมาก

ชาวตะวันตกอาจไม่คุ้นเคยกับคำว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนในภาษาจีน

หลินม่ายเคยพบกับชาวอเมริกันคนหนึ่งซึ่งบอกเธอว่าเขาเข้าใจภาษาจีน

เมื่อหลินม่ายถาม เขาก็พูดได้คำเดียว นั่นก็คือคำว่า “สวัสดี”

ในเวลานั้นหลินม่ายอยากแสดงให้เขาดู และทำให้เขาตระหนักด้วยตนเอง

แต่แล้วก็คิดว่าคนอเมริกันอาจไม่เข้าใจความหมายโดยนัยของเธอ ดังนั้นเธอจึงล้มเลิกความคิดนี้

นอกจากเปิดตัวอาหารแปรรูปจากปลาช่อน หลินม่ายยังเปิดตัวซุปหัวปลาผักดอง ซุปเครื่องในปลา และอื่น ๆ อีกมากมายที่โรงแรมหยวนไหล

แม้ว่าลูกค้าชาวตะวันตกจะไม่ชอบกินหัวปลาและเครื่องในปลาก็ตาม แต่ด้วยการส่งเสริมอย่างมีประสิทธิภาพของหลินม่ายที่นำปลาช่อนเจ้าปัญหามาแปรรูปเป็นอาหารก็ดึงดูดความสนใจมาก

ชาวตะวันตกในท้องถิ่นต่างสงสัยว่าปลาช่อนเหล่านี้จะสามารถนำมาทำอาหารให้อร่อยได้จริงหรือ? พวกเขาจึงลองชิม

ปรากฏว่าหัวปลากลับอร่อยขนาดนี้ และเครื่องในปลานี่… ก็อร่อยมากเช่นกัน

เมื่อหลินม่ายมาตรวจสอบที่โรงแรมหยวนไหล เธอเห็นชาวต่างชาติผมบลอนด์กำลังกินหม้อไฟเครื่องในปลา

เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจว่า หลู่ไช่รสเข้มข้นในสายตาของเธออร่อยกว่าหม้อไฟเครื่องในปลาและซุปเครื่องในปลาอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมลูกค้าชาวตะวันตกเหล่านี้ถึงยอมรับไม่ได้

เวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และอีกไม่นานก็ถึงสัปดาห์ก่อนที่รายการอาหารของหลินม่ายจะออกอากาศ

อาผู่โทรหาหลินม่ายให้มาดูสตูดิโอที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ

ทันทีที่หลินม่ายมาถึงสถานีโทรทัศน์ อาผู่พาเธอไปดูสตูดิโอที่เขาเตรียมไว้ให้เธอและพูดด้วยความใส่ใจว่า “พอใจหรือเปล่าครับ ถ้ามีอะไรที่ไม่พอใจก็บอกผมได้ทันที ผมจะปรับปรุงให้ตามคำขอของคุณ”

หลินม่ายมองสตูดิโอที่ตกแต่งอย่างครอบคลุม เธอไม่สามารถปฏิเสธความมีน้ำใจของอาผู่ได้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “ดีมากเลยค่ะ ไร้ที่ติเลย”

อาผู่รู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ก่อนที่หลินม่ายจะพูดต่อ “แต่ฉันไม่ได้วางแผนที่จะถ่ายทำในสตูดิโอ”

อาผู่ตะลึง “แล้วคุณมีแผนจะถ่ายทำที่ไหนครับ?”

“ในบ้านของฉันเองค่ะ”

อาผู่คิดว่าหลินม่ายจะรู้สึกผ่อนคลายกว่าหากได้ทำอาหารที่บ้านตัวเอง

แม้หลินม่ายจะเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียง แต่บางคนก็รู้สึกประหม่าเมื่ออยู่หน้ากล้อง และหลินม่ายอาจเป็นหนึ่งในนั้น

อาผู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ “เอาล่ะ อีกสองวันผมจะพาทีมงานไปที่บ้านของคุณเพื่อเตรียมติดตั้งสตูดิโอนะครับ”

หลินม่ายเห็นว่าเขาเข้าใจผิดสิ่งที่เธอต้องการสื่อ จึงรีบอธิบายถึงแนวคิดของหลี่ฉีฉีในการจัดงานแสดงอาหารกลางแจ้งจากชีวิตที่แล้วของเธอ

อาผู่ครุ่นคิดอยู่นานและพยักหน้าเห็นด้วย “ด้วยเอกลักษณ์ของการทำรายการอาหารกลางแจ้ง บางทีเราอาจจะนำประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปสู่ผู้ชมได้ และเรตติ้งก็จะดีกว่านี้”

แม้หลินม่ายจะต้องการใช้รายการอาหารเพื่อโฆษณาอาหารหลู่ไช่รสเข้มข้นของเธอ แต่เธอก็ต้องระงับแรงกระตุ้นเหล่านั้น

เธอทำการตลาดมาหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด ตอนนี้เธอกำลังจัดรายการอาหารของตัวเอง หากโปรโมตหลู่ไช่รสเข้มข้นเหล่านั้นตั้งแต่ตอนแรก ในกรณีที่ผู้ชมไม่ซื้อเพราะรู้สึกรังเกียจ มันก็เป็นการเอาชนะใจตัวเองไม่ใช่เหรอ?

เมื่อผู้ฟังรู้สึกรังเกียจ การเปลี่ยนมุมมองก็จะยิ่งยากขึ้น

หลินม่ายวางแผนว่า เมื่อเธอมีฐานแฟนคลับรายการอาหารจำนวนมากพอแล้ว เธอจึงจะเริ่มโปรโมตหลู่ไช่รสเข้มข้นเหล่านั้นในรายการ

เธอตัดสินใจว่าการออกอากาศครั้งแรกของรายการอาหารจะเลียนแบบการทำบะหมี่หลานโจวของหลี่ฉีฉี พร้อมโปรโมตหลู่ไช่สักหนึ่งถึงสองชนิดที่ผู้บริโภคชาวตะวันตกพอจะยอมรับได้

อาหารต้องกินทีละคำ ถนนต้องเดินทีละก้าว และเต้าหู้ร้อนจะรีบกินไม่ได้

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีใครสะกดรอยตามจะทำร้ายคุณนักเขียนหรือเปล่า

ค่อยๆ โปรโมตไปค่ะ จะให้คนต่างวัฒนธรรมยอมรับวัฒนธรรมเราในวันเดียวมันไม่ได้หรอก

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด