แม่ปากร้ายยุค 80 1138 ล่องูออกจากถ้ำ
ตอนที่ 1138 ล่องูออกจากถ้ำ
……….
ตอนที่ 1138 ล่องูออกจากถ้ำ
หลังจากหูเซี่ยงหงออกไป หลินม่ายขอให้เสี่ยวเหวินพาคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ กลับไปที่โรงแรม
ส่วนเธอนั่งแท็กซี่พาจางเสวี่ยฉุนไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
ไม่รู้ว่าเธอหวาดระแวงเกินไปหรือเปล่า แต่หลินม่ายมักรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับคนขับแท็กซี่
แต่เธอไม่พบสิ่งผิดปกติกับเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระและให้จางเสวี่ยฉุนหลับตาลงเพื่อผ่อนคลาย
หลังจากมาถึงทางเข้าโรงพยาบาลและลงจากแท็กซี่แล้ว หลินม่ายช่วยพยุงจางเสวี่ยฉุนเดินไปโรงพยาบาลก่อนที่เธอจะถามเสียงเบา “คุณจ้างผู้ช่วยของคุณเมื่อไหร่?”
“ฉันจ้างหล่อนราวหนึ่งเดือนหลังจากที่มาหนานจิง”
“แล้วคุณเริ่มคุ้นเคยกับสภาพอากาศในหนานจิง และเริ่มเป็นหวัดตลอดตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็ราว ๆ หนึ่งเดือนเช่นกัน”
จางเสวี่ยฉุนเป็นคนฉลาด หลังจากพูดสิ่งนี้ออกมา สีหน้าของหล่อนพลันเคร่งขรึม
หล่อนมองไปที่หลินม่ายและพูดว่า “คุณคิดว่าการที่ฉันเป็นไข้หวัดบ่อยครั้งนี่เกี่ยวกับกับหูเซี่ยงหงหรือคะ?”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างจริงจัง
จางเสวี่ยฉุนครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก่อนจะคลี่ยิ้ม “ไม่มีทางหรอกค่ะ ฉันปฏิบัติต่อหล่อนอย่างดี ทำไมหล่อนถึงต้องทำให้ฉันป่วยบ่อย ๆ ด้วย? อีกอย่างหล่อนจะทำแบบนั้นได้อย่
หลินม่ายกล่าว “ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าหูเซี่ยงหงทำให้คุณป่วยได้ยังไง แต่ฉันสงสัยว่าคุณโดนเธอวางยา ซึ่งอาการของยาพิษดังกล่าวทำให้คุณมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัด สำหรับแรงจูงใจที่ทำร้ายคุณนั้น อาจเป็นเพราะคุณต้องการเขียนหนังสือเกี่ยวกับหายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง”
จางเสวี่ยฉุนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “หนังสือที่ฉันเขียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับหล่อนเลยนี่!”
“แล้วถ้าหากเธอเป็นสมาชิกขององค์กรมืดจากประเทศเกาะ คุณคิดว่า… เธอจะอยากให้คุณเขียนประวัติศาสตร์ช่วงนั้นให้ชาวตะวันตกรู้ไหมคะ?”
จางเสวี่ยฉุนหยุดชะงักทันที
เธอจำได้ว่าตอนที่เพิ่งประกาศลงสื่อว่า เธอกำลังจะเขียนหนังสือ “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” หล่อนได้รับตุ๊กตาตัวเล็กที่มีมีดปักอกจากฝ่ายขวา
ตุ๊กตาตัวนั้นถูกสร้างขึ้นโดยใช้หล่อนเป็นต้นแบบ
หล่อนโทรแจ้งตำรวจและเหตุการณ์นี้ก็กลายเป็นข่าว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการออกข่าวครั้งนั้นหรือเปล่า แต่หล่อนไม่เคยได้รับคำขู่แบบนี้อีกเลย
หล่อนคิดว่าฝ่ายขวาเหล่านั้นไม่กล้าที่จะสร้างเรื่องใหญ่โตจากสถานการณ์นี้ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้คนแฝงตัวเข้ามาลอบวางยา
หล่อนกลัวมากจนตัวสั่นเทา กระนั้นก็ยังคงหวังว่าหลินม่ายจะคาดเดาผิด
“ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของคุณ แล้วถ้าหูเซี่ยงหงไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์กรมืดล่ะคะ?”
“ตราบใดที่หูเซี่ยงหงกลับมาหาคุณ และเริ่มถามคุณเกี่ยวกับที่มาของครอบครัวฉัน ขอให้คุณแน่ใจได้เลยว่าหล่อนน่าจะเป็นสมาชิกขององค์กรมืดจริง ๆ”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินม่ายกล่าวเสริม “ในฐานะผู้ช่วยธรรมดา หล่อนไม่ควรถามคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หากหล่อนเอ่ยถามเมื่อไหร่ นั่นแสดงว่าเธอมีเจตนาแอบแฝง”
หลังจากเข้าโรงพยาบาล ทั้งสองก็หยุดพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้และพูดถึงแต่อาการของจางเสวี่ยฉุนเท่านั้น
แพทย์ตรวจสอบร่างกายจางเสวี่ยฉุนเบื้องต้น และคิดว่าหล่อนเป็นแค่ไข้หวัด
แพทย์ตอบกลับอย่างปัดความรับผิดชอบ “เพราะคนไข้ร่างกายอ่อนแอครับ”
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วขอให้แพทย์สั่งการตรวจเลือดให้กับจางเสวี่ยฉุน
เธอต้องการส่งแฟกซ์แบบฟอร์มการตรวจสอบกลับไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อแสดงให้ฟางจั๋วหรานดู บางทีเธออาจจะได้รับเบาะแสบางอย่างมา
หลังจากพบแพทย์แล้ว ทั้งสองจึงเดินทางกลับโรงแรม
หูเซี่ยงหงกลับมาถึงก่อนนานแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสองคน หูเซี่ยงหงก็พยักหน้าให้หลินม่าย จากนั้นเขาไปช่วยพยุงจางเสวี่ยฉุนและถามเธอเกี่ยวกับการรักษาในโรงพยาบาล
ก่อนหลินม่ายแยกออกมา เธอบอกให้พวกเขามาร่วมกินอาหารเย็นด้วยกัน
จางเสวี่ยฉุนรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก เมื่อหลินม่ายจากไป หล่อนก็ล้มตัวนอนทันที
แต่ก่อนที่หลินม่ายจะมาเรียกพวกเขาไปกินอาหารเย็น หูเซี่ยงหงก็มาปลุกหล่อนให้ตื่นรอก่อน
บอกว่าทั้งสองควรเตรียมตัวรอล่วงหน้า เพื่อที่จะได้ออกไปได้ทันทีเมื่อหลินม่ายมาเรียก เช่นนั้นผู้ใหญ่และเด็กในครอบครัวของหลินม่ายจะได้ไม่ต้องรอนาน
จางเสวี่ยฉุนลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการอ่อนเพลีย
ขณะที่กำลังช่วยเหลือ หูเซี่ยงหงถามอย่างไม่ใส่ใจว่าหลินม่ายพูดอะไรกับหล่อนเมื่อตอนที่พาไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล
จางเสวี่ยฉุนตอบกลับไปสองถึงสามคำ
จากนั้นหูเซี่ยงหงก็ถามเกี่ยวกับที่มาของครอบครัวหลินม่าย
หัวใจของจางเสวี่ยฉุนเย็นเยียบในทันใด
มันเป็นไปตามที่หลินม่ายคาดเดาทุกอย่าง หูเซี่ยงหงอาจเป็นสมาชิกขององค์กรมืดจริง ๆ
หัวใจหล่อนพลันหวาดกลัว แต่ก็ต้องบังคับให้ตนเองสงบสติอารมณ์ “ทำไมคุณถึงสนใจครอบครัวของหลินม่ายขนาดนั้นล่ะ? ทั้ง ๆ ที่คุณไม่เคยถามอะไรมาก่อนเลย”
หูเซี่ยงหงหุบปากอย่างรวดเร็ว
ราวหกโมงเย็น หลินม่ายมาเรียกจางเสวี่ยฉุนและหูเซี่ยงหงเพื่อให้ไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
หลังจากพวกเขากินอาหารเสร็จ ก็แยกย้ายกลับห้อง
หลินม่ายไม่ได้เร่งรีบกลับห้องตัวเอง แต่แวะไปยังห้องของเสี่ยวเหวินและตงตงก่อน เพื่อขอให้พวกเขาไปอยู่ในห้องของคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางชั่วคราว
ครั้นเธอผลักประตูเปิดออก เธอเห็นเสี่ยวจินและเสี่ยวถังอยู่ที่นั่นแล้ว
หลินม่ายปิดประตูและกระซิบกระซาบกับทุกคนในห้อง
ระหว่างรับประทานอาหารเย็นเมื่อครู่นี้ จางเสวี่ยฉุนแอบบอกเธอว่า หูเซี่ยงหงน่าสงสัยจริง ๆ
คุณปู่ฟางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่เพียงแค่หูเซี่ยงหงเท่านั้นที่น่าสงสัย เสี่ยวจินกับเสี่ยวถังยังคงพบอย่างอื่นด้วย”
หลินม่ายหันมองทั้งสอง “พวกคุณพบอะไร?”
เสี่ยวจินตอบกลับ “มีคนกำลังจับตาดูคุณอยู่”
หลินม่ายคิดกับตัวเองว่า สัญชาตญาณของเธอแม่นยำจริง ๆ
คืนนั้น คุณปู่ฟางได้จัดเตรียมให้เสี่ยวจินติดต่อผู้บังคับบัญชาในนามของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ และตรวจสอบว่าใครคือคนที่กำลังแอบติดตามพวกเขาอยู่
เพื่อไม่เป็นการแจ้งเตือนศัตรู หลินม่ายและครอบครัวพูดคุยกันอย่างสนุกสนานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสี่ยวจินคอยแอบปกป้องจางเสวี่ยฉุนอย่างลับ ๆ
หลินม่ายและครอบครัวเดินทางออกไปข้างนอกทั้งวัน และไม่กลับมากระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน
ทุกคนยังคงมารับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
หลินม่ายเห็นว่าจางเสวี่ยฉุนมีความอยากอาหารและดูไม่โทรมเหมือนเมื่อวาน
สันนิษฐานว่าการมาถึงอย่างกะทันหันของพวกเขาทำให้องค์กรที่ซ่อนอยู่ในเงามืดหวาดกลัว พวกเขาจึงไม่กล้าวางยาพิษจางเสวี่ยฉุนต่อในระยะนี้
เธอถามจางเสวี่ยฉุนว่าผลตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ออกมาหรือยัง
จางเสวี่ยฉุนตอบกลับ “ออกมาแล้ว ฉันเป็นคนไปเอามันกลับมาด้วยตัวเองแหละ” จากนั้นก็หยิบผลตรวจออกจากกระเป๋าและยื่นให้หลินม่าย
หลินม่ายเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายหมายถึง โดยการเน้นย้ำคำว่า “ด้วยตัวเอง” บ่งบอกว่าผลการทดสอบไม่พบเจอสิ่งผิดปกติ
หลินม่ายรับผลการทดสอบและเก็บใส่กระเป๋า
หูเซี่ยงหงถามด้วยรอยยิ้ม “สหายหลิน คุณต้องการผลทดสอบนี้ไปเพื่อสิ่งใดหรือคะ?”
“นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดูว่าอาการของจางเสวี่ยฉุนสามารถรักษาให้ดีขึ้นด้วยแพทย์แผนจีนหรือไม่น่ะค่ะ”
ค่ำคืนนั้น เสี่ยวจินถ่ายทอดคำแนะนำจากหน่วยงานระดับสูงที่เขาได้รับมา
ในปัจจุบัน คนที่มีแนวโน้มจะวางยาพิษจางเสวี่ยฉุนมากที่สุดคือหูเซี่ยงหง ผู้ช่วยส่วนตัวของหล่อนนั่นเอง
กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติได้สอบสวนสถานการณ์ส่วนตัวของหูเซี่ยงหง หญิงสาววัย 22 ปี พ่อแม่ของหล่อนเสียชีวิตตั้งแต่หล่อนยังเด็ก และหล่อนก็เดินทางไปทั่วประเทศหลังจากนั้น
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หล่อนเดินทางมาที่หนานจิงและตั้งรกรากอยู่ที่นี่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล
หูเซี่ยงหงอาศัยอยู่อย่างสันโดษ แม้จะตั้งรกรากอยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว แต่เพื่อนบ้านแทบจะไม่มีใครเคยพบปะกับหล่อน หรือพูดถึงหล่อนเลย
นอกจากนี้ ผู้คนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติยังถูกจัดเตรียมไว้รอบนอกเพื่อปกป้องคุณปู่ฟางและทุกคน และบอกพวกเขาให้คลายความกังวลลง
หลินม่ายได้ส่งผลตรวจเลือดของจางเสวี่ยฉุนให้กับเสี่ยวจิน และขอให้เขาส่งแฟกซ์ไปหาฟางจั๋วหรานเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คำตอบจากฟางจั๋วหรานก็มาถึง
เขาบอกหลินม่ายผ่านเสี่ยวจินว่า ผลการทดสอบเลือดดูเหมือนเป็นหวัดธรรมดา แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเช่นกัน
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้อาจเกิดจากการรับประทานยาบางชนิด และเมื่อคุณเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้ คุณสามารถรักษาได้ด้วยการรับการปลูกถ่ายไขกระดูกเท่านั้น
หากผู้ป่วยไม่สามารถรอการปลูกถ่ายไขกระดูก ก็อาจจะต้องเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลินม่ายกังวลมาก
เธอต้องการกำจัดพิษในร่างกายจางเสวี่ยฉุนโดยเร็ว
ในวันนี้ จางเสวี่ยฉุนและหูเซี่ยงหงยังคงร่วมรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวหลินม่าย
หูเซี่ยงหงถามหลินม่ายว่า “สหายหลินต้องการแสดงผลทดสอบเลือดของคุณจางให้ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่ แล้วผู้เชี่ยวชาญว่าอย่างไรบ้างคะ?”
หลินม่ายประหลาดใจและพูดว่า “คุณไม่รู้หรือคะว่าฉันเพิ่งซื้อน้ำผึ้งสองขวดให้เสวี่ยฉุน? ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าไม่มียาชนิดใดที่สามารถทำให้อาการของเธอดีขึ้นได้ และทำได้เพียงกินน้ำผึ้งเท่านั้น ดูเหมือนว่าน้ำผึ้งจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เสวี่ยฉุนไม่มีไข้ต่ำหรือเป็นหวัดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา”
หลินม่ายและคนอื่น ๆ เข้าใจว่าจางเสวี่ยฉุนยังคงไม่ได้รับอันตรายในช่วงนี้ เนื่องจากองค์กรมืดระมัดระวังครอบครัวของหลินม่าย พวกเขาจึงไม่กล้าทำเรื่องหุนหันพลันแล่นกับจางเสวี่ยฉุน โดยกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวเอง
ตอนนี้สิ่งที่ครอบครัวหลินม่ายต้องทำคือ โน้มน้าวองค์กรมืดว่าพวกเขาไม่ได้สงสัยว่ามีคนกำลังวางยาพิษจางเสวี่ยฉุน
จางเสวี่ยฉุนเพียงป่วยบ่อยเพราะไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ
ด้วยวิธีนี้องค์กรมืดจึงจะเริ่มลงมือกับจางเสวี่ยฉุนอีกครั้ง ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการจับผู้ต้องสงสัย และทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย
และด้วยเหตุนี้ หลินม่ายและครอบครัวมักออกไปเที่ยวเล่นชมวิวทิวทัศน์และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ทุกวัน โดยแสร้งว่าไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับจางเสวี่ยฉุน
การกระตุ้นให้จางเสวี่ยฉุนยุติการอาศัยอยู่ในหนานจิงโดยเร็วที่สุดเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง โดยบอกว่ามีเพียงการออกจากหนานจิงและกลับมายังสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่จะทำให้หล่อนหายจากอาการป่วยซ้ำ ๆ เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากบ้านเกิด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ควรระวังยัยผู้ช่วยนี่ไว้ให้มากเลยค่ะ ดูจากพฤติกรรมแล้วมีแนวโน้มที่จะเป็นนักฆ่ารับจ้างด้วย
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments