แม่ปากร้ายยุค 80 1140 ปลูกถ่ายผิวหนัง
ตอนที่ 1140 ปลูกถ่ายผิวหนัง
……….
ตอนที่ 1140 ปลูกถ่ายผิวหนัง
เมื่อชายผมหยิกเห็นว่าตนกำลังเดือดร้อน จึงบิดคันเร่งรถจักรยานยนต์ออกไป แม้แต่กระต่ายตื่นตูมก็ไม่มีทางวิ่งทันเขา
ชายผมหยิกแท้จริงเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เขาถูกส่งมาจากเบื้องบนเพื่อปกป้องหลินม่ายอย่างลับ ๆ
มีคำสั่งจากเบื้องบนไม่ให้เปิดเผยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่แสร้งทำเป็นชายหนุ่มผู้ประพฤติผิดในสังคม
โชคดีที่เขาเกิดมาพร้อมกับผมหยิก ดังนั้นจึงปกปิดตัวตนได้ไม่ยาก
ชายผมหยิกหันศีรษะไปมองหลินม่าย เขาโล่งใจเมื่อเห็นว่าเธอกำลังวิ่งไปหาหูเซี่ยงหงแล้ว
เขาเสี่ยงที่จะถูกเปิดโปง และได้ช่วยเหลืออีกฝ่ายไว้แล้ว หากหลินม่ายยังจับหูเซี่ยงหงไม่ได้ เขาคงได้อาเจียนออกมาเป็นเลือดสามลิตร
หูเซี่ยงหงล้มกระแทกพื้นไม่เบา ขาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
แต่ท้ายที่สุดหล่อนก็เป็นตัวแทนที่ได้รับการฝึกฝนและมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า จึงลากขาที่บาดเจ็บวิ่งไปข้างหน้า
ตราบใดที่ยังมีความหวังริบหรี่ หล่อนก็จะไม่ยอมแพ้
แม้หลินม่ายจะได้รับบาดเจ็บจากการล้ม แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อการวิ่งของเธอ
ขณะที่กำลังจะวิ่งตามหูเซี่ยงหงทัน จู่ ๆ รถมินิแวนที่ดูธรรมดาก็ขับเข้ามาจอดด้านหน้าหูเซี่ยงหง
ประตูเปิดออกพร้อมกับคนขับออกคำสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ขึ้นรถมาเร็วเข้า!”
คนขับเหยียบคันเร่งแล้วขับไปข้างหน้า เขาจงใจขับฉวัดเฉวียนเพื่อเหวี่ยงหลินม่ายให้หลุดออก
ตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนถนนเห็นแบบนั้นก็ขับรถสามล้อไล่ตาม
ทว่ารถสามล้อนั้นวิ่งช้าเกินไป จึงถูกทิ้งห่างอย่างรวดเร็ว ตำรวจจราจรเห็นแบบนั้นก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
แม้ว่าวันนี้หลินม่ายจะสวมกางเกงยีน แต่กางเกงยีนตัวหนาก็ขาดอย่างรวดเร็วเมื่อถูกลากไปตามถนนด้วยความเร็วสูง
ทันใดนั้นก็มีอาการปวดแสบบริเวณผิวหนังที่ถูไปกับพื้นถนน
หลินม่ายกัดฟันและหยิบมีดพกออกจากกระเป๋ากางเกงยีนด้วยมือเดียว
เธอแทงเข้าไปตรงบริเวณไตของหูเซี่ยงหงอย่างแรงและดึงมันออกมาทันที ทำให้เลือดสาดกระเซ็นมาโดนใบหน้า
มันจะไม่ได้ผลดีหากไม่แทงไตของหูเซี่ยงหงที่ได้รับการฝึกฝนและมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
หลินม่ายเกรงว่าต่อให้แทงต้นขามากกว่าสิบครั้ง อีกฝ่ายก็คงอดทนได้ และหูเซี่ยงหงจับเบาะผู้โดยสารด้วยมือทั้งสองข้างไว้แน่น เช่นนั้นหล่อนจะตกรถได้อย่างไร?
หลินม่ายต้องการให้อีกฝ่ายตกจากรถ เพื่อที่จะจับกุมไว้
อย่างไรก็ตามอาการของหลินม่ายค่อนข้างแย่ เธอไม่มีแรงพอที่จะแทงหูเซี่ยงหงมากกว่าสิบหน และมีโอกาสแทงครั้งเดียวเท่านั้น
แม้ว่าหลินม่ายจะแทงหูเซี่ยงหงที่ไต แต่หูเซี่ยงหงก็กัดฟันและอดทนไว้ได้นานหลายนาที แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสเกินไป หล่อนก็ไม่มีแรงจับเบาะรถและตกลงมา
ทันทีที่ปล่อยมือ หล่อนพูดกับคนขับเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ฉันจะกัดเขี้ยวเพื่อฆ่าตัวตาย อย่ากังวล!”
หลังพูดเช่นนั้น หล่อนก็ตกจากรถไปพร้อมกับหลินม่ายที่จับกางเกงของหล่อนไว้
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาต่างก็เห็นภาพฉากน่าตกใจดังกล่าว ผู้หญิงสองคนร่างกายเปื้อนเลือดกำลังตกลงจากรถมินิแวนอย่างแรง
บางคนหยุดรถที่อยู่ด้านหลังเพื่อป้องกันไม่ให้หลินม่ายและหูเซี่ยงหงวิ่งผ่านไป บางคนโทรหาตำรวจ และส่วนใหญ่ก็รวมตัวกันเพื่อดูความตื่นเต้น
หูเซี่ยงหงเห็นผู้คนเข้ามารายล้อมหล่อนและหลินม่ายอย่างหนาแน่น ทำให้หล่อนไม่สามารถหลบหนีไปได้แม้จะมีปีกบีนก็ตาม
นอกจากนี้หล่อนยังได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถลุกขึ้นได้ด้วยซ้ำ จึงไม่มีทางเลยที่จะหนีไปได้
หากหนีไม่ได้ หล่อนคงไม่มีทางเลือกนอกจากฆ่าตัวตาย
ก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจนี้ องค์กรได้ใส่เขี้ยวที่ทำขึ้นพิเศษไว้ในปากของหล่อน
หากถูกจับและไม่สามารถหลบหนีได้ ให้หล่อนกัดเขี้ยวเพื่อฆ่าตัวตาย เพื่อที่หล่อนจะต้องไม่ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นและถูกบังคับให้เปิดเผยความลับขององค์กร
ขณะที่หูเซี่ยงหงกำลังจะใช้กำลังทั้งหมดกัดเขี้ยวให้แตกเป็นชิ้น ๆ ก้อนอิฐก้อนหนึ่งก็ถูกอัดเข้าไปในปากของหล่อนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
เป็นเหตุให้ฟันหักหลายซี่ และมุมปากยังถูกอิฐบาดเป็นแผล
หูเซี่ยงหงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
แต่ไม่นานการกรีดร้องของหล่อนก็ยุติลงอย่างกะทันหัน
หลินม่ายต่อยหล่อนที่ขมับ ทำให้หล่อนหมดสติไป
จะกรีดร้องเสียงดังอะไรนักหนา เช่นนั้นก็หลับไปซะเถอะ!
ไม่นานตำรวจก็มาถึง
ตามมาด้วยหน่วยพยาบาลที่ได้รับการแจ้งเหตุ หลินม่ายและหูเซี่ยงหงต่างก็ถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล
พยาบาลต้องการดึงอิฐในปากของหูเซี่ยงหงออก แต่หลินม่ายหยุดไว้ได้ทันเวลา
“หล่อนมีเขี้ยวพิษอยู่ในปาก ทันทีที่คุณดึงอิฐออกมา หล่อนจะกัดเขี้ยวและฆ่าตัวตาย”
เมื่อนางพยาบาลสาวได้ยินสิ่งนี้ หล่อนก็ตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่เพียงไม่กล้าแตะอิฐเท่านั้น หล่อนยังพยายามอยู่ห่างจากหูเซี่ยงหง ราวกับอีกฝ่ายเป็นตัวหายนะ
หูเซี่ยงหงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกรถพยาบาลพาไปโรงพยาบาลโดยมีก้อนอิฐติดอยู่ในปาก
แพทย์ฉีดยาอีกเข็มเพื่อให้หล่อนหมดสติ และผ่าตัดเอาเขี้ยวออกจากปากของหล่อน
เขายังมัดหล่อนไว้เหมือนคนไข้จิตเวช เพื่อป้องกันไม่ให้หล่อนฆ่าตัวตายหรือหลบหนี
อาการบาดเจ็บของหลินม่ายไม่ร้ายแรงมาก โดยที่หัวเข่าทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือดและแผลเปิดเป็นบริเวณกว้าง
เมื่อพยาบาลใช้ไอโอดีนล้างแผล เธอก็รู้สึกแสบแผลมากจนแทบจะเป็นลม
เมื่อจางเสวี่ยฉุนเห็นสภาพของหลินม่าย หล่อนก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง โทษตัวเองที่ทำให้เกิดปัญหา
หลินม่ายปลอบโยนกลับ ขณะอีกฝ่ายร้องไห้คร่ำครวญถึงความทุกข์ยากของชาวจีน ทำไมหล่อนถึงปกป้องอีกฝ่ายบ้างไม่ได้?
หลินม่ายคิดว่าแผลเปิดได้รับการฆ่าเชื้อแล้ว เธอเพียงแค่รอให้ผิวหนังกลับมาสมานตัวอีกครั้ง และทุกอย่างจะเรียบร้อยดี
แต่แพทย์ที่ดูแลบอกว่าบริเวณแผลใหญ่เกินไปและทำให้เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อเสียหายด้วย จึงจำเป็นต้องปลูกถ่ายผิวหนัง
หลินม่ายตกตะลึง
เธอไม่กลัวการปลูกถ่ายผิวหนัง สิ่งที่เธอกลัวคือรอยแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นหลังจากการปลูกถ่ายผิวหนังต่างหาก
แผลเป็นส่วนนี้ไม่มีความยืดหยุ่น และจะส่งผลต่อระยะการเคลื่อนไหวของข้อเข่าทั้งหมดอย่างรุนแรง
หลินม่ายไม่อยากเดินแข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์ในอนาคต
แพทย์ที่ดูแลอดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากได้ยินข้อกังวลของเธอ
เขาอธิบายให้เธอทราบว่า การผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังคือการฟื้นฟูความสมบูรณ์ของผิวหนังบริเวณข้อเข่าทั้งหมด หลีกเลี่ยงการเกิดแผลเป็น และรับประกันความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้อเข่า
หลินม่ายรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยและถามแพทย์ที่ดูแลว่า หลังรับการรักษาว่าข้อเข่า เธอสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพการเคลื่อนไหวได้เต็มที่หรือไม่หากทำการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนัง?
แพทย์ที่ดูแลกล่าวว่า เทคโนโลยีทางการแพทย์ของประเทศจีนยังไปไม่ถึงระดับนี้ และคงจะดีหากสามารถฟื้นฟูการทำงานของสมรรถภาพการเคลื่อนไหวได้ราว 70 ถึง 80%
เพียงเพราะว่าการรักษาพยาบาลของจีนไม่อาจทำได้ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการรักษาพยาบาลของอเมริกาไม่สามารถทำได้
คุณย่าฟางโทรศัพท์ไปยังสหรัฐอเมริกาและบอกฟางจั๋วหรานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของหลินม่าย
ฟางจั๋วหรานเช่าเหมาลำเที่ยวบินและนำเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไปที่หนานจิง
เมื่อฟางจั๋วหรานมาถึง เขาเห็นหลินม่ายในสภาพที่เต็มไปด้วยฝุ่น เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงโรงพยาบาลและกำลังกินซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดที่คุณย่าฟางขอให้เสี่ยวเหวินไปซื้อ
หลินม่ายชอบกินของว่างนี้มาก
เธอกินด้วยความเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นฟางจั๋วหรานเดินเข้ามาในห้อง เธอก็หยุดกินซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดและวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขและอ้อนขอกอดเขา
ฟางจั๋วหรานเติมเต็มความปรารถนาของเธอ อุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงและเดินออกจากประตู
หลินม่ายกอดคอชายหนุ่มและถามอย่างงุนงงว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน
ฟางจั๋วหรานตอบ “กลับบ้านไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของคุณ”
เมื่อเธอมาถึงสนามบินและเห็นว่าฟางจั๋วหรานเช่าเหมาลำเครื่องบินมาหาเธอเป็นพิเศษ หลินม่ายก็รู้สึกเสียใจและเสียดายเงินที่จ่ายไป
เธอคว้าคอเสื้อของฟางจั๋วหรานและพูดว่า “ทำไมคุณถึงเช่าเหมาลำเครื่องบินล่ะ คุณจ่ายไปทั่งหมดเท่าไหร่!”
“ผมยินดีจ่ายเงินจำนวนเท่าใดก็ได้เพื่อคุณ คุณคือสมบัติล้ำค่าของผม”
หลินม่ายมีความสุขมากจนหัวเราะออกมา ศาสตราจารย์ฟางมักบอกรักเธอได้อย่างซาบซึ้งใจเสมอ!
หลังจากขึ้นเครื่องบินแล้ว ฟางจั๋วหรานคอยดูแลหลินม่ายเป็นการส่วนตัว
หากเธออยากกินองุ่น เขาก็จะหยิบมันมาป้อนให้ ราวกับเธอดูแลตัวเองไม่ได้
ฉากหวานซึ้งของคู่รักทำให้คุณย่าฟางและคนอื่น ๆ ที่ขึ้นเครื่องกลับบ้านด้วยกันแทบทนไม่ไหวที่จะมองพวกเขาต่อ
ทันทีที่กลับมาถึงสหรัฐอเมริกา ฟางจั๋วหรานใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายผิวหนังที่ทันสมัยที่สุดในสหรัฐอเมริกา เพื่อทำการผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังให้หลินม่าย
ความตั้งใจของผู้เชี่ยวชาญคือการใช้ผิวหนังจากบั้นท้ายของหลินม่ายมาปลูกถ่าย แต่ฟางจั๋วหรานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เขาขอให้ผู้เชี่ยวชาญใช้ผิวหนังจากบั้นท้ายของตนเองในการปลูกถ่ายผิวหนังให้หลินม่าย
หลินม่ายปฏิเสธเช่นกัน บอกว่าใช้หนังหมูปลูกถ่ายดีกว่า จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมาก เนื่องจากการลอกผิวหนังเป็นขั้นตอนที่เจ็บปวด
แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหนังหมูไม่เหมาะกับการปลูกถ่ายผิวหนังบริเวณข้อเข่า
ในท้ายที่สุด หลินม่ายก็ได้รับการปลูกถ่ายผิวหนังโดยใช้ผิวหนังจากบั้นท้ายของฟางจั๋วหราน
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โห้ พี่หมอเว่อร์มาก ถึงกับเช่าเหมาลำมาเลยเหรอ
ไหหม่า(海馬)
……….
Comments