แม่ปากร้ายยุค​ 80 1139 ไล่ล่า

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1139 ไล่ล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1139 ไล่ล่า

……….

ตอนที่ 1139 ไล่ล่า

ในชั่วพริบตา หลินม่ายและครอบครัวก็ได้ใช้เวลาไป 8 วันในหนานจิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงโบราณของหกราชวงศ์

พวกเขาไม่เพียงเยี่ยมสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เรายังได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะของเมืองหลวงโบราณอีกด้วย

หลินม่ายเคยเป็นแม่ครัวระดับกูร์เมต์ในชาติที่แล้วและมีความรู้เกี่ยวกับอาหารกูร์เมต์ ไม่ว่าอาหารจานไหนก็อร่อยมาจนเธอยกนิ้วให้

แต่คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจเสมอเมื่อได้กินของกินขึ้นชื่อของที่นี่

แม้ว่าพวกเขาจะเคยกินซยงโหยวปิ่ง คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ก็ยังชมว่ามันอร่อยมาก

เขายังบอกด้วยว่า เมื่อกลับไปสหรัฐอเมริกา เขาสามารถเปิดร้านซยงโหยวปิ่งได้ ซึ่งชาวต่างชาติจะต้องชอบกิน

ซยงโหยวปิ่งมีความกรอบนอกนุ่มใน หากขายในสหรัฐอเมริกา ลูกค้าชาวยุโรปและอเมริกาน่าจะชอบ

อา แค่คิดก็เห็นภาพแล้ว

อย่างไรก็ตามหลินม่ายไม่มีแผนที่จะเปิดร้าน เธอจึงคิดเพิ่มเมนูนี่เข้าไปเป็นความหลากหลายให้กับร้านบะหมี่แทน

บะหมี่หลานโจวกับซยงโหยวปิ่ง การผสมผสานนี้ทำให้ผู้คนน้ำลายไหลเมื่อคิดถึงมัน

นอกจากซยงโหยวปิ่งแล้วก็ยังมีเค้กห้าสี บะหมี่ไก่ฉีก และเกี๊ยวผิวบาง…เหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่คุณปู่ฟาง และคนอื่น ๆ ชื่นชอบ

ทุกครั้งที่กินอาหารอร่อย คุณปู่ฟางและภรรยาจะขอให้หลินม่ายเรียนรู้จากร้าน เพื่อจะได้กลับไปทำกินเองที่บ้าน

หลินม่ายพาผู้สูงอายุและเด็กไปเที่ยวชมภูเขาและแม่น้ำ กินอาหารอร่อยทั่วเมือง ขณะที่มีคนคอยแอบติดตามพวกเขาอยู่ทุกฝีก้าว

เมื่อเห็นว่าหลินม่ายและครอบครัวกำลังพูดถึงอาหารอร่อยและการเปิดร้านอาหาร องค์กรมืดที่ติดตามพวกเขาอยู่ก็ผ่อนคลายในที่สุด

คืนนั้น สมาชิกบางคนขององค์กรไปแจ้งหูเซี่ยงหงให้หล่อนวางยาพิษจางเสวี่ยฉุนต่อไป

หากต้องการใช้ยาเพื่อทำให้จางเสวี่ยฉุนป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว หล่อนต้องวางยาพิษอย่างต่อเนื่อง

หากหยุดชะงักนานเกินไป สารพิษในร่างกายของหล่อนจะถูกขับออกทางกระบวนการเผาผลาญ จากนั้นความพยายามทั้งหมดอาจสูญเปล่า

การวางยาพิษจางเสวี่ยฉุนถูกขัดจังหวะเป็นเวลากว่าแปดวันแล้ว และไม่ควรหยุดนานกว่านี้

ไม่เพียงไม่ควรหยุดอีกครั้ง แต่ต้องเพิ่มปริมาณพิษด้วย

การสนทนาทั้งหมดขององค์กรมืดได้รับการสอดแนมโดยคนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ

หลังจากที่หูเซี่ยงหงวางยาพิษในน้ำดื่มของจางเสวี่ยฉุน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็เข้ามาแทรกแซงอย่างลับ ๆ พวกเขาใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพื่อเปลี่ยนน้ำผสมพิษเป็นน้ำที่ปลอดภัย

จากนั้นแอบบอกจางเสวี่ยฉุนให้แกล้งทำเป็นป่วยและซ่อนมันไว้จากหูเซี่ยงหง

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายได้รับคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้จับตาดูการปรากฏตัวของหูเซี่ยงหง

เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติได้ติดตามและได้ยินว่าหูเซี่ยงหงจะเพิ่มปริมาณยาพิษลงในน้ำดื่มของจางเสวี่ยฉุน ซึ่งจะให้หล่อนดื่มในขณะท้องว่าง เพราะฤทธิ์ยาจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ประเด็นหลักคือจางเสวี่ยฉุนดื่มน้ำในขณะท้องว่าง

หลินม่ายเดินไปที่ห้องของจางเสวี่ยฉุนพร้อมข้าวปั้นและเกี๊ยวทอดไส้เนื้อวัว

เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเข้ามา หล่อนรีบเก็บผงขาวนั้นทันที โดยพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ และพูดกับหลินม่ายด้วยรอยยิ้ม “สหายเสี่ยวหลิน ทำไมคุณถึงมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ล่ะคะ?”

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หูเซี่ยงหงเหลือบมองเท้าของหลินม่ายขณะกล่าวทักทาย

หลินม่ายสวมรองเท้าพื้นนุ่มปักด้วยมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หล่อนจะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า!

หลินม่ายจงใจสวมรองเท้าผ้าทำมือเพื่อความสะดวกในการโจมตีกะทันหัน และมันก็ได้ผลตามที่คาดการณ์ไว้

หลินม่ายไม่ได้ตอบหูเซี่ยงหง แต่ถามออกไปอย่างเถรตรง “เมื่อครู่คุณเทอะไรลงในน้ำหรือคะ?”

จางเสวี่ยฉุนที่แสร้งทำเป็นป่วยในห้องนอนด้านหลัง “บังคับ” ร่างกายที่ป่วยของเธอเดินออกมาและถามด้วยท่าทางสับสน “ม่ายจื่อ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

หูเซี่ยงหงพูดขึ้นก่อนหลินม่ายและอธิบายว่า “คุณจาง เรื่องก็คือว่า คอของฉันเหมือนถูกไฟไหม้มาสองวันแล้ว มันแห้งและเจ็บมาก ฉันก็เลยใส่ผงยาต้านการอักเสบลงในแก้วน้ำนี้เพื่อจะดื่ม”

หล่อนชี้ไปที่หลินม่ายและพูดว่า “แต่คุณหลินเข้าใจผิดคิดว่าฉันวางยาในน้ำดื่ม~”

หลินม่ายตะคอกอย่างเย็นชา “ฉันยังไม่ได้บอกว่าคุณวางยาในน้ำเลย ฉันแค่ถามว่าคุณเทอะไรลงในน้ำแห้วนั้น คุณพูดมาแบบนั้น มันจะไม่เป็นที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง(1)หรอกเหรอ?”

หู่เซี่ยงหงเริ่มมีท่าทางวิตกกังวลและพูดกับจางเสวี่ยฉุนว่า “คุณจาง น้ำเสียงในคำถามของคุณหลินบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเธอกล่าวหาว่าฉันวางยาในน้ำดื่ม แบบนี้ก็เหมือนคุณหลินตั้งใจใส่ร้ายป้ายสีไม่ใช่หรือไง? ใครจะบ้าวางยาพิษใส่น้ำดื่มของตัวเองคะ?”

จางเสวี่ยฉุนนั่งลงบนโซฟาโดยมีหลินม่ายคอยประคอง มองหูเซี่ยงหงอย่างสงสัย “คุณเตรียมน้ำแก้วนั้นให้ตัวเองเหรอคะ? นั่นไม่ใช่น้ำของฉันเหรอ?”

จางเสวี่ยฉุนดื่มน้ำหนึ่งแก้วในขณะท้องว่างทุกเช้า และใช่ว่าหูเซี่ยงหงจะไม่รู้กฎนี้

เมื่อก่อนหล่อนปฏิบัติตามกฎอย่างดีมาโดยตลอด แต่วันนี้หล่อนลืมกฎเหรอ?

“จริงเหรอ?” จางเสวี่ยฉุนถามอย่างสงสัย “คุณใช้แก้วน้ำของฉันเพื่อมาเทน้ำให้คุณเองน่ะเหรอ?”

หูเซี่ยงหงแสดงเก่งมาก

ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ที่จริงฉันหยิบแก้วมาผิด จะเปลี่ยนให้ทันทีเลยค่ะ”

จางเสวี่ยฉุนโบกมือปัด “ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว แก้วน้ำของฉันไม่เหมือนแก้วของคุณเลย คุณจะหยิบมันผิดได้อย่างไร?”

หลินม่ายพูดกับจางเสวี่ยฉุน “หยุดพูดเรื่องไร้สาระกับหล่อนได้แล้ว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ ให้ตำรวจค้นร่างกายหล่อน หาผงยาที่เหลืออยู่บนตัว จากนั้นให้พวกเขานำน้ำในแก้วไปทดสอบดูว่า มันเป็นยาแก้เจ็บคอตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ ถ้ามันไม่ใช่ ฉันเองก็อยากรู้ว่าหล่อนใส่ยาอะไรลงไปในน้ำที่คุณกำลังจะดื่ม”

จางเสวี่ยฉุนพยักหน้า “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”

หูเซี่ยงหงเห็นว่าความพยายามทั้งหมดของตนกำลังจะสูญเปล่า และรู้ว่าตนเองถูกเปิดเผยหรือกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย

หล่อนรีบพุ่งตัวออกจากห้องและกระโดดลงจากหน้าต่างที่เปิดอยู่ตรงระเบียงชั้น 3 อย่างไม่ลังเล ทำให้ผู้คนที่เดินสัญจรอยู่ด้านล่างต่างกรีดร้องและวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง

แต่ก่อนที่เสียงกรีดร้องระลอกนี้จะหยุด หลินม่ายก็กระโดดตามลงมาอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องระลอกที่สองจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา

ทุกคนมองดูด้วยความสยดสยองขณะที่หลินม่ายไล่ตามหญิงสาวซึ่งกระโดดลงจากอาคารโรงแรมก่อนหน้านี้

หูเซี่ยงหงเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อลายดอกไม้และกางเกงขาสั้น ผมหยิกยาว สร้อยคอทองคำที่หนากว่าสายจูงสุนัข ซึ่งกำลังนั่งคร่อมบนรถจักรยานยนต์และคุยโม้กับคนอื่น

หล่อนรีบเข้าไปเตะชายหนุ่มลงจากรถจักรยานยนต์ บิดคันเร่งและขี่ออกไปทันที

หลังจากขี่ออกมาได้ระยะหนึ่ง หล่อนหันกลับไปมองหลินม่ายอย่างมีชัย ซึ่งอีกฝ่ายกำลังวิ่งไล่ตามด้วยสองขาไปตามทางชานเมืองหนานจิง

ความเขียวขจีในเขตชานเมืองของหนานจิงนั้นมีค่อนข้างมาก โดยมีต้นไม้เรียงรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ตราบใดที่หล่อนหนีเข้าไปในป่าและได้รับการสนับสนุนจากผู้สมรู้ร่วมคิด ในไม่ช้าก็จะออกจากหนานจิงและไม่มีใครจับหล่อนได้

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินม่ายคว้ารถจักรยานยนต์เพื่อหวังไล่ตาม

แค่แย่งรถจักรยานยนต์ เธอเองก็ทำได้เหมือนกัน

ชายหนุ่มที่ถูกหลินม่ายแย่งรถจักรยานยนต์ตะโกนคำสาปไม่หยุด

หลินม่ายบิดคันเร่งเต็มที่และกำลังจะตามหูเซี่ยงหงทัน แต่จู่ ๆ โซ่ของรถจักรยานยนต์ก็ขาด ท่อไอเสียพ่นควันดำออกมาสักพัก รถก็หยุดวิ่งในที่สุด

ด้วยแรงเฉื่อยที่รุนแรง หลินม่ายจึงถูกเหวี่ยงลงจากรถจักรยานยนต์และล้มลงบนถนนที่ร้อนระอุอย่างแรง ก่อนที่เธอจะเด้งตัวลุกขึ้นทันที

หนานจิงเป็นหนึ่งในสี่เตาเผาแห่งประเทศจีน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองเจียงเฉิง เธอก็ไม่แน่ใจว่าเมืองไหนให้ความรู้สึกเหมือนหม้อต้มเพื่อเล่นแร่แปรธาตุมากกว่ากัน

หลินม่ายเฝ้าดูหูเซี่ยงหงหลบหนีไปด้วยความเสียดาย แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีก

เดิมทีเธอต้องการจับหูเซี่ยงหงทั้งเป็นและส่งมอบให้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบดูว่าหล่อนเป็นสมาชิกองค์กรมืดแห่งใด?

แต่ตอนนี้เธอหลบหนีไปได้แล้ว เช่นนั้นจะสอบปากคำกับใครได้อีก?

เมื่อหูเซี่ยงหงคิดว่าหล่อนสามารถหลบหนีได้แล้ว ชายหนุ่มผมหยิกคนหนึ่งที่ขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรกลับมาปรากฏตัวขึ้นจากด้านซ้ายอย่างกะทันหัน

ชายคนนั้นชนรถจักรยานยนต์ของหูเซี่ยงหงอย่างแรง เป็นผลให้ทั้งหล่อนและรถล้มกระแทกไปกับพื้น

……………………………………………………………………………………………………………

此地无银三百两 ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง เป็นคำเปรียบเปรยหมายถึง อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้

สารจากผู้แปล

มิชชันอิมพอสสิเบิลก็มา ขี่จริงล้มจริงไม่ใช่แสตนอิน

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด