แม่ปากร้ายยุค​ 80 1149 การข่มขู่ครั้งแรก

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 1149 การข่มขู่ครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1149 การข่มขู่ครั้งแรก

……….

ตอนที่ 1149 การข่มขู่ครั้งแรก

กู่อีอวิ๋นจ้องมองโทรศัพท์ในมืออย่างว่างเปล่าครู่หนึ่ง จากนั้นสวมเสื้อโค้ตแล้วเดินออกไป

เมื่อมาถึงสถานีโทรทัศน์ หล่อนก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายอยู่ที่สถานี

หล่อนพลันรู้สึกผิดโดยไม่มีเหตุผล และถามเพื่อนร่วมงานว่า “เกิดอะไรขึ้นกับสถานีโทรทัศน์เหรอ ทำไมถึงมีตำรวจเยอะแยะเลย”

เพื่อนร่วมงานมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ “เมื่อวานมีขโมยมาของในห้องทำงานของคุณหลิน จากนั้นของมีค่าก็หายไปจากถุงช้อปปิ้งของหล่อน”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ กู่อีอวิ๋นยิ่งรู้สึกกลัวมากกว่าเดิม

ขณะที่หลินม่ายกำลังอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจฟัง เธอก็สังเกตเห็นการมาของกู่อีอวิ๋น จึงชี้นิ้วไปที่หล่อนและพูดว่า “ผู้ต้องสงสัยอยู่ตรงนั้นค่ะ”

กู่อีอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตื่นตระหนก ก่อนเห็นว่าตำรวจที่เพิ่งคุยกับหลินม่ายเดินตรงเข้ามาหา

ตำรวจเข้ามาถามเธอว่า “คุณคือกู่อีอวิ๋นใช่ไหมครับ?”

กู่อีอวิ๋นพยายามสงบสติอารมณ์ “ฉันเองค่ะ”

“ตอนนี้คุณถูกสงสัยว่าเป็นขโมย กรุณามาดื่มกาแฟและพูดคุยกับเราที่สถานีตำรวจด้วยครับ”

กู่อีอวิ๋นจับกระเป๋าในมือแน่น ราวกับกลัวว่ากระเป๋าถือจะปลิวหาย

หล่อนฝืนยิ้ม “คุณเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ? ฉันจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยของได้อย่างไร?”

“ไม่ใช่ความเข้าใจผิดหรอก กล้องวงจรปิดได้บันทึกไว้ทั้งหมดแล้ว” หลินม่ายชี้ไปที่กล้องวงจรปิดเหนือศีรษะของหล่อน

จู่ ๆ ใบหน้าของกู่อีอวิ๋นก็ซีดเผือดลง ด้วยไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่สถานีโทรทัศน์ติดตั้งกล้องวงจรปิด

หล่อนไม่ค่อยได้เข้ามาทำงานที่สำนักงานเช่นเดียวกับหลินม่าย และจะมาสถานีโทรทัศน์เฉพาะตอนที่ถ่ายทำรายการเท่านั้น จึงไม่รู้ความเปลี่ยนแปลงในสำนักงาน

เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ กู่อีอวิ๋นก็สารภาพผิดทันที และอธิบายถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ

หล่อนโกรธเคืองที่ตัวเองแพ้การแข่งขันสองนัดติดต่อกันให้กับหลินม่าย ทั้ง ๆ ที่ตนควรจะได้เปรียบ

ในการแข่งขันครั้งที่สอง หล่อนไม่ได้รับคะแนนโหวตเลย ซึ่งทำให้หล่อนอับอายอย่างมาก

เมื่อหลินม่ายแจกของขวัญปีใหม่ให้ทุกคน หล่อนจึงตั้งใจทำให้อาผู่เข้าใจเจตนาของหลินม่ายผิด

หล่อนคิดแผนการและแอบเข้าไปในห้องทำงานของหลินม่าย ค้นหาของขวัญในถุงช้อปปิ้งเพื่อดูว่ามีอะไรเหมาะสมที่จะนำไปสลับกับปากกาหรือไม่

ก่อนจะเจอเนกไทโดยไม่คาดคิด

หล่อนจงใจสลับเนกไทกับปากกาที่หลินม่ายมอบให้อาผู่ ทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาว และตั้งใจให้ภรรยาของอาผู่รู้เรื่องนี้

หล่อนรู้ว่าเหมยซือรักและกลัวอาผู่มาก แม้หญิงสาวจะไม่กล้าสร้างปัญหาให้อาผู่ แต่เหมยซือคงกล้าสร้างปัญหาให้หลินม่ายอย่างแน่นอน

ในฐานะพิธีกรรายการอาหารชื่อดัง ข่าวลือเรื่องชู้สาวกับชายที่แต่งงานแล้วต้องถูกผู้ชมคว่ำบาตรอย่างหนัก จากนั้นหล่อนจะได้เข้าไปแทนที่หลินม่าย

แม้กู่อีอวิ๋นจะคำนวณทุกอย่างไว้อย่างดีแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเหลวเมื่อรู้ว่าสถานีโทรทัศน์ติดตั้งกล้องวงจรปิด และมีหลักฐานมัดตัวหล่อนอย่างแน่นหนา

หลินม่ายแกล้งทำเป็นรู้จากคำสารภาพของกู่อีอวิ๋นว่าเนกไทรุ่นลิมิเต็ดที่ซื้อให้สามีอยู่ในมือของอาผู่ ดังนั้นเธอจึงขอให้เขาส่งมันกลับคืน

อาผู่สารภาพรักกับเธอ

หลินม่ายบอกเขาว่า เธอรักสามีของเธอมาก และจะไม่มีวันยอมเป็นมือที่สามให้คนอื่นดูหมิ่น

อาผู่เข้าใจผิด โดยคิดว่าหลินม่ายอยากอยู่กับเขาอย่างเปิดเผย เขาจึงขอหย่ากับเหมยซือเมื่อกลับไปที่บ้าน

ไม่กี่วันต่อมา มิเมล่าผู้ช่วยส่วนตัวได้พบกับสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ที่อยากร่วมมือกับหลินม่าย

เมื่ออาผู่รู้ข่าว หลินม่ายก็ออกจากสถานีโทรทัศน์ไปหลายวันแล้ว

ตอนนั้นเองที่เขาตระหนักว่า หลินม่ายไม่ได้สนใจเขาจริง ๆ เพราะหากสนใจ เธอคงไม่เปลี่ยนงานโดยไม่แจ้งให้เขาทราบ และคงพาเขาออกไปด้วย

ตอนนี้หลินม่ายจากไปแล้ว แต่เขาถูกทิ้งอยู่เบื้องหลัง

หากไม่มีรายการอาหารของหลินม่าย อนาคตในที่ทำงานของเขาคงไม่เหลือแล้ว หลังจากนี้มันคงเป็นเรื่องของเวลาว่าเขาจะถูกไล่ออกและกลายเป็นคนว่างงานเมื่อใด

ทันทีที่หลินม่ายย้ายไปสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ รายการอาหารของสถานีโทรทัศน์แห่งนั้นก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

ในทางกลับกัน เรตติ้งของรายการอาหารสถานีโทรทัศน์แมนฮัตตันลดลงอย่างมากเนื่องจากการถอนตัวของหลินม่าย แม้แต่รายการแข่งขันทำอาหารก็ไม่สามารถรักษาเรตติ้งไว้ได้

ฤดูหนาวกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ ในเดือนพฤษภาคมปี 1989 จางเสวี่ยฉุนโทรหาหลินม่ายและบอกว่าหล่อนจะกลับสหรัฐอเมริกาก่อนวันเด็ก

หลินม่ายรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

แม้ว่ากองกำลังทั้งหมดขององค์กรเหยี่ยวดำในจีนจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีบางส่วนหลงเหลืออยู่ในสหรัฐอเมริกา

หลินม่ายสงสัยว่าในชีวิตก่อน จางเสวี่ยฉุนอาจถูกองค์กรเหยี่ยวดำในสหรัฐอเมริกาขู่บังคับให้ฆ่าตัวตายด้วยการกรอกกระสุนปืนเข้าปาก

การกลับมายังสหรัฐอเมริกาของหล่อนจะทำให้เกิดพายุนองเลือดอย่างแน่นอน

แต่หล่อนจำเป็นต้องกลับมา ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถพูดแทนเหยื่อของการสังหารหมู่ที่หนานจิงแก่ชาวตะวันตกและทั่วโลกได้

ในวันที่จางเสวี่ยฉุนกลับมาที่สหรัฐอเมริกา หลินม่ายไปรับหล่อนที่สนามบินตามลำพัง ขณะที่สมาชิกครอบครัวทั้งหมดของจางเสวี่ยฉุนมารอรับหล่อน

จางเสวี่ยฉุนได้รับการรักษาตัวโดยแพทย์ในประเทศจีน แม้จะยังคงผอมซูบ แต่ก็ดูมีน้ำมีนวลกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่ถูกวางยา

สิ่งสำคัญคือผิวพรรณของหล่อนดูดีและเป็นสีชมพูเปล่งปลั่ง

จางเสวี่ยฉุนลงจากเครื่องบิน เมื่อเห็นทุกคนมารอรับ ก็บอกพวกเขาอย่างตื่นเต้นว่าหล่อนได้เขียนสารคดี “หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง” ซึ่งเกี่ยวกับการสังหารหมู่ที่หนานจิงเสร็จแล้ว และกำลังรอหาสำนักพิมพ์เพื่อตีพิมพ์

หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องฉลองแล้วค่ะ”

จางเสวี่ยฉุนแนะนำให้ไปทานเนื้อปลาปักเป้า เพราะเธอไม่ได้กินมานานแล้ว

หลินม่ายคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบตกลงเห็นด้วย

กลุ่มคนเดินออกจากสนามบินเพื่อไปยังลานจอดรถ

ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหวรอบตัวทุกคน

กระสุนนัดหนึ่งเฉียดกลุ่มของหลินม่ายไปโดนหน้าอกของชายผิวขาวในบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้ชายคนนั้นมีเลือดไหลทะลักออกมาจากหน้าอก

ชายผิวขาวตอบโต้กลับไปด้วยปืนพกของตัวเอง

จากนั้นหลินม่ายและคนอื่น ๆ ก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาอยู่ในระยะการต่อสู้ของคนผิวขาวสองกลุ่ม

เสียงกรีดร้องดังระงมในลานจอดรถ ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย คนผิวขาวสองกลุ่มยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด

กระสุนทุกนัดเฉียดผ่านด้านข้างหรือไม่ก็เหนือศีรษะของกลุ่มหลินม่าย

หลินม่ายผลักจางเสวี่ยฉุนที่ยังคงแข็งค้างให้หมอบลงพื้น

พ่อแม่และสามีของเธอตกใจมากขณะที่หมอบตัวลงพื้น ส่วนลูกชายคนเล็กของจางเสวี่ยฉุนหวาดผวาและเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

แม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย แต่โชคดีที่หลินม่ายและครอบครัวจางเสวี่ยฉุนซ่อนตัวอยู่ระหว่างรถสองคัน ซึ่งค่อนข้างปลอดภัย

ขณะที่หลินม่ายคิดว่าปลอดภัยแล้ว ชายผิวขาวคนหนึ่งเข้ามาพร้อมปืนในมือและยิงไปที่จางเสวี่ยฉุนอย่างรวดเร็ว กระทั่งหลินม่ายไม่ทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ

เมื่อหลินม่ายกลับมารู้สึกตัว เธอก็ตระหนักว่าปืนของชายผิวขาวไม่มีกระสุน

แม้จางเสวี่ยฉุนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่หล่อนก็ตกใจมากจนแทบหอบหายใจหนัก

เมื่อชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ใครบ้างจะไม่หวาดกลัว

หลินม่ายปลอบใจจางเสวี่ยฉุน และพยายามให้อีกฝ่ายค่อย ๆ หายใจ ซึ่งใช้เวลานานกว่าจางเสวี่ยฉุนจะกลับมาหายใจเป็นปกติ

เดิมทีหลินม่ายวางแผนจะมารับจางเสวี่ยฉุนและกลับบ้านทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายลงเครื่อง แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว เธอก็กังวลถึงความปลอดภัยของจางเสวี่ยฉุนและครอบครัว ดังนั้นเธอจึงอาสาไปส่งพวกเขาถึงบ้าน

เมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน สามีของจางเสวี่ยฉุนเข้าไปในห้องครัวเพื่อชงกาแฟให้ แต่หลินม่ายบอกว่าเธอกินแค่น้ำผลไม้เท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน เมสันก็เดินออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟหลายแก้วและน้ำส้มหนึ่งแก้ว

เขายื่นแก้วน้ำส้มให้กับหลินม่าย

ทุกคนดื่มเครื่องดื่มที่ได้รับขณะพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในลานจอดรถของสนามบิน

ดวงตาของจางเสวี่ยฉุนยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอมองฝูงชนและพูดว่า “ทำไมชายผิวขาวคนนั้นถึงยิงปืนเปล่าใส่ฉันล่ะ? เขารู้สึกเบื่อหรือยังไง?”

พ่อแม่ของจางเสวี่ยฉุนงุนงงเช่นกัน

หลินม่ายลังเลและพูดกับจางเสวี่ยฉุนว่า “อาจมีคนต้องการขัดขวางไม่ให้คุณตีพิมพ์หนังสือ ‘หายนะที่ถูกลืมของสงครามโลกครั้งที่สอง’ หรือเปล่า”

ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็เริ่มหนักหน่วง

จางเสวี่ยฉุนพูดออกไปขณะที่ไม่เชื่อ “ไม่มีทาง สิ่งที่ฉันต้องการเปิดโปงคืออาชญากรรมของชาวเกาะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกผิวขาว?”

หลินม่ายลดเสียงลง “จริงอยู่ที่ไม่เกี่ยวกับคนผิวขาว แต่ถ้าชาวเกาะติดสินบนคนผิวขาวพวกนั้นล่ะ?”

บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเริ่มหนักอึ้งกว่าเดิม

หลังจากนั้นไม่นาน จางเสวี่ยฉุนพูดด้วยสายตาแน่วแน่ “ฉันไม่กลัวการข่มขู่หรอก ฉันจะต้องตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ให้ได้!”

พ่อจาง แม่จาง และเมสันต่างก็ให้การสนับสนุนหล่อนเช่นกัน

หลินม่ายรู้สึกประทับใจ เธอบอกให้จางเสวี่ยฉุนระวังตัวให้ดี และขอตัวกลับ

ตลอดทั้งคืน หลินม่ายนอนไม่หลับ ขณะคิดถึงการเสียชีวิตอันน่าสลดใจของจางเสวี่ยฉุนในชีวิตชาติก่อน

เธอไม่ต้องการให้จางเสวี่ยฉุนทำผิดพลาดซ้ำซากเหมือนในชีวิตก่อน

นับตั้งแต่กลับมาจากหนานจิง เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวหลินม่าย โดยเฉพาะคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ถูกส่งมาปกป้องพวกเขาอย่างลับ ๆ

คนเหล่านั้นซ่อนตัวเป็นอย่างดี หลินม่ายรู้เพียงว่าพวกเขาถูกส่งตัวมา แต่เธอไม่เคยเห็นใครเลย

แม้ว่าเธอจะสามารถเรียกเสี่ยวจินและเสี่ยวถังออกมาได้ตามต้องการ แต่เธอก็ไม่กล้าให้พวกเขาไปปกป้องจางเสวี่ยฉุน

ถึงเธอจะเป็นแฟนตัวยงของจางเสวี่ยฉุน และต้องการปกป้องอีกฝ่ายเพียงใด แต่ครอบครัวของเธอนั้นสำคัญที่สุด

หากเสี่ยวจินและเสี่ยวถังถูกส่งไปให้ปกป้องจางเสวี่ยฉุน ความปลอดภัยของครอบครัวเธอจะขาดหายไป ดังนั้นเธอจึงไม่เต็มใจใช้งานพวกเขา

แต่เธอควรทำอย่างไรกับความปลอดภัยของจางเสวี่ยฉุน?

ฟางจั๋วหรานเห็นว่าหลินม่ายพลิกตัวไปมาและนอนไม่หลับ เขาจึงโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนพร้อมถามว่า “เป็นอะไรไป? คุณกำลังกังวลอะไรอยู่หรือ?”

หลินม่ายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในลานจอดรถวันนี้ให้ฟางจั๋วหรานฟัง

เธอครุ่นคิดและถามฟางจั๋วหรานว่า “ฉันจะขอให้คุณปู่บอกผู้บังคับบัญชาว่า ให้เขาส่งบอดี้การ์ดสักสองถึงสามคนไปปกป้องเสวี่ยฉุนอย่างลับ ๆ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ขนาดมีเมียแล้วก็ยังจะมาเกาะแกะม่ายจื่อ งั้นก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปแล้วกันค่ะ

น่ากลัวจัง อยู่กลางดงกระสุนเลยนะ เกิดโดนลูกหลงขึ้นมาก็มีเรื่องน่าสลดล่ะ

ไหหม่า(海馬)

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด